ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เส้นทางที่1:โชคชะตานำเรามาพบกัน(100%)
เส้นทางที่1:โชคชะตานำเรามาพบกัน
ร่างบางเดินสโลสเลออกมาจากซอกตึกที่เมื่อคืนเธอใช้เป็นที่พักพิง เมื่อคืนเธอเดินมาทั้งคืนแล้วยังไม่ออกจากเขตของเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว เธอไม่รู้ทิศรู้ทางเพราะเธอไม่เคยออกมานอกวังเลย หญิงสาวเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่ตั้งตรงอยู่เหนือศรีษะทำมุม90องศาพอดิบพอดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะถอนใจยาวๆ มือบางลูบท้องของตัวเองเบาๆอย่างหนักใจปนกับสับสน
โครกกก~~
นี่จะบ่ายเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของเธอเลย เธอไม่มีเงินสักเหรียญ จริงแล้วมันก็ตั้งแต่เมื่อมื้อเย็นในวังที่เธอเล่นตัวไม่ยอมออกไปร่วมโต๊ะกับองค์ราชา เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน ถึงแม้ว่าองค์ราชาจะตามมาง้อเองถึงที่หน้าห้องนอนของเธอเลยก็ตามที เธอชักรู้สึกเสียดายนิดๆ แต่เพื่อแลกกับการไม่ต้องแต่งงานแล้วหายไปพักใหญ่ๆ เธอคิดว่ามันคุ้ม
"ป่านนี้...คงจะตามหาเรากันให้วุ่นแล้ว"เธอคิดอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเดินไปชนกับใครบางคนเข้่าเต็มๆ จนเซล้ม เมื่อร่างเล็กเงยหน้าขึ้นก็เจอกับชายร่างใหญ่หน้าตาเหี้ยมโหดทันที นั่นทำให้ร่างบางถึงกับผงะเซถอยสะดุดขาตัวเองล้มลงไปนั่งแหมะอยู่กับพื้นกระเบื้องที่ร้อนระอุในยามเที่ยง
"เจ้า...มีตาหรือเปล่า...มาชนได้รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร"ชายคนนั้นขยับรอยยิ้มเหี้ยม ร่างบางหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มทันที มือเท้าของเธอเย็นเฉียบด้วยความกลัว ท่าทางจะต้องไม่วายโดนอัดน่วมตั้งแต่วันแรกที่ออกมานอกวังเป็นแน่แท้
"พี่ชาย...ไว้ชีวิตข้าเถอะ...ข้าขอโทษ"เธอดัดเสียงให้ห้่าวขึ้นเล็กน้อย ร้องวิงวอนขอร้องชายตรงหน้า แต่ทว่ามันก็ไม่ง่ายแบบนั้น ชายหน้าเหี้ยมขยับรอยยิ้มเย้ยหยันก่อนจะกระชากคอเสื้อของร่างเล็กขึ้นมาอย่างแรงและอย่างไร้ความปราณี
"ฮะ...ฮะ...ช่างนี่าขันสิ้นดี...ไม่มีใครที่กล้าอาจหาญกับบรูคคนนี้แล้วจะรอดไปได้"มันใช้นิ้วโป้งชี้มาที่ตัวเอง ก่อนจะเหวี่ยงร่างบางลงพื้นจนจุกแล้วเตะร่างบอบบางกระเด็นลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพง
ร่างบางร้องเสียงดัวด้วยความตกใจ ความเจ็บแปล๊บแล่นเข้าที่แผ่นหลังบอบบาง ก่อนจะร้องอีกครั้งเมื่อถูกดึงคอเสื้อ หมัดใหญ่ๆเงื้อขึ้นเตรียมกระแทกกับใบหน้าของเธอ ทันใดนั้นเอง หมัดที่กำลังจะปล่อยออกไปนั้นก็หยุดไปดื้อๆพร้อมกับมีอาการสั่นเกิดขึ้นที่ร่างใหญ่โตนั่นด้วย
ดาบเพรียวบางแต่คมกริบพาดอยู่ใกล้ๆลำคอของชายร่างใหญ่ ไอเย็นจากโลหะทำเอาบรูคสะท้านดวงตาสีส้มชำเลืองมองไปด้านหลัง สบกับดวงตาสีทองของเจ้าของดาบเพรียว
ร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาสีทอง สวมชุดคลุมดำทั้งตัว มีฮู้ดสีดำปิดที่ใบหน้า ทำให้ยากแ่ก่การเดาว่านี่คือบุรุษหรืออิสตรีกันแน่ มือเรียวที่มีผ้าสีดำพันจนถึงปลายนิ้วค่อยๆกดดาบลงช้าๆ เหมือนกับเป็นการบังคับให้บรูคปล่อยร่างเล็กๆที่กำลังถูกข่มเหงอยู่ ณ ขณะนี้ ชายร่างใหญ่ยอมปล่อยร่างนั้นแต่โดยดี
พอปล่อยร่างเล็กนั่นลงพื้น บรูคและพรรคพวกก็รีบวิ่งหนีหายไปทันที บ้างก็ล้มลุกคลุกคลานเป็นที่ขบขันของคนแถวนนั้น ส่วนร่างโปร่งนั้นทำเพียงตวัดดาบคมกริบนั่นเข้าฝักก่อนจะเดินไปบ้างไม่สนใจร่างบางเล็กที่ตนช่วยเอาไ้ว้เมื่อครู่เลยแต่ก็เหมือนกับมีแรงฉุดแขนร่างโปร่งเอาไว้เบาๆ
ดวงตาสีทองหันมาก้มลงสบกับดวงตาสีฟ้า ไม่เอ่ยเอื้อนสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว องค์หญิงทรงกลืนน้ำลายก่อนจะค่้อยพูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
"ท่านช่วยข้าเอาไว้...ข้าขอตอบแทนด้วยการติดตามรับใช้ท่าน"เธอพูดเสียงกุกกักเหงื่อไหลซึมออกมาจากฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง ก้มหน้าหลบสายตาของร่างสูงโปร่งที่ได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้เมื่อสักครู่นี้ ร่างเพรียงสูงสวมชุดคลุมสีดำสนิทปิดใบหน้านั้น
"ข้าไม่อยากได้ตัวถ่วง"เสียงของร่างสูงโปร่งเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
"นะ...หากข้าไม่ได้ตอบแทนท่าน...ข้าต้องนอนไม่หลับแน่"เธออ้อนวอน ส่งสายตาวิงวอนไปหาเจ้าของนัยน์ตาสีทอง
โครก~~~
"อ๊ะ...แหะๆๆๆ"ร่างบางหัวเขินๆ อีกฝ่ายกลอกตาขึ้นฟ้่า เข้าใจจุดประสงค์ของเธอทันที
"ตามข้ามา"น้ำเสียงดูถึงแม้ว่าจะห้วนสั้นดูไร้มารยาท แต่ร่างบางก็ยิ้มรับด้วยความยินดีก่อนจะเดินตามร่างในชุดคลุมสีัดำไป อย่างดีใจ ไม่นึกที่จะระแวงร่างสูงโปร่งว่าจะหลอกเธอไปทำอะไรหรือเปล่าเลยทั้งสิ้่น
--30นาทีต่อมา--
อาหารจานเดียวจานที่ 3 ที่เพิ่งยกมาเสิร์ฟ ถูกร่างบางเล็กตรงหน้าจัดการไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยน้ำแำก้วใหญ่ ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกินเพียงซุปจืดๆ กับขนมปังและนมหนึ่งแก้วเท่านั้น ดวงตาสีฟ้าเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองร่างของฝ่ายตรงข้าม พ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เพราะนอกจากฝ่ายตรงข้ามจะไม่พูดอะไรแล้ว ยังก้มหน้าก้มตากินราวกับว่า จะไม่ให้เธอได้พินิจโครงหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั่นเลยแม้แต่น้่อย ร่างบางแกล้งถอนหายใจแรงๆ แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงเหลือบตาขึ้นมองก่อนจะก้มกินต่ออย่างไม่สนใจ
