ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    •][fate or accidentally][••][ลิขิตรักป่วนใจ][•

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter >>1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 27
      0
      12 ธ.ค. 47









    Chapter >>1<< เหตุผลที่จากมา…เพื่อนทรยศ







    “ว้าว! ดีใจจังเลย เกาหลีที่ฉันรัก ฉันกลับมาแล้วนะ ฮันเคียงเฮกลับมาแล้ว >O<” ฉันตะโกนเสียงดังเมื่อเดินออกมาจากสนามบินกรุงโซล ฉันตะโกนเสียงดังจนทำให้คนรอบข้างทั้งผู้คนแดนโสมและนักท่องเที่ยวนานาชาติหันมามองฉันด้วยความพิศวงงงงวย จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงล่ะ ก้อวันนี้ฉันเดินทางกลับมาเกาหลีครั้งแรกในรอบเจ็ดปีหลังจากที่ฉันไปเรียนต่อที่อังกฤษ ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปมากจากความทรงจำที่ฉันมีต่อเกาหลี ตึกรามบ้านช่องที่โอ่อ่าขึ้น  ที่นี่ เกาหลีคงทำให้ฉันมีความทรงจำที่ดีไปตลอดชีวิตเป็นแน่ เพราฉะนั้นนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะกลับมา เพราะฉัน… เพราะฉัน…  จะไม่จากที่นี่ไปอีกแล้วน่ะซิ



    ฮึ… อังกฤษน่ะหรอ ฉันเกลียดที่สุดเลย คุณคงไม่รู้ล่ะซิ แต่อย่าให้ฉันรื้อฟื้นเลย



    ห๊ะ! O.O คุณจะให้ฉันพูดหรอ ไม่ดีกว่ามั้ง พูดแล้วมันเจ็บน่ะ โอ้ย!!~~ ฉึก ฉึก แท่งใจเข้าเต็มๆ



    โอ้ย!!~~ ฉันก้ออึดอัดเหมือนกัน มะ มะ ฉันจะเล่าให้ฟังแล้วกัน  คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้



    คือว่า… เอ๊ะ! หรือฉันจะไม่เล่าดีนะ    จะให้เล่าหรอ   จะให้เล่าจริงๆหรอคะ   เอาจริงๆหรอ    จริงๆ อ่ะหรอ   โอ๊ะๆ ไม่ต้องดุค่ะ  เล่าก้อได้  เล่าก้อได้ -_-:;

        

        หากย้อนไปเมื่อ 168 ชั่วโมงที่แล้ว หรือ 7 วัน ก้ออาทิตย์ที่ผ่านมานั่นแหละ เป็นวีคเอนท์ที่ฉันและแองจีล่า เพื่อนเลิฟที่สุดของฉันในไฮสคูล สัญญากันว่าจะไปทำรายงานที่อาจารย์เร่งรัดให้ส่งภายในสองวัน  พวกเรานัดกันว่าจะไปทำงานที่บ้านของแองจี้ (ชื่อเล่นของแองจีล่า) และวันนี้แองจี้ก้อสัญญาว่าจะเปิดตัวแฟนที่ปกปิดฉันมานานนม เธอพาฉันไปบ้านแฟนเธอก่อนเป็นอย่างที่เราพบกัน ระหว่างทางที่พวกเราไปนั้น ฉันสังเกตได้ว่ามันเป็นทางไปบ้านของเรย์  แฟนคนที่… เอ่อ ช่างมันเหอะ อย่าไปจำเลย



    และเมื่อฉันไปถึงบ้านแฟนของแองจี้ ชัวร์ๆ เลย ฮือ ฮือ (กระซิกๆ) มันเป็นบ้านของเรย์จริงๆ  แต่แองจี้คงแค่พาฉันมาหาเรย์แล้วไปด้วยกันก้อเป็นได้ ภาวนาขอให้เป็นอย่างนั้นละกัน



    “ฮัลโหล มาถึงแล้วนะ” แองจี้โทรหาใครบางคน แล้วว่างสายทันทีเมื่อพูดจบ



    “โทรหาใครหรอ” ฉันถามด้วยความสงสัย



    “อืม.. ไม่มีอะไรหรอก” เธอตอบปัดๆ ไม่มีอะไรหลอกน่ะซิ ก้อสีหน้าเธอดูไม่สบายใจซะขนาดนั้น



