คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7
บทที่ 7
“หาเองสิ”
เสียงประกาศิตจากรุ่นพี่ยังคงดังซ้ำไปซ้ำมาในหัวของรุ่นน้องปี1 ของหน่วยพิเศษทุกๆคน แม้ว่าตัวคนพูดและรุ่นพี่ทั้งหมดได้เดินหายเข้าไปในประตูบานใหญ่แล้วแต่เด็กปีหนึ่งทุกคนก็ยังคงมองหน้ากันเลิกลักกระพริบตาปริบๆอย่างคนที่ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ในปัจจุบัน
“ดูท่าว่าเราจะโดนรับน้องตั้งแต่ยังไม่ทันได้เหยียบเข้าไปในหอซะแล้วล่ะนะ”
เรฟานอสพูดยิ้มๆขณะหันไปหากลุ่มเพื่อนของตนเอง
“ว่าแต่ รุ่นพี่เขาหมายความว่ายังไงที่ให้เราหาเอง”
เอนเดลลิออนยังคงถามอย่างไม่เข้าใจ ในขณะที่เรอาเดินตรงไปที่ประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิท แต่ยังไม่ทันที่มือแกร่งจะได้แตะไปที่บานประตูก็ถูกใครบางคนกระชากไปด้านหลังพร้อมม่านมนตราที่ถูกกางขึ้นเมื่ออยู่ๆก็มีธนูเพลิงที่สร้างมาจากเวทพุ่งออกมาจากประตูและตรงเข้าหาผู้บุกรุกทันที
อึ้ง อึ้งและทึ่งกันไปทั้งชั้นเลยทีเดียวเมื่อเห็นเวทชั้นสูงพุ่งเข้าหาเพื่อนร่วมชั้นของตน
“อยู่โรงเรียนนี้อายุสั้นไปอีกสิบปีแหงเลย”
เสียงพึมพำดังมาจากใครสักคนที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเรฟนัก ซึ่งทุกคนก็อดพยักหน้าอย่างเห็นด้วยไม่ได้ ตอนสอบก็มีแต่เวทชั้นสูงแถมยังมีมนุษย์ดินมาป่วน มาวันรายงานตัวก็มีรับน้องด้วยเวทระดับสูงของรุ่นพี่
เฮฮาปาร์ตี้ดีจริง!
“เห็นอย่างนี้แล้ว... พี่เขาน่าจะหมายถึง ให้เราฝ่าประตูเข้าไปให้ได้แล้วก็เดินตามหาห้องกันเอาเองล่ะมั๊ง...นะ”
เซฟิรอสเอ่ยขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจสักเท่าไหร่แต่ก็ยังพยายามปลอบใจตัวเองว่ารุ่นพี่คงไม่ใจร้ายจนเกินไปนักโดยหารู้ไม่ว่าค่ำคืนนี้พวกเขาอาจจะไม่ได้นอนด้วยเพราะความใจดีของรุ่นพี่ที่น่ารักทั้งหลาย
“แล้วเราจะเข้าไปหายังไงล่ะ ขนาดแค่เข้าหอพี่ท่านยังไม่ให้เราเข้า” เสียงใครสักคนดังขึ้นอีก
“นั่นแหละ เราถึงต้องมาร่วมมือกันไง”
เรฟานอสกระตุกยิ้มที่ไม่ต่างจากรุ่นพี่สักเท่าไหร่ แต่กลับดูเจ้าเล่ห์กว่ามากจนทารีสถึงกับเผลอถอยหลังออกห่างจากเพื่อนไปหนึ่งก้าว
“ร่วมมือ? ยังไงล่ะ”
“ก่อนอื่น... เรามาแนะนำตัวก่อนก่อนดีกว่านะครับ” เรอายิ้มกว้างท่าทางกระตือรือร้นที่จะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่เต็มที่
“ฉันไอเมอร์ ฟิลเนต จากราเวนเทียร์” คนที่ช่วยเรอาไว้พูดขึ้น
“ฉันเนล ดีรีเจี้ยน และเจ้านั่นชื่อ นีล ดีรีเจี้ยน พวกฉันมาจากเดนิตาร์น่ะ” คนที่มีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาพูดขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่อีกคนมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ แตกต่างกันแค่เนลจะมีผมสีน้ำตาลเข้มแต่นีลเป็นสีน้ำตาลประกายทองออกมาเท่านั้นเอง
“ชารอน เรเวลรีน จากเวนเดลล่าค่ะ” ผู้หญิงเพียงคนเดียวในชั้นปีพูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางสุภาพของเธอช่างดูขัดกับพลังและท่าทางราวกับปีศาจของหอนี้ราวฟ้ากับเหว