"ข้าขอทราบนามของท่าน"ในที่สุดร่างบางก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยตัวเอง อีกฝ่ายที่ำกำลังจะตักอาหารเข้าปากก็ชะงักกึก ก่อนจะวางช้อนเอาผ้าคาดที่ใบหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมา ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าอีกฝ่ายเลย
"นามของข้านั้นไร้ซึ่งผู้คนกล่าวถึง"อีกฝ่ายตอบสั้นๆ
"แล้วผู้คนเรียกท่านว่าเช่นไร"เธอถามต่ออย่างไม่ลดละความพยายาม ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งไปทางร่างโปร่ง ที่หยิบนมขึ้นมา เปิดผ้าคลุมเล็กน้อย แล้วดื่มอย่างใจเย็นไม่เกรงสายตาของร่างบางเลยแม้แต่น้อย
"เหยี่ยวทมิฬ"น้ำเสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เด็กชายที่กำลังเก็บจานอยู่ที่โต๊ะด้านหลังนั้น ได้ยินอย่างชัดเจน เด็กชายหน้าซีด ปากสั่น ดวงตาสีทองชำเลืองมองไปด้านหลังเล็กน้อย มองดูอาการของเด็กชายแล้วก็รู้ได้ทันทีว่า เด็กชายนั้นรู้กิติมาศัพท์ของตนดีก็เลยถึงได้มีอาการเช่นนั้น
"ทะ...ท่าน..."เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงกุกกัก ท่าทางหวาดผวา
"เงียบซะ!!"เหยี่ยวทมิฬพูดเสียงเบาแต่เฉียบขาดและเย็นเยียบ เด็กชายพยักหน้า น้ำตาปริ่มๆอยู่ที่ดวงตา แต่ก็พยายามเช็ดมันออกเพราะหากกลับไปหลังร้านในสภาพเช่นนี้คนจะต้องสงสัยและเด็กชายจะต้องโดนคนตรงหน้าฆ่าทิ้งอย่างไม่ลังเลอย่างแน่นอน เขากัดริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อหยุดเสียงสะอื้น ก่อนจะเดินออกห่างจากโต๊ะของเหยี่ยวทมิฬ
"เรียกยากจัง...ชื่อก็ประหลาดๆด้วย...ท่านไม่มีชื่อจริงๆหรือ"ร่างบางขององค์หญิงฟีโอน่าเอียงคอมอง อีกฝ่ายเพียงส่ายหน้าเบาๆเท่านั้นก่อนจะก้มลงค้นอะไรบางอย่างข้างเอวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง
"อย่างนั้น...ข้าจะเรียกท่านว่า..."เธอทำท่าเหมือนจะตั้งชื่อให้กับคนตรงหน้าที่เธอไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไร
"ฟีค...หรือเหยี่ยว"อีกฝ่ายชิงบอกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นร่างโปร่งคงจะได้ชื่อใหม่เป็นประเภทพวก น้องต่าย น้องเหมียวหรืออะไรที่ประหลาดๆกว่านี้ก็เป็นได้ เธอจึงเพียงยิ้มแหยๆ อดตั้งชื่อให้คนเลยแฮะ
"ข้าชื่อฟีน...ท่านจะเดินทางไปไหนต่อล่ะ"เธอตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเองเสร็จสรรพ ก่อนจะถามอีกฝ่ายที่ยกนมขึ้นมาดื่มต่ออย่างไม่สนใจ
"เส้นทางของข้านั้นไม่มี"ร่างโปร่งผละจากนมมาตอบ และเพียงส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้ววางเหรียญทอง 4 เหรียญไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกไปจากร้าน ไม่มีการบอกกล่าวร่างบางเลยแม้แต่นิดเดียว
"เฮ่...เดี๋ยวววววว....รอข้าด้วย"ร่างบางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามร่างสูงโปร่งไปในทันทีด้วยความตกใจ
ตุบ!!
ร่างโปร่งโยนผ้าคลุมสีดำให้ร่างเล็กที่วิ่งตามมาใส่หน้า เธอหยิบมันออกมาแล้วมองมันอย่างงงๆ พลางเอามาคลุมร่างของตัวเองแล้ววิ่งตามร่างโปร่งที่เดินละลิ่วทิ้งเธอไปไกลโขเกือบจะถึงประตูเมืองอยู่แล้ว
"เราจะไปไหนกัน"ฟีโอน่าถามร่างโปร่ง ที่เริ่มเร่งฝีเท้าจากเดินเป็นวิ่ง จนไปถึงประตูเมืองซึ่งมียามตรวจเข้มกันอย่างแข็งขันกันอยู่ ร่างบางสะดุ้งเฮือกเหมือนคนมีชนักติดหลังก่อนจะเดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังร่างโปร่ง อย่างหวาดผวาและหวังว่าจะให้ร่างสูงนั่นช่วยเธอให้ไม่ต้องโดนตรวจด้วย
ร่างโปร่งเดินผ่านเหล่าทหารนั้นอย่างสง่าผ่าเผย แต่ร่างเล็กทางด้านหลังรีบวิ่งไปเบียดชิด ร่างโปร่งเอาไว้อย่างหวาดผวา จึงถูกหอกของทหารกันเอาไว้ไม่ให้ออกไปนอกเมืองได้ ทั้งๆที่ด้านนอกอยู่เพียงแค่เอื้อมมือ
"เจ้าจะไปไหน"ทหารยามเอ่ยถามเสียงเหี้ยม ดวงตาเพ่งมองไปทางร่างบางมากกว่าร่างโปร่ง เธอกระตุกเสื้อของร่างโปร่งแล้วกำแน่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อเหล่าทหารมองหน้าเธอ ร่างบางก็ก้มหน้าซุกกับเสื้อของร่างโปร่ง ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับเหล่าทหารเป็นทวีคุณ
"เมืองเฟรอยด์"ร่างโปร่งตอบเสียงเรียบ มันเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองนี้ แต่ผู้คนมักจะละเลยกับเมืองนี้เพราะไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเป็นที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย แถมหากมองในแผนที่เมืองนี้ก็เล็กเท่าจุดเท่านั้นเอง
"ไปเนื่องด้วยเหตุอันใด"ทหารยามยังคงเพ่งมองไปทางร่างบางที่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และแววตาหวาดหวั่นไม่ยอมสบสายตาเข้มของทหารยามเลยแม้แต่นิดเดียว จากการที่ทหารสงสัยเป็นทวีคูรอยู่แล้วทำให้ยิ่งสงสัยยกกำลังแปด
"เราเป็นนักพเนจร...ท่องไปทั่ว"ร่างโปร่งชักรำคาญกับความจู้จี้ของทหารยามนายนี้ มือที่กำด้ามดาบเพรียวใต้ผ้วคลุมพร้อมจะชักออกมาฟันคอของทหารนายนี้ถ้าหากมันถามอะไรออกมาอีก
"แล้วเจ้าล่ะ"ทหารนายเดิมคงจะรู้ชะตาของตัวเองดี จึงหันไปกดดันร่างบางเล็กที่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวแทน หญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจและตั้งตัวไม่ทัน ในหัวคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิดเดียว
"ข้าไปกับพี่ของข้า"เธอดัดเสียงให้ห้าวขึ้น บอกทหารนายนั้นไปในที่สุด
"เอาล่ะ...ข้าคงต้องขอตรวจเจ้าทั้งสอง..."