    ฉันจะเอื้อมมือไปกดออด แต่แล้วคนที่ฉันคาดคิดเอาไว้แล้วก้อเดินออกมา  แน่นอนค่ะ  เรย์เดินออกมาจากบ้านของเขาและเดินไปยืนข้างๆ แองจี้  ฉันรู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันหมายความว่ายังไง ‘นี่น่ะหรอที่เรียกว่าเพื่อน’ ฉันคิดในใจแล้วรู้สึกสมเพชตัวเอง ToT



    “แองจี้นี่มันหมายความว่าไง ไม่ได้เป็นอย่างที่ฉันคิดใช่ไหม” ฉันถามด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้ง งง ช็อค เสียใจ โกรธ ทุกอารมณ์มันรวมมาอยู่ที่ฉันแล้วตอนนี้



    “เคียงเฮ เธอ.. เธอ.. ฉันเสียใจที่มันเป็นอย่างนี้” แองจี้พูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แล้วก้มหน้าลง



    “…” ฉันมองไปทางอื่นเสทำเป็นไม่ร้องไห้ ฉันไม่อยากเสียน้ำตาให้กับเรื่องอย่างนี้ แต่หัวใจน่ะมันร่ำไห้จะเป็นจะตายแล้วตอนนี้ TT^TT



    “เธอ.. เธอคง..ไม่.. โกรธ..ฉันนะ” แองจี้พูดเป็นห้วงๆ ด้วยน้ำเสียงผิดๆ T^T



    “อืม… ฉันคงไม่โกรธหรอกมั้ง ฉันน่าจะรู้ตัวตั้งนานแล้ว T^T”



    “ฉันน่าจะคิดได้ว่าทำไมพวกเธอเข้ากันได้ดีจัง ทำไมเธอถึงคุยกะเค้าได้นานเกินชั่วโมง ทั้งที่ฉัน..สิบนาที.. ทำไมพวกเธอยิ้ม หัวเราะ และดูมีความสุขด้วยกัน ฉันน่าจะรู้ตั้งนานแล้วว่า‘ฉันเป็นส่วนเกินมาตลอด’ TT__TT”ฉันพูดแล้วเหมือนจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป ฉันเสทำเป็นว่าไม่สนใจกับเรื่องนี่ไม่ได้ แล้วน้ำใสใสก้อไหลร่วงลงมาจากบ่อน้ำเล็กๆ บนใบหน้า (ไม่ใช่น้ำลายนะยะ) ดวงตาฉันตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ใครก้อได้ช่วยปิดก๊อกน้ำที่ตาฉันที ลบน้ำตาฉันไปทีได้ไหม



    “เธอไม่โกรธฉันจริงๆ นะ” แองจี้ถาม



    “อะ..อืม ฉัน..ไม่โกรธหรอก” ฉันตอบออกไปด้วยเสียงที่ขาดเป็นห้วงๆ ก้อฉันยังทำใจไม่ค่อยได้นี่



    “เธอแน่ใจหรอว่าไม่โกรธน่ะเคียงเฮ” เรย์ถามขึ้นเป็นครั้งแรก



    “ก้อแน่ใจน่ะซิ นายจะถามอะไรอีกห๊ะ?” ฉันพูดเสียงกระแทก และพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ซืดๆ เสียงสูดลมหายใจของฉันเพื่อบ่งบอกถึงการทำใจได้



    “เคียงเฮ??” แองจี้พูดแล้วโผเข้ากอดฉัน ฉันกอดตอบเธอไปอย่างเสียไม่ได้



    “เธอไม่โกรธฉัน ฉันขอบใจเธอมากๆ เลยนะ” แองจี้พูดด้วยน้ำเสียงมีความสุข ทั้งที่ยังกอดฉันอยู่ เธอเปลี่ยนอารมณ์เร็วจังนะ เมื่อกี้เพิ่งจะทำสีหน้าเศร้า ไหงตอนนี้เธอพูดอย่างมีความสุขล่ะ หรือว่าเธอไม่เคยรู้สึกเสียใจเลย



    “ไม่โกรธหรอก แค่…เสียใจนิดหน่อย” เสียใจนิดหน่อยหรอ? พูดไปได้ยังไงอันเคียงเฮ ความรู้สึกเธอตอนนี้แทบจะฉีกยัยนั่นให้เป็นชิ้นๆ ได้เลยทีเดียว



    “เฮ้อ! ฉันค่อยโล่งอกหน่อย” เรย์พึมพำด้วยน้ำเสียงธรรมดา นี่นายไม่รู้สึกเสียใจ หรือแม้แต่รู้สึกผิดเลยหรอเนี่ย นายเพิ่งหักหลังฉัน เพิ่งทำลายความรู้สึกของฉันที่มีต่อนายอย่างมากล้น นายมันเลวจริงๆ



