คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4
บทที่ 4
เบื้องหลังประตูนั้นคือห้องสีขาวสะอาดห้องหนึ่ง เรฟานอสเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงกลางแล้วมองไปรอบห้องอย่างสนใจ ถึงบุคลิกจะแลดูสบายแต่กลับไร้ช่องว่างเหมือนพร้อมที่จะต่อสู้อยู่ทุกเวลา แต่ก่อนที่การทดสอบจะยืดยาวจนน่าเบื่อเกินไป ก็มีลูกไฟขนาดใหญ่พุงตรงมายังร่างที่อยู่กลางห้องอย่างรวดเร็ว!!
ตู้มๆๆๆๆ!!
เสียงระเบิดของลูกไฟดังกระทบกับม่านมนตราสีน้ำเงินใสดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรฟานอสที่สร้างม่านมนตราขึ้นมาได้ทันอย่างเฉียดฉิวถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางสอดส่องสายตามองหาจุดกำเนิดของพลังทันที
แต่เมื่อหาอย่างไรก็หาไม่พบ ร่างสูงจึงทำได้เพียงกางม่านมนตราและหลบไปมาเพื่อหาทางออกซึ่งดูแล้วก็ไม่พบเช่นเดียวกัน
“ทางออกก็ไม่มี จุดกำเนิดพลังก็ไม่มี อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นคนต้นคิดไอ้การทดสอบที่ทำได้แต่วิ่งหลบนี่น่ะ พ่อจะอัดให้ติดฝาผนังเลย!”
เคร้ง!
เรฟานอสยกดาบขึ้นมากันทางด้านหน้าอย่างทันท่วงทีเมื่ออยู่ๆก็มีหุ่นเหล็กที่มาจากด้านไหนก็ไม่ทราบพุ่งมาหาเขาพร้อมดาบสีดำสนิท เรฟเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านข้างเมื่อแรงที่ปะทะลงมานั้นมากว่าที่คิดแล้วดีดตัวถอยไปด้านหลังเพื่อตั้งหลักและวิเคราะห์เจ้าหุ่นกระป๋องตัวนี้
หุ่นตัวนี้ทำมาจากเหล็กกล้าซึ่งยากต่อการทำให้พังง่ายๆ บริเวณที่ดูเหมือนดวงตาคู่นั้นเป็นดวงไฟสีส้มสั่นไหวไปมา ดาบสีดำสนิทที่ถืออยู่ถึงจะดูเป็นเพียงดาบธรรมดาแต่ถ้าโดนเข้าไปคงจอดไม่ต้องแจวเพราะดาบเล่มนั้นถูกอัดแน่นไปด้วยเวทรัตติกาล เวทสายเฉพาะที่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ใช้ได้
งานนี้ถ้ารอดไปได้เขาคงต้องไปสักการะ เซร่า เทพีแห่งจิตวิญญาณ สักหน่อยล่ะมั๊งเนี่ย
“นับถือคนที่คิดการสอบจริงๆ”
เรฟานอสบ่นกับตัวเองแล้วพุ่งตัวไปด้านหน้ายกดาบเล่มงามฟันไปที่ดวงตาของหุ่นเหล็กอย่างแรง เขาอัดพลังของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ใบมีดเพื่อให้มันเป็นตัวช่วยในการหลอมละลายเหล็กกล้า หุ่นตัวนั้นหลบการโจมตีของเขาไปได้อย่างเฉียดฉิวแล้ววาดดาบสวนกลับมาจนเรฟต้องกระโดดหลบออกมาแทบไม่ทัน เขาวิ่งวนไปรอบตัวหุ่นนั้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุขนาดย่อมโดยมีหุ่นเหล็กอยู่ที่ใจกลาง ใช้โอกาสที่หุ่นสับสนอัดเพลิงสีน้ำเงินใส่มันเรื่อยๆจนทั้งตัวของมันเริ่มไหลละลายแต่กระนั้นก็ยังสามารถขยับได้อยู่ดี
แต่ในจังหวะที่เรฟานอสกำลังจะอัดพลังลูกสุดท้ายเป็นการปิดฉาก เขาก็เหลือบไปเห็นแสงสะท้อนสีเงินวาบวับของใบมีดกำลังพุ่งตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว!
