คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 17
บทที่ 17
ว่ากันว่ามนุษย์นั้นมีนิสัยโหดร้ายยิ่งกว่าปีศาจ แต่กระนั้น ก็มีเรื่องที่เล่าต่อกันมาอีกว่าสิ่งที่โหดร้ายเสียยิ่งกว่ามนุษย์ก็คือชาวสวรรค์ ทั้งนิสัยที่หยิ่งทะนงในพลานุภาพของตนเอง ความขี้อิจฉา ความต้องการที่ไม่สิ้นสุดจนยอมทำลายทุกอย่างเพื่อที่จะได้สิ่งเหล่านั้นมา
เผ่าพันธุ์ที่แสนน่ารังเกียจในเปลือกของผู้ดี
เอนเดลลิออนไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ตนเคยทำไว้ในอดีตเพราะนั่นก็คืออีกตัวตนหนึ่งของเขา แต่ในเวลานี้ เขาไม่ได้เป็นเทพแห่งอัคคีเซนอนผู้นั้นอีกแล้ว ทั้งตัวเขา โรฟอน และไอออน หรือแม้แต่เอรอน ก็ได้ลงมาจุติและเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในกายเนื้อของมนุษย์ ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่โดยละทิ้งอดีตไว้เป็นเพียงความทรงจำ แต่ถึงจะลงมายังภพมนุษย์แล้ว พวกเขาก็ยังคงมีปณิธานที่ได้ตั้งไว้อย่างแรงกล้าที่ต้องทำให้สำเร็จก่อนที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างแท้จริง
ทำความเข้าใจกับโครนอน และแก้ไขข้อผิดพลาดในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำลงไป...
แม้เอรอนจะสูญสิ้นศรัทธาในตัวของชาวสวรรค์ แต่เอรอนก็ไม่เคยละทิ้งเผ่าพันธุ์แม่เลยสักครั้ง อีกทั้งยังคงเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้และยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนมากในขณะที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยแม้สักอย่างเดียว มันทำให้เขาละอายใจ...
ถ้าเอรอนจะเหนื่อยจนกลายเป็นราชาปีศาจไปอีกคน เอนเดลลิออนผู้นี้ก็ไม่คิดที่จะโต้แย้งเพียงอย่างใด
ถ้าหากเอรอนลืมสิ้นถึงปณิธานอันแรงกล้าก่อนที่จะลงมาจุติยังภพมนุษย์และไขว้คว้าซึ่งพลังและอำนาจ เขาจะไม่ขัดขวาง
แต่ถ้าหากยามใดที่เอรอนยอมเฉือนใจตัวเองจนต้องทุกข์ระทม ตัวเขา เอนเดลลิออน จะไม่ขออยู่เฉยอีกต่อไป
เพื่อเป็นการไถ่บาปที่เคยทำไว้ในอดีต..
นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่ทราบที่ภาพตรงหน้าของเอนเดลลิออนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องราวที่เอรอนบาดเจ็บสาหัสจากการผนึกโครนอน วังวนหลายพันปีที่ล่วงเลยไปอย่างไร้จุดหมายของพวกเขาทั้งสี่ และสัญญาณแห่งการกลับมาของจอมมาร ทุกเรื่องราวถูกตีแผ่ออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนราวกับเขาได้กลับไปสัมผัสกับความรู้สึกเหล่านั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่เหมือนว่าจำมีผู้ล่วงรู้ถึงความเบื่อหน่ายของเอนเดลลิออน ภาพทั้งหมดก็จางหายไปอีกครั้งพร้อมกับทุ่งดอกไม้งามจะปรากฎขึ้นมาตรงหน้าของเจ้าชายหนุ่ม เอนเดลลิออนกวาดสายตาไปทั่ว ในเวลานี้เขาอยู่ในสวนดอกไม้ของปราสาทแห่งหนึ่ง ซึ่งดูจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและตัวปราสาทที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เขาเดาได้มายากว่าที่นี่เป็นที่ไหน...