แกว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!
เหยี่ยวสีดำสนิทตัวหนึ่งบินโฉบลงมา เอาหมวกเหล็กของนายทหารยามแล้วบินไปยังในเมืองอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งหันมาจับข้อมือของร่างบางอย่างรวดเร็วแล้วพาวิ่งออกไปด้วยความไวเหนือมนุษย์ธรรมดาจะมองทัน ทหารยามที่เหลืออ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่มีใครสนใจอีกสองคนเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเมื่องพอหันกลับมาอีกทีทั้งสองก็ได้หายไปจากบริเวณนั้นเสียแล้ว
"หาให้ทั่ว!!...มันอาจจะพาองค์หญิงออกไปก็ได้"ทหารยามคนเดิมสั่งเสียงเข้ม ซึ่งมันก็เดาถูกแต่เพียงมันหาที่ซ่อนของทั้งสองไม่เจอเท่านั้นเอง มันเดินข้ามสะพานไม้ที่พาดผ่านคลองเล็กๆไป หารู้ไม่ว่า...
...ทั้งสองคนหลบอยู่ข้างใต้นี่แหละ...
ร่างโปร่งโอบเอวร่างบางเอาไว้แน่น มืออีกข้างปิดปากดึงเธอให้แนบชิดกับลำตัว แล้วติดกับผนังคลองที่กั้นระหว่างอาณาเขตเมืองกับทุ่งกว้าง โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงหน้าแล้งน้ำ ระดับน้ำจึงไม่สูงมาก พอที่จะให้ทั้งคู่หลบได้โดยที่ไม่ต้องดำน้ำเพราะไม่อย่างกันคงจะไม่ได้ขึ้นมาหายใจ นี่ขนาดน้ำลดแล้ว ร่างเล็กๆยังจมแทบมิดหัวส่วนร่างโปร่งนั้นสบายๆ คอยจะชะโงกมองว่าข้างบนนั้นไปหมดหรือยัง ดีที่ร่างโปร่งดึงเธอไว้ไม่ใจร้ายให้เธอสำลักน้ำตายในคลองไปเสียก่อนที่จะได้ออกเดินทางกัน
เวลาผ่านไปสักพัก เหยี่ยวสีดำก็ร้องเรียกเป็นสัญญาณให้ร่างโปร่งพาร่างบางขึ้นไปสูดอากาศบริสุทธิ์เบื้องบนอีกครั้งหนึ่่ง ร่างโปร่งหันมาหากเธอก่อนดึงร่างบางให้ออกมาจากที่กำบัง แล้วดันร่างบางให้ปีนคลองที่ลึกกว่าสามเมตร
"เกือบไป"ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอกเป็นที่สุด แม้ว่าจะเปียกไปทั้งตัว แต่ก็ยังดีกว่าโดนจับส่งกลับวังละนะ ทว่าพอหันไปหาร่างโปร่งเพื่อที่จะขอบคุณ ร่างนั้นก็เดินนำไปโขเสียแล้ว ส่งผลให้เธอต้องรีบวิ่งตามไปไม่กล้าตะโกนบอกให้ร่างโปร่งนั้นหยุดเพราะว่ากลัวว่าทหารจะตามเสียงมา
ทั้งสองร่างเดินมาเพียงครู่เดียว เสื้อผ้าก็แห้งสนิท แถมได้เหงื่อมาด้วยอีกต่างหาก องค์หญิงฟีโอน่าไม่เคยเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะเวลาและระยะทางไกลแสนไกลขนาดนี้มาก่อน เธอเกือบจะเป็นลมล้มพับลงไปตั้งหลายรอบ แถมคนด้านหน้าก็ดูจะไม่เหลียวแลเธอเลยแม้แต่นิดเดียว กลับทิ้งระยะห่างออกไปให้มากกว่าเดิมอีกต่างหาก คล้ายๆว่าท้องฟ้ากำลังกลั่นแกล้งเธอให้มาตกตะกรำลำบากแบบนี้
"ฟะ...ฟีค...นี่...รอหรือพักก่อนได้มั้ยอ่ะ"ฟีโอน่าตัดสินใจตะโกนในที่สุดหลังจากที่ห่างเมืองออกมาพอสมควรและไม่คิดว่าทหารจะตามมาแล้ว แต่คนตรงหน้ากลับเร่งจังหวะการเดินมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างบางเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไป เพราะกลัวว่าจะคลาดกันเสียก่อน แล้วเธอก็ไม่รู้จักทางกลับด้วย เพราะเธอไม่เคยออกมานอกกำแพงเมืองเลย
ปุ!!
ร่างบางเล็กชนกับแผ่นหลังของร่างโปร่งนั่นเต็มแรง แต่ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำนั่นก็ยังไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ร่างสูงใช้หางตาชำเลืองมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิม ทว่าฝีเท้าที่เคยเร่งจังหวะเมื่อครู่นั้นได้หยุดนิ่งตามคำขอของเธอเรียบร้อยแล้ว
"ยังตามมาอีกหรือ"ร่างสูงโปร่งพูดออกมาเป็นคำแรก หลังจากเดินมาไกลมาก เธอมองร่างนั้นด้วยแววตาตัดพ้อ ปนไม่พอใจ
"แหงล่ะ...ท่านไปไหน...ข้าก็ไปด้วยทั้งนั้นแหละ"เธอยืนกรานด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ดวงตาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
"หึ..."ร่างโปร่งเพียงส่งเสียงในลำคอด้วยความสมเพช ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่สนใจเธอเลยสักนิดเดียว
"อ้าววววว..."เธอหันไปมองร่างโปร่งแล้วกระพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่าว่า เมื่อกี้ริมฝีปากของร่างสูงโปร่งนั้นเหมือนว่าจะยกขึ้นมาน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตามที แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่อร่างสูงโปร่งนั่น ยังใช้ผ้าคลุม คลุมใบหน้าไม่ให้เธอเห็นอยู่เลย!!