เรฟานอสพลิกตัวหลบทำให้เสียโอกาสที่จะประหัดประหารเจ้าหุ่นกระป๋องอวดดีที่ใช้ดาบอันตรายไปอย่างน่าเสียดาย แต่เมื่อเขาพิจารณาสิ่งที่อยู่รอบตัวชัดๆก็ทำให้ดวงตาสีน้ำเงินที่ปกติมักจะฉายแววสนุกสนานอยู่ตลอดเวลาเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง
สิบตัว!! เจ้าหุ่นกระป๋องนี่มีฝาแฝดเพิ่มอีกสิบตัว!! ถ้าไม่ตายงานนี้ก็ไม่รู้จะไปตายงานไหนแล้วล่ะ!
เรฟมองไปทางหุ่นทั้งสิบตัวอย่างประเมิน หุ่นพวกนี้มีอาวุธทั้งธนู ดาบ กริช แส้ หอก คฑา โล่ปราการ และไม้พลอง ต่อให้เป็นมนุษย์ก็ยังมีโอกาสทำลายได้ยาก แล้วนี่ดันเป็นเหล็กกล้าทั้งตัว ให้สู้แทบตายยังไงเขาก็ไม่มีโอกาสชนะได้เลย
หนุ่มผมเงินทดลองกระโดดเข้าไปในวงศัตรู เรียกเพลิงสีน้ำเงินมาไว้ในมือแล้วอัดกระแทกไปที่หน้าอกบริเวณจุดควบคุมร่างของหุ่นทีละตัวและหลบบรรดาอาวุธของตัวอื่นๆไปด้วย แต่ด้วยจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากสิบเป็นสิบห้า จากสิบห้าเป็นยี่สิบทำให้เรฟานอสมีอาการหายใจถี่รัวขึ้นเล็กน้อยจากการใช้พลังใจและพลังกายไปมากมายมหาศาลจากการต่อสู้
“งั้นก็ช่วยไม่ได้สินะ” นัยน์ตาสีน้ำเงินใสทอประกายกล้า ริมฝีปากคลี่ยิ้มเย็นที่น้อยคนนักจะได้เห็นจากเด็กหนุ่มจอมกะล่อนผู้นี้ วงแหวนเวทสีเงินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือหุ่นกระป๋องทั้งหมดโดยที่พวกมันไม่ทันได้ตั้งตัว
“ได้เวลา ล่า เหยื่อแล้วล่ะครับ”
ตู้มๆๆๆๆๆๆ!!!
. . . .
. . . .
. . . .
“เฮ้อออ เรียบเลยแฮะ”
เรฟมองภาพหุ่นทั้งสิบที่เขาเพิ่งจะ ‘ล่า’ เสร็จอย่างพึงพอใจ สภาพที่ดูยังไงก็เข้าข่ายพังพินาศมากกว่าเรียบทำให้เจ้าของพลังขมวดคิ้วนิดๆ
“สงสัยเล่นเกินไปหน่อย สนามสอบของพวกพี่เขาพังซะแล้ว” เด็กหนุ่มยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ “คงไม่ว่ากันใช่ไหมครับรุ่นพี่” เรฟานอสหันไปสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำรัตติกาลคู่เดิมที่เคยพบกันก่อนหน้านี้ คารอสเดินออกมาจากมุมมืดของห้อง
“ท่านผ่านการทดสอบแล้ว ข้ามีหน้าที่พาผู้เข้าสอบไปห้องสัมภาษณ์”
เรฟานอสพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วเดินตามรุ่นพี่ไปที่ประตูที่ดูเหมือนว่าเพิ่งจะปรากฏขึ้นมาพร้อมกับชายที่นำหน้าเขาอยู่ตอนนี้ คารอสเดินนำไปเรื่อยๆ รอบด้านมีแต่ความมืดทำให้เรฟรีบเดินขึ้นไปตีคู่กับอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“ทำไมรอบข้างถึงมีแต่ความมืดล่ะ”
คารอสเหลือบมามองคนถามแวบนึงแล้วหันกลับไปมองทางต่อ
“ที่นี่คือทางเชื่อมมิติ เอาไว้ใช้ย่นระยะทางที่เรากำลังจะไป”
