คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
บทที่ 2
“ท่านลุงอารอน ท่านจะก้าวให้ช้ากว่านี้หน่อยได้หรือไม่ ท่านก้าวเร็วจนข้าตามไม่ทันแล้วนะ”
เสียงเล็กของเด็กชายวัยเจ็ดขวบบ่น ‘ท่านลุง’ อย่างหงุดหงิดเมื่อเขาเดินตามร่างสูงที่เดินนำหน้าตนนั้นไม่ทันสักที อีกทั้งยังโดนทิ้งห่างมากขึ้นเรื่อยๆราวกับจะแกล้งกันเสียด้วยซ้ำยิ่งทำให้เด็กน้อยที่ไม่ถูกกับสภาพอากาศอันแสนอบอ้าวของอาณาจักรไฟร์ออนาซฉุนเฉียวยิ่งกว่าเดิม
สองเท้าเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินเชื่อมระหว่างป้อมปราการกับตัวพระราชวังไฟร์ออนาซอันแสนตระการตา คอยหลบหลีกเหล่าทหารที่เดินกันขวักไขว่ยิ่งกว่าสวนสนาม เรือนผมยาวสีเงินที่เคยถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อยเริ่มหลุดลุ่ยตามระยะทางที่วิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่รีบจนทำให้เด็กน้อยไม่ทันได้มองทางนั้นทำให้ร่างเล็กปะทะเข้ากับ ‘สิ่งมีชีวิตสีแดงๆ’ ที่วิ่งสวนมาพอดีจนทำให้ล้มลงไปหมดสภาพทั้งคู่
โอ๊ย!/โอ๊ย!
“นี่เจ้า! เดินไม่ได้ดูทางเลยรึไงถึงได้มาชนข้านะหะ!”
‘สิ่งมีชีวิตสีแดงๆ’ ตั้งสติได้ก็ลุกขึ้นมาโวยวายทันที ดวงตาสีทองสวยจ้องเขม็งไปทางเด็กอีกคนที่ลุกขึ้นมาทำหน้าเอ๋อในตนอย่างหาเรื่อง
“อ่า...ข้าขอโทษด้วยจริงๆ ข้าไม่ทันเห็นว่ามีคนวิ่งสวนมา”
เด็กน้อยที่วิ่งตามท่านลุงจนลืมมองทางส่งยิ้มแหยๆให้เด็กผมแดงตรงหน้าที่ยังจ้องเขาไม่เลิก ในใจก็พาลคิดไปถึงท่านลุงตัวต้นเหตุที่ชอบหายไปในเวลาสำคัญอย่าเข่นเขี้ยว หึ ทิ้งข้าไว้แล้วตัวเองหายไปไหนก็ไม่รู้ คอยดูเถอะ!
“งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะ”
“เดี๋ยว!” เสียงเรียกทำให้ร่างที่กำลังจะก้าวผ่านไปหยุดชะงัก “เจ้าเป็นใคร เข้ามาในวังนี้ได้อย่างไร”
“อ๋อ เรื่องนั้น...”
“เรฟ!!!”