“ฉันฟารอส แอสม่า จากไฟร์ออนาซ”
“แอสม่า? นายเป็นญาติกับพี่เรนเดลหรอ” เนลหันไปมองคนที่เพิ่งแนะนำชื่อตัวเองด้วยความกระตือรือร้น
“ใช่ พี่เรนเดลเป็นลูกของลุงน่ะ”
“อ่อ..” คนถามพยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันไปถามกลุ่มของเรฟที่ยืนรวมกันอยู่ “แล้วพวกนาย ถึงพวกฉันจะพอรู้จักนายแล้วแต่แนะนำตัวอีกรอบก็ดีนะ”
“เรฟารอส โรซาเรียส จากไฟร์ออนาซ ยินดีที่ได้รู้จัก” เรฟยิ้มกว้าง
“ทารีส ราเวนีเซีย จากราเวนเทียร์”
“เอนเดลลิออน โรซาแลนซ์ จากไฟร์ออนาซ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“เรอา เดโรนีการ์ จากเดนิตาร์ครับ”
“เซฟิรอส วินด์เคอเรีย จากเวนเดลล่า”
วี้ด วิ่ว
เสียงผิวปากดังขึ้นมาจากคู่ฝาแฝดเมื่อทุกคนแนะนำตัวครบหมดแล้ว ทั้งสองหันไปมองเจ้าชายทั้งสามและเพื่อนอีกสองคนอย่างสนใจ
“สามคนเป็นเจ้าชาย หนึ่งมาจากตระกูลราชองครักษ์ที่เคียงข้างกับราชวงศ์มานาน และอีกหนึ่งมาจากตระกูลแม่ทัพใหญ่ สงสัยการประลองกระชับสัมพันธ์ปีนี้เราคงชนะขาด”
“หรืออาจจะเป็นสี่เจ้าชาย...” ไอเมอร์พูดขึ้นท่ามกลางความสงสัยของทุกคน
“ก็ดูสิ ข่าวลือกระจายไปทั่วว่าเจ้าชายทั้งสี่จะมาสอบเข้าปีนี้ แล้วที่นี่ก็มีเจ้าชายมาแล้วสาม พวกนายคิดว่าเจ้าชายอีกหนึ่งองค์จะตกลำดับไปอยู่หออื่นหรอ?”
คำพูดของไอเมอร์ทำให้ทุกคนนิ่งคิดพลางมองเพื่อนใหม่แต่ละคนอย่างจับผิดทำให้เซฟิรอสคลี่ยิ้มออกมาอย่างขำๆและกล่าวเสียงนุ่ม
“ฉันว่าเราอย่าเพิ่งคิดเรื่องพวกนี้เลย เรามาช่วยกันคิดว่าเราจะเข้าไปในหอตามคำเชิญของรุ่นพี่ที่รักได้ยังไงกันก่อนดีกว่านะ”
“นั่นสิ” เอนเดลลิออนถอยหายใจ “งานนี้ถ้าให้เข้าไปคนเดียวคงซี๊แหง๋แก๋”
เรฟานอสที่ยืนฟังเพื่อนคุยกันอยู่เงียบๆขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ริมฝีปากเม้มแน่นตามความเคยชินก่อนจะหันไปสะกิดแขนเซฟิรอสยิกๆ
“มีอะไร”
“นายบินได้มั๊ย”
เซฟิรอสนิ่งไปนิดก่อนที่จะพยักหน้า “ถ้าหมายถึงให้ใช้พลังลอยตัวก็ได้นิดหน่อย แต่ไม่นานเท่าไหร่”
“แค่สองนาที ถ่วงเวลาให้ฉันสองนาที นายไหวรึเปล่า”
“นานกว่านั้นก็ยังได้”
คำตอบที่ทำให้เรฟยิ้มกว้างแล้วแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าชั่วร้ายเสียจนคนมองขนลุกพรึบ เรฟหัวเราะหึหึในลำคอในขณะที่สมองก็กำลังคิดแผนการสนุกๆที่เหล่ารุ่นพี่ไม่น่าจะสนุกไปด้วย
“นายมีแผนแล้วหรอ” ทารีสมองไปทางเพื่อนที่ดวงตาส่องประกายเสียจนปิดไม่ปิด
“ทุกคน ฟังฉันหน่อย”
. . . .
. . . .
. . . .
. . . .
. . . .
. . . .
. . . .
. . . .
. . . .
ภายในห้องนั่งเล่นขนาดเล็กชั้นบนสุดของปราสาทหน่วยพิเศษมีนักเรียนตั้งแต่ปีสองจนถึงปีสี่กำลังนั่งมองความเป็นไปของน้องใหม่ผ่านจอมนตราขนาดใหญ่ด้วยความเกียจคร้าน บางคนถึงกับนั่งสัปหงกเมื่อเวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงรุ่นน้องก็ไม่มีท่าทีว่าจะพังประตูผ่านเข้ามาได้เสียที
“นายสนใจ?”
