คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6
บทที่ 6
“เรฟตี่น”
“.....”
“เรฟ! ตื่น!”
“.....”
“เรฟ!! ตื่นโว้ยยยยย!!!”
“โอ๊ย!! เจ้าจะตื่นก็ตื่นไปสิ จะปลุกข้าทำไมเนี่ย!”
คนถูกปลุกเสียดังลั่นลุกขึ้นมาแล้วคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุดในตอนนี้ใส่เพื่อนที่มียศเป็นถึงเจ้าชายอย่างหงุดหงิด แต่เมื่อทำท่าจะล้มตัวลงไปนอนต่อก็ถูกกระชากแขนไว้จนนอนลงไปไม่ได้ซะงั้น
“หยุด หยุดเลยเพื่อน วันนี้เจ้าจะตื่นสายไม่ได้นะ ถ้าเจ้าช้าทารีสคงไม่รอแน่”
คำพูดของเอนเดลลิออนทำให้เรฟานอสถึงกับตื่นเต็มตา ความง่วงที่เคยมีหายเป็นปลิดทิ้ง กระเด้งตัวลุกขึ้นยืนกับพื้นทันทีราวกับเอนด์เพิ่งไปกดเปิดสวิตซ์อะไรบางอย่าง ขณะที่เอนด์ก็ยังคงมองคนที่หันขวาทีซ้ายทีอย่างงงๆ
“เจ้าทำอะไร”
“นี่กี่โมงแล้วเอนด์”
อ้อ... ที่แท้ก็กำลังหานาฬิกา.. เอนด์กอดอกแล้วมองคนตื่นสายนิ่งๆ
“เก้าโมงครึ่ง เจ้ามีเวลาแค่สิบห้านาทีในการจัดการกับตัวเองและออกไปพบข้าและทารีสที่หน้าโรงแรมตามนัด อย่าสายล่ะ” ว่าจบก็เดินออกจากห้องไปทันที
เมื่อประตูปิดสนิทลง นัยน์ตาสีน้ำเงินที่ส่องประกายสดใสยามอยู่กับสหายก็แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งสนิทและคมปลาบทันที ประกายตาช่างทรงอำนาจเสียจนถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า คนๆนี้ไม่ใช่ เรฟานอส โรซาเรียส คนที่สดใสตลอดเวลาคนนั้นแน่
ฮ้าววว
เสียงหาวที่ดังไม่น้อยดังไปทั่วทั้งรถม้าคันใหญ่ที่กำลังมุ่งเข้าสู่โรงเรียนเตรียมอัศวินคาเรเนียสของเจ้าชายทารีสแห่งราเวนเทียร์ หากแต่นั่นมิได้เป็นเสียงของเจ้าชายเจ้าของรถม้าแต่อย่างใด แต่มันกลับเป็นเสียงของเจ้าหลานแม่ทัพผมเงินที่กำลังตาปรือคล้ายจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่ตรงข้ามนี่ต่างหาก
“ข้าสงสัยเสียจริง เมื่อคืนเจ้าก็เข้านอนเร็ว ทำไมตอนเช้าถึงได้มีสภาพเหมือนคนไม่ได้นอนเสียอย่างนั้นล่ะ”
เจ้าชายผมสีแดงเพลิงที่นั่งอยู่ข้างๆมองคนที่มีสภาพไม่ต่างจากซอมบี้อย่างสงสัย โดยมีเจ้าชายทารีสที่มองมาแต่ไม่ยอมเปิดปากพูดอยู่เช่นกัน
“ถ้านอนเร็วของเจ้ามันคือตีสองน่ะนะ” เรฟานอสแยกเขี้ยวใส่เพื่อนอย่างหมันไส้ “ใครกันล่ะที่ชวนข้าคุยเสียดึกดื่น จะไปนอนเจ้าก็ไม่ให้ไปจนข้าต้องมานั่งง่วงอยู่แบบนี้”
คนถูกหมันไส้หัวเราะเบาๆก่อนจะพยักหน้าไปทางเจ้าชายทารีสที่นั่งเงียบอยู่ตรงข้าม
“เราอุตส่าได้เพื่อนใหม่ที่เป็นถึงเจ้าชายทั้งที ก็ต้องทำความรู้จักกันหน่อยสิ”
“ถามเขาไหมว่าอยากรู้จักกับเจ้ารึเปล่า” เรฟยังคงเหน็บไม่เลิก
“ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันอีกสี่ปี รู้จักกันไว้นั่นแหละดีแล้ว เนอะทารีส”
เอนเดลลิออนหาแนวร่วม แต่ดูเหมือนจะหาผิดคนไปสักหน่อย เมื่อเจ้าชายทารีสยังคงนิ่งเงียบอยู่เช่นเดิมแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธออกมาราวกับเป็นการยอมรับอยู่กรายๆทำให้เรฟานอสส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ
เนื่องจากโรงแรมอยู่บริเวณชานเมืองทำให้ระยะทางในการไปรายงานตัวที่โรงเรียนนั้นค่อนข้างไกลสักนิด จนคนที่ดูเหมือนไม่ง่วงอย่างเอนเดลลิออนถึงกับเผลอหลับนั้นเป็นการยืนยันถึงความลำบากลำบนในระยะทางเป็นอย่างดี
เรฟหันไปมองเพื่อนผมแดงที่พิงพนังรถม้าหลับเป็นตายอยู่ด้านข้างอย่างขำๆ เมื่อคนที่คอยสร้างสีสันเกิดสลบไสลลงไปแล้ว เรฟจึงชวนเจ้าชายพูดน้อยคุยต่อเพื่อไม่ให้บรรยากาศภายในรถเงียบจนเกินไปนัก
“ข้ายังไม่เคยไปราเวนเทียร์เลย ที่นั่นสวยรึเปล่า”
คำถามนี้ทำให้คนที่ถูกพูดถึงเหลือบมามองคนพูดเล็กน้อยก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่างเช่นเดิม
“จะว่าสวยก็สวย แต่เมืองที่เต็มไปด้วยน้ำคงไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าหรอก”
เรฟมองคนพูดอย่างแปลกใจ “ทำไมเจ้าถึงว่าไม่เหมาะกับข้าล่ะ”
“หากเจ้าเป็นคนของไฟร์ออนาซเจ้าคงจะรู้ว่าน้ำกับไฟไม่ถูกกัน ยามใดที่เจ้าไปอยู่ผิดที่ผิดทาง เมื่อนั้นเจ้าจะตาย”
คำพูดและน้ำเสียงของเจ้าชายทารีสทำให้เรฟานอสรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆที่อีกฝ่ายจงใจแผ่ออกมาแต่ก็หายวับไปอย่างรวดเร็วเสียจนเขาเริ่มไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หากเจ้าบอกว่าเมื่อเราไปอยู่ผิดที่ผิดทางเราจะตาย แล้วทำไมเจ้าที่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในวังถึงได้ออกมาจากหอคอยงาช้างนั่นล่ะ”
“มันไม่เหมือนกัน ที่เมืองนี้คือจุดศูนย์กลางที่เชื่อมทั้งสี่อาณาจักร ใครๆก็อยู่ที่นี่ได้ทั้งนั้น”
“แล้วทำไมอยู่ๆเจ้าถึงออกมาล่ะ ข้าไม่เชื่อว่าที่ราเวนเทียร์จะไม่มีโรงเรียนที่ดีไม่แพ้ที่คาเรเนียสหรอกนะ”
“เจ้าอยู่กับเอนด์ตลอดเวลา เจ้าไม่รู้หรอ”
เกลียดคำพูดว่าเจ้าไม่รู้หรอจริงๆ ถึงเขาจะตัวติดกับเอนด์ตลอดเวลาก็ใช่ว่าเขาจะรู้ไปทุกเรื่องนะ!! เรฟคิดพลางกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย
“ก็ไม่รู้น่ะสิถึงได้ถาม”
“มันเป็นคำทำนายสุดท้ายของผู้วิเศษแห่งเซซินเนียร์ก่อนที่ท่านจะล่วงลับ” พูดมาถึงตรงนี้ ทารีสก็ชะงักราวกับไม่แน่ใจว่าสมควรพูดต่อหรือไม่
“แล้วไงต่อ เขาทำนายว่าอะไร”
“เมื่อเหล่าบุตรแห่งเทพทั้งสี่เจริญวัยครบสิบเจ็ดพรรษา ทั้งหมดจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้งณ จุดศูนย์กลางแห่งเผ่าพันธุ์ เมื่อนั้นโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่”
ทารีสสูดลมหายใจเข้า ก่อนที่จะเอ่ยคำทำนายช่วงสุดท้าย
“แต่หากเมื่อใดที่บุตรแห่งเทพองค์ใดองค์หนึ่งเกิดหลงทาง เมื่อนั้น ภัยพิบัติครั้งใหญ่จะเกิดขึ้น ภัยที่แม้แต่เทพเจ้าก็มิอาจจะแก้ไขได้”
บังเกิดความเงียบขึ้นทันทีที่พูดจบ คำทำนายที่เหมือนเป็นการบังคับกรายๆทำให้เรฟานอสขมวดคิ้วมุ่น คำทำนายนี้ยังมีช่องว่างอีกมากมาย แต่ทุกคนกลับยอมทำตามคำทำนายนั้นเพียงเพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาณาจักร
ช่างน่ายกย่องแต่ก็น่ารำคาญเสียจนน่าหัวเราะ...