แกว๊กกกกกกกกกกกก
เหยี่ยวสีดำสนิทตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าเบื้องบน ส่งเสียงร้องเรียกออกมาเมื่อดวงตาสีทองสุขสว่างเหมือนกับเจ้านายของมันมองเห็นอะไรบางอย่างเข้าที่เส้นทางเบื้องหน้า ผู้เป็นนายเงยหน้าขึ้นราวกับรับรู้ว่านกของตนกำลังสื่อสารอะไร
/...นายแห่งข้า...ด้านหน้ามีร่มไม้...ท่านประสงค์จะพักผ่อนหรือไม่.../เสียงๆหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของร่างสูงโปร่งที่สงบนิ่งเหมือนตริตรองชั่วครู่ ก่อนร่างสูงโปร่งจะพยักหน้าเบาๆเล็กน้อย แล้วหันไปทางร่างบางซึ่งกำลังเดินโงนเงนๆตามร่างโปร่งมาห่างๆ แต่ร่างโปร่งนั้นไม่เป็นอะไรเลย
"อ๋อยย...ไม่ไหวแล้ว"ร่างบางล้มในที่สุด แต่ก็มีแขนของใครบางคนมาประคองร่างเล็กไว้ก่อนจะล้มลงที่พื้น ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียดของคนที่เงียบๆ ร่างโปร่งพาร่างบองบางไปยังใต้ร่มไม้ตามที่มีเสียงๆหนึ่งบอกไว้
"ไร้ซึ่งความอดทนจริงๆ"ร่างโปร่งส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะมองไปรอบๆอากาศร้อนๆแบบนี้ก็อาจทำให้เป็นลมได้ ทางที่ดีตอนนี้คือ หาทางทำให้ร่างบางฟื้นขึ้นมาแล้วเดินทางต่อ
"ฟีค..."ร่างโปร่งเอ่ยเรียกเสียงเบา แต่เจ้าเหยี่ยวที่กำลังสำรวจน่านฟ้าอยู่ก็ทิ้งตัวลงมาแล้วร่อนลงมาเกาะไหล่ของคนเรียกมันเบาๆและนุ่มนวล "...ไปหาน้ำมา"มือนั่นยื่นกระติกน้ำมา จะงอยปากสีเหลืองของเหยี่ยวดำคว้าไปอย่างรู้งาน ก่อนจะโผบินออกไปบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง
ดวงตาสีทองมองออกไปยังทีเวิ้งว้างเบื้องหน้าก่อนผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน พลางชำเลืองมองไปยังร่างบางที่หมดสติไปเพราะอากาศที่ร้อนและความอ่อนเพลีย แค่วันแรกมาด้วยกันก็เกิดเรื่องเสียแล้ว หากเดินทางไปด้วยกันต่อไปล่ะก็ คงต้องปวดหัวจนระเบิดแน่ๆเพราะมีเรื่องเข้ามาชนิดไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่
"ต้องพากลับบ้าน"ร่างโปร่งคิด
/...เจอน้ำแล้ว...เจ้านาย.../เหยี่ยวสีดำบินโผลงมาเกาะที่ไหล่ของร่างโปร่งในชุดคลุมดำอย่างนิ่มนวลพลางส่งกระติกน้ำที่บรรจุน้ำเย็นๆอยู่เต็มปรี่ให้กับร่างโปร่งที่ยื่นมือออกมารับกระติกน้ำจากจะงอยปากสีเหลือง
"เจ้าดื่มหรือยัง"นิ้วเรียวดึงผ้าคลุมที่คลุมใบหน้าครึ่งล่างลงมาก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย
/...เรียบร้อยแล้วขอรับ.../เสียงนั้นตอบกลับมาทันที ร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ ปิดผ้าคลุมใบหน้าแล้วหันไปมองร่างเล็กที่นอนอยู่ข้างๆ เทน้ำใส่มือของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะประพรมตามใบหน้านวลที่ดูติดจะซีดเซียวไปอย่างเห็นได้ชัดและมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมาตามไรผมเล็กน้อย
"อะ...อือ"น้ำเย็นๆเรียกสติของร่างบางให้กลับคืนมาได้ เธอลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองซ้ายขวาอย่างงุนงง
ร่างโปร่งยื่นกระติกน้ำให้เธอ ร่างบางเบิกตากว้าง ดวงตาเป็นประกายระริกเหมือนเด็กได้ของถูกใจ แล้วคว้ากระติกน้ำไปดื่มอย่างรวดเร็วจนสำลัก
"แค่ก...แค่ก...แค่ก"เธอไอออกมาแรงๆ จนน้ำตาเล็ด แต่ร่างโปร่งกลับนั่งมองดูเธออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้นในขณะที่เหยี่ยวสีดำกลับมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเธอแถมยังเอาปีกมาลูบแผ่นหลังบอบบางที่สั้นสะท้านจนน่ากลัวอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน พลางหันมาหาร่างโปร่งอย่างขอความช่วยเหลือ
"บ้านเจ้าอยู่ไหน"เหยี่ยวทมิฬเอ่ยถามออกมาในที่สุดหลังจากที่เห็นว่าร่างบางนั้นสำลักจนเสร็จสิ้น นั่นทำให้ฟีโอน่าอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นว่าร่างโปร่งที่เป็นคนค่อนข้างเงียบไปจนถึงเกือบใบ้จะเป็นคนเปิดหัวข้อการสนธนาก่อนเธอปิดกระติกน้ำก่อนจะส่งคืนให้ร่างโปร่งแล้วจ้องหน้า
"ข้า...ไม่มีบ้าน"เมื่อคนเราโกหกมักจะหลบสายตาหรือไม่ก็กลอกตาไปด้านซ้าย เธอตอบเสียงอ้อมแอ้มและกลอกตาไปด้านซ้ายไม่ยอมสบตากับร่างสูงโปร่ง อีกฝ่ายจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะตวัดสายตาน่ากลัวไปทางเธอ ฟีโอน่าถึงกับผงะกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาพร้อมๆกันด้วย จากร่างสูงโปร่งนั่น
"โกหก!!"ร่างโปร่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ และเหี้ยมโหดจนเธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
"กะ...ก็ได้...ข้าหนีออกจากบ้านมา...พ่อของข้าบังคับให้ข้าแต่งงาน"เธอพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว ก่อนหน้านี้เธอเห็นฝีมือคนตรงหน้ามาแล้ว แค่ตวัดดาบก็ทำให้คนกลัวได้ขนาดนั้น หากฟันเข้าจริงๆ ศพคงไม่สวย เธอเปิดหมวกของตัวเองออกผมสีทองเหยียดตรงที่ซ่อนไว้ภายในก็สยายยาวออกมาให้ได้ยลกัน ทำให้ทั้งคนทั้งเหยี่ยวมองกันตาปริบๆอย่างงงๆ "ข้าเป็นผู้หญิงนะ"
"รู้"สั้นๆจากปากของเหยี่ยวทมิฬ ก่อนหันไปมองเหยี่ยวที่ฉีกยิ้มพยักหน้า ส่วนเธอนั้นอ้าปากค้าง รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
เธอหลอกเหยี่ยวยังไม่ได้เลยหรือนี่!!
