คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : นครทราจัน 1
ตอนที่7 นครทราจัน 1
นครทราจัน นครแห่งการกลับคำพูด เป็นนครที่ขึ้นชื่อว่าติดต่อสื่อสารได้ยากที่สุดในเดมอส(อาจจะรวมเอเดนด้วยก็ได้ เพราะเอเดนไม่มีเมืองประหลาดๆแบบเดมอสหรอก)
และคงจะเป็นนครที่คนที่ไม่มีความรู้ด้านภาษาอยู่แล้วคงปวดหัว ยิ่งคนที่อ่านไม่ออก อ่านไม่เร็วหรือเขียนไม่ได้ หรือการแปลภาษาคนเป็นภาษาคนไม่รู้เรื่อง คงจะอยากเป็นบ้าเมื่อได้มาอยู่ในนครนี้ โดยเฉพาะเจ้าคนที่บอกว่าชอบเมืองนี้อย่างเฟริน
ไอ้ชอบมันก็ชอบอยู่หรอกเพราะการพูดไม่ตรงกับที่จะพูด(การโกหกนั่นเอง)เป็นอะไรที่ขโมยสาวถนัดอยู่แล้ว แล้วยิ่งการแปลคำโกหกของคนอื่นเป็นคำพูดปกติยิ่งเป็นอะไรที่ท้าทายและดูน่าสนุกสำหรับเธอมาก แล้วอะไรทำให้เกียจเมืองนี้หล่ะ...............
เมืองนี้เป็นเมืองที่คึกคักอย่างมาก ผู้คนเดินขวักไขว่เต็มไปหมด จนแทบจะชนกัน
แต่ไอ้ความเงียบที่แผ่ปกคลุมเข้ามานี่อะไรกันนะ ทำไมไม่ค่อยๆได้ยินเสียงคนคุยกันเลย หรือว่าคนเมืองนี้เป็นใบ้กันหมด
จะว่าไปผู้คนเมืองนี้ก็แปลก บางคนก็ถือกระดานชนวนเดินไปเดินมา บางคนก็ถือสมุดเล่มใหญ่ๆ บางคนก็ถือสมุดเล่มเล็กๆ แต่นี่มันไม่แปลกหรอก ไอ้ที่แปลกก็คือ พวกเขาเขียนอะไรบางอย่างลงในของพวกนั้นแล้วก็ส่งกันไปมา บางคนที่เป็นสมุดฉีกก็เขียนแล้วให้กระดาษเลย บางคนก็เขียนให้ดูแล้วก็ลบออก แล้วยิ่งบางคนก็เขียนที่หลังของอีกฝ่าย
‘แล้วทำไมเขาไม่พูดกันหล่ะ’ความคิ ดหนึ่งผลุดเข้ามาในใจ
“พี่ลอเรนซ์ฮะ ทำไมเขาถึงไม่ไปมุงซื้ออะไรอยู่ตรงนั้นฮะ”เฟรินเอ่ยปากถามรุ่นพี่ทำลายความเงียบที่ครอบคลุมเข้ามา
ซึ่งจะให้ถูกเธอตั้งใจจะถามว่า ‘พี่ลอเรนซ์ฮะ ทำไมเขาถึงไปมุงซื้ออะไรอยู่ตรงนั้นฮะ’
“...............................” ความเงียบที่ยิ่งกว่าเงียบแผ่ปกคลุมเข้ามา เพราะนอกจากนักบวชหนุ่มจะไม่ตอบเธอแล้ว เธอก็แทบไม่ได้ยินเสียงสนทนาของผู้คนรอบข้างเลย และแล้วเธอก็เดินมาถึงหน้าร้าน อะไรบางอย่างหน้าร้านทำให้เธอถึงบางอ้อในทันที ว่าทำไมคนเมืองนี้ถึงไม่ค่อยพูดกัน
‘การสนทนาของคุณจะง่ายขึ้น ไม่ต้องแปลภาษาคนเป็นภาษาคน ด้วยสมุดฉีกพร้อมปากกาชุดนี้ ซื้อวันนี้ลด10% ซื้อ1ชุดแถม 1 ชุด’
ข้อความนี้ถูกเขียนอยู่บนป้ายโฆษณาหน้าร้านอันใหญ่เบ้อเริ่ม นี่สินะคงเป็นสาเหตุที่คนมามุงหน้าร้าน ของลดราคานี่เอง
หลังจากฝ่าฝูงชนเข้าไปซื้อของลดราคาเสร็จ ลอเรนซ์ก็เริ่มมองหาที่พัก แต่แม่ตัวยุ่งนี่สิอยู่ดีๆสายตาของเธอก็มองเห็นซุ่มอะไรบางอย่าง แล้วเฟรินก็ลากลอเรนซ์เข้าไปที่ซุ้มนั้นทันที
“พี่ลอเรนซ์ไม่เล่นนะ เห็นไหมรางวัลที่ 1 เป็นแหวนอัดเสียงได้ ฉันไม่อยากได้มากๆเลย ไม่ต้องเล่นน้า.......”