พระราชวังเวดีเอล่า แห่งราอาณาจักรเวนเดลล่า
“แม่เข้าใจว่าลูกเป็นห่วงเรื่องอะไร แต่ก็นะ..เรฟานอส เรื่องนี้มันเป็นเพียงอดีตไปแล้ว อีกทั้งลูกยังเป็นเพียงเด็กอายุเจ็ดขวบ ลูกจะเดินทางได้อย่างไรกัน”
เสียงหวานอีกเสียงโต้ขึ้น ทั้งชื่อและองค์ประกอบหลายๆอย่างทำให้เอนเดลลิออนมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่านี่เป็นเสียงของเรฟสมัยก่อนและองค์ราชินีแห่งเวนเดลล่าไม่ผิดแน่ๆ
“ข้าลงมายังภพมนุษย์เพื่อการนี้ หากไม่ออกเดินทางแล้วข้าจะทำเช่นไร”
วิธีการพูดของเด็กชายเรฟานอสดูโตเกินวัยอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกถึงความคิดและนิสัยที่โตก่อนวัยมากมายเพียงใด
“แต่เรฟ แม้ว่าแต่ก่อนลูกจะเคยเป็นใคร แต่ในเวลานี้ลูกคือลูกของแม่ แม่จะไม่มีทางปล่อยให้ลูกของแม่ไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด”
น้ำเสียงขององค์ราชินี้แม้จะเฉียบขาดแต่ก็ยังเต็มไปด้วยความเว้าวอนจับจิตเสียจนคนนอกอย่างเอนเดลลิออนรู้สึกสะท้านในใจ แต่ใบหน้าของเด็กชายผู้มีอายุเพียงเจ็ดปีกลับนิ่งสงบราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น
“ไม่ว่าแต่ก่อนข้าจะเป็นใครหรืออะไรจะเกิดขึ้น แต่ข้าก็ยังคงรักและเคารพท่านเสมอ ท่านแม่” เรฟานอสน้อยถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แต่ครั้งนี้ข้าจะละเลยไปไม่ได้ ข้าลงมาเพื่อการนี้”
“และที่ข้ามาบอกท่าน ไม่ใช่เพราะต้องการมาทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตจากพระองค์ แต่ข้าต้องการเพียงแค่ทูลพระองค์ให้ทราบก่อนที่ข้าจะไปเพียงเท่านั้น”
“เพราะแม้พระองค์จะเอ่ยห้ามเพียงใด พระองค์ไม่สามารถหยุดหม่อมฉันได้อยู่ดี”
---------------------------------------------------------- 20%--------------------------------------------------------------
เรฟานอสน้อยเดินออกมาจากสวนและตรงเข้าไปยังส่วนที่น่าจะเป็นห้องบรรทมโดยมีเอนเดลลิออนเดินตามติดไปไม่ห่าง ภายในห้องถูกประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลแดงดูเรียบง่ายแต่หรูหรา ก่อนที่เขาจะชะงักไม่ต่างกับร่างเล็กของเด็กชายที่แน่นิ่งไปเมื่อเห็นใครบางคนรออยู่ภายในนั้น
พี่คารอส?
“ข้าบอกท่านกี่ครั้งแล้วว่าอย่าออกไปยืนตากลมยามวิกาลเช่นนี้”
เด็กชายคารอสวัยสิบเอ็ดปีที่มีบุคลิกนิ่งสงบไม่ต่างจากตอนโตเลยแม้แต่น้อยถอนหายใจกับความดื้อดึงของเจ้าชายรัชทายาทแห่งเวนเดลล่าราวกับไม่ชินชากับนิสัยนี้ของนายเหนือสักที
“เจ้าอย่าบ่นข้านักสิ ข้าสำนักผิดไม่ทัน”
อนิจจา...
ใครจะไปทันคิดว่าเรฟมันจะกวนประสาทหน้าตายขนาดนี้..
ขนาดเอลเดลลิออนยังคิ้วกระตุกมีหรือว่าคนที่โดนตอกกลับตรงๆจะไม่รู้สึกอะไร คารอสกระตุกมุมปากคล้ายจะยิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิง อารมณ์ที่ที่ค่อนข้างสับสนทำให้คนมองรู้สึกขันไม่น้อย
“แล้วนี่... พระองค์บอกเรื่องที่จะเดินทางกับฝ่าบาทและราชินีแล้วหรือ”
เจ้าชายน้อยพยักหน้า “บอกแล้ว แม้พวกท่านจะไม่ค่อยเต็มใจแต่ก็ห้ามข้าไม่ได้อยู่ดี”
เมื่อได้ฟังคำตอบคารอสก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่จนเอนเดลลิออนรู้สึกสงสารอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้น เขาก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าทำไมคารอสถึงได้รู้จักกับเรฟได้ และจากที่ดูแล้วน่าจะรู้จักก่อนที่เรฟจะออกเดินทางและมาหาเขาเสียด้วยซ้ำ และทั้งสองก็เหมือนจะสนิทกันมากจนคารอสสามารถที่จะเข้ามาในห้องบรรทมของรัชทายาทและตักเตือนได้โดยไม่ถูกประหารเสียด้วย..