“แล้วเรากำลังจะไปที่ไหนกันหรือ” เรฟานอสยังคงถามต่อไป
“ห้องสัมภาษณ์”
“เรื่องนั้นข้ารู้น่า” เรฟขมวดคิ้วนิดๆอย่างขัดใจ “ข้าหมายถึงห้องสัมภาษณ์อยู่ที่ไหนต่างหาก”
คารอสกระตุกยิ้มนิดๆ “ห้องของผู้อำนวยการ อดีตองค์จักรพรรดิแห่งเซซินเนียร์”
“หา!!!?” เป็นครั้งที่สองที่เรฟานอสถึงกับอุทานขึ้นมาเสียงดังอย่างลืมตัว ครั้งแรกคือวันที่เอนเดลลิออนท้าประลอง ส่วนครั้งที่สองก็คือครั้งนี้ ก็รู้อยู่หรอกว่าผู้อำนวยการโรงเรียนอันยิ่งใหญ่นี้เป็นใคร แต่เขาไม่นึกว่าผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นจะลงมาให้สัมภาษณ์นักเรียนธรรมดาอย่างเขาด้วยตัวเองน่ะสิ จะลงทุนเกินไปแล้ว งานการไม่มีทำกันรึไง!!
“เอาล่ะ ถึงแล้ว” คารอสเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูทองคำที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางความมืด “ขอให้โชคดีนะ ท่านเรฟานอส”
เรฟานอสปรายตาไปมองคนพูดอย่างหมันไส้หลังก้าวผ่านเข้าไปในประตูทองคำที่คารอสเปิดไว้ให้ เมื่อประตูปิดสนิทลง เรฟก็กวาดสายตาสำรวจไปรอบห้องอย่างเคยชิน
วอลเปเปอร์สีแดงเลือดตัดกับผ้าม่านสีทองทำให้ห้องแลดูหรูหรา หน้าต่างบานใหญ่ถูกเปิดกว้างให้ลมสามารถพัดเข้ามาได้อย่างสะดวกทำให้ภายในห้องนี้มีอุณหภูมิที่เย็นสบายอยู่ตลอดเวลา กลางห้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเอกสารซึ่งถูกวางไว้เป็นตั้งอย่างเป็นระเบียบ แต่บนเก้าอี้ราคาแพงกลับไม่มีผู้ใดนั่งอยู่อย่างที่ควรเป็นทำให้เรฟานอสขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เจ้ากำลังหาเราอยู่รึเปล่า”
เรฟหันไปมองทางด้านหลังอยากแปลกใจ น้อยคนนักที่จะเข้ามาโดยที่เขาไม่รู้ตัวได้
“เจ้าอย่าทำหน้าระแวงเราขนาดนั้นสิ”
พูดพลางหัวเราะขึ้นเล็กน้อย ชายชราเดินไปนั่งเก้าอี้ทำงานที่เคยว่างเปล่าเรียกสติเรฟานอสให้โค้งตัวทำความเคารพคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
“หม่อมฉันขอประทานอภัยที่เสียมารยาทกับฝ่าบาท”
“ช่างเถอะๆ ไม่ต้องมากพิธีหรอกนะ” ชายชรายิ้มให้อย่างใจดี “เจ้าออกแรงมาเหนื่อยๆ นั่งก่อนสิ”
เรฟเดินไปลากเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่มุมห้องมานั่งทางฝั่งตรงข้ามกับชายชราเจ้าของโต๊ะทำงานตัวใหญ่นี้ อดีตองค์จักรพรรดิทอดมองมายังเด็กหนุ่มรุ่นหลานอย่างเอ็นดูจนคนถูกมองแอบทำอะไรไม่ถูกไปชั่วครู่
“เรามีหน้าที่สัมภาษณ์เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่ผ่านการทดสอบทั้งหมด ซึ่งในกรณีของเจ้าเราได้ขอมาเป็นกรณีพิเศษ”
