คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 8
บทที่ 8
เรนเดล คารอส และนักเรียนปีสี่หน่วยพิเศษทุกคนยกยิ้มให้เด็กที่บอกตัวเองว่าเป็นหลานแม่ทัพแห่งไฟร์ออนาซอย่างถูกใจ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในประวัติของหน่วยพิเศษเลยก็ว่าได้ ที่น้องใหม่สามารถผ่านการรับน้องอันแสนหฤโหดของรุ่นพี่ได้ภายในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง
“แชนเดรีย บอกให้ปีหนึ่งถึงปีสามทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่ ฉันอยากให้ทุกคนได้ฟังว่ารุ่นน้องที่น่ารักของพวกเราผ่านเข้ามาข้างในทั้งที่ฉันบอกว่าอย่าให้อะไรเล็กรอดเข้ามาได้อย่างไร”
แชนเดรีย หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มปีสี่พยักหน้ารับคำสั่ง เธอเรียกลูกไฟสื่อสารออกมาแล้วถ่ายทอดคำสั่งไปให้ทุกคนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพียงไม่นาน ห้องโถงรับรองบริเวณประตูปราสาทที่เคยกว้างขวางก็ดูแน่นลงไปถนัดเมื่อมีนักเรียนหน่วยพิเศษทั้งสี่สิบชีวิตอยู่ด้วยกัน
“เอาล่ะ การรับน้องจบลงแล้ว ไหนบอกมาสิว่าพวกนายเข้ามาข้างในโดยที่พวกพี่ไม่รู้ได้ยังไง”
เรนเดลกวาดสายตามองไปทางปีหนึ่งทุกคนแล้วไปหยุดอยู่ที่นีลทำให้คนโดนจ้องโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน
“ผมไม่ได้รู้แผนอะไรมากมายหรอกครับ พี่ต้องถามเรฟ เจ้านั่นเป็นคนคิดแผนทั้งหมด”
คนถูกโยนงานหันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอย่างหมันไส้ จะหันไปขอความช่วยเหลือกับคนอื่นก็ดูเหมือนจะหลบตากันเสียหมดทำให้เรฟถอนหายใจแล้วยอมแบไพ่ที่มีอยู่อย่างจำนน
“อย่างแรกคือ...”
. . . .
. . . .
. . . .
ย้อนไปเมื่อ 3 ชั่วโมงที่แล้ว
“ทุกคน ฟังฉันหน่อย” เรฟานอสเรียกความสนใจจากทุกคน และเมื่อเห็นว่าเพื่อนตั้งใจฟังกันหมดแล้วจึงหันไปทางเอนเดลลิออนที่กำลังยืนหาวอยู่เงียบๆ
“เอนด์ นายสร้างอัคคีมายาได้ใช่ไหม ช่วยทำให้ดูเหมือนพวกเรากำลังต่างคนต่างทุ่มพลังใส่ประตูนี่หน่อยสิ”
“นายกำลังจะบอกว่ามีคนแอบมองเราอยู่?”
เรฟพยักหน้ากับคำพูดของเอนเดลลิออนก่อนจะหันมาทางเพื่อนอีกแปดคนที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตก
“ฉันให้เอนด์สร้างภาพมายาไม่ให้พวกรุ่นพี่เห็นว่าเรากำลังประชุมกันอยู่” เรฟยิ้ม “เอาล่ะ ฉันมีแผนดีๆที่ทำให้พวกเราไม่ต้องนอนตากน้ำค้างอยู่หน้าหอคืนนี้ พวกนายพร้อมที่จะร่วมมือกันฉันไหม”
เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่เรฟถามจบ หลายคนมองหนุ่มที่เสนอแผนขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ บางคนก็ฉายแววโกรธอย่างเห็นได้ชัดมีเพียงเรอาที่ส่งยิ้มหวานให้คนถาม
“พูดอะไรอย่างนั้นครับคุณเรฟ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว ถ้าอะไรที่ช่วยกันได้เราก็ต้องช่วยกันไม่ใช่หรอครับ”
“นี่ๆๆ พูดเหมือนพวกฉันอีโก้สูงไม่ยอมฟังใครอย่างนั้นแหละ จะเสนอก็เสนอมาสิ!”