เสียงเรียกที่ดังไม่น้อยดึงความสนใจของทั้งคู่ให้หันไปมองอย่างสงสัย แล้วเด็กผมเงินก็ยิ้มกว้าง นัยน์ตาสีน้ำเงินใสฉายแววยินดีเมื่อเห็นว่าใครกันที่เรียกตนสียดังลั่น
“ท่านลุง! ท่านหายไปไหนมา ข้านึกว่าท่านจะทิ้งข้าซะแล้ว”
“ก็ใครใช้ให้เจ้าอ่อนจนตามข้าไม่ทันล่ะ” ท่านลุงตอบหลานเสียงนุ่ม ก่อนจะหันไปทำความเคารพเด็กผมแดงที่มองมายังตนอยู่ก่อนแล้ว “ท่านอยู่ที่นี่นี่เององค์ชาย ท่านหายไปทำให้พวกองครักษ์เป็นห่วงท่านมากนะพะยะค่ะ”
‘องค์ชาย’ ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ช่างเขาสิ เจ้าพวกนั้นดีแต่ตามข้าต้อยๆ น่าเบื่อจะตาย” ว่าพร้อมเบนสายตาไปทางเด็กคู่กรณีที่จ้องตนตาแป๋ว “ข้าได้ยินท่านแม่ทัพเรียกชื่อเขา เขาคือใครกัน”
“เด็กคนนี้ชื่อ เรฟานอส พะยะค่ะ เป็นหลานห่างๆของหม่อมฉัน เขาแอบตามขึ้นรถม้ามาทำให้ข้าต้องพามาด้วย”
คิ้วของเรฟานอสกระตุกนิดๆเมื่อท่านลุงแฉเขาต่อหน้าเจ้าชายที่อีกหน่อยจะกลายเป็นคู่อริของเขาแต่ก็ต้องจำใจโค้งให้อีกฝ่ายตามทำเนียม
“ข้า เรฟานอส โรซาเรียส พะยะค่ะฝ่าบาท”
“เรฟ ท่านนี้คือ เจ้าชายเอนเดลลิออน โรซาแลนซ์ เจ้าชายรัชทายาทแห่งราชวงศ์โรซาแลนซ์”
ท่านแม่ทัพผายมือไปทางเจ้าชายรัชทายาทที่กำลังยืดอกข่มขวัญเด็กผมเงินอย่างเต็มที่ เจ้าชายน้อยมองไปทางหลานท่านแม่ทัพใหญ่อย่างผู้เหนือกว่าก่อนจะเริ่มคิดอะไรดีๆออก
เรฟานอสมองรอยยิ้มแปลกๆนั่นถึงกับเสียวสันหลังวาบ หวังว่าเจ้าชายนั่นคงจะไม่ได้คิดอะไรพิเรณหรอกนะ...
“เจ้าชื่อเรฟานอสสินะ เจ้าเป็นถึงหลายชายของท่านแม่ทัพใหญ่แห่งไฟร์ออนาซ คงจะมีฝีมือไม่น้อยเลยใช่ไหม”
“อย่ากล่าวเช่นนั้นเลยกระหม่อม หม่อมฉันยังคงอ่อนด้อย ยังต้องเรียนรู้อีกมากพะยะค่ะ” เรฟานอสยังคงถ่อมตัวถึงแม้ว่าความจริงแล้วเขาสามารถที่จะเอาชนะอัศวินชั้นกลางจนถูกมองว่าเป็นเด็กอัจฉริยะแล้วก็เถอะ
“เอาเถอะ ไม่ว่าเจ้าจะยังต้องเรียนรู้อะไรอีกก็ช่าง แต่เจ้าต้องมาประลองกับข้าทุกวันตอนเย็น นี่คือคำสั่ง”
“ห้ะ!!” คนถูกท้าถึงกับอุทานอย่างลืมตัว
“องค์ชาย เกรงว่ามันจะไม่เหมาะถ้าพระองค์จะ..” ท่านมาทัพขัดขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
“เจ้าบังอาจชนข้าจนล้ม ดูหมิ่นข้าที่เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาท เจ้าจะประลองกับข้าหรือจะรับโทษตามกฎหมายก็เลือกเอา”
ข้อหาที่ดูหนักไม่น้อยทำเอาคนที่ไม่รู้ว่าไปดูหมิ่นองค์รัชทายาทตั้งแต่เมื่อไหร่อ้าปากค้าง จะให้ยอมรับโทษในสิ่งที่ไม่ได้ทำก็ใช่เรื่อง แต่จะให้ประลองกับเจ้าชายก็ใช่ว่าจะรอด จะหาทางหลีกเลี่ยงก็ดูเหมือนจะถูกขัดไปซะหมดจนทำให้เรฟานอสถึงถอนหายใจกับความซวยของตัวเอง แต่เวลาที่ให้ตัดสินใจก็มีไม่มากนักเจ้าชายสะบัดดาบงามที่ไปหยิบยืมมาจากอัศวินที่ยืนมองสถาณการณ์อยู่รอบๆไปทางเรฟานอสเป็นการท้าประลองอย่างเป็นทางการซึ่งคนที่อยู่ในฐานะ ‘หลานชายท่านแม่ทัพ’ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธสารท้านี้
“ข้า เอลเดลลิออน โรซาแลนซ์ เจ้าชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรไฟร์ออกนาซ ขอท้าประลองกับเจ้า เรฟานอส โรซาเรียส หลานชายท่านแม่ทัพแห่งอาณาจักรไฟร์ออนาซ”
เรฟานอสมองดาบตรงหน้านิ่ง ริมฝีปากบางเม้มสนิทจนกลายเป็นเส้นตรง แล้วตอบรับสารท้าประลองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ข้า เรฟานอส โรซาเรียส หลานชายท่านแม่ทัพแห่งไฟร์ออนาซ ของรับสารท้าประลองนี้ไว้ด้วยความเต็มใจ”
“เร..เรฟา..เรฟานอส โรซาเรียส!”