หรือว่าจะมีอะไรมากไปกว่านั้น?
“งั้นหม่อมฉันจะขอติดตามพระองค์ไปด้วย”
“ไม่ได้เด็ดขาด” เรฟส่ายหน้า “ถ้าเจ้าตามข้ามา แล้วใครจะดูท่านแม่ล่ะ”
“แต่ข้ามีหน้าที่ติดตามท่านในฐานะขององครักษ์” คารอสยังคงเถียง
“ข้ากำลังสั่งเจ้าในฐานะที่เจ้าเป็นองครักษ์ของข้า จงอยู่ที่นี่ซะ แล้วรายงานเรื่องความเป็นไปภายในวังให้ข้าทุกสัปดาห์ และเมื่อเจ้าอายุครบสิบเจ็ดปี ให้เข้าไปรอข้าที่โรงเรียนเตรียมอัศวินคาเรเนียส ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มค่า ห้ามติดต่อกับข้าจนกว่าข้าจะไปยืนอยู่ตรงหน้าของเจ้า”
คำสั่งอันยาวเหยียดค่อยๆซึมซับเข้าไปในสมองของคารอสช้าๆ ใบหน้าของคารอสเหยเกราวกับจะไม่ยอมรับแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งของนายเหนือหัวไปได้ ได้แต่ก้มหน้ายอมรับความจริงและกล่าวตอบรับอย่างเสียไม่ได้
“น้อมรับบัญชาขอรับเจ้าชายเรฟานอส”
คำพูดนี้ไม่ทำให้เอนเดลลิออนรู้สึกแปลกใจนัก แต่คำพูดต่อมาของเรฟานอสต่างหากที่ทำให้เขาตกใจจนสติแทบหลุด พร้อมกับความสงสัยที่ผุดขึ้นมาโดยไม่มีสิ่งใจที่จะแก้ข้อสงสัยนี้ไปได้เลยแม้แต่น้อย
“จงจำไว้ คารอส วินด์เคอเรีย องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของข้า จงอย่าได้บิดพลิ้วต่อคำสาบานที่ให้ไว้ต่อข้าแม้แต่ครั้งเดียว เพราะมันจะไม่มีโอกาสสำหรับเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง”
คารอส วินด์เคอเรีย?
เป็นที่รู้กันว่าตระกูลราชองครักษ์ของเวนเดลล่ามีบุตรชายเพียงคนเดียว
หากคารอสคือบุตรชายของตระกูลเก่าแก่นั้น..
แล้วเซฟิรอสล่ะ..
คือ ใคร กันแน่...
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
. . .
เอนเดลลิออนถอนหายใจครั้งแล้วทั้งเล่าระหว่างที่ยังคงติดตามเพื่อนรักไปตามทางที่มีแต่ป่ารกชัฏ ใครหนอช่างคิดค้นทางที่เต็มไปด้วยภยันตรายเช่นนี้ และเหนือสิ่งอื่นใด เจ้าเพื่อนสมัยเด็กนี่ไปล่วงรู้หนทางที่แสนจะลึกลับและไม่น่าไว้ใจนี้ได้อย่างไรกัน และเมื่อนึกๆดูและแม้จะไม่อยากเชื่อ.. แต่การกระทำนั้นก็ช่างสมกับคำบอกเล่าที่บอกต่อกันมาภายในเหล่าชาวสวรรค์ที่ว่า..
