ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    once upon a time กาลครั้งหนึ่งซึ่งมีเธอ

    ลำดับตอนที่ #10 : รอยเท้าที่8:ชั่วคราว2(100เปอร์เซ็นต์)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 54


    รอยเท้าที่8:ชั่วคราว2(100เปอร์เซ็นต์)

                       ครานี้ภาระทั้งหมดก็มาตกอยู่ที่เชลลีนในร่างมนุษย์ ตอนนี้เธอก็ออกมายืนอยู่หน้าบ้านของอนันต์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอกำลังคิดวิธีที่จะเข้าไปในบ้านของเขาอย่างไม่ให้น่าเกลียดอีกด้วย ปกติหากผู้หญิงมายืนอยู่หน้าบ้านผู้ชายก็ดูน่าเกลียดอยู่แล้วด้วย แต่เธอไม่มีทางเลือก เพราะหากเธอกลับบ้านแล้วไปกลายร่างเป็นแมวระหว่างทางหรือกลายเป็นแมวระหว่างทางไปจะทำอย่างไรดี ทุกคนจะต้องตกใจแน่ๆ แต่ปกติตอนปิดเทอมก็ไม่มีใครอยู้บ้านอยู่แล้ว

                       เธอไม่สามารถไปสยามได้ และเธอยังต้องมาขอข้าวเย็นชายหนุ่มกินอีกต่างหาก ช่างน่าสมเพชตัวเองชะมัดเลย หญิงสาวกลอกตาและว่าตัวเองในใจ

                        และตอนนี้เธอก็คิดออกแล้วว่าเธอจะพูดอย่างไรดี จึงกดกริ่งหน้าบ้านของเด็กชายทันที

                        กริ๊งงงงงงงงงง

                  "สักครู่นะครับ"เด็กชายพูดก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมา ถึงแม้เธอจะกลับกลายร่างเป็นคนแล้วก็ตาม แต่ทว่าประสาทสัมผัสทั้งหมดของเธอก็ยังคงทำงานได้ดีเยี่ยมจนน่าตกใจ จนเธอต้องรีบเอามือสำจวรดูว่ามีหางหรือ
    ว่าหูงอกเกินออกมาหรือเปล่า เมื่อไม่มีก็อยู่เฉยๆพลางผ่อนลมหายใจอย่างสบายใจ ไม่อย่างนั้นแล้วพอเขาออกมาแล้วจะหาว่าเธอบ้าเอาได้

                       เมื่อเปิดประตูบ้านออกเด็กชายก็ต้องตกตะลึงและสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าคนกดกริ่งนั้นเป็นเธอ ชายหนุ่มชะงักค้างอยู่ครู่หนึ่งราวกับอยู่ในห้วงภวังค์

                        "รุ่นพี่เชลลีน"

                       "หวัดดี...ขอเข้าไปได้มั้ย"เธอเอ่ยทักทำให้เด็กชายสะดุ้งโหยง พลางยิ้มแหยๆ กล้าหน้าลงไม่กล้าสบตากับเธอ หลบฉากให้เธอเข้าไปในบ้านอย่างลุกลี้ลุกลนพร้อมกับผายมือให้เธออย่างสุภาพโดยที่มือตัวเองนั้นกำลังสั่นอย่างประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางแบบนั้นเขาทำออกมาโดยที่เขาไม่ได้รู้ตัวและไม่คิดว่าเธอจะสังเกตด้วย แต่อากัปกริยาทุกอย่างก็ไม่อาจจะรอดพ้นสายตาของผู้มากวัยกว่าไปได้ ในระหว่างทางที่เดินเข้าไปยังห้องรับแขก อนันต์ผายมือให้เธอนั่งที่โซฟา ก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงตาม ด้วยท่าทางที่ตื่นเกร็ง

                        "รุ่นพี่รู้จักบ้านผมอย่างไรครับ"เด็กชายถามเสียงสั่นๆ ยังคงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตารุ่นพี่สาว