“อย่าห่วงเลยค่ะคุณเรฟ ยังไงพวกเราก็ต้องผ่านมันไปด้วยกันค่ะ”
และอีกหลากหลายเสียงที่แย่งกันพูดเสียจนฟังไม่ได้ศัพท์ เรฟยกมือขึ้นเป็นทำนองว่าให้เงียบเสียงลงก่อนจะบอกแผนการที่ตนคิดไว้
“โอเคๆ แค่ถามเฉยๆเอง” เรฟบ่นอุบ “แผนการแรกก็คือ ฉันจะให้พวกเราทำเป็นแตกคอกันเอง ต่างแคนต่างทุ่มพลังใส่ประตูแบบไม่สนใจใครเพื่อให้พี่เขาตายใจว่ายังไงเราก็คงจะผ่านมันไปไม่ได้ แล้วฉันจะเจาะม่านมนตราส่วนที่อ่อนแอที่สุดซึ่งก็คือหน้าต่างทางทิศตะวันตกเพื่อส่งพวกนายบางคนเข้าไป”
“เดี๋ยวนะเรฟ” ฟารอสขัดขึ้น “นายจะเจาะเข้าไปยังไง ในเมื่อแค่เราแตะไปที่ประตูพี่เขาก็รู้ตัวแล้ว”
“เรื่องนั้นสบายมาก นายคิดว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของฉันมีไว้แค่เผามนุษย์ดินหรอ” เรฟยิ้ม “เพลิงศักดิ์สิทธิ์คือเพลิงชั้นสูง ถ้านั่นไม่ใช่เพลิงที่สูงกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่มีทางจับได้หรอก”
ซึ่งไม่มีเพลิงชนิดไหนที่สูงไปกว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้วล่ะ เรฟต่อในใจ
“เมื่อฉันเจาะเวทได้แล้ว ฉันจะให้เซฟิรอส เอนด์ ชารอน เรอา เข้าไปข้างในก่อน เอนด์คอยสร้างอัคคีมายาไม่ให้พี่ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเห็นว่าใครกำลังถล่มหน้าต่างทางฝั่งนั้น เรอา นายใช้พลังพสุธาเปลี่ยนเส้นทางในหอ ทำยังไงก็ได้ให้พวกพี่ที่วิ่งมาสมทบเขาหลงมาทางทิศตะวันตกที่เซฟิรอสและชารอนคอยอยู่”
ทุกคนหน้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นซีดขาวเมื่อได้ยินแผนการของเรฟ
“เซฟิรอสและชารอนต้องรอพี่ที่หลงมาที่หน้าต่างทิศตะวันตกที่ฉันส่งพวกนายเข้าไป ถ้าเกิดเหตุที่ต้องปะทะให้ใช้ความเร็วของลมหลบหลีกให้ดี อย่าเสี่ยงให้ตัวเองบาดเจ็บเด็ดขาด ถ่วงเวลาไว้ให้มากที่สุดจนกว่าแผนจะยุติ ส่วนทารีส นายใช้พลังของนายถล่มหน้าต่างทางทิศตะวันออกที่เอนด์สร้างอัคคีมายาไว้ ถล่มมันให้เละอย่าให้เหลือ”
“ส่วนทางประตูใหญ่ ฉันเชื่อว่าพี่เรนเดลคงจะคิดว่าฉันใช้แผลถล่มหน้าต่างดึงความสนใจจนต้องเล่นไปตามน้ำและส่งพี่ๆปีสี่ระดับสูงมาคอยคุมเวทตรงประตูแน่ ฉันจะให้ ฟารอส เนล นีล ไอเมอร์ ถล่มเวทใส่ประตูไม่ให้ยั้ง มีเวทบทไหนใส่ไปให้หมด เรื่องเวทที่จะสะท้อนกลับฉันจะสร้างม่านมนตราไว้ให้พวกนายเอง”