เสียงเรียกที่ดังไม่น้อยทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง ดวงตาสีน้ำเงินใสกระพริบปริบๆมองคนที่นั่งยองๆจ้องเขม็งมายังตนอย่างมึนงงไม่หาย
“หะ? เจ้าเป็นอะไรรึเปล่าเอนด์ เรียกข้าซะดังเลย”
“เจ้านั่นแหละที่เป็นอะไร นั่งเหม่อจนพวกทหารต้องเดินไปตามข้าให้มาดูเจ้าว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างรึยัง” เอนด์มองคู่อริในวัยเด็กที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทอย่างดุๆ
“อ๋อ พอดีข้านึกถึงวันแรกที่เจอเจ้าแล้วโดนท้าประลองน่ะ” เรฟานอสตอบพลางหัวเราะกับเรื่องในวัยเยาว์ของตนกับเจ้าชายตรงหน้าที่ช่างดูไร้สาระเหลือเกินในขณะที่คนฟังขมวดคิ้วมุ่น ยีผมสีแดงยุ่งๆของตนอย่างหงุดหงิด
“ไอ้การประลองนั่นน่ะหรอ เจ้าจะไปคิดถึงมันอีกทำไม”
“ก็นะ เหตุการณ์ที่เราเจอกันครั้งแรกออกจะน่าประทับใจขนาดนั้น” เรฟานอสยักไหล่อย่างสบายๆ “แล้วเจ้าจะหงุดหงิดไปทำไม หรือว่า...เจ้ายังไม่หายเจ็บใจที่เจ้าชายรัชทายาทแพ้ให้กับหลานชายแม่ทัพอย่างหมดรูปซะขนาดนั้น”
นัยน์ตาสีน้ำเงินใสพราวระยับ แม้เวลาจะผ่านไปนับสิบปีจนบัดนี้เขามีอายุสิบเจ็ดที่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นวัยรุ่นเต็มตัวแล้ว แต่เรื่องการพบกันครั้งแรกของพวกเขานั้นก็ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดกันในหมู่อัศวินและนางกำนัลจนเขากลายเป็นที่รู้จักของทุกชนชั้นตั้งแต่เด็กขนผักยันกษัตริย์แห่งไฟร์ออนาซอยู่เป็นระยะๆ จนคนที่เป็นผู้แพ้ตั้งแง่กับเขาเสียหลายปีจนกลายมาเป็นเพื่อนสนิทก็ยังคงถูกพูดถึงอยู่ ซึ่งเขาก็พร้อมที่จะสมน้ำหน้าคนโดนพูดถึงทุกเวลาตามคำโบราณ(?)ที่พูดต่อๆกันมาว่า
‘เมื่อเจอคนล้ม จงรีบเหยียบซ้ำให้จมดินพร้อมเอาหินมาทับไม่ให้ผุดได้เกิด’
อ่า...โอเค ยอมรับก็ได้ นั้นไม่ใช่คำโบราณหรอก แต่เป็นคำที่เขาคิดเองนั่นแหละ..
“อย่าคิดว่าข้าจะมานั่งเต้นกับคำพูดของนายเหมือนสมัยก่อนนะเรฟ” เอนเดลลิออนเชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนง
“อ้อหรอ”
“เออ!!” คนโดนย้อนแยกเขี้ยวอย่างหงุดหงิด “แล้วนี่จะเดินทางต่อได้รึยัง เดี๋ยวก็ไปสอบไม่ทันพอดี” เอนเดลลิออนว่าพร้อมลุกขึ้น
“อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิเอนด์ เดี๋ยวแก่นะ” เรฟานอสลุกขึ้นพลางปัดฝุนตามที่เกาะอยู่ตามชุดรัดกุมสีน้ำเงินเข้มคลิบเงินของตน “ผ่านเมืองนี้ไปก็เข้าเมืองใหญ่แล้ว ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้วล่ะ อย่ารีบไปเลย เราไปเดินเล่นในเมืองกันดีกว่า จะได้หาข่าวเกี่ยวกับการสอบไปในตัวด้วย”
“หาข่าวอะไร ใช้พวกทหารไปหาก็ได้นี่”
“เอาเป็นว่าข้าอยากเดินเที่ยว ชัดนะ” เรฟานอสตัดบทแล้วหันไปตะโกนสั่งหทารที่กำลังเก็บของเตรียมออกเดินทางอย่าขะมักเขม้น “นี่! ข้ากับเจ้าชายจะเข้าไปดูในเมืองสักหน่อย พวกเจ้าเก็บของเสร็จแล้วก็ไปรอข้าที่ประตูเมืองใหญ่ ทราบ!”