                  "อ๋อ...เพื่อนพี่เคยลากพี่มาน่ะ มันจะสตอกนาย...พอฉันผ่านมาก็นึกได้เลยเข้ามาทักนายเท่านั้นเอง"เธอโกหกเขาออกไป หญิงสาวเอ่ยขอโทษในใจเพราะว่าเธอไม่ชอบการโกหกเอาเสียเลย มันทำให้เธอรู้สึกผิดอย่างร้ายแรงเลยทีเดียว


                         "ถ้าอย่างนั้น...ถ้าไม่รังเกียจ...รุ่นพี่จะอยุ่ทานข้าวเย็นกับผมมั้ยครับ"อนันต์พูดก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง เบนหน้าไปอีกทาง แววตาของเด็กหนุ่มดูผิดหวังทั้งๆที่เธอยังไม่ได้ตอบอะไร ราวกับรู้ว่าเธอจะต้องปฏิสคำเอ่ยชวนนี้แน่ๆ...แต่ตรงกันข้าม โอกาสได้ลอยมาหาเธอแล้วเรื่องอะไรจะปล่อยให้มันหลุดลอยไปได้ล่ะสำหรับเชลลีน ราวกับเป็นความบังเอิญเลยทีเดียวที่ชายหนุ่มชักชวนเธอ แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้มีอากัปกริยาเช่นนั้นด้วย

                      "ได้สิ"เมื่อได้รับคำตอบเด็กชายก็เงยหน้าขึ้นราวกับไม่เชื่อหูของตัวเอง ในยามนี้เด็กชายเหมือนกับดอกไม้ที่เบ่งบานซึ่งได้รับแสงอาทิตย์ในยามเช้าไม่มีผิด หรือจะเรียกได้ว่าเหมือนตายแล้วฟื้นใหม่เลยก็ว่าได้


                       ทันใดนั้นเองเธอก็ทำเป็นเหลือบมองเห็นแผลถุงพลาสติกบาดที่ฝ่ามือทั้งสองข้างของชายหนุ่มทั้งๆที่ตัวเองก็รู้ดีอยู่แล้ว ก่อนจะทำเป็นตกใจ ด้วยการเบิกต่และชี้ไปที่แผล เธอชักอยากให้รางวัลตุ๊กตาทองคำกับตัวเองขึ้นมาตงิดๆแล้วล่ะสิ แต่เธอไม่พอใจเลยที่ตัวเองต้องมาโกหกเด็กชายที่ท่าทางดูไร้เดียงสาเช่นนี้ เธอได้แต่รู้สึกผิดและขอโทษเด็กชายอยู่ในใจเท่านั้น


                       "นั่นมือนายไปโดนอะไรมาน่ะ"เธอรีบคว้ามือของเด็กชายที่สะดุ้งสุดตัวไปดู เขารีบชักมือกลับทันที และทำท่าเหมือนจจงใจะปกปิดบาดแผลที่เธอมองเห็นและได้เลียไปด้วยแล้วเพื่อที่ไม่ให้เธอเป็นห่วง...แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้วล่ะ

                        "มะ...ไม่มีอะไรหรอกครับรุ่นพี่...แหะๆ...ถ้าอย่างนั้นผมไปทำอาหารนะครับ"เด็กชายเหมือนจะลุกเดินหนีแต่เธอก็รีบคว้าและกดไหล่ของชายหนุ่มให้นั่งลงตามเดิม พลางส่งสายตาน่าเกรงขามของรุ่นพี่ไปให้ ทำเอาชายหนุ่มหน้าจ๋อยลงไปถนัดตา

                        "นายน่ะ...นั่งอยู่เฉยๆเหอะ...เดี๋ยวพี่ทำกับข้าวเองแล้วพอกินเสร็จอาบน้ำแล้วพี่จะได้ทำแผลให้"เธอพูดเร็วรัวก่อนที่จะรีบเดินตรงไปที่ครัวอย่างรวดเร็วเพราะทนเห็นสีหน้าของเด็กชายไม่ได้...

                   ...พระเจ้าเหมือนลูกหมาอ้อนเจ้าของไม่มีผิด!!...