“แล้วนายล่ะเรฟ นายทำอะไร” เอนด์ถามอย่างสงสัย
“ฉันหรอ ฉันก็เข้าไปหาห้องของพวกเรายังไงล่ะ”
“แล้วนายจะหายังไง ฉันคิดว่าหาคนเดียวยังไงก็ไม่เจอหรอก”
“แน่นอน ฉันถึงต้องใช้ไอ้นี่ยังไงล่ะ” เรฟชูสร้อยที่มีจี้สีทองขึ้นมาแล้วยิ้ม “นายไม่สังเกตหรอว่าทุกอย่างภายในโรงเรียนนี้ถูกตั้งกลไกให้ดำเนินการทุกอย่างไปได้ด้วยสร้อยประจำตัว ถ้าห้องของพวกเราจะถูกไขได้ด้วยสร้อยประจำตัวของแต่ละคนจะแปลกอะไร”
“อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง” เซฟิรอสยิ้มแล้วหันไปหาทุกคน “ทุกคนเข้าใจแผนที่เรฟบอกแล้วใช่ไหม”
ทุกคนพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง เรฟยิ้มกว้างแล้วชี้ไปที่ตัวปราสาทอย่างฮึกเหิม
“เอาล่ะ ถึงเวลาของพวกเราแล้ว!”
. . . .
. . . .
. . . .
“แล้วผมก็ขอยืมสร้อยของเพื่อนทั้งหมดมาไว้ ไม่นึกว่าเดินไปเรื่อยๆแสงของจี้จะเกิดกระพริบขึ้นมา ผมเลยเดินตามแสงนี้ไป ยิ่งเดินแสงก็ยิ่งสว่างขึ้นเรื่อยๆเลยจนเจอห้องของทุกคนนี่ล่ะครับ”
ไม่เพียงแค่รุ่นพี่เท่านั้น แม้แต่เพื่อนที่ร่วมแผนการด้วยกันมายังมองมาทางคนคิดแผนราวกับเพิ่งค้นพบสิ่งแปลกประหลาดก็มิปาน ทุกคนต่างคิดเป็นเสียงเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย ให้ตายยังไงก็จะไม่ขอเป็นศัตรูกับไอ้หมอนี่เด็ดขาด!
“เอาล่ะ ในเมื่อเราได้รู้แล้วว่าเพลิงสีน้ำเงินน่ากลัวขนาดเจาะม่านมนตราของคารอสมาได้ก็ไม่มีอะไรสงสัยแล้วล่ะ” เรนเดลหัวเราะ เดินมาตบหลังรุ่นน้องผมเงินด้วยความถูกใจเสียดังพลัก!
“ในเมื่อพวกนายมีที่ซุกหัวนอนแล้วก็แยกย้ายกันได้แล้ว ฉันเบื่อ ฉันจะนอน!”
แล้วไหง...
คนที่บอกว่าเบื่อ จะนอน...
ถึงได้มาเคาะประตูน้องกลางดึก...
เพื่อ...
ตั้งวงไพ่กันล่ะเนี่ย!!
“แบบนี้มันผิดกฎโรงเรียนไม่ใช่รึไง”
เรฟานอสถอนหายใจแล้วมองไปทางวงไพ่ที่ส่งเสียงเฮฮากันสนุกสนาน โดยมีท่านหัวหน้าหน่วยเป็นเจ้ามือและเป็นแกนนำในการแหกกฎเสียเองจนน่าเป็นห่วงอนาคตหน่วยพิเศษที่สร้างชื่อเสียงระบือนามไปไกลว่าเจ๋งและเคร่งแค่ไหน
ใครมันบอกว่าหน่วยพิเศษนั้นเคร่งในกฎ นิสัยอย่างกับปีศาจ เขาขอไปตั๊นหน้ามันหน่อยเถอะ!