"ไม่จริ๊งงงงงงง...แล้วท่านล่ะ...ท่านเป็นผู้ชายใช่ไหมแล้วมาปิดหน้าปิดตาทำไมกัน"เธอโวยวายพลางถามกุกกัก อีกฝ่ายกระตุกยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้า แต่ก็ยังไม่มีอะไรหลุดออกมาจากปาก แต่คนตรงหน้านั้นหลุดออกมาอย่างหมดเปลือกแล้ว เหยี่ยวทมิฬลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปอันเป็นการตัดบทสนธนา
"ดะ...เดี๋ยวสิ...ไอ้ที่ส่ายหน้าเนี่ยคือไม่บอกหรือไม่ใช่กันแน่น่ะ...บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"ร่างบางโวยวาย พลางวิ่งตามร่างโปร่งที่เดินนำละลิ่วไปทางข้างหน้าโดยที่ไม่รอเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
____________________________________
ฟู่
จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับตอนที่1
อยากได้คอมเม้นนนนนนนนนนนนนนนนนน
พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
TT/\TT
ร่างบางเดินสโลสเลออกมาจากซอกตึกที่เมื่อคืนเธอใช้เป็นที่พักพิง เมื่อคืนเธอเดินมาทั้งคืนแล้วยังไม่ออกจากเขตของเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว เธอไม่รู้ทิศรู้ทางเพราะเธอไม่เคยออกมานอกวังเลย หญิงสาวเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ที่ตั้งตรงอยู่เหนือศรีษะทำมุม90องศาพอดิบพอดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะถอนใจยาวๆ มือบางลูบท้องของตัวเองเบาๆอย่างหนักใจปนกับสับสน
โครกกก~~
นี่จะบ่ายเข้าไปแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องของเธอเลย เธอไม่มีเงินสักเหรียญ จริงแล้วมันก็ตั้งแต่เมื่อมื้อเย็นในวังที่เธอเล่นตัวไม่ยอมออกไปร่วมโต๊ะกับองค์ราชา เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน ถึงแม้ว่าองค์ราชาจะตามมาง้อเองถึงที่หน้าห้องนอนของเธอเลยก็ตามที เธอชักรู้สึกเสียดายนิดๆ แต่เพื่อแลกกับการไม่ต้องแต่งงานแล้วหายไปพักใหญ่ๆ เธอคิดว่ามันคุ้ม
"ป่านนี้...คงจะตามหาเรากันให้วุ่นแล้ว"เธอคิดอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเดินไปชนกับใครบางคนเข้่าเต็มๆ จนเซล้ม เมื่อร่างเล็กเงยหน้าขึ้นก็เจอกับชายร่างใหญ่หน้าตาเหี้ยมโหดทันที นั่นทำให้ร่างบางถึงกับผงะเซถอยสะดุดขาตัวเองล้มลงไปนั่งแหมะอยู่กับพื้นกระเบื้องที่ร้อนระอุในยามเที่ยง
"เจ้า...มีตาหรือเปล่า...มาชนได้รู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร"ชายคนนั้นขยับรอยยิ้มเหี้ยม ร่างบางหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มทันที มือเท้าของเธอเย็นเฉียบด้วยความกลัว ท่าทางจะต้องไม่วายโดนอัดน่วมตั้งแต่วันแรกที่ออกมานอกวังเป็นแน่แท้
"พี่ชาย...ไว้ชีวิตข้าเถอะ...ข้าขอโทษ"เธอดัดเสียงให้ห้่าวขึ้นเล็กน้อย ร้องวิงวอนขอร้องชายตรงหน้า แต่ทว่ามันก็ไม่ง่ายแบบนั้น ชายหน้าเหี้ยมขยับรอยยิ้มเย้ยหยันก่อนจะกระชากคอเสื้อของร่างเล็กขึ้นมาอย่างแรงและอย่างไร้ความปราณี
"ฮะ...ฮะ...ช่างนี่าขันสิ้นดี...ไม่มีใครที่กล้าอาจหาญกับบรูคคนนี้แล้วจะรอดไปได้"มันใช้นิ้วโป้งชี้มาที่ตัวเอง ก่อนจะเหวี่ยงร่างบางลงพื้นจนจุกแล้วเตะร่างบอบบางกระเด็นลอยละลิ่วไปกระแทกกับกำแพง
ร่างบางร้องเสียงดัวด้วยความตกใจ ความเจ็บแปล๊บแล่นเข้าที่แผ่นหลังบอบบาง ก่อนจะร้องอีกครั้งเมื่อถูกดึงคอเสื้อ หมัดใหญ่ๆเงื้อขึ้นเตรียมกระแทกกับใบหน้าของเธอ ทันใดนั้นเอง หมัดที่กำลังจะปล่อยออกไปนั้นก็หยุดไปดื้อๆพร้อมกับมีอาการสั่นเกิดขึ้นที่ร่างใหญ่โตนั่นด้วย
ดาบเพรียวบางแต่คมกริบพาดอยู่ใกล้ๆลำคอของชายร่างใหญ่ ไอเย็นจากโลหะทำเอาบรูคสะท้านดวงตาสีส้มชำเลืองมองไปด้านหลัง สบกับดวงตาสีทองของเจ้าของดาบเพรียว
ร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาสีทอง สวมชุดคลุมดำทั้งตัว มีฮู้ดสีดำปิดที่ใบหน้า ทำให้ยากแ่ก่การเดาว่านี่คือบุรุษหรืออิสตรีกันแน่ มือเรียวที่มีผ้าสีดำพันจนถึงปลายนิ้วค่อยๆกดดาบลงช้าๆ เหมือนกับเป็นการบังคับให้บรูคปล่อยร่างเล็กๆที่กำลังถูกข่มเหงอยู่ ณ ขณะนี้ ชายร่างใหญ่ยอมปล่อยร่างนั้นแต่โดยดี
พอปล่อยร่างเล็กนั่นลงพื้น บรูคและพรรคพวกก็รีบวิ่งหนีหายไปทันที บ้างก็ล้มลุกคลุกคลานเป็นที่ขบขันของคนแถวนนั้น ส่วนร่างโปร่งนั้นทำเพียงตวัดดาบคมกริบนั่นเข้าฝักก่อนจะเดินไปบ้างไม่สนใจร่างบางเล็กที่ตนช่วยเอาไ้ว้เมื่อครู่เลยแต่ก็เหมือนกับมีแรงฉุดแขนร่างโปร่งเอาไว้เบาๆ
ดวงตาสีทองหันมาก้มลงสบกับดวงตาสีฟ้า ไม่เอ่ยเอื้อนสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียว องค์หญิงทรงกลืนน้ำลายก่อนจะค่้อยพูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
"ท่านช่วยข้าเอาไว้...ข้าขอตอบแทนด้วยการติดตามรับใช้ท่าน"เธอพูดเสียงกุกกักเหงื่อไหลซึมออกมาจากฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง ก้มหน้าหลบสายตาของร่างสูงโปร่งที่ได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้เมื่อสักครู่นี้ ร่างเพรียงสูงสวมชุดคลุมสีดำสนิทปิดใบหน้านั้น
"ข้าไม่อยากได้ตัวถ่วง"เสียงของร่างสูงโปร่งเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
"นะ...หากข้าไม่ได้ตอบแทนท่าน...ข้าต้องนอนไม่หลับแน่"เธออ้อนวอน ส่งสายตาวิงวอนไปหาเจ้าของนัยน์ตาสีทอง
โครก~~~
"อ๊ะ...แหะๆๆๆ"ร่างบางหัวเขินๆ อีกฝ่ายกลอกตาขึ้นฟ้่า เข้าใจจุดประสงค์ของเธอทันที
"ตามข้ามา"น้ำเสียงดูถึงแม้ว่าจะห้วนสั้นดูไร้มารยาท แต่ร่างบางก็ยิ้มรับด้วยความยินดีก่อนจะเดินตามร่างในชุดคลุมสีัดำไป อย่างดีใจ ไม่นึกที่จะระแวงร่างสูงโปร่งว่าจะหลอกเธอไปทำอะไรหรือเปล่าเลยทั้งสิ้่น
--30นาทีต่อมา--