เรฟยังคงมองอดีตจักรพรรดิอย่างไม่เข้าใจ
“เรามีเรื่องที่อยากจะถามเจ้า” อดีตจักรพรรดิทำหน้าจริงจังเสียจนเด็กหนุ่มรู้สึกสั่นไหวในอก “เจ้ารู้ตัวใช่ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่”
คนถูกถามตะลึงงัน นิ่งค้างไปชั่ววินาทีก่อนจะกลับมานิ่งเรียบดังเดิม
“พระองค์ตรัสเรื่องอะไรกัน”
“ถึงจะเป็นเพียงแค่อดีต แต่เราก็ยังพอจะมีอำนาจเหลืออยู่บ้าง เจ้าคิดว่าเราจะไม่รู้ถึงความเป็นไปของโลกภายนอกขนาดนั้นเชียวหรือ”
คำตอบของชายชราทำให้เรฟานอสเม้มปากแน่น นัยน์สีน้ำเงินนิ่งสนิทประสานเข้ากับดวงตาอีกคู่อย่างตรงไปตรงมา ในสมองไร้ซึ่งความคิดที่จะกลบเกลื่อนข้อเท็จจริงอีกต่อไป
“หม่อมฉันรู้ตัวดีว่าหม่อมฉันเป็นใครและกำลังทำอะไรอยู่”
“มันไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร” อดีตจักรพรรดิถอนหายใจ “แต่สิ่งที่เจ้าทำนั้นอาจจะนำพาความเสียใจมาให้เจ้าในภายหลังหากพวกเขารู้เรื่องทั้งหมด”
“ในเมื่อมันเป็นเหตุจำเป็น หม่อมฉันก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้” เรฟานอสแค่นหัวเราะเล็กน้อย “หม่อมฉันไม่เคยเสียใจในทางที่หม่อมฉันเลือก ในเมื่อเกมนี้หม่อมฉันได้เริ่มเดินหมากและเดิมพันไว้ด้วยชีวิตแล้ว หม่อมฉันก็จะเล่นให้จบ”
“พอกันทั้งครอบครัว ชอบทำอะไรตามอำเภอใจอยู่เรื่อย” ชายชรากล่าวขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย
เดินหน้าเข้าสู่เป้าหมายโดยไม่สนใจว่าจะต้องเสียอะไรไปเท่าไหร่ กล้าแม้กระทั่งใช้บุคคลที่เปรียบดังครอบครัวมาเป็นหมากเพื่อทำให้แผนการลุล่วง ยอมเฉือนใจตัวเองโดยการทำลายความไว้วางใจบุคคลที่สำคัญที่สุด ผู้ใดเล่าจะเลือดเย็นได้เท่าท่าน ผู้พิทักษ์แห่งเซซินเนียร์
“เจ้าได้พบพวกเขารึยัง” เรฟานอสเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อชายชราเอ่ยขึ้นมาลอยๆ “เหล่าเจ้าชายที่เหลือ”
“พบทั้งหมดแล้วพะยะค่ะ ช่างเป็นเจ้าชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีเสียเหลือเกิน”
“เจ้าหมายถึงเจ้าชายแห่งราเวนเทียร์รึเปล่า” อดีตจักรพรรดิเอ่ยถามถึงคนที่พระองค์เพิ่งสำภาษณ์เสร็จก่อนที่เรฟานอสจะมาเพียงชั่วครู่ ใบหน้าเหี่ยวย่นหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“สายเลือดภูติต่างหยิ่งทะนงทุกตนอยู่แล้ว เจ้าก็รู้ดีนี่”
“ก็เพราะรู้น่ะสิ หม่อมฉันถึงไม่ใช้เพลิงศักดิ์ย่างสดหมอนั่นก่อนแผนการจะสำเร็จ” เรฟทำหน้าเหม็นเบื่อขึ้นมาทันที
“อารมณ์เจ้าก็ช่างลมเพลมพัดสมกับเผ่าพันธุ์ของเจ้าเช่นกัน เรฟานอส” คนพูดมองคนอารมณ์ลมเพลมพัดอย่างเอ็นดูเมื่อใบหน้าหล่อเหลางอง้ำยิ่งกว่าเมื่อครู่