“เอาน่าๆท่านหัวหน้าชั้นปี จะเครียดไปทำไมเล่า” เซฟิรอสที่เดินแยกออกมาและบังเอิญได้ยินสิ่งที่เรฟบ่นพอดีเดินเข้าทักด้วยรอบยิ้มแม้ว่าใบหน้านั้นจะฉายแววง่วงงุนออกมาแค่ไหนก็ตาม
และนี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรฟชักสีหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ตอนสอบปฏิบัติรึก็ไม่ได้ตั้งใจอะไรสักเท่าไหร่แค่ถล่มห้องสอบไปเสียครึ่งแถบ ตอนสอบสัมภาษณ์ก็ไม่ได้คุยอะไรนอกจากเรื่องดราม่าที่ท่านอดีตจักรพรรดิชวนเขาเขาคุยจนเครียด แต่ไหงผลสอบออกมาถึงกลายเป็นว่าเขาได้ที่หนึ่งได้ละเนี่ย!!
“ถ้าพวกอาจารย์มาเห็นคงได้เห็นวงแตกกันบ้างล่ะ” เรฟบ่นออกมาอีก
“ไม่ต้องให้ถึงมืออาจารย์หรอก แค่พี่คารอสคนเดียวก็จอดแล้ว” เซฟิรอสนึกถึงใบหน้ารุ่นพี่ที่เป็นถึงรองหัวหน้าหน่วยและชอบทำใบหน้าเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาถึงกับเผยท่าทางสยดสยองต่อรุ่นพี่คนนี้จนเห็นได้ชัด
เรฟได้เห็นท่าทางนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“ก็จริงล่ะนะ เจ้านั่นชอบทำหน้าเครียดจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่”
คำพูดของเรฟานอสทำให้เด็กหนุ่มจากเวนเดลล่าหันไปมองอย่างสนใจ
“นายพูดเหมือนรู้จักพี่คารอสมาก่อนแล้วเลย”
“ก็ใช่ เคยเล่นด้วยกันสมัยเด็กน่ะ แต่ไม่ได้เล่นด้วยของเล่นเหมือนเด็กทั่วไปหรอกนะ เล่นด้วยอาวุธต่างหาก..” ประโยคหลังคนพูดพึมพำกับตัวเองเสียงเบาเสียจนคนฟังต้องเอ่ยถามอีกครั้ง
“นายว่าอะไรนะ”
“อ๋อ ฉันบอกว่าเราเคยเล่นด้วยกันสมัยเด็กน่ะ แต่พอพี่คารอสโตขึ้นและกลับไปอยู่บ้านเกิดฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย” เรฟเอ่ยแก้
“อย่างนั้นหรอ...” เซฟิรอสแม้จะยังคงสงสัยแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ “ว่าแต่ นายรู้จักกับเอนด์มาตั้งแต่เด็กเหมือนกันหรอ”
“ดูนายสนใจเรื่องของฉันจังนะ” เรฟยิ้มบางแต่ก็ยอมกล่าวออกมา “ฉันรู้จักกับเจ้านั่นตั้งแต่เจ็บขวบ วันนั้นฉันแอบตามท่านลุงเข้าไปในรถแม้ด้วยแต่ก็ถูกจับได้ แต่จะให้ย้อนกลับไปส่งก็ไกลเลยได้ติดไปที่วังของเจ้านั่นด้วยน่ะ ตอนนั้นฉันจำได้ว่าเอนด์สมัยเด็กเป็นคนที่หัวดื้อ เอาแต่ใจ และไม่ยอมฟังใครจนท่านอาเอเรียสมาบ่นให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆ”
จะให้นึกถึงกี่ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาทุกครั้งกับความเด็กของเจ้าชายจากไฟร์ออนาซและความบ้าจี้ของเขาที่ยอมทำตามเจ้านั่นจนสนิทกันได้
“ว่าแต่นายเถอะ ไม่มีเพื่อนสมัยเด็กบ้างหรอ”
เรฟานอสหันไปหาคนที่อุตส่ามายืนคุยเป็นเพื่อนเขาอยู่ข้างๆ เซฟิรอสยิ้มออกมาเล็กน้อย ท่าทางสบายๆที่มีอยู่เป็นนิจช่างคล้ายกับบุคลิกของเจ้าหลานชายท่านแม่ทัพแห่งไฟร์ออนาซเสียจนถ้าไม่รู้คงนึกว่ามาจากครอบครัวเดียวกันเป็นแน่