ไม่มีสิ่งใดรอดพ้นจากการพัดพาของสายลม
เขาล่ะทึ่งความสามารถของเจ้าชายองค์นี้จริงๆ เจ้าชายที่คาดว่าน่าจะถูกทะนุถนอมอย่างดีในหอคอยงาช้างแต่กลับเจนโลกเสียจนนึกว่าแอบมาเดินเล่นนอกวังบ่อยๆ แถมยังไม่เห็นสัตว์ป่าที่มักจะอาศัยอยู่ในป่าลึกแบบนี้สักตัวราวกับมันเกรงกลัวพลังอำนาจบางอย่างที่แผ่ออกมาร่างเล็กๆนี้จนพากันกลัวหัวหดและหนีหายไปจนไม่เหลือซะอย่างนั้น
ช่างน่าทึ่งจริงๆ
เรฟานอสเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยความมืดนั้นอย่างไม่เกรงกลัว ร่างเล็กลัดเลาะตามทางไปเรื่อยๆจนทะลุออกมาจนถึงบ่อน้ำกว้างใหญ่ที่คาดว่าน่าจะอยู่ใจกลางของป่าแห่งนี้ แสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่จ้าเข้าตาทำให้เจ้าชายน้อยยกมือขึ้นป้องสายตาเพียงนิดก่อนที่จะเอามือลงเมื่อสามารถปรับสายตาให้เคยชินกับแสงสว่างได้แล้ว
เอนเดลลิออนเดินตามเรฟไปยังริมขอบของบ่อน้ำ ก่อนที่ริมฝีปากเล็กๆจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมา
“ข้าคือเรฟานอส เวดีเอล่า มีเรื่องที่จะคุยกับเจ้า ผู้วิเศษแห่งเซซินเนียร์”
สิ้นเสียง เอนเดลลิออนก็รู้สึกเหมือนมีลมหอบใหญ่พัดโหมขึ้นอย่างรุนแรง บ่อน้ำที่นิ่งสงบถูกลมพัดขึ้นจนกลายเป็นเกลียวราวกับพายุวารี แต่เพียงไม่นานลมก็สงบลง พร้อมๆกับบ้านหลังน้อยที่ตั้งตระง่านอยู่กลางบ่อน้ำขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา
เรฟานอสมองบ้านหลังน้อยนิ่ง ไม่มีสะพานหรือสิ่งใดที่จะเป็นทางให้เจ้าชายตัวน้อยๆเดินเข้าไปภายในนั้นได้ เรฟถอยหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันก่อนที่ร่างเล็กจะลอยตัวขึ้นราวกับมีปีกที่มองไม่เห็นพาร่างนั้นไปยังบ้านที่ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำและเปิดประตูเข้าไปได้อย่างสบายๆ
ได้เวลากลับมาดูตนเอง..
เอนเดลลิออนถึงกับยีผมตัวเองจนยุ่งอย่างคิดไม่ตกว่าจะตามเด็กคนนั้นไปอย่างไร เขาไม่มีปีกหรือลมที่จะพาเขาไปที่บ้านหลังนั้น และเขาก็ไม่สามารถที่จะเดินบนน้ำได้อย่างสมดุลเหมือนทารีสหรือเด็กที่มาจากราเวนเทียร์ แต่ถ้าจะให้ลองจริงๆก็คงตกน้ำป๋อมแป๋มจนดูไม่จืดเป็นแน่..
เดี๋ยวนะ...
ตกน้ำ?
งั้นก็มีวิธีแล้วล่ะ..
แฮก แฮก แฮก แฮก
สภาพหอบจนดูไม่จืดของเอนเดลลิออนช่างน่าขำไม่น้อย ถึงร่างของชายหนุ่มจะโปร่งใสและไม่มีอะไรที่ถูกตัวเขาได้ก็เถอะ แต่การที่ต้องมาว่ายน้ำแบบที่ไม่รู้สึกถึงน้ำที่อยู่รอบๆก็เป็นอะไรที่เหนื่อยและน่าสังเวชใจพอดู
“ชาตินี้จะไม่ขอสะกดรอยตามใครอีกเด็ดขาด”
เขาบ่นเบาๆกับตัวเองก่อนที่จะเดินทะลุผ่านประตูเข้าไปราวกับวิญญาณที่ล่องลอย เอนเดลลิออนเห็นเรฟนั่งจิบชาอย่างสบายใจกับชายชราที่เขาไม่รู้จัก แต่จากคำพูดของเรฟานอสที่บอกว่า ผู้วิเศษแห่งเซซินเนียร์ ก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่พ้นผู้พิเศษที่ว่านั่นแน่ๆ
“หวังว่าท่านจะยอมร่วมมือกับข้า”
ร่วมมืออะไร?