“แล้วเจ้าได้ไปพบมารดาของเจ้าบ้างรึเปล่า เราได้ข่าวว่านางล้มป่วย” คำถามของอดีตจักรพรรดิทำให้ใบหน้างอง้ำกลับมาเรียบสนิทดังเดิม
“นางมีท่านพี่ดูแลอยู่แล้วล่ะพะยะค่ะ พระองค์ไม่ต้องเป็นห่วง”
“งั้นหรือ” ชายชราพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ข้าไม่มีอะไรแล้วล่ะ เจ้าสอบผ่าน ประตูบานที่เจ้าเข้ามาเป็นทางเชื่อมกลับไปยังปราสาทของหน่วยพิเศษ ขอให้สนุกกับโรงเรียนใหม่”
“งั้นกระหม่อมขอทูลลา”
เรฟานอสโค้งให้อดีตจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างเคารพนับถือจากใจจริงแล้วหมุนตัวกลับไปที่ประตูบานที่เคยตนใช้เป็นทางเข้ามา
“เราขอกล่าวจากใจเลยนะหนุ่มน้อย”
เรฟานอสชะงักแต่ไม่ได้หันกลับมามองคนพูดแต่อย่างใด
“บางที... เราก็มีความคิดว่าอยากให้เจ้าเกิดมาเป็นเพียงคนธรรมดา มีความสุขกับชีวิตวัยรุ่นทั่วไปเหลือเกิน”
เรฟานอสกระตุกยิ้มบาง
“ช่างน่าเสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะคนเราน่ะ หลีกหนีโชคชะตาไม่ได้หรอกนะพะยะค่ะ ฝ่าบาท”
อดีตองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มองบานประตูสีทองที่ปิดสนิทลงด้วยความอาธร พระองค์ปิดพระเนตรลงราวกับต้องการจะปกปิดแววตาบางอย่างมิให้ผู้ใดได้รับรู้ ในใจก็พลันนึกไปถึงท่าทีอันแสนเย็นชาของเด็กหนุ่มผู้ครอบครองเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่
เหตุใดสวรรค์ช่างเล่นตลกกับเด็กหนุ่มผู้นี้ เด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับพลังอำนาจผู้ไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้ แต่กลับต้องแบกรับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่เป็นการตอบแทน สิ่งที่ต้องสูญเสียไปเพราะหน้าที่นี้ช่างมากมายนัก มากมายเสียจนเขาผู้ที่มีหน้าที่เพียงแค่เฝ้ามองความเป็นไปของโลกรู้สึกเจ็บปวดจนยากที่จะระบายมันออกไปได้
เจ้ายอมแม้กระทั่งสูญเสียสิ่งที่รักเพื่อปกป้องประชาราษฎร์ ยอมสูญเสียอำนาจที่พึงจะมี สูญเสียอิสรภาพและชีวิตในวัยเยาว์เพื่อแผนการนี้ เจ้าสูญเสียขนาดนี้แล้วเจ้าคิดจะละทิ้งอะไรไปอีก หรือแม้เพียง ‘หัวใจ’ เจ้าก็ไม่คิดจะเหลือเก็บไว้รึไงกัน เรฟานอส”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วววว หวังว่าจะยังไม่เบื่อกันไปก่อนน๊าาาา
ตอนที่ 3 มีการปรับแก้นิดนึงนะคะ อย่าลืมไปดูกันเน้อ 555555
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นที่ให้กำลังใจนะคะ ^^ มีอะไรแนะนำก็ติชมได้เลยน๊าา
เจอกันตอนหน้าจ้า
ความคิดเห็น