อาหารจานเดียวจานที่ 3 ที่เพิ่งยกมาเสิร์ฟ ถูกร่างบางเล็กตรงหน้าจัดการไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยน้ำแำก้วใหญ่ ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกินเพียงซุปจืดๆ กับขนมปังและนมหนึ่งแก้วเท่านั้น ดวงตาสีฟ้าเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองร่างของฝ่ายตรงข้าม พ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เพราะนอกจากฝ่ายตรงข้ามจะไม่พูดอะไรแล้ว ยังก้มหน้าก้มตากินราวกับว่า จะไม่ให้เธอได้พินิจโครงหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั่นเลยแม้แต่น้่อย ร่างบางแกล้งถอนหายใจแรงๆ แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงเหลือบตาขึ้นมองก่อนจะก้มกินต่ออย่างไม่สนใจ
"ข้าขอทราบนามของท่าน"ในที่สุดร่างบางก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยตัวเอง อีกฝ่ายที่ำกำลังจะตักอาหารเข้าปากก็ชะงักกึก ก่อนจะวางช้อนเอาผ้าคาดที่ใบหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมา ทำให้เธอไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าอีกฝ่ายเลย
"นามของข้านั้นไร้ซึ่งผู้คนกล่าวถึง"อีกฝ่ายตอบสั้นๆ
"แล้วผู้คนเรียกท่านว่าเช่นไร"เธอถามต่ออย่างไม่ลดละความพยายาม ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งไปทางร่างโปร่ง ที่หยิบนมขึ้นมา เปิดผ้าคลุมเล็กน้อย แล้วดื่มอย่างใจเย็นไม่เกรงสายตาของร่างบางเลยแม้แต่น้อย
"เหยี่ยวทมิฬ"น้ำเสียงนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เด็กชายที่กำลังเก็บจานอยู่ที่โต๊ะด้านหลังนั้น ได้ยินอย่างชัดเจน เด็กชายหน้าซีด ปากสั่น ดวงตาสีทองชำเลืองมองไปด้านหลังเล็กน้อย มองดูอาการของเด็กชายแล้วก็รู้ได้ทันทีว่า เด็กชายนั้นรู้กิติมาศัพท์ของตนดีก็เลยถึงได้มีอาการเช่นนั้น
"ทะ...ท่าน..."เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงกุกกัก ท่าทางหวาดผวา
"เงียบซะ!!"เหยี่ยวทมิฬพูดเสียงเบาแต่เฉียบขาดและเย็นเยียบ เด็กชายพยักหน้า น้ำตาปริ่มๆอยู่ที่ดวงตา แต่ก็พยายามเช็ดมันออกเพราะหากกลับไปหลังร้านในสภาพเช่นนี้คนจะต้องสงสัยและเด็กชายจะต้องโดนคนตรงหน้าฆ่าทิ้งอย่างไม่ลังเลอย่างแน่นอน เขากัดริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อหยุดเสียงสะอื้น ก่อนจะเดินออกห่างจากโต๊ะของเหยี่ยวทมิฬ
"เรียกยากจัง...ชื่อก็ประหลาดๆด้วย...ท่านไม่มีชื่อจริงๆหรือ"ร่างบางขององค์หญิงฟีโอน่าเอียงคอมอง อีกฝ่ายเพียงส่ายหน้าเบาๆเท่านั้นก่อนจะก้มลงค้นอะไรบางอย่างข้างเอวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง
"อย่างนั้น...ข้าจะเรียกท่านว่า..."เธอทำท่าเหมือนจะตั้งชื่อให้กับคนตรงหน้าที่เธอไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไร
"ฟีค...หรือเหยี่ยว"อีกฝ่ายชิงบอกเสียก่อน ไม่อย่างนั้นร่างโปร่งคงจะได้ชื่อใหม่เป็นประเภทพวก น้องต่าย น้องเหมียวหรืออะไรที่ประหลาดๆกว่านี้ก็เป็นได้ เธอจึงเพียงยิ้มแหยๆ อดตั้งชื่อให้คนเลยแฮะ
"ข้าชื่อฟีน...ท่านจะเดินทางไปไหนต่อล่ะ"เธอตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเองเสร็จสรรพ ก่อนจะถามอีกฝ่ายที่ยกนมขึ้นมาดื่มต่ออย่างไม่สนใจ
"เส้นทางของข้านั้นไม่มี"ร่างโปร่งผละจากนมมาตอบ และเพียงส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้ววางเหรียญทอง 4 เหรียญไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินออกไปจากร้าน ไม่มีการบอกกล่าวร่างบางเลยแม้แต่นิดเดียว
"เฮ่...เดี๋ยวววววว....รอข้าด้วย"ร่างบางรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งตามร่างสูงโปร่งไปในทันทีด้วยความตกใจ
ตุบ!!
ร่างโปร่งโยนผ้าคลุมสีดำให้ร่างเล็กที่วิ่งตามมาใส่หน้า เธอหยิบมันออกมาแล้วมองมันอย่างงงๆ พลางเอามาคลุมร่างของตัวเองแล้ววิ่งตามร่างโปร่งที่เดินละลิ่วทิ้งเธอไปไกลโขเกือบจะถึงประตูเมืองอยู่แล้ว
"เราจะไปไหนกัน"ฟีโอน่าถามร่างโปร่ง ที่เริ่มเร่งฝีเท้าจากเดินเป็นวิ่ง จนไปถึงประตูเมืองซึ่งมียามตรวจเข้มกันอย่างแข็งขันกันอยู่ ร่างบางสะดุ้งเฮือกเหมือนคนมีชนักติดหลังก่อนจะเดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังร่างโปร่ง อย่างหวาดผวาและหวังว่าจะให้ร่างสูงนั่นช่วยเธอให้ไม่ต้องโดนตรวจด้วย
ร่างโปร่งเดินผ่านเหล่าทหารนั้นอย่างสง่าผ่าเผย แต่ร่างเล็กทางด้านหลังรีบวิ่งไปเบียดชิด ร่างโปร่งเอาไว้อย่างหวาดผวา จึงถูกหอกของทหารกันเอาไว้ไม่ให้ออกไปนอกเมืองได้ ทั้งๆที่ด้านนอกอยู่เพียงแค่เอื้อมมือ
"เจ้าจะไปไหน"ทหารยามเอ่ยถามเสียงเหี้ยม ดวงตาเพ่งมองไปทางร่างบางมากกว่าร่างโปร่ง เธอกระตุกเสื้อของร่างโปร่งแล้วกำแน่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อเหล่าทหารมองหน้าเธอ ร่างบางก็ก้มหน้าซุกกับเสื้อของร่างโปร่ง ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับเหล่าทหารเป็นทวีคุณ
"เมืองเฟรอยด์"ร่างโปร่งตอบเสียงเรียบ มันเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองนี้ แต่ผู้คนมักจะละเลยกับเมืองนี้เพราะไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเป็นที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย แถมหากมองในแผนที่เมืองนี้ก็เล็กเท่าจุดเท่านั้นเอง
"ไปเนื่องด้วยเหตุอันใด"ทหารยามยังคงเพ่งมองไปทางร่างบางที่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และแววตาหวาดหวั่นไม่ยอมสบสายตาเข้มของทหารยามเลยแม้แต่นิดเดียว จากการที่ทหารสงสัยเป็นทวีคูรอยู่แล้วทำให้ยิ่งสงสัยยกกำลังแปด
"เราเป็นนักพเนจร...ท่องไปทั่ว"ร่างโปร่งชักรำคาญกับความจู้จี้ของทหารยามนายนี้ มือที่กำด้ามดาบเพรียวใต้ผ้วคลุมพร้อมจะชักออกมาฟันคอของทหารนายนี้ถ้าหากมันถามอะไรออกมาอีก
"แล้วเจ้าล่ะ"ทหารนายเดิมคงจะรู้ชะตาของตัวเองดี จึงหันไปกดดันร่างบางเล็กที่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวแทน หญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจและตั้งตัวไม่ทัน ในหัวคิดอะไรไม่ออกเลยสักนิดเดียว
"ข้าไปกับพี่ของข้า"เธอดัดเสียงให้ห้าวขึ้น บอกทหารนายนั้นไปในที่สุด
"เอาล่ะ...ข้าคงต้องขอตรวจเจ้าทั้งสอง..."