                   และแล้วเด็กชายก็เหลือบไปเห็นมือซ้าของเด็กสาวที่พันผ้าพันแผลเอาไว้ ซึ่งมันเหมือนกับเชลลีนในที่นี้ก็คือแมวของชายหนุ่มไม่มีผิด แต่...แมวของเขาหายไปไหนแล้วล่ะ


                  "แขนพี่ไปโดนอะไรมาน่ะครับ"เด็กชายทัก ทำเอาเธอสะดุ้งโหยงหันมาหาเขา สมองคิดประมวลหาคำโกหกแก้ตัวจากสถานการณ์ตรงหน้าอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าเธอลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปโดยสิ้นเชิง

                    "เล่นกีฬาแล้วมันซ้นน่ะ"เธอยิ้มแต่ในใจร้องไห้เพราะว่าต้องโกหกอีกแล้ว


                             "จริงสิ...เชลลีนหายไปไหนนะ"อนันต์พึมพำพลางเหลียวซ้ายแลขวาก้มลงไปมองใต้โซฟาว่าแมวของเขานั้นได้มุดลงไปเล่นหรือเปล่า โดยลืมไปว่าเจ้าของชื่อตัวจริงนั้นอยู่ในห้องครัว แต่คนในห้องครัวที่หูดีก็ชะโงกออกมา

                     "กล้าเรียกชื่อพี่ห้วนๆเลยเรอะ"เธอทำหน้าหาเรื่องทั้งๆที่ในใจรู้ดีเลยว่าเขาเรียกเธอในร่างแมว แต่หากไม่ตกใจหรือไม่ ไม่พอใจหน่อยมันจะดูแปลกไป

                    "ปะ....เปล่าครับ...แมวผมน่ะ...ผมชอบระ...เอ้ยชอบชื่อรุ่นพี่มันเพราะดีก็เลยเอาไปตั้งชื่อแมวน่ะครับ"เด็กชายรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นตอบ ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ไม่มาดนิ่งสุภาพเหมือนตอนอยู่ข้างนอกสักนิด "ได้มั้ยครับ"เด็กชายก้มหน้าลงอย่างสำนึกผิดที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของชื่อเสียก่อน แถมเธอยังปั้นหน้าถมึงทึงใส่เขาอีกต่างหาก ตั้งแต่เห็นแผลที่มือเขาแล้ว คงจะทำให้เธอยุ่งยากรำคาญใจมากสินะ

                   "อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ"เธอบอก ก็ตั้งชื่อแมวไปแล้วนี่นา ให้ทำอย่างไรได้กัน นอกจากปล่อยไปเลยตามเลย

                  "ขอบคุณนะครับ!!"

                  "นั่งดูทีวีไปเถอะ...เสร็จแล้วพี่เรียก"เธอโบกมือ ก่อนจะเริ่มลงมือทำอาหารต่อจากที่ร่างสูงทำค้างไว้ โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นถูกจับตามองโดยวินดี้โดยตลอดเวลาแถมอยู่ใกล้ๆเสียด้วย

                  ครู่ต่อมาอาหารหลายจานก็ถูกนำออกมาวางไว้บนโต๊ะ กลิ่นอาหารหอมๆลอยไปแตะจมูกของคนที่อยู่บนโซฟา เด็กชายรีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที เมื่อมองเห็นรุ่นพี่กำลังจัดโต๊ะจึงรีบเดินมาช่วย เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็มองอาหารบนโต๊ะอีกรอบเด็กชายก็เบิกตากว้าง อาหารแต่ละอย่างนั้นเขาไม่เคยนึกถึงมาก่อนว่าจะทำได้แบบนี้ และเขาจำไม่เห็นได้เลยว่าซื้อของทั้งหมดนี่มา

                  "พี่ไม่รู้ว่านายชอบกินอะไรบ้าง...แล้วก็รสชาติคงถูกปากนะ"เชลลีนถอดผ้ากันเปื้อนแล้วพาดไว้กับพนักพิง จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ ชายหนุ่มนั่งลงตามแต่ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรออกไป ได้แต่ลงมือตักอาหารเข้าปากอย่างเงียบๆ จนกระทั่งฝ่ายรุ่นพี่นั้นเป็นผู้วางช้อนและเปิดบทสนทนา