“ที่จริงก็ควรจะมีอยู่หรอก”
เรฟานอสมองคนที่เผยใบหน้าเศร้าสร้อยเสียจนหน้าใจหายอย่างสงสัย
“แล้ว...?” พูดออกมาได้คำเดียวเรฟก็เงียบลงเมื่อไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมาดี
“ฉันเกิดมาในตระกูลของอัศวินราชองครักษ์ มีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องรัชทายาทและเคียงข้างท่านไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ มันเป็นกฎที่ว่าราชองครักษ์จะต้องเข้าไปถวายการรับใช้องค์รัชทายาทตั้งแต่เด็กเพื่อให้ทั้งสองคุ้นเคยกันและเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันในภายภาคหน้า”
“นายกำลังจะบอกว่าแม้แต่นายก็ไม่ได้พบเจ้าชายรัชทายาทอย่างนั้นหรอ”
เซฟิรอสพยักหน้าโดยที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด
“ใช่ ในวันที่ฉันเข้าวังไปเพื่อถวายการรับใช้ เจ้าชายก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ทางราชวังแทบจะพลิกแผ่นดินหาก็ไม่เจอ จนเมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็มีข่าวลือแพร่ออกไปว่าเจ้าชายแอบเข้ามาช่วยทหารปราบกบฏ จัมกุมพวกค้ามนุษย์ และอีกหลายอย่างที่อยู่ในเงามืดทำให้พระราชามีรับสั่งว่าให้หยุดค้นหา เพราะยิ่งไล่ตามเท่าไหร่ เจ้าชายผู้รักอิสระผู้นั้นก็ยิ่งห่างไกลออกไปทุกที”
มือแกร่งกำราวระเบียงแน่นอย่างคนอดกลั้น นัยน์ตาสีแดงประกายทองเหม่อมองออกไปยังท้องฟ้ายามราตรีราวกับกำลังเฝ้าคะนึงหาบุคคลที่อยู่ไกลแสนไกล
“ในฐานะของข้ารับใช้ผู้ภักดีแล้ว มันคือความผิดพลาดที่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาหลายปีก็ยังไม่มีโอกาสได้พบกับพระองค์ จนเมื่อได้รู้ข่าวเรื่องคำทำนายแห่งแผ่นดิน ฉันจึงได้เข้ามาที่นี่เพื่อตามหาท่าน”
เรฟานอสสะดุดกึกกับคำพูดของอีกฝ่าย เอ่ยทวนเบาๆอย่างไม่แน่ใจ
“คำทำนายแห่งแผนดิน?”
เซฟิรอสเลิกคิ้วก่อนจะเปล่งคำทำนายออกมาด้วยน้ำเสียงอันก้องกังวาน ทำให้เรฟถึงกับเห็นใบหน้าของทารีซ้อนทับขึ้นมาทันที
“เมื่อเหล่าบุตรแห่งเทพทั้งสี่เจริญวัยครบสิบเจ็ดพรรษา ทั้งหมดจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งณ จุดศูนย์กลางแห่งเผ่าพันธุ์ เมื่อนั้นโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่หากเมื่อใดที่บุตรแห่งเทพองค์ใดองค์หนึ่งเกิดหลงทาง เมื่อนั้น ภัยพิบัติครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น…”
“ภัยที่แม้เจ้าเทพเจ้าก็มิอาจจะแก้ไขได้”
เรฟกล่าวประโยคสุดท้ายพร้อมๆกับเซฟิรอสทำให้อีกฝ่ายรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เรฟรู้เรื่องคำทำนายนี้ด้วย แต่เรฟานอสก็หันมายิ้มกว้างแล้วเฉลยข้อสงสัยของเขา
“พอดีได้ฟังมาจากทารีสน่ะ” เรฟกล่าวด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆตามแบบฉบับ “แต่ก็นะ เซฟิรอส..”