แกว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!
เหยี่ยวสีดำสนิทตัวหนึ่งบินโฉบลงมา เอาหมวกเหล็กของนายทหารยามแล้วบินไปยังในเมืองอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งหันมาจับข้อมือของร่างบางอย่างรวดเร็วแล้วพาวิ่งออกไปด้วยความไวเหนือมนุษย์ธรรมดาจะมองทัน ทหารยามที่เหลืออ้าปากค้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่มีใครสนใจอีกสองคนเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งเมื่องพอหันกลับมาอีกทีทั้งสองก็ได้หายไปจากบริเวณนั้นเสียแล้ว
"หาให้ทั่ว!!...มันอาจจะพาองค์หญิงออกไปก็ได้"ทหารยามคนเดิมสั่งเสียงเข้ม ซึ่งมันก็เดาถูกแต่เพียงมันหาที่ซ่อนของทั้งสองไม่เจอเท่านั้นเอง มันเดินข้ามสะพานไม้ที่พาดผ่านคลองเล็กๆไป หารู้ไม่ว่า...
...ทั้งสองคนหลบอยู่ข้างใต้นี่แหละ...
ร่างโปร่งโอบเอวร่างบางเอาไว้แน่น มืออีกข้างปิดปากดึงเธอให้แนบชิดกับลำตัว แล้วติดกับผนังคลองที่กั้นระหว่างอาณาเขตเมืองกับทุ่งกว้าง โชคดีที่ตอนนี้เป็นช่วงหน้าแล้งน้ำ ระดับน้ำจึงไม่สูงมาก พอที่จะให้ทั้งคู่หลบได้โดยที่ไม่ต้องดำน้ำเพราะไม่อย่างกันคงจะไม่ได้ขึ้นมาหายใจ นี่ขนาดน้ำลดแล้ว ร่างเล็กๆยังจมแทบมิดหัวส่วนร่างโปร่งนั้นสบายๆ คอยจะชะโงกมองว่าข้างบนนั้นไปหมดหรือยัง ดีที่ร่างโปร่งดึงเธอไว้ไม่ใจร้ายให้เธอสำลักน้ำตายในคลองไปเสียก่อนที่จะได้ออกเดินทางกัน
เวลาผ่านไปสักพัก เหยี่ยวสีดำก็ร้องเรียกเป็นสัญญาณให้ร่างโปร่งพาร่างบางขึ้นไปสูดอากาศบริสุทธิ์เบื้องบนอีกครั้งหนึ่่ง ร่างโปร่งหันมาหากเธอก่อนดึงร่างบางให้ออกมาจากที่กำบัง แล้วดันร่างบางให้ปีนคลองที่ลึกกว่าสามเมตร
"เกือบไป"ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอกเป็นที่สุด แม้ว่าจะเปียกไปทั้งตัว แต่ก็ยังดีกว่าโดนจับส่งกลับวังละนะ ทว่าพอหันไปหาร่างโปร่งเพื่อที่จะขอบคุณ ร่างนั้นก็เดินนำไปโขเสียแล้ว ส่งผลให้เธอต้องรีบวิ่งตามไปไม่กล้าตะโกนบอกให้ร่างโปร่งนั้นหยุดเพราะว่ากลัวว่าทหารจะตามเสียงมา
ทั้งสองร่างเดินมาเพียงครู่เดียว เสื้อผ้าก็แห้งสนิท แถมได้เหงื่อมาด้วยอีกต่างหาก องค์หญิงฟีโอน่าไม่เคยเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะเวลาและระยะทางไกลแสนไกลขนาดนี้มาก่อน เธอเกือบจะเป็นลมล้มพับลงไปตั้งหลายรอบ แถมคนด้านหน้าก็ดูจะไม่เหลียวแลเธอเลยแม้แต่นิดเดียว กลับทิ้งระยะห่างออกไปให้มากกว่าเดิมอีกต่างหาก คล้ายๆว่าท้องฟ้ากำลังกลั่นแกล้งเธอให้มาตกตะกรำลำบากแบบนี้
"ฟะ...ฟีค...นี่...รอหรือพักก่อนได้มั้ยอ่ะ"ฟีโอน่าตัดสินใจตะโกนในที่สุดหลังจากที่ห่างเมืองออกมาพอสมควรและไม่คิดว่าทหารจะตามมาแล้ว แต่คนตรงหน้ากลับเร่งจังหวะการเดินมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างบางเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไป เพราะกลัวว่าจะคลาดกันเสียก่อน แล้วเธอก็ไม่รู้จักทางกลับด้วย เพราะเธอไม่เคยออกมานอกกำแพงเมืองเลย
ปุ!!
ร่างบางเล็กชนกับแผ่นหลังของร่างโปร่งนั่นเต็มแรง แต่ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมดำนั่นก็ยังไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด ร่างสูงใช้หางตาชำเลืองมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปมองทางข้างหน้าเหมือนเดิม ทว่าฝีเท้าที่เคยเร่งจังหวะเมื่อครู่นั้นได้หยุดนิ่งตามคำขอของเธอเรียบร้อยแล้ว
"ยังตามมาอีกหรือ"ร่างสูงโปร่งพูดออกมาเป็นคำแรก หลังจากเดินมาไกลมาก เธอมองร่างนั้นด้วยแววตาตัดพ้อ ปนไม่พอใจ
"แหงล่ะ...ท่านไปไหน...ข้าก็ไปด้วยทั้งนั้นแหละ"เธอยืนกรานด้วยน้ำเสียงแข็งๆ ดวงตาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น
"หึ..."ร่างโปร่งเพียงส่งเสียงในลำคอด้วยความสมเพช ก่อนจะเดินต่อไปโดยไม่สนใจเธอเลยสักนิดเดียว
"อ้าววววว..."เธอหันไปมองร่างโปร่งแล้วกระพริบตาปริบๆ ไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่าว่า เมื่อกี้ริมฝีปากของร่างสูงโปร่งนั้นเหมือนว่าจะยกขึ้นมาน้อยๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตามที แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่อร่างสูงโปร่งนั่น ยังใช้ผ้าคลุม คลุมใบหน้าไม่ให้เธอเห็นอยู่เลย!!