เรนเดลทักเพื่อนที่ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นคารอสจับจ้องไปยังจอมนตราที่กำลังฉายภาพเหล่าเด็กใหม่ที่กำลังพยายามพังประตูเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตายแต่ช่างดูไร้ความหมายเสียจนน่าหงุดหงิด
“เด็กปีนี้น่าสนใจนะ มีเจ้าชายตั้งสามองค์ แล้วไหนจะเด็กซ่อนคมจากเวนเดลล่าและเด็กที่ใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์อีก” เรนเดลมองไปที่จอมนตราอีกครั้งแล้วขมวดคิ้วอย่างขัดใจ
“แต่เด็กพวกนั้นต่างถือดีว่าตนเก่ง ทะนงในพลังของตนสียจนไม่สนใจคนรอบข้าง ดูท่าคงจะไปไม่รอด”
คารอสไม่สนใจคำพูดของเพื่อนแม้แต่น้อย ดวงตาสีรัตติกาลยังคงจับจ้องไปยังจอภาพอีกครั้งอย่างสงสัย เรียบเกินไป... เขารู้จักกับเจ้าหลานแม่ทัพนั่นมาหลายปี เรฟานอสไม่ได้มีนิสัยที่หยิ่งทะนงในพลังอย่างที่เรนเดลพูดเลยแม้แต่น้อย หรือว่าเขากำลังมองอะไรพลาดไป...
“ไม่ใช่หรอก เรฟานอสไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ หมอนั่นไม่มีทางทำอะไรโดยพละการแน่”
คารอสหันไปมองเพื่อนด้วยแววตานิ่งสงบ “ฉันว่ามันน่าจะเป็นแผนของเจ้านั่น”
“นายกำลังจะบอกว่านั่นเป็น...” เรนเดลชะงักก่อนที่จะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม!!
เสียงระเบิดดังขึ้นถี่ยิบทำให้ทุกคนผุดลุกขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไร ก็มีลูกไฟสีเหลืองอ่อนลุกพรึบขึ้นตรงหน้าหัวหน้าหน่วยพิเศษพร้อมกับเสียงของเพื่อนอีกคนดังขึ้นมา
‘เรนเดล!! ตอนนี้เจ้าเด็กปีหนึ่งกำลังบินแล้วซัดพลังใส่หน้าต่างทางทิศตะวันออกไม่หยุดเลย!! ตู้ม ตู้ม!! ไอเด็กบ้านี่! พลังอะไรกันเนี่ย!’ คนพูดสบถเล็กน้อยแล้วหันมาพูดต่อ ‘แบ่งกำลังมาช่วยกันหน่อย ตรงนี้จะแย่แล้ว!! ตู้ม!!!’
เสียงระเบิดรอบสุดท้ายดังสนั่นพร้อมกับลูกไฟสีเหลืองอ่อนที่หายวับไปเป็นสัญญาณว่าฝั่งตรงข้ามได้ตัดการติดต่อไปเรียบร้อยแล้ว เรนเดลหน้าเครียดลงทันทีก่อนจะตวัดสายตาไปที่จอมนตราอีกครั้งก่อนที่จะอึ้งจนพูดไม่ออก
หายไป!! เจ้าเด็กพวกนั้นหายไปไหนแล้ว!! อย่าบอกนะว่านั่นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา!?
“ปีสองปีสามขึ้นไปช่วยฟาอีสที่ทิศตะวันออก ส่วนปีสี่ลงไปเฝ้าประตูด้านล่าง คอยเสริมเวทบนประตูอย่าให้ใครเข้ามาข้างในได้!”
หึ ถล่มกันขนาดนี้ ค่อยสมกับเป็นหน่วยพิเศษหน่อย!