“เพราะเหตุนี้สินะ เจ้าถึงจำต้องออกมาจากหอคอยงาช้างแบบนี้”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก” ทารีสปฏิเสธ “ที่ข้าออกมาก็เพราะอยากเจอเขา”
“เขา?” เรฟานอสทวนถาม
“เจ้าชายจากเวนเดลล่า ข้าอยากเจอเขา”
“แย่เลยนะ” เรฟานอสยิ้ม “ทั้งวันที่เราไปสอบ ข้ายังไม่พบเจ้าชายแห่งเวนเดลล่าเลยแม้แต่เงา”
เจ้าชายทารีสหันมามองคู่สนทนาเป็นครั้งแรกอย่างประหลาดใจ โดยปกติแล้วเรฟจะต้องถามเขาต่อว่าทำไมถึงอยากเจอเจ้าชายจากเวนเดลล่า แต่เพราะครั้งนี้อีกฝ่ายกลับเบี่ยงประเด็นไม่สนใจเสียอย่างนั้นทำให้ทารีสรู้สึกแปลกใจไม่น้อย
“เจ้าจะไม่ถามหรอว่าข้าอยากเจอเขาไปทำไม” เป็นทารีสที่อดรนทนไม่ไหวถามขึ้นแทน
เรฟยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ข้ารู้แล้วยังไงล่ะ ข้าช่วยให้เจ้าพบกับเจ้าชายผู้นั้นไม่ได้สักหน่อย”
“หรอ..” เจ้าชายเผยใบหน้าผิดหวังออกมาชั่วแวบนึง “นี่เรฟ ข้าถามอะไรหน่อยสิ”
“ถามอะไร”
“.…” คนที่มีเรื่องจะถามยังคงเงียบจนเรฟต้องเอ่ยเร่ง
“ทารีส”
“เปล่า.. ช่างมันเถอะ” พูดจบก็เบือนหน้าหนีเสียอย่างนั้นทำเอาเรฟานอสที่ตั้งใจจะตอบคำถามเต็มที่อ้าปากค้างกับความกวนนิ่งๆตามแบบฉบับเจ้าชายตรงหน้า
เออ เอากับเจ้านั่นสิ นิสัยลมเพลมพัดเสียยิ่งกว่าสายลมอีก..
“เอาไว้อยากถามเมื่อไหร่ก็บอกข้าแล้วกัน” เรฟานอสถอนหายใจแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง “ถึงแล้ว”
เจ้าชายทารีสมองตามสายตาเพื่อนใหม่ออกไปยังนอกรถ รถม้าหลายคันกำลังเคลื่อนเข้าสู่รั้วของโรงเรียนเช่นเดียวกับพวกเขา แต่กระนั้นก็ยังน้อยกว่าวันที่พวกเขามาสอบอยู่มากโขบ่งบอกมาตรฐานการคัดเลือกของโรงเรียนว่ามีความเข้มงวดเป็นอย่างมากสมกับที่เป็นโรงเรียนเตรียมอัศวินอันดับหนึ่งของทั้งสี่อาณาจักร
รถม้าวิ่งตรงไปยังลานฝึกอาวุธที่ถูกยืมมาใช้เป็นสถาณที่รายงานตัวชั่วคราวแล้วหยุดลงไม่ต่างจากรถม้าหลายๆคันที่หยุดลงเช่นเดียวกัน
เอนเดลลิออนสะดุ้งตื่นทันทีเมื่อรถม้าจอดสนิทราวกับนกรู้ เจ้าชายผมแดงสำรวจสภาพตนเองพลางขยับปกเสื้อให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะก้าวลงจากรถโดยมีเจ้าชายทารีสและเรฟานอสก้าวตามลงมา
“ธงบนรถม้าคันนั้นใช่ของราเวนเทียร์รึเปล่า”
“เอ๊ะ แต่คนที่ลงมาคนแรกเป็นเจ้าชายจากไฟร์ออนาซนะ”
“นั่นๆๆ คนที่ใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็อยู่ด้วย”
“กรี๊ด หล่ออ่ะแก”
เสียงซุบซิบดังขึ้นไม่น้อยเมื่อเด็กหนุ่มทั้งสามลงมาจากรถม้า เนื่องจากวีรกรรมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ‘ทำลายล้าง’ มนุษย์ดินจำพวกเขาทั้งกลุ่มได้อย่างแม่นยำ