    เพียะ !!~~



    “เคียงเฮ!!!” แองจี้ร้องเสียงตื่น



    “ไหนเธอบอกว่าไม่โกรธไง” แองจี้ถาม



    “มันทนไม่ได้นี่นา!” ฉันระเบิดความอัดอั้นออกไป



    “เคียงเฮ ฉันว่าเราต้องเคลียร์กันนะ” แองจี้พูดแล้วดึงฉันไปยังสวนหน้าบ้าน ส่วนเรย์ก้อเดินเข้าบ้านไปอย่างรู้ตัว



    “ไหนบอกว่าไม่โกรธไง” เธอถามเมื่อเรามานั่งกันที่ม้านั่งในสวน



    “ก้อแหม เธอจะให้ฉันทำใจได้ไง ในเมื่อฉันกับเค้าเป็นเพื่อนกันมาสองปี แล้วเค้าเพิ่งมาขอคบกับฉันเมื่อสองเดือนที่แล้วเอง เรายังคบกันไม่ถึงพันวันเลย” ฉันระเบิดความรู้สึกที่แท้จริงออกไป



    “เธอนับวันด้วยหรอเนี่ย เด็กจริงๆ” ประโยคหลังเนี่ยแองจี้พึมพำเบาๆ



    “แน่นอนฉันทำ การนับวันที่คบกัน มันสำคัญสำหรับฉัน ผู้หญิงเกาหลีส่วนใหญ่เค้าก้อทำอย่างนี่กัน”



    “แต่..แต่ฉันรักเค้านะ” แองจี้พูดเสียงเศร้า



    “แล้วเธอคิดว่าฉันไม่รักเค้าหรือไง ฉันมาก่อนเธอด้วยซ้ำไป”



    “โอเค…เรื่องนั้นฉันรู้… ฉันเป็นมือที่สาม” เธอพูดแล้วซบลงกับแขน พร้อมกับร่ำไห้อย่างบ้าคลั่ง



    “แองจี้ หยุดร้องไห้เถอะ มันทำให้ฉันรู้สึกผิด ทั้งที่…” ทั้งที่ฉันไม่ผิดน่ะซิ



    “…” เธอยังคงสะอื้นไม่หยุด



    “ฉันไม่โกรธเธอแล้ว เงียบซะ” ฉันจะไหล่เธอเชิงปลอบ แล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าให้



    “ขอบใจนะ ขอบใจมากๆ ขอบใจมากๆเลยจริงๆ” แล้วเธอก้อหันมากอดฉัน



    “อืมๆ” ฉันทำได้เพียงแค่ลูบหลังเธอเบาๆ



    “…”



    “นานเท่าไหร่แล้ว” ฉันถามขึ้นเมื่อแองจี้หยุดร้องไห้



    “ฮึ?”



    “คบกันมานานเท่าไหร่แล้ว” ฉันถามย้ำอีกครั้ง



    “หลังจากที่เค้าขอคบกับเธอได้หนึ่งอาทิตย์” ห๊า?? หนึ่งอาทิตย์ แค่หนึ่งอาทิตย์เองหรอ ฉันคงเป็นผู้หญิงที่ไม่มีดวงเรื่องความรักเลยจริงๆ



    “อืม” ฉันรับคำเธออย่างเงียบๆ



    แล้วแองจี้ก้อเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฉันฟัง ทั้งเรื่องที่เธอแต่งขึ้นว่าจะไปทำงาน ไปธุระกับพ่อ หรือแม้กระทั่งโดดเรียนมาบ้านเรย์ เธอไม่เคยทำให้ฉันได้รู้สักนิดเลยว่าเธอคบกับเรย์อยู่ เธอปิดบังฉันได้สนิทใจจริงๆ เธอแนบเนียนมากๆ ไม่เคยแสดงปฏิกิริยาอะไรเลย ถ้าเธอไปแสดงหนังละก้อ รางวัลออสก้า ก้อหนีไม่พ้นเธอไปแน่ๆ



    หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากที่เราเคลียร์ทุกอย่างกันแล้ว แองจี้ก้อเดินมาส่งฉันที่หน้าประตู



    “ฉันขอบคุณจริงๆนะ”



    “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร” ฉันพูดด้วยสีหน้าปกติ ไม่มีความรู้สึกใดใด ทั้งเสียใจ และโกรธ



    “จ๊ะ ฉันรักเธอนะ” แองจี้พูดแล้วโผเข้ากอดฉัน



    “จ้าๆ ฉันรู้น่า” แล้วฉันก้อกอดตอบเธอ



    “นี่เคียงเฮ  เป็นไงแนบเนียนมะ ฉันแสดงเก่งไหมล่ะ” แองจี้พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง



    “อะไรนะ” ฉันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลย



    “ฉันแนบเนียนไหมล่ะ” เธอยังไม่รู้ซินะว่าเธอพูดอะไรออกไป



    เพียะ!!~~



    เธอ..เธอมันนี่นะ ไม่รู้เคยรู้สึกเสียใจ หรือสำนึกผิดเลยใช่ไหม เธอนี่มัน ต อ แ ห ล จริงๆ เลย



    “เธอตบฉันทำไมเนี่ย เคียงเฮ” แองจี้พูดด้วยแววตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใสใส



    “ฉันน่าจะถามเธอมากกว่านะว่า พูดมาได้ยังไงน่ะ” ฉันตะคอกเธอเสียงดัง



    “ฉันพูดอะไร ห๊ะ? ฉันพูดอะไร” แองจี้พูดออกมาทั้งน้ำตา เธอคงไม่เคยโดนใครตบละซิ ฉันจะภูมิใจมากเลยถ้าได้ตบเธอเป็นคนแรก เพราะเธอ…ฮึ…



    “เธอไม่รู้ตัวเลยหรือไง แนบเนียน แนบเนียน เธอเยาะเย้ยฉัน เธอเยาะเย้ยฉัน!”



    “แล้วมันจริงไหมล่ะ ฉันแนบเนียนเสมอ เธอไม่เคยจับได้ไล่ทันฉันเลย” นี่หรอ นี่น่ะหรอ ตัวตนที่แท้จริงของเธอ แองจีล่าหรอ แองจีล่าที่แปลว่านางฟ้า มันไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด เดบาร่า ซิที่เหมาะกับเธอ เดบาร่าที่แปลว่าราชินีผึ้ง ราชินีผึ้งที่ร้ายกาจ มันเหมาะกับเธอที่สุดเลย



    “เธอ…เธอมันร้ายกาจจริงๆ!” หลังจากที่แองจี้เสแสร้งทำเป็นเศร้ามานาน ตอนนี้เธอยืนยิ้มร่าอย่างร้ายกาจ



    “ช่วยไม่ได้หรอก อะไรที่ฉันต้องการ ฉันต้องได้มันมาเสมอ” แองจี้พูดอย่างทะนงตัว



    “ฉันขอสาบแช่งเธอ ขอให้เธอไม่มีความสุข ขอให้เธอพบแต่ความทุกข์ทรมาน ความหายนะต่างๆ!” ฉันตะโกนด่าทอเธอขณะเดินออกจากบ้านเรย์ ส่วนเรย์คงได้ยินเสียงฉันตะโกนก้อเลยออกมาดู  



    “ฉันขอให้เธอท้องไม่มีพ่อ ขอให้เธอเป็นเอดส์ ขอให้เธอ…ไปตายซะนังบ้าเอ๊ย!” ประโยคนี้ฉันด่าเธอเป็นภาษาเกาหลี เธอโง่พอที่จะไม่รู้คำนี้แน่



    หลังจากนั้นฉันก้อไม่ไปโรงเรียนเป็นเวลา 3 วัน แล้วขอร้องให้พ่อไปยื่นเรื่องลาออกให้เร็วที่สุด พ่อก้อเลยตอบสนองความต้องการของฉันทันที และฉันก้อพูดกับครอบครัวโดยเด็ดขาดว่าจะมาอยู่เกาหลี และจะไม่กลับมาที่นี่อีก และอีกเหตุผลที่ฉันลาออกก้อคือ ฉันได้ เอฟ วิชาประวัติศาสตร์เนื่องจากฉันไม่ส่งรายงานนั่นเอง -_-;;;



    เฮ้อ! เป็นไงบ้างล่ะเรื่องของฉัน มันน้ำเน่าไปเลยใช่ไหม คุณจะไม่รู้สึกหรอก ถ้ามันไปเกิดขึ้นกะตัวคุณ



    เรื่องนี้มันทำให้ฉัน กินจุ นอนตื่นลับสบายไปสามวันเลยทีเดียว



    ต่อจากนี้ไป ฉันจะไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา โชคชะตาหรอ ไร้สาระสิ้นดี ทุกอย่างน่ะมันเกิดจากความบังเอิญทั้งนั้น





    “เฮ้! เคียงเฮ อันเคียงเฮ ฉันอยู่ตรงนี้”













    To be continues…



























    *~~--_____--~~* + *~~--_____--~~* | *~~--_____--~~* + *~~--_____--~~*

































    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×