“จะให้ข้ารับปากท่านได้อย่างไรเจ้าชายน้อย” ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ “สิ่งที่ท่านเล่ามา ใช่ว่าข้าจะไม่เชื่อท่าน แต่ก็ใช่ว่าสิ่งที่ท่านขอให้ข้ารับปากมันจะเกิดขึ้นจริงๆในภายภาคหน้า แล้วจะให้ข้าทูลคำทำนายนี้ต่อองค์กษัตริย์ทั่งสี่ได้อย่างไร”
คำทำนายต่อกษัตริย์ทั้งสี่?..
อย่าบอกนะว่า...
“ถ้าไม่มันเกิด ข้าก็จะทำให้มันเกิดขึ้นเอง” เรฟพูดด้วยร้ำเสียงเย็นยะเยียบไม่ต่างจากวันที่ลงดาบกับเขาตอนที่มาถล่มโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย
“นี่คือคำบัญชาจากเทพแห่งสายลม ข้าขอสั่งให้เจ้าทูลคำทำนายนี้แก่กษัตริย์ผู้โง่เขลาทั้งสี่ และหากใครก็ตามที่บังอาจฝ่าฝืนต่อคำทำนายแห่งแผ่นดิน ข้าจะเป็นคนลงฑัณฑ์คนพวกนั้นด้วยตัวของข้าเอง โดยที่แม้แต่เทพเจ้าก็ช่วยพวกเขาไม่ได้”
แม้แต่คำทำนายแห่งแผ่นดิน ก็เป็นสิ่งที่เรฟสร้างขึ้นมา...
และถ้าจะให้เดา ข่าวลือช่วงที่พวกเขาเข้าโรงเรียนก็คงจะเป็นฝีมือของเจ้าชายน้ององค์นี้ด้วยเหมือนกัน...
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เอนเดลลิออนก็รู้สึกยำเกรงต่อเด็กชายที่นั่งจิบชาอยู่กับผู้วิเศษแห่งเซซินเนียร์ขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แผนการนี้เริ่มต้นขึ้นมานานแล้ว.. ทุกอย่างถูกวางไว้อย่างดีและเริ่มเดินตั้งแต่สิบปีก่อนโดยเด็กเพียงคนเดียวที่ถูกทุกคนมองข้าม และนี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอนเดลลิออนรู้สึกตะลึงและเศร้าเสียใจภายในเวลาเดียวกัน
หากสิ่งที่เขาเห็นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน นั่นก็เป็นสิ่งยืนยันในความคิดของเขาได้เป็นอย่างดีว่าการพบเจอกันโดยบังเอิญของเขาและเรฟานอสสมัยเด็ก การพบกันโดยบังเอิญของพวกเขาและทารีส การได้อยู่ร่วมหอโดยบังเอิญของเจ้าชายรัชทายาททั้งสี่ และการได้รู้จักกันโดยบังเอิญของคนที่สวมบทบาทเป็นราชองครักษ์ของเวนเดลล่า อาจจะไม่ใช่ความบังเอิญอย่างที่พวกเขาคิด
มันเป็นความจงใจของใครบางคนที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ตรงหน้าเขา
และใครคนนั้นกำลังจะใช้พวกเขาเป็นตัวหมากของแผนการที่กำลังจะสำเร็จภายในเวลาอันใกล้นี้!!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่าาาาา ^-^ ช่วงนี้ลงทีละนิดเพราะยังจัดเวลาให้ตัวเองไม่ถูกอ่ะค่ะ ขอโทษด้วยน๊าา
กว่าจะถึงบ้าน ทำการบ้านนู่นนี่นั่น พอจะแต่งนิยายก็ได้ทีละไม่กี่บรรทัดทุกที 55555
ขอบคุณสำหรับคำผิดที่ทักท้วงกันมานะคะ แล้วไรต์จะเอาไปแก้ไขนะคะ ^^
อย่าเพิ่งเสียใจที่ไรต์ลงเป็นเปอร์เซ็นนะคะ เพราะไรต์จัดเวลาไม่ถูกจริงๆ T^T
แล้วก็ขอบคุณทุกๆคอมเม้นเลยนะคะ บางคนถึงจะไม่มาเม้นนานแต่โผล่มาแต่ละทีไรต์จำได้หมดทุกคนเลยน๊าา 5555
บางคนก็เพิ่งเข้ามาอ่านแต่เม้นทีเกือบทุกตอนไรต์ขอขอบคุณจริงๆ มีกำลังใจขึ้นเยอะมากๆเลยค่ะ
แล้วเจอกันตอนหน้าจ้า
ความคิดเห็น