ทราบ!!
เสียงตอบรับที่พร้อมเพรียงทำเอาเอนเดลลิออนส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ดูท่าเจ้าพวกนี้จะฟังคำสั่งของเจ้ามากกว่าข้าที่เป็นเจ้าชายซะอีกนะ”
“ทำไงได้ล่ะก็คนมันเก่ง” เรฟานอสยักคิ้วกวนๆ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวไปสอบช้าล่ะแย่เลย”
ว่าจบ เพลิงสีน้ำเงินก็ลุกท่วมร่างของเด็กหนุ่มทั้งสองก่อนจะหายไปท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเหล่าทหารที่ยังคงไม่ชินกับพลังแปลกๆของพระสหายของเจ้าชายสักที
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เจ้าจะพาข้าเดินเข้าเมืองดีๆไม่เป็นใช่มั้ยห้ะเจ้าบ้า! เล่นใช้เพลิงศักดิ์สิทธิ์มั่วซั่วแบบนี้เดี๋ยวก็แรงหมดก่อนสอบพอดี!”
เอลเดลลิออนบ่นเพื่อนสนิทกระปอดกระแปดไปตลอดทาง ถึงจะรู้ว่าเพลิงสีน้ำเงินที่ถูกเรียกว่า ‘เพลิงศักดิ์สิทธิ์’ นั่นจะเป็นเวทอัคคีชนิดเดียวที่เจ้าตัวยุ่งนี้เรียกได้และสามารถใช้ได้อย่างคล่องแคล่วก็ตาม แต่นั่นก็กินแรงมากกว่าเพลิงสีแดงปกติอยู่มากเนื่องจากเพลิงสีน้ำเงินนี้เป็นเวทอัคคีชั้นสูงที่แม่แต่จอมเวทย์ชั้นสูงยังใช้กันนับคนได้ แต่ถึงใช้ได้ก็ทำได้แค่ลูกไฟแผ่วๆที่นอกจากจะใช้การไม่ได้แล้วยังเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อมอีกด้วย แต่เจ้าผมเงินนั่นกลับใช้พลังนั้นแบบที่แทบจะเรียกได้ว่า ใช้แบบทิ้งขว้าง
ถึงจะไม่มีผลกระทบ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าคนคนนี้อาจจะล้มหายตายจากเนื่องจากใช้พลังทิ้งขว้างแบบนี้เข้าสักวัน
“เลิกบ่นสักทีน่าเอนด์ ข้าก็อุตส่าไม่โผล่มากลางเมืองแล้วไง อย่าเครียดสิ” เรฟานอสยังคงยิ้มอย่างสบายๆตามแบบฉบับ
“แต่เจ้าโผล่มาในห้องน้ำ! อย่างน้อยก็เกรงใจตำแหน่งเจ้าชายของข้าบ้างสิไอเจ้าบ้า!!”
ใช่! ที่หงุดหงิดที่สุดคือไอ้เจ้าหัวเงินนี่พาเขาวาร์ปมาโผล่ในห้องน้ำ! โชคดีที่ไม่มีคนอยู่ ไม่อย่างนั้นคงได้มีข่าวลือว่าเจ้าชายและหลานชายแม่ทัพแห่งอาณาจักรไฟร์ออนาซเป็นพวกโรคจิตแอบเข้ามาในห้องน้ำของโรงแรมร้างแพร่สะพัดออกไปจนจนท่านพ่อตามมาฆ่าเขาที่ถึงแน่ๆ!!