                  "เมื่อกี้หน้านายดูสงสัยมากว่าฉันไปเอาวัตถุดิบมากมายมาจากไหน...บอกตรงๆมันก็อยู่ในถุงที่นายซื้อมาวันนี้นัี่แหละ...พอกินดูไปนายน่าจะพอรู้นะ"เชลลีนพูดพลางมองไปยังอาหารจานต่างๆ เธอมักคิดอะไรนอกกรอบเสมอๆ ทำให้เวลาทำอาหารเมนูจึงไม่ค่อยซ้ำ แต่มีบ้างที่รสชาติรับไม่ได้ เพราะไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะทำอะไร แค่จับมันใส่ลงในหม้อหรือกระทะ

                  "อา...ครับ"เด็กชายตอบเพียงแค่นั้น เขาไม่อยากจะพูดและไม่อยากจะคิดอะไรอีกเพราะคนตรงหน้าคงจะอ่านความคิดของเขาขาดทั้งหมด จึงได้แต่รับประทานอาหารไปอย่างเงียบๆ ส่วนฝ่ายรุ่นพี่ก็ไม่เคยคิดจะชวนใครพูดคุยระหว่างมื้ออาหารอยู่แล้วเพราะเป็นมารยาทที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก

                  เมื่อต่างฝ่ายต่างกินกันเสร็จ แน่นอนว่าเชลลีนได้ไล่รุ่นน้องไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้มาทำแผลให้ ดวงตาคู่โตของรุ่นพี่เหลือบมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังซึ่งบัดนี้บอกเวลาหกโมงเย็น เธอมีเวลาอีกเกือบๆหนึ่งชั่วโมงก่อนจะต้องรีบกลับร่างไปเป็น       เชลลีนและไม่ทำให้เขาเป็นห่วงเจ้าเหมียวไปมากกว่านี้ คงต้องอ้อนเสียหน่อยจะได้ไม่ทำหน้าดุใส่อีก

                   และแน่นอนว่าเธอเป็นคนเก็บโต๊ะและทำความสะอาดทั้งหมดเอง ถึงเธอจะชอบไปห้าง และซื้อเสื้อผ้าแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องทำตัวเป็นคุณหนูนั่งอยู่บนบัลลังต์และแน่นอนว่าเธอก็เกลียดคนประเภทนั้นทึ่สุดในโลกด้วย เชลลีนไม่เคยคิดที่จะไปคบคนแบบนี้สุดท้ายก็มีแต่จะถูกหักหลังเปล่าๆ สู้เอาเวลาไปอ่านการ์ตูนหรือทำอาหารแบบนี้ก็ไม่ได้

                   "จริงสิครับรุ่นพี่...เห็นแมวผมหรือเปล่าครับ"เด็กชายตะโกนมาจากหน้าห้องน้ำ เขายังไม่เข้าไป

                   "เลี้ยงแมวด้วยเหรอ...ไม่นี่...สงสัยคงออกไปเล่นข้างนอกมั้ง"เชลลีนพูดเสียงสูง ก็ตอนนี้แมวก็มายืนสองขาล้างจานอยู่นี่ไง เธอพูดต่อในใจ

                   "เหรอครับ..."เธอไม่รู้ว่าเขานั้นรู้จักนิสัยของแมวมากแค่ไหน แต่ดูเหมือนจะรู้จักการทนุถนอมสัตว์อยู่พอสมควรเธอรู้เพราะว่าเธอนั้นได้รับประสบการณ์ตรงจากการที่เขาดูแลเธอตลอดเวลาที่ผ่านมา

                   เวลาต่อมา ชายหนุ่มออกมาจากห้องน้ำ เธอเองก็ล้างจานเสร็จพอดี ทั้งคู่ก็มานั่งบนโซฟาที่ห้องรับแขก โดยที่คนเป็นรุ่นพี่ได้หยิบกล่องปฐมพยาบาลติดมือมาด้วยราวกับรู้ดีว่ามันอยู่ตรงไหนอย่างลืมตัว เด็กชายเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะยืนมือที่ถูกล้างคราบเลือดเรียบร้อยแล้วไปให้ทั้งสองข้าง โดยที่ไม่พูดอะไร