แกว๊กกกกกกกกกกกก
เหยี่ยวสีดำสนิทตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าเบื้องบน ส่งเสียงร้องเรียกออกมาเมื่อดวงตาสีทองสุขสว่างเหมือนกับเจ้านายของมันมองเห็นอะไรบางอย่างเข้าที่เส้นทางเบื้องหน้า ผู้เป็นนายเงยหน้าขึ้นราวกับรับรู้ว่านกของตนกำลังสื่อสารอะไร
/...นายแห่งข้า...ด้านหน้ามีร่มไม้...ท่านประสงค์จะพักผ่อนหรือไม่.../เสียงๆหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของร่างสูงโปร่งที่สงบนิ่งเหมือนตริตรองชั่วครู่ ก่อนร่างสูงโปร่งจะพยักหน้าเบาๆเล็กน้อย แล้วหันไปทางร่างบางซึ่งกำลังเดินโงนเงนๆตามร่างโปร่งมาห่างๆ แต่ร่างโปร่งนั้นไม่เป็นอะไรเลย
"อ๋อยย...ไม่ไหวแล้ว"ร่างบางล้มในที่สุด แต่ก็มีแขนของใครบางคนมาประคองร่างเล็กไว้ก่อนจะล้มลงที่พื้น ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจยาวเหยียดของคนที่เงียบๆ ร่างโปร่งพาร่างบองบางไปยังใต้ร่มไม้ตามที่มีเสียงๆหนึ่งบอกไว้
"ไร้ซึ่งความอดทนจริงๆ"ร่างโปร่งส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ก่อนจะมองไปรอบๆอากาศร้อนๆแบบนี้ก็อาจทำให้เป็นลมได้ ทางที่ดีตอนนี้คือ หาทางทำให้ร่างบางฟื้นขึ้นมาแล้วเดินทางต่อ
"ฟีค..."ร่างโปร่งเอ่ยเรียกเสียงเบา แต่เจ้าเหยี่ยวที่กำลังสำรวจน่านฟ้าอยู่ก็ทิ้งตัวลงมาแล้วร่อนลงมาเกาะไหล่ของคนเรียกมันเบาๆและนุ่มนวล "...ไปหาน้ำมา"มือนั่นยื่นกระติกน้ำมา จะงอยปากสีเหลืองของเหยี่ยวดำคว้าไปอย่างรู้งาน ก่อนจะโผบินออกไปบนท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง
ดวงตาสีทองมองออกไปยังทีเวิ้งว้างเบื้องหน้าก่อนผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ อย่างเหนื่อยอ่อน พลางชำเลืองมองไปยังร่างบางที่หมดสติไปเพราะอากาศที่ร้อนและความอ่อนเพลีย แค่วันแรกมาด้วยกันก็เกิดเรื่องเสียแล้ว หากเดินทางไปด้วยกันต่อไปล่ะก็ คงต้องปวดหัวจนระเบิดแน่ๆเพราะมีเรื่องเข้ามาชนิดไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่
"ต้องพากลับบ้าน"ร่างโปร่งคิด
/...เจอน้ำแล้ว...เจ้านาย.../เหยี่ยวสีดำบินโผลงมาเกาะที่ไหล่ของร่างโปร่งในชุดคลุมดำอย่างนิ่มนวลพลางส่งกระติกน้ำที่บรรจุน้ำเย็นๆอยู่เต็มปรี่ให้กับร่างโปร่งที่ยื่นมือออกมารับกระติกน้ำจากจะงอยปากสีเหลือง
"เจ้าดื่มหรือยัง"นิ้วเรียวดึงผ้าคลุมที่คลุมใบหน้าครึ่งล่างลงมาก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย
/...เรียบร้อยแล้วขอรับ.../เสียงนั้นตอบกลับมาทันที ร่างโปร่งพยักหน้ารับรู้ ปิดผ้าคลุมใบหน้าแล้วหันไปมองร่างเล็กที่นอนอยู่ข้างๆ เทน้ำใส่มือของตัวเองเล็กน้อย ก่อนจะประพรมตามใบหน้านวลที่ดูติดจะซีดเซียวไปอย่างเห็นได้ชัดและมีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมาตามไรผมเล็กน้อย
"อะ...อือ"น้ำเย็นๆเรียกสติของร่างบางให้กลับคืนมาได้ เธอลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองซ้ายขวาอย่างงุนงง
ร่างโปร่งยื่นกระติกน้ำให้เธอ ร่างบางเบิกตากว้าง ดวงตาเป็นประกายระริกเหมือนเด็กได้ของถูกใจ แล้วคว้ากระติกน้ำไปดื่มอย่างรวดเร็วจนสำลัก
"แค่ก...แค่ก...แค่ก"เธอไอออกมาแรงๆ จนน้ำตาเล็ด แต่ร่างโปร่งกลับนั่งมองดูเธออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้นในขณะที่เหยี่ยวสีดำกลับมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเธอแถมยังเอาปีกมาลูบแผ่นหลังบอบบางที่สั้นสะท้านจนน่ากลัวอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน พลางหันมาหาร่างโปร่งอย่างขอความช่วยเหลือ
"บ้านเจ้าอยู่ไหน"เหยี่ยวทมิฬเอ่ยถามออกมาในที่สุดหลังจากที่เห็นว่าร่างบางนั้นสำลักจนเสร็จสิ้น นั่นทำให้ฟีโอน่าอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นว่าร่างโปร่งที่เป็นคนค่อนข้างเงียบไปจนถึงเกือบใบ้จะเป็นคนเปิดหัวข้อการสนธนาก่อนเธอปิดกระติกน้ำก่อนจะส่งคืนให้ร่างโปร่งแล้วจ้องหน้า
"ข้า...ไม่มีบ้าน"เมื่อคนเราโกหกมักจะหลบสายตาหรือไม่ก็กลอกตาไปด้านซ้าย เธอตอบเสียงอ้อมแอ้มและกลอกตาไปด้านซ้ายไม่ยอมสบตากับร่างสูงโปร่ง อีกฝ่ายจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะตวัดสายตาน่ากลัวไปทางเธอ ฟีโอน่าถึงกับผงะกับจิตสังหารที่แผ่ออกมาพร้อมๆกันด้วย จากร่างสูงโปร่งนั่น
"โกหก!!"ร่างโปร่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ และเหี้ยมโหดจนเธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
"กะ...ก็ได้...ข้าหนีออกจากบ้านมา...พ่อของข้าบังคับให้ข้าแต่งงาน"เธอพูดออกมาด้วยความหวาดกลัว ก่อนหน้านี้เธอเห็นฝีมือคนตรงหน้ามาแล้ว แค่ตวัดดาบก็ทำให้คนกลัวได้ขนาดนั้น หากฟันเข้าจริงๆ ศพคงไม่สวย เธอเปิดหมวกของตัวเองออกผมสีทองเหยียดตรงที่ซ่อนไว้ภายในก็สยายยาวออกมาให้ได้ยลกัน ทำให้ทั้งคนทั้งเหยี่ยวมองกันตาปริบๆอย่างงงๆ "ข้าเป็นผู้หญิงนะ"
"รู้"สั้นๆจากปากของเหยี่ยวทมิฬ ก่อนหันไปมองเหยี่ยวที่ฉีกยิ้มพยักหน้า ส่วนเธอนั้นอ้าปากค้าง รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
เธอหลอกเหยี่ยวยังไม่ได้เลยหรือนี่!!
"ไม่จริ๊งงงงงงง...แล้วท่านล่ะ...ท่านเป็นผู้ชายใช่ไหมแล้วมาปิดหน้าปิดตาทำไมกัน"เธอโวยวายพลางถามกุกกัก อีกฝ่ายกระตุกยิ้มมุมปากพลางส่ายหน้า แต่ก็ยังไม่มีอะไรหลุดออกมาจากปาก แต่คนตรงหน้านั้นหลุดออกมาอย่างหมดเปลือกแล้ว เหยี่ยวทมิฬลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกไปอันเป็นการตัดบทสนธนา
"ดะ...เดี๋ยวสิ...ไอ้ที่ส่ายหน้าเนี่ยคือไม่บอกหรือไม่ใช่กันแน่น่ะ...บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"ร่างบางโวยวาย พลางวิ่งตามร่างโปร่งที่เดินนำละลิ่วไปทางข้างหน้าโดยที่ไม่รอเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
____________________________________
ฟู่
จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับตอนที่1
อยากได้คอมเม้นนนนนนนนนนนนนนนนนน
พลีสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
TT/\TT
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น