“ทำอย่างกับเจ้าทำตัวสมกับเป็นเจ้าชายเสียเมื่อไหร่ล่ะ” เรฟานอสเป็นอุบอิบ
“เจ้าว่าอะไรนะ”
“อ๋ออออ ข้าบอกว่าไหนๆตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร เจ้าก็อย่าพูดให้คนเขาแตกตื่นสิ” ความลื่นไหลในการแถของคนใช้พลังไปโผล่ในห้องน้ำทำให้เอนเดลลิออนหรี่ตามองอีกคนอย่างจับผิด ก่อนจะเลิกให้ความสนใจกับเพื่อนจอมกะล่อนแล้วหันไปสนใจยังร้านรวงที่ตั้งเต็มริมสองข้างทางแทน
“คิดถึงบรรยากาศเก่าๆเลยเนอะ” อยู่ๆเรฟานอสก็พูดขึ้นขณะที่เดินผ่านร้านต่างๆไปอย่างไม่ได้ใส่ใจกับการซื้อของมากมายนัก “นึกถึงครั้งแรกที่ข้าแอบพาเจ้าออกไปเดินเล่นในตลาดเพราะเบื่อกับกฎเกณฑ์อันแสนวุ่นวายในวัง”
“แล้วเดินได้ไม่ถึงไหนก็มีทหารมาลากเรากลับวังแล้วโดนสั่งกักบริเวณอยู่แต่ในห้องกับเจ้าสองคนน่ะหรอ”
เจ้าชายหนุ่มเหน็บเพื่อนอย่างหมันไส้ ความจริงการแอบเที่ยวครั้งนั้นดูเหมือนจะโดนจับได้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ออกจากวังเสียด้วยซ้ำ แต่พวกทหารเห็นว่าเจ้าชายและสหายอุดอู้อยู่แต่ในวังก็อยากให้ได้เปิดหูเปิดตาบ้างจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่มองไม่เห็นเด็กน้องทั้งสองที่วิ่งออกไปทางประตูหลัง แต่ก็แอบสะกดรอยตามมาเงียบๆ จนกระทั่งเกิดการวางเพลิงขึ้นที่กลางเมืองทำให้เหล่าทหารเกรงว่านายน้อยทั้งสองจะเกิดอันตรายจนได้พากลับวัง แต่โชคร้ายที่ประมุขของวังมาเห็นซะก่อนจึงโดนทำโทษกันไปตามระเบียบ ส่วนพวกเขาก็โดนกักบริเวณเสียแทบจะลืมเดือนลืมตะวันเหงาหงอยกันไปตามๆกัน จนองค์ราชินีทนเห็นบุตรชายและคนที่ตนรักเสมือนบุตรไม่ร่าเริงเหมือนเคยก็เกิดทนไม่ได้จนยอมปล่อยพวกเขาออกมา
“เจ้าช่วยจำแต่เรื่องดีๆหน่อยได้ไหม” เรฟานอสเหล่ไปทางเพื่อนรักอย่างไม่สบอารมณ์
“ช่วยไม่ได้ เจ้าทำแต่วีรกรรมดีๆนักนี่”
แต่ก่อนที่หลานชายทานแม่ทัพและเจ้าชายรัชทายาทจะได้วางมวยกัน ทั้งสองก็พลันได้ยินเสียงสนทนาที่เหล่าแม่ค้าคุยกันข้างๆ
“นี่ๆ เจ้ารู้ข่าวรึยัง ที่ว่าเจ้าชายทั้งสี่ดินแดนจะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอัศวินคาเรเนียสน่ะพร้อมกันปีนี้น่ะ”
“ต๊าย! จริงหรอเธอ พร้อมกันเลยน่ะหรอ แล้วนี่มันจะไม่เกิดจลาจลหรือไง เจ้าชายทั้งสี่ดันเข้าพร้อมกันขนาดนี้”
หนึ่งใน ‘เจ้าชายทั่งสี่’ หันมาสบตากับสหายตนพร้อมยิ้มให้อย่างรู้เท่าทันซึ่งกันและกัน
‘ข้าบอกแล้วว่ามาหาข่าว’ เรฟานอสพูดแบบไร้เสียงแล้วทำสัญญาณให้เจ้าชายที่มีส่วนในบทสนทนายืนรออยู่กับที่ ก่อนที่ร่างสูงของคนสั่งจะเดินลิ่วเข้าไปยังกลุ่มสนทนาซึ่งจะห้ามก็ไม่ทันเสียแล้วจึงได้แต่ปล่อยให้เสียตามเลยไปอย่างนั้น
“สวัสดีครับคนสวยทั้งสอง” เรฟานอสคลี่ยิ้มอย่างถูกใจเมื่อแม่ค้าที่ดูยังไงก็เลยวัยสาวไปแล้วหันมามองตนแล้วหน้าก็พลันแดงแปร๊ดราวกับลูกตำลึงสุก
“ม..มีอะไรหรือจ๊ะพ่อหนุ่ม”