เรฟานอสปิดหูปิดตาทำเป็นไม่สนใจสิ่งรอบข้างเดินนำเพื่อนทั้งสองเข้าไปที่จุดรายงานตัวทันทีเพราะไม่ต้องการเป็นจุดเด่นมากนักโดยหารู้ไม่ว่าคำว่า ไม่เด่น ไม่เคยอยู่กับพวกเขามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“บอกชื่อและหอพวกเจ้ามา” ชายที่นั่งอยู่ประจำตำแหน่งรับงานรายตัวพูดขึ้นเมื่อกลุ่มของเรฟเดินมาหยุดตรงหน้า
“เรฟานอส โรซาเรียส หอพิเศษครับ”
“เอนเดลลิออน โรซาแลนซ์ หอพิเศษครับ”
“ทารีส ราเวนีเซีย หอพิเศษ”
ทั้งสามหยิบสร้อยทองคำขาวที่มีจี้ตราโรงเรียนสีทองออกมาเป็นการยืนยันคำพูดของตน ชายที่รับรายงานตัวเงยหน้าขึ้นจากกระดาษเพื่อมองพวกเขาให้เต็มตาก่อนจะพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาสักเท่าไหร่
“นี่หรอกลุ่มที่ถล่มปราสาทปฐพีเมื่อวันก่อน พลังปีศาจสมกับที่อยู่หอพิเศษจริงๆ”
เรฟยิ้มแหยเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพึมพำออกมา
“อ่ะ เรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าไปรายงานตัวที่หอของตัวเองได้แล้วล่ะ”
“อ่า...ครับ ขอบคุณครับ”
เมื่อเดินมาถึงปราสาทพิเศษที่อยู่ใจกลางของปราสาททั้งสี่ ทั้งสามคนก็เป็นอันต้องเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนที่พวกเขาเดาว่าน่าจะเป็นรุ่นพี่เพราะทั้งหมดนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบเต็มยศยืนเรียงหน้ากระดานอยู่บริเวณหน้าปราตูทางเข้า ปิดทางเสียพวกเขาคิดจะเข้าก็คงจะไปไม่ได้
“อ๊ะ คุณเรฟ คุณเอนเดล คุณทารีส มาถึงกันเร็วจังเลยนะครับ”
เสียงทักดังขึ้นทางด้านหลังทำให้รู้ว่าพวกเขามาถึงหอเป็นกลุ่มแรก เรฟานอสหันไปยิ้มให้เจ้าชายเรอาที่เดินตีคู่มากับหนุ่มจากเวนเดลล่าที่เคยเห็นแวบๆในวันสอบมารวมกลุ่มกับพวกเขาแล้วทักทายอยางสนิทสนม
“เมื่อกี๊ตอนที่ข้ารายงานตัวข้าได้ยินแต่คนพูดถึงพวกคุณ สงสัยเพราะวันนั้นแน่ๆ”
เรอาเอ่ยล้อเพื่อนร่วมหอทั้งสามที่สร้างวีรกรรมเสียใหญ่โตไปเมื่อวันสอบโดยไม่ได้สำนึกเลยว่าตัวเองก็สร้างวีรกรรมไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน
“อย่าพูดถึงเรื่องวันนั้นเลยน่า” เรฟเบ้หน้า
“อ้อ นี่เพื่อนใหม่ครับ จากเวนเดลล่า” เรอาผายมือไปทางเพื่อนที่อยู่ด้านข้าง
เพื่อนใหม่ของเรอาเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งไล่เลี่ยกับเรฟ ผมสีเงินสวยมัดรวมปลายไว้ทำให้ดูแล้วช่างมีรังสีของความเป็นเจ้าชายไม่ต่างจากเพื่อนอีกสามคนเลยสักนิด นัยน์ตาสีแดงประกายทองพราวระยับอย่างคนเจ้าเล่ห์ในขณะที่ริมฝีปากก็ยิ้มให้พวกเรฟอย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าเซฟิรอส วินด์เคอเรีย จากเวนเดลล่า”
“อ้าวหรอ นึกว่าชื่อ เซฟิรอส เวดีเอล่า ซะอีก”
เอนเดลลิออนแทรกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มพลางจับจ้องไปยังคนที่แนะนำว่าตนเป็นเพียงคนของ วินด์เคอเรีย ตระกูลราชองค์รักษ์แห่งเวนเดลล่า ไม่ใช่คนของ เวดีเอล่า ราชวงศ์แห่งเวนเดลล่า