คนถูกเรียกนิ่งเงียบแต่ก็รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“ทำไมทุกคนถึงได้ยึดมั่นกับคำทำนายนี้นัก แค่เพียงเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับความเป็นตายของอาณาจักรหรอ”
เซฟิรอสนิ่งคิดก่อนจะตอบ
“สำหรับอาณาจักรอื่นอาจจะใช่ แต่สำหรับชาวเวนเดลล่านี่คือความหวัง ความหวังที่จะได้พบองค์รัชทายาทที่หายไปอีกครั้ง”
“หรอ ดูมุ่งมั่นดีนะ” เรฟกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่ทั้งสองจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงเข้มตวาดขึ้นภายในห้องที่มีการตั้งวงไพ่กันอยู่จนทำเอาคนทั้งหมดแตกฮือราวกับผึ้งแตกรัง
“เรนเดล!! ใครใช้ให้นายทำผิดกฎแทนหะ! กลับห้องไปเดี๋ยวนี้! ทุกคนเลย อย่ามัวแต่อึ้ง!! ฉันจะหักคะแนนความประพฤติพวกนายคนละยี่สิบคะแนน!!”
เมื่อเห็นรุ่นพี่ที่ดำรงดำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยเดินตรงมาทางพวกเขาทั้งสอง เรฟและเซฟิรอสจึงส่งยิ้มหวานไปขัดตาทัพ
“พวกนายไม่ได้เล่นใช่ไหม”
ทั้งสองส่ายหน้าหวือจนคอแทบหัก คารอสพยักหน้าเข้าใจก่อนจะปรายตามาทางเรฟานอสแวบนึงและเดินกลับเข้าไปในห้องเช่นเดิม
“งั้นฉันไปก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าทุกคนกลับห้องไปกันหมดแล้ว เซฟิรอสจึงหันมาลาเพื่อนจากไฟร์ออนาซเพื่อกลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง
“อืม ฉันคิดว่ายืนรับลมอีกหน่อย นายกลับห้องไปเถอะ”
เรฟานอสมองส่งเพื่อนใหม่ไปจนลับตา นัยน์สีน้ำเงินใสเสกลับมามองยังฟ้ายามรัตติกาลเช่นเดิม ผมสีเงินปลิวไสวไปตามแรงลมช่างขัดกับความมืดมิดเบื้องหน้า แสงนวลของจันทราอาบไล้ไปทั่วทุกผืนแผ่นดิน แต่ช่างน่าแปลก ที่ในค่ำคืนนี้จันทรากลับมัวหมองต่างจากทุกวันราวกับกำลังร่ำไห้ให้กับอะไรบางอย่าง
เรฟานอสเหม่อมองเข้าไปในความมืดมิด นานแสนนาน ก่อนจะเหยียดรอยยิ้มหยันออกมาเมื่อนึกถึงบทสนทนาของเขากับเพื่อนจากเวนเดลล่าเมื่อครู่
“สำหรับอาณาจักรอื่นอาจจะใช่ แต่สำหรับชาวเวนเดลล่านี่คือความหวัง ความหวังที่จะได้พบองค์รัชทายาทที่หายไปอีกครั้ง”
ความเชื่ออันไร้แก่นสาร กับความหวังลมๆแล้งๆที่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ
“คำทำนายแห่งแผ่นดินงั้นหรอ...”
หึ... ก็แค่เรื่องไร้สาระที่มนุษย์สร้างขึ้นเท่านั้นแหละ...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สั้นไปนิดนึง...แหะๆ
หลังจากที่แต่งไปได้สักพักไรต์ถึงได้รู้ตัวเองว่า ไรต์ถนัดแต่งดราม่าเป็นอย่างมาก!!
แต่งอะไรก็ดราม่าไปหมด! อยากจิกรี๊ด T^T
เมื่อวานไรต์นึกสนุก เลยวาดรูปเรฟานอสมาฝากทุกคนด้วย
รูปอาจจะไม่ชัดเพราะใช้มือถือถ่าย อีกอย่างมันยังไม่สมประกอบเพราะไรต์ยังกาก 5555555
อย่าลืมเม้นด้วยน๊าาาา ขอกำลังใจหน่อยนะพลีสสส T^T
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า
ความคิดเห็น