“อ่า..คือว่าผมกำลังจะไปสอบเข้าที่เตรียมอัศวินน่ะครับ แต่เผอิญได้ยินพี่คนสวยพูดว่าองค์ชายทั้งสี่จะเข้าร่วมการสอบด้วย ก็เลย..” เรฟานอสแสร้งทำหน้าลำบากใจสร้างความเห็นใจให้กับแม่ค้าทั้งสอง
“พ่อหนุ่มจะไปสอบเตรียมอัศวินหรือ ลำบากแย่เลยนะ รู้สึกว่ารุ่นนี้จะรับแค่สองร้อยห้าสิบคนด้วย” แม่ค้าคนนึงพูดขึ้น
“คนสมัครปีนี้ก็เยอะกว่าที่ผ่านๆมา แถมตัวเต็งก็ดันเป็นเจ้าชายทั้งสี่อีก ถ้าเจ้าได้จับคู่ประลองกับพระองค์คงได้กลับบ้านเป็นแน่” แม่ค้าอีกคนพูดเสริม
“นั่นสินะ” เรฟานอสถอนหายใจที่ดูเหมือนจะหนักอกหนักใจเป็นอย่างมาก “แล้วเจ้าชายทั้งสี่นี่คือเจ้าชายจาก เวนเดลล่า ไฟร์ออนาซ ราเวนเทียร์ และเดนิตาร์หรือท่าน”
“แล้วเจ้าคิดว่าเซซินเนียร์มีกี่อาณาจักรกันล่ะ” แม่ค้าคนนึงค้อนควับใส่หนุ่มสมเงิน “ก็ใช่ เจ้าชายทั้งสี่อาณาจักรนั่นแหละ แล้วก็นะหนุ่มน้อย..”
แม่ค้ากดเสียงให้ดูน่าตื่นเต้นจนเด็กหนุ่มถึงกับลุ้นตาม
“เจ้าชายทั้งสี่องค์น่ะ ไม่ใช่เจ้าชายลำดับล่างๆแต่เป็นถึงเจ้าชายรัชทายาทเชียวนะ!!”
“อู้หูววววววว” เรฟานอสอุทานที่ฟังยังไงก็ตื่นเต้นจนเกินเหตุ “ว่าแต่ แม้แต่องค์ชายจากเวนเดลล่าและราเวนเทียร์ก็มาน่ะหรือท่าน”
“ใช่ เจ้าชายจากอาณาจักรแห่งสายลมกับอาณาจักรแห่งสายน้ำผู้ลึกลับนั่นก็มาด้วย” คนพูดขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด “แต่ข้าว่ามันแปลกนะที่องค์ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความลึกลับจะเกิดอยากเปิดเผยหน้าตาขึ้นมาแบบนี้ เจ้าชายเจอราโก้นี้ก็ช่างลึกลับแม้แต่ใบหน้าหรือชื่อก็ไม่มีใครเคยได้พบหรือรู้จักนามที่แท้จริงของพระองค์ ไหนจะเจ้าชายจากอาณาจักรแห่งสายน้ำที่หยิ่งทะนงจนไม่น่าเชื่อว่าจะยอมมาสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอัศวินแบบนี้”
เรฟานอสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับความช่างสังเกตของแม่ค้าผู้นี้ ก่อนที่จะแย้มพรายออกมาทำร้ายหัวใจคนแก่อย่างไม่รู้ตัว
“นั่นสินะ น่าคิดจริงๆ” เรฟานอสพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ว่าแต่..ท่านบอกว่าเจ้าชายจากเวนเดลล่านี้แม้แต่ชื่อก็ไม่มีผู้ใดทราบไม่ใช่หรือ แล้วทำไมท่านถึงเรียกท่านผู้นั้นว่าเจอราโก้ล่ะ”
“นี่เจ้าไม่รู้หรือ” คนถูกถามมองมาทางเด็กผมเงินอย่าแปลกใจเสียจนเขาต้องยีผมตัวเองอย่างงงๆ แล้วเขาจำเป็นต้องรู้ด้วยหรือ วันๆก็อยู่แต่กับเจ้าชายจากไฟร์ออนาซจะไปรู้ข่าวคราวข้างนอกได้ยังไงล่ะ
“อ่า...พอดีข้าเพิ่งลงมาจากภูเขาทางตอนเหนืออันไกลโพ้นน่ะท่าน เลยไม่ได่ค่อยได้รู้เรื่องอะไรสักเท่าไหร่”
“อย่างนี้นี่เอง” แม่ค้าแม้จะแปลกใจแต่ก็ยังคงเล่าต่อไป “ก็เจ้าชายจากเวลเดลล่าน่ะ จะออกมาปราบพวกพ่อค้าเถื่อน นักเลงหรือไม่ก็พวกขุนนางที่ชอบโกงกินชาวบ้านหลายต่อหลายครั้ง แต่ท่านชอบปฏิบัติภารกิจในเวลากลางคืน ท่านดังมากเลยนะ จนชาวบ้านถึงกับตั้งฉายาให้ท่านว่า เจอราโก้ ที่แปลว่า ดวงจันทร์ เลยล่ะ”
“เจอราโก้?”