“ข้าเป็นเพียงองครักษ์เท่านั้น ไม่อาจเอื้อมไปเป็นราชวงศ์หรอกครับ”
คนโดนจับผิดยังคงยิ้มบางๆส่งไปให้เป็นการยืนยันคำพูดของตน เรฟานอสหันไปมองทารีสที่เงียบผิดปกติแล้วเอ่ยถามเบาๆ
“เป็นอะไรรึเปล่าทารีส”
คนถูกถามส่ายหน้าแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรอีกเช่นเคย เรฟเลือกที่จะไม่ซักไซ้เพื่อนต่อ ทั้งหมดทักทายกันอีกเล็กน้อยเพื่อรอสมาชิกในหอมาให้ครบ เมื่อเห็นว่ามากันหมดทุกคนแล้ว เหล่าบรรดารุ่นพี่ที่มารออยู่นานแต่ดูเหมือนจะถูกลืมไปเสียสนิทก็ก้าวออกมาแล้วพูดขึ้น
“เอาล่ะครับน้องๆ ฟังพี่หน่อย”
รุ่นพี่ที่มีผมสีน้ำตาลเข้มกวาดตามองไปรอบๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจสักเท่าไหร่
“ไอ้พวกบ้า! ฉันบอกให้ฟังไง!!”
กริบ
ทั้งหมดพร้อมใจกับปิดปากฉับทันทีที่รุ่นพี่ว้ากออกมา เรฟหัวเราะหึหึในลำคอเมื่อเห็นว่ารุ่นพี่คนนี้ดูท่าจะเป็นคนที่เข้าถึงไม่ยากสักเท่าไหร่
“เอาล่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู่หอพิเศษนะครับน้องๆ พี่ชื่อ เรนเดล แอสม่า เป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษ มีอะไรสามารถปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง” พูดพลางยิ้ม
“ต่อไป พี่จะขอส่งหน้าที่อธิบายเรื่องต่างๆไปให้รองหัวหน้าหน่วยนะครับ”
เรนเดลก้าวถอยไปข้างหลังรวมแถวอยู่กับเพื่อนคนอื่นในขณะชายผู้มีผมและนัยน์ตาสีดำรัตติกาลอันแสนคุ้นเคยก็ก้าวออกมาข้างหน้าแทนที่คนที่ถอยไปเมื่อครู่
“ฉันชื่อคารอส เฟรดริก รองหัวหน้าหน่วยพิเศษ ต่อไปฉันจะอธิบายเรื่องต่างๆภายในโรงเรียน หวังว่าจะไม่มีใครขัดขึ้นมาจนกว่าฉันจะพูดจบ” เสียงแนะนำตัวนิ่งๆทำรุ่นน้องเสียวสันหลังวาบ
“เป็นที่รู้กันว่าในปีนี้โรงเรียนของเรารับนักเรียนแค่ 250 คนซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านๆมาถึงครึ่งหนึ่ง ขอนับว่าพวกนายเก่งมากที่ฟาดฟันจนมาอยู่หอนี้ได้” คนพูดกระตุกยิ้มเล็กน้อย
“....”
เหล่าผู้ได้รับคำชมถึงกับยิ้มแหยอย่างไม่ปฏิเสธต่อคำว่า ฟาดฟัน สักเท่าไหร่
“เกณฑ์การแยกหอคือ นักเรียนที่มีคะแนนรวมสูงสุด 10 คนแรกจะได้มาอยู่หอพิเศษ ในขณะที่นักเรียนลำดับที่ 11 ไปจนถึงคนที่ 250 จะได้กระจายไปอยู่แต่ละหอตามสายพลังขอตัวเองโดยไม่มีการเปิดเผยว่าแต่ละคนได้คะแนนรวมเท่าไหร่เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการแบ่งชนชั้นวรรณะ แต่ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละหอจะได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้นปีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง”
“....”