เฟรินแปรสภาพเป็นสาวขี้อ้อนทันที เธอพูดพลางเกาะที่แขนของชายหนุ่ม แล้วก็ช้อนสายตามองผ่านแพขนตาของเธอ ภาพนั้นเล่นเอาชายหนุ่มอยากจับมาหยิกแก้มยิ่งนัก คนอะไรอ้อนได้น่ารักน่าหยิกสุดๆ
‘เฮ้อ...บอกว่าไม่อยากได้แสดงว่าอยากได้สุดๆ.....คงต้องเล่นแล้วละมั้งจะได้จบๆไป’นักปามีหนุ่มที่ปามีดไม่ค่อยโดนเป้าคิด (ก็ส่วนใหญ่เป้าของเขาคือเจ้าซาตานกะล่อนนี่หน่า)
“ฟิ้ว..........ฉึกๆๆ”เสียงมีปักลงกลางเป้าสามเล่มซ้อนกันในแนวตั้งโดนที่ปลายมีดอันที่2ปักอยู่บนมีดอันที่1แล้วปลายมีดอันที่สามปักอยู่บนปลายมีดอันที่ 2
“เย้ๆๆๆ พี่ลอเรนซ์ไม่เก่งเลยเนอะ”เสียงร้องพร้อมกระโดดอย่างดีใจที่จะได้ของรางวัลดังข้างๆตัวเขา แล้วก็กระโดดมาหอมแก้มเขาอย่างลืมตัว
“อ่ะ ไม่ต้องเล่นอีกตานะ”เฟรินเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับมือเขากลับมาเล่นอีก
‘เฮ้อ...หมายถึงเล่นอีกตาใช่ไหมเนี่ย’
นักบวชหนุ่มบัดนี้เริ่มไม่อยากเล่นแล้ว เพราะถ้าเล่นชนะแล้วเธอยังมาหอมแก้มอีก เขาเองก็คงห้ามใจไม่อยู่เป็นแน่ หน้ากากฟาโรห์นับร้อยกันอาจจะปิดบังสีหน้าเขาจากสีตำลึงสุกเหลือแค่แดงจางๆ แต่ไอ้หัวใจที่เต้นแรงแทบจะทะลุออกจากอกนี่หล่ะสิช่างควบคุมได้ยากยิ่งนัก ลอเรนซ์คิดพร้อมกับทำท่าจะเดินหนี
‘เล่นหน่อยนะ พี่ลอเรนซ์ ผมต้องการทิชชูด่วนเลย ฆ่าศึกโจมตีแล้ว’
ลายมือหวัดๆอย่างคนรีบเขียนปรากฏบนกระดาษใบน้อยถูกยื่นมาให้นักบวชหนุ่มพร้อมกับสายตาเว้าวอน ที่เฟรินไม่พูดเพราะกลัวว่ากว่าจะนั่งแปลความหมายคำ มันก็จะไม่ทันเลยต้องเขียนให้รู้ชัดๆกันไปเลย
“ฟิ้ว.......ฉึก.........”
เสียงมีดแหวกอากาศพร้อมกับปักลงตรงปลายของกระดานแบบว่าหมิ่นเหม่จะหลุดจากขอบอย่างสุดๆ เล่นเอาเจ้าของร้านตาค้างไป แบบว่าปาให้โดนเป้ายังง่ายกว่าปาให้โดนขอบกระดานแบบฉิวเฉียดครึ่งหนึ่งอยู่บนอากาศและอีกครึ่งอยู่บนกระดานแบบนี้อีกละมั้ง
หลังจากได้กระดาษชำระแล้ว สาวเจ้าก็รีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว..........
...........................................................................................................................................
ความคิดเห็น