“ใช่ เจอราโก้ เจ้าชายเงาแห่งเวนเดลล่า”
“เจ้าชายเงาแห่งเวนเดลล่า? อ๋อ ท่านเจ้าชายผู้ลึกลับนั่นน่ะหรอ”
เอลเดลลิออนพูดอย่างนึกขึ้นได้ ทำให้เรฟานอสหันไปมองอย่างแปลกใจ ร่างของทั้งสองที่กำลังจะเดินตรงไปยังประตูเมืองใหญ่ตามที่ได้นัดแนะกับทหารเอาไว้หยุดชะงักลง
“เจ้ารู้จักเขาด้วยหรือ”
“ก็แค่ได้ยินชื่อมาน่ะ ได้ข่าวว่าเขาทำประโยชน์ให้ชาวเมืองหลายอย่างจนจะกลายมาเป็นขวัญใจมหาชนอยู่แล้วล่ะนะ แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครรู้จักใบหน้าของเขาหรอก แต่ก็คงไม่มีใครที่อยากจะเห็นใบหน้าของเขาก่อนวันขึ้นครองราชเหมือนกันน่ะนะ”
“หืม? เป็นเจ้าชายแต่ประชาชนไม่อยากเห็นหน้าน่ะหรือ??”
เรฟานอสขมวดคิ้วอย่างสงสัย มีที่ไหนกัน เจ้าชายอันแสนลึกลับแต่กลับไม่มีสักคนที่อยากจะรู้ถึงใบหน้าที่แท้จริงของท่าน หรือท่านจะอัปลักษณ์จนทนดูไม่ได้?
“เจ้าอย่าเพิ่งคิดไปไกล ที่บอกว่าไม่มีใครอยากเห็นหน้าน่ะก็เพราะ...”
กรี๊ด!!/เฮ้ย! เจ้าหนุ่มหลบไป!
“เจ้าชาย!”
เรฟานอสอุทานเรียกเพื่อนของตนอย่างตกใจเมื่อเห็นรถม้าคันงามพุ่งเข้ามายังเอนเดลลิออนอย่ารวดเร็ว ไวเท่าความคิด เขากระชากแขนเจ้าชายหนุ่มเหวี่ยงไปอีกทาง ส่วนตัวเขาที่ดูยังไงก็ไม่มีทางหลบพ้นพลิกตัวหลบแล้วดีดตัวขึ้นเหยียบหลังคารถม้าคันงามแล้วดีดตัวอีกครั้งเพื่อลงมายืนอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นทำให้ประชาชนโดยรอบเกิดอาการอึ้งสนิทเมื่อคนที่ควรจะถูกรถม้าทับแบนกลับสามารถหลบและยืนอยู่ได้อย่างปลอดภัยโดยไร้ซึ่งบาดแผล รถม้าที่เกิดเตลิดก็พลันหยุดนิ่งราวกับกำลังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ต่างกัน
“จ..เจ้าชาย!!”