ปีสองและปีสามเมื่อวิ่งไปจนถึงทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศที่รุ่นพี่ปีสี่นามฟาอีสถูกรุ่นน้องอยู่ถล่มเมื่อครู่ แต่เมื่อไปถึงทุกคนก็ต้องทำหน้าประหลาดใจเมื่อสิ่งที่พวกเขาพบกลับไม่ใช่รุ่นพี่ที่เรียกขอกำลังเสริมหรือสภาพยับเยินของหน้าต่างหและผนัง มีเพียงร่างสองร่างของเด็กหนุ่มรุ่นน้องผู้มีเรือนผมสีเงิน ดวงตาสีแดงประกายทองที่นิ่งสนิทและเด็กสาวเพียงคนเดียวของชั้นปีกำลังยืนพิงกรอบหน้าต่างอย่างสบายๆเหมือนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
“เอาล่ะครับรุ่นพี่” หนุ่มผู้มีดวงตาสีแดงประกายทองขยับยิ้ม “เรามาเล่นกันเถอะครับ”
ทางด้านของเรฟที่มองสถาณการณ์อยู่ด้านนอกเผยใบหน้าพึงพอใจเมื่อรุ่นพี่ทั้งหลายติดกับที่วางไว้อย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้เพื่อนอีกกลุ่มทำตามแผนที่วางไว้
“พร้อมรึเปล่า”
เรฟถาม ทั้งหมดพยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงแล้วเรียกอาวุธของตัวเองออกมา
“แสดงฝีมือให้สมกับที่เป็นหน่วยพิเศษเลยพวก”
คารอสและเรนเดลที่เดินลงมาสมทบกับเพื่อนในชั้นที่ประตูใหญ่ของปราสาทยิ้มอย่างถูกใจเมื่อรับรูปถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงที่บานประตูซึ่งถ้าอยู่ในยามปกติคงได้กลายเป็นเศษเหล็กหากสัมผัสกับพลังจำนวนมหาศาลแบบนี้
เรลเดลคิดไว้แล้วว่าการโจมตีที่หน้าต่างนั้นเป็นเพียงตัวล่อเพื่อให้พวกเขาละเลยประตูใหญ่นี้ ใช้จังหวะที่ทุกคนให้ความสนใจกับหน้าต่างมาพังประตู เขากับคารอสจึงให้ปีสองและปีสามไปดูทางนั้นเพื่อไหลตามน้ำและให้ปีสี่ที่มีพลังเวทชั้นสูงมาเฝ้าประตู
ซึ่งเป็นไปตามคาด ทันทีที่ปีสองและปีสามแยกตัวออกไป เหล่าเด็กปีหนึ่งก็ใช้พลังกระหน่ำมาที่บานประตูอย่างบ้าคลั่งแบบที่ต้องใช่รุ่นพี่ถึงห้าคนคอยเสริมเวทและประคองประตูเพื่อไม่ให้มันแตกยับเป็นเศษเหล็กอยู่ตลอดเวลา
“เด็กรุ่นนี้เก่งนะ นายว่าไหม”
เรนเดลหันไปทางเพื่อนผมดำที่ยืนข้างๆ
“เก่งและบ้าบิ่นจนน่ากลัว คนแบบนี้มักตายเร็ว”
เรนเดลหัวเราะเมื่อได้ยินคำตอบของเจ้าคนหน้าตาย ก็จริงที่เด็กพวกนี้เก่ง แต่กลับบ้าบิ่นจนถึงกับจะพังหอขนาดนี้ก็น่าเป็นห่วงอนาคตพวกมันเสียเหลือเกิน
“เอาน่า ยังเหลือเวลาอีกสี่ปีที่เด็กพวกนี้จะได้เรียนรู้ เชื่อเถอะ เมื่อจบไป เด็กพวกนี้จะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของทั้งสี่อาณาจักรเชียวล่ะ”
คารอสและเพื่อนทีที่ยืนอยู่ไม่ไกลแอบเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่เสียงใสที่ดังมาจากทางด้านหลังกลับตอบคำถามนั้นแทนทำให้พวกเขาทั้งหมดยืนนิ่งราวกับถูกสาบ
“โอ้โห พวกผมน่าสนใจขนาดนั้นเลยหรอครับเนี่ย”
“มาจนได้สินะ”
เรนเดลและนักเรียนปีสี่เกือบทั้งหมดหันไปมองคนพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เรฟานอสยิ้มให้รุ่นพี่อย่างสดใสต่างกับเพื่อนที่กำลังถล่มปราสาทกันอยู่ข้างนอก เรนเดลกอดอกมองรุ่นน้องตาสีน้ำเงินแล้วถามราวกับไม่สนใจว่าแผนรับน้องที่ตนเองระดมสมองคิดกันกับเพื่อนแทบตายกำลังจะถูกรุ่นน้องทำลายเพียงแค่เวลาไม่กี่ชั่วโมง
“เป็นไงล่ะ หาห้องได้รึยัง”
เรฟหัวเราะเล็กน้อยแล้วชูสร้อยทองคำขาวที่ประดับด้วยจี้ตราโรงเรียนสีทองบริสุทธิ์ที่นักเรียนหอพิเศษทุกคนมีติดตัวทั้งสิบเส้นขึ้นมาพลางส่งยิ้มไปให้รุ่นพี่หัวหน้าหน่วยด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
“พี่แพ้แล้วครับ”
.........................................................................................................................................................
บทที่7มาแล้วจ้าา เมื่อวานพิมพ์ๆอยู่ กำลังตรวจคำผิดไฟก็ดับพรึบ!!
ไรต์นี่ร้องไห้หนักมาก... 5555555
ไหนๆ ใครบอกจะลงแดง อย่าเพิ่งน๊าา ไรต์เอามาลงให้แล้ว 5555
เอาล่ะ เจอกันตอนหน้าจ้า
ความคิดเห็น