                    "ที่เขาลือว่าหมอนี่ไม่ชอบพูดคงเป็นเรื่องจริงสินะ"เชลลีนคิดพลางเทยาใส่สำลีและเช็ดแผลให้ชายหนุ่มที่จู่ๆก็สะดุ้งโหยงทันทีที่สำลืสัมผัสกับบาดแผล "แสบเหรอ...โทษทีนะ"ร่างบางเองก็สะดุ้งตามเขาก่อนจะพูดออกมา เงยหน้าขึ้นมาจากบาดแผลมองตาเขา แต่ก่อนที่จะได้สบตา เด็กชายก็หลบตาโดยการมองไปที่โทรทัศน์เสียก่อน เธอจึงได้แต่ก้มหน้าทำแผลต่อ

                   เมื่อทำแผลเสร็จ เธอก็เอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บและเอาขยะไปทิ้งจัดการให้ชายหนุ่มเสียเสร็จเรียบร้อย พอเหลือบมองดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 18.55น.จึงร้องออกมาลั่นบ้านอย่างลืมตัว

                   "อนันต์...พี่ต้องรีบกลับแล้วล่ะ...ขอบใจที่เลี้ยงข้าวนะ"เด็กสาวพูดก่อนจะวิ่งออกไปจากบ้านของเด็กชายโดยที่เขาไม่ทันได้เอ่ยลาหรือว่าพูดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว และเด็กสาวเองก็ไม่ได้ไปดูสีหน้าของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

                    เด็กสาวกระโจนออกมาจากบ้านของอนันต์ก็เป็นสัญญาณให้วินดี้ที่แอบซุ่มรออยู่นั้นร่ายเวทย์ทำให้เธอกลับร่างเป็นแมวเหมือนเดิม เมื่อกลับมาเป็นแมวขนขาวเหมือนเดิมแล้ว เธอจึงกระโจนกลับเข้าไปในหน้าต่างห้องครัวที่เธอแอบเปิดไว้ตอนเธอล้างจานและเขาเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะใช้ขาหลังเขี่ยบานหน้าต่างปิดกลับไปดังเดิมเพื่อปกปิดร่องรอย แล้วกระโจนลงมาอย่างแผ่วเบา

                   และแล้วเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาเดินเข้ามา ชายหนุ่มเปิดประตูครัวเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วทำสีหน้าดุอย่างชัดเจนจนเธอชักคอหดและเริ่มก้าวไปข้างหน้าช้าๆเหมือนกับหวาดกลัวเขาอยู่ แต่ความจริง เธอรู้ว่าหากว่าเธอเข้าไปเคล้าแข้งเคล้าขาชายหนุ่มเพียงเล็กน้อย เขาก็หายโกรธแล้ว

                   "ไปไหนมาเชลลีน...ให้ผมห่วงแทบแย่"เด็กชายทำเสียงดุเข้ม แน่นอนว่าเธอเองก็แอบกลัวๆอยู่เหมือนกัน ตอนนี้ตรงหน้าของเธอเหมือนมีก้อนน้ำแข็งก้อนเบอเริ่มอยู่ตรงหน้าเธอเลย

                  "แง้ว"หญิงสาวเข้าไปคลอเคลีย ส่งผลให้ชายหนุ่มได้ใจอ่อนอีกครั้งแต่ก็พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่กลับแสดงออกเป็นการกอดอกแล้วสะบัดหน้าไปทางอื่น พลางพ่นลมหายใจออกมา

                  "เอาเหอะ...แต่พอดีว่าวันนี้ผมอารมณ์ดีรีบไปนอนกันดีกว่าเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง"เด็กชายพูดก่อนจะก้มลงมาอุ้มเธอแล้วขึ้นไปนอน
                        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×