เสียงตะโกนของคนขับรถม้าดังขึ้นอย่างรีบร้อนทำให้ทั้งเขาและเอนเดลลิออนหันไปมองอย่างประหลาดใจไม่นึกว่าจะมีคนรู้จักพวกเขา แต่แล้วก็ทราบว่าไม่ใช่เมื่อคนขับรถม้าโค้งให้กับบุคคลที่ก้าวลงมาจากตัวรถอย่างลนลาน
“ข..ขออภัยพะยะค่ะ! อยู่ๆม้ามันก็เกิดพยศแล้วเตลิดมา..”
“พอได้แล้วแวนตัส”
คนที่เพิ่งก้าวลงมาจากรถม้าเอ่ยเสียงเรียบ ผมยาวสีน้ำเงินเข้มถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อยปลิวไปตามแรงลมที่โบกพัด นัยน์ตาสีเงินเย็นยะเยียบเบนสายตาจากคนของตนมาทางเรฟานอสและเอนเดลลิออนที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว ‘เจ้าชาย’ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา แล้วเอ่ยขอโทษที่ฟังดูแล้วช่างเย็นยะเยือกไม่มีเหมือนคำขอโทษเลยสักนิดเดียว
“ข้าขออภัยพวกเจ้าด้วยที่รถม้าของข้าทำให้พวกเจ้าต้องเจ็บตัว”
“คือ...”
“เจ้าชาย!!” เสียงเรียกที่ราวกับเกิดเดจาวูดังขึ้นมาจากเหล่าทหารของเอนเดลลิออนที่วิ่งมาทางพวกตน “ท่านเป็นอย่างไรบ้างพะยะค่ะ ชาวบ้านบอกว่าท่านกันท่านเรฟานอสได้รับบาดเจ็บ”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร เรฟช่วยข้าไว้ทันพอดี”
เอนเดลลิออนตอบกลับแล้วหันมาทางบุรุษผมน้ำเงินที่ยืนเงียบตั้งแต่ทหารของเขาวิ่งเข้ามา
“ขออภัยที่ทหารของข้าเสียมารยาท พวกเขาคงกังวลเกินไป”
“อีกอย่าง แค่รถม้าทำอะไรพวกข้าไม่ได้หรอก ท่านอย่ากังวลไปเลย” เรฟานอสเอ่ยต่อขึ้นมาราวกับจะตอบทั้งเจ้าผมน้ำเงินตรงหน้ากับทหารของพวกเขา รอยยิ้มบางถูกส่งไปให้หนุ่มผมน้ำเงินตามแบบฉบับแต่ดวงตากลับไม่ได้ยิ้มตามทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมานอกจากคำถามที่แลดูไม่เข้ากับสถาณการณ์เอาเสียเลย
“พวกเจ้าทั้งสองเป็นใครกัน”
“อืม ขออภัยที่ไม่ได้แนะนำตัว ข้าชื่อ เรฟานอส โรซาเรียส หลานชายแม่ทัพใหญ่แห่งไฟร์ออนาซ ส่วนท่านนี้...” เรฟานอสผายมือไปทางเอลเดลลิออนที่กำลังส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ฝ่ายตรงข้าม “เจ้าชายเอนเดลลิออน โรซาแลนซ์ เจ้าชายรัชทายาทแห่งไฟร์ออนาซ”
“โรซาเรียส กับ โรซาแลนซ์ อย่างนั้นหรือ” หนุ่มผมน้ำเงินทวนขึ้นอย่างสงสัยแต่ก็เงียบไป
นัยน์ตาสีเงินมองไปทางผู้ที่เป็นเจ้าชายแห่งอาณาจักรไฟร์ออนาซอาณาจักรแห่งไฟ ที่เปรียบดังไม้เบื่อไม้เมาของอาณาจักรตนด้วยแววตานิ่งสนิท ในขณะที่ริมฝีปากก็เอ่ยแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงจนคนฟังอดรู้สึกหมันไส้ไม่ได้
“ข้าทารีส ราเวนีเซีย เจ้าชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรราเวนเทียร์ อาณาจักรแห่งสายน้ำ ดินแดนแห่งภูตรา”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บทที่ 2 มาแบบจัดเต็ม 55555 มีคอมเม้นแรกมาทำให้รู้สึกมีกำลังใจอัพขึ้นเยอะเลย ^^
อย่าเพิ่งถึงทิ้งกันไปไหนนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าจ้าา
ความคิดเห็น