“เรื่องหอพัก ที่โรงเรียนเราจะมีอยู่ห้าหอ แต่เนื่องจากโรงเรียนเราได้จำลองให้เหมือนอัศวินในทัพต่างๆ เราจึงเรียกหอแต่ละหอเป็นหน่วย หน่วยที่ 1 คือหอวาโย หน่วยที่ 2 คือหออัคคี หน่วยที่ 3 คือหอปฐพี หน่วยที่ 4 คือหอวารี และ หน่วยสุดท้ายคือหน่วยพิเศษ ซึ่งหัวหน้าหอและรองหัวหน้าหอจะถูกเรียกตามหน่วยเช่นกัน อย่างเช่นเรนเดลที่เป็นหัวหน้าหน่วยพิเศษและฉันที่เป็นรองหัวหน้าหน่วยพิเศษ เป็นต้น”
“.....”
“ในแต่ละชั้นจะมีหัวหน้าและรองหัวหน้าชั้นปีอย่างละหนึ่งคน โดยนับจากคะแนนสอบเข้าที่มากที่สุดและรองลงมา โดยผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรือขอออกจากตำแหน่งในภายหลังแต่อย่างใด”
เกิดเสียงเซ็งแซ่ขึ้นอีกครั้งเมื่อคนฟังคิดตามคำพูดของรุ่นพี่และได้ข้อสรุปสั้นๆว่า
นักเรียนหอพิเศษคือบุคคนที่ได้คะแนนสูงสุดสิบลำดับแรก…
หัวหน้าชั้นปีคือคนที่ได้คะแนนสูงสุดในที่นั้นๆ…
งั้นก็เท่ากับว่าหัวหน้าและรองหัวหน้าชั้นปีของหอพิเศษคือคนที่ได้คะแนนสูงสุดรองรองสูงสุดของโรงเรียน…
สมแล้วที่ทุกคนต่างมองหอพิเศษว่าเป็นปีศาจ…
ก็แต่ละคนที่มันระดับเทพทั้งนั้นเลยนี่นา!!
“อีกอย่าง ในหอเราจะมีห้องอาหารอยู่ที่ชั้นล่างแต่จะเปิดเป็นเวลา เวลาไหนบ้างพวกนายไปอ่านป้ายข้างในเอาเอง เวลาปิดหอคือ 3 ทุ่มครึ่ง หวังว่าจะไม่มีใครแหกกฎตั้งแต่ปีแรกด้วยการหนีออกไปข้างนอกยามวิกาล”
ไม่รู้ทำไมประโยคหลังเรฟรู้สึกว่าคนพูดถึงได้เน้นเสียงหนักและเหลือบตามาทางเขาแวบนึงด้วยนะ..
“เอาล่ะ มีอะไรสงสัยอีกไหม”
“มีครับ” เซฟิรอสยกมือขึ้นอย่างเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี
“มีอะไร”
“แล้วเรื่องห้องพักพวกผมล่ะครับ”
คนถูกถามกระตุกยิ้มขึ้น แต่นั่นกลับไม่ใช่แค่คารอสเท่านั้น แต่เป็นรุ่นพี่ทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าเด็กใหม่ทั้งหมดที่พร้อมใจกับกระตุกยิ้มสร้างความหวาดระแวงให้กับน้องๆเป็นอย่างมากในขณะที่เรนเดล หัวหน้าหน่วยพิเศษยิ้มกว้างอย่างสดใสแล้วเปล่งเสียงออกมาด้วยคำพูดที่เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงมายังกลางใจของรุ่นน้องอย่างจัง
“อ๋อ..เรื่องนั้นน่ะหรอ”
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
“หาเองสิ”
ห๊า!!!!!?
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้ววว ขอบอกไว้ก่อนว่ายังไม่มาม่าน๊าาาา อย่าเพิ่งๆ 555
ตอนนี้เนื้อเรื่องยังคงชิลๆอยู่ค่ะ แต่อาจจะมีอะไรให้สงสัยออกมาเรื่อยๆ คึคึ
เม้นวันละนิดจิตแจ่มใจ 5555
เจอกันตอนหน้าจ้า ^^
ความคิดเห็น