คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER 3 ALAMO (ไส่แผนที่แล้ว)
Chapter 3: Alamo Alamo เป็นสงความระหว่างฝ่าย Texas กับ Mexico ทหารผู้กล้าฝ่ายTexas เข้ามาช่วยสงครามไม่ถึง 200 คน ซึ่งได้ต่อสู้กับทหารชาวเม็กซิกันนับพันด้วยความดุเดือดใน Alamo แห่งนี้ ผลออกมาก็คือ Texan (พลเมือง Texas) ทุกคนตายราบคาบ จึงถูกบันทึกชื่อไว้ ณ Alamo นั่นเอง ฮีโร่คนสำคัญที่ต้องกล่าวถึงคือ Jim Bowie และ David Crockett ........ใช้เวลารบทั้งสิ้น 13 วันก่อนทุกคนจะตายหมด....... หลังจากแบร์รี่ช่วยเก่งไว้และเก่งทดแทนบุญคุณแล้ว เก่งได้มาถึงสถานที่ ที่เขาคิดว่าปลอดภัยที่สุด แต่นัที่แห่งนี่นี้เอง เกิดสิ่งไม่คาดฝันมากมายและมันทำให้เก่งพบเจอเหตุการณือีกหลายอย่างที่ทำให้เขา "เติบโตมากขึ้น" โดยที่เก่งไม่รู้ที่แห่งนี่กำลังจะกลายเป็น นรก
เพลงประกอบครับจะเปิดหรือไม่เปิดก็ได้ ขอบคุณที่อ่าน
Chapter 3:
Alamo
Alamo เป็นสงความระหว่างฝ่าย
ผลออกมาก็คือ Texan (พลเมือง
........ใช้เวลารบทั้งสิ้น 13 วันก่อนทุกคนจะตายหมด.......
เก่งกำลังสวมซองปืนที่แบร์รี่ให้เข้ากับเอวของตนอยู่ ในขณะที่ แอนยังคงร้องไห้ ให้กับการตายของแบร์รี่ แต่เก่งไม่เสียน้ำตาเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ในใจเขาจะเจ็บปวด ถึงแม้เขาจะเป็นคนยิงแบร์รี่เองกับมือ แต่เขากับแทบจะไม่รู้สึกอะไรกับมันเลยนอกจากความเจ็บปวดในใจเพียงเล็กน้อย เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นเขาเลือกเอง และข้างในใจเขาตายหมดแล้วตั้งแต่ เขายิงพ่อแม่ตัวเอง
เขาเดินไปหาน้องของเขา
“ส่งปืนมา แอน” เขาสั่งน้องของเขาเธอไม่ฟัง เอาส่ายหัวไปมา เขาจึงกระซากปืนออกมาจากมือน้องสาวเข
“ส่งมานะพี่........ส่งมันคืนมานะ” น้องเก่งพูดทั้งน้ำตา พร้อมทั้งยื่นมือไปคว้าเพื่อเอาปืนคืน
“จะเอาคืนหรือจะเอาไปแล้วทำอะไรได้ทั้งที่มือเป็นอย่างนี้” เขาพูดพร้อมกระซากมือ น้องสาวของเขาไห้แบออก เผยไห้เห็นรอยซ้ำที่ง่ามมือของแอน มันเขียวซ้ำอย่างเห็นได้ชัด
“โอ๊ย......” แอนร้องด้วยวามเจ็บปวดที่มือของเธอ เก่งรู้อยู่แล้วว่ามือของน้องสาวเข้าองเป็นอย่างนี้ เนื่องมาจากแรงถีบของปืน เวลายิงกระสุนออกไป ถึงแม้ปืนมันจะกระบอกเล็กแค่ไหนแต่ แรงของมันยังคงมากอยุ่ดีและมีหรือที่ เด็กอายุ 12 ที่ใช้ปืนรั้งแรกจะไม่ได้ผลกระทบจากมัน
เขาปล่อยมือแอนลงก่อนที่จะจับมือเธอ จูงไปทางสถานีตำรวจ ถึงแม้แอนจะร้องไห้อยู่และรู้สึกถึงเลือดของแบร์รี่ที่กระเด็นมาโดนมือเก่ง แต่เธอก็เดินตามพี่ชายของเธอไป ในใจของเธอสับสนเป็นอย่างมากเพราะเพียงคืนเดียวเธอได้เจอเหตุการณ์ที่มากมายเกินกว่าเด็กผู้หญิงอายุ 12 ปีจะรับได้เกินกว่าใครๆจะรับได้ ถึงอย่างไรก็ตามเธอยังคงมีพี่ชายของเธออยู่ เธอมีพี่ชายของเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เธอจึงได้เชื่อใจพี่ชายของเธอ
........... “ฮ่าๆๆๆๆ ลุกขึ้นเซ่ ลุกขึ้นกูยังไม่หมดสนุกเลยนะเว้ย” ...........
เสียงตะโกนดังออกมาจาก สถานีตำรวจที่อยู่ตรงหน้า สองพี่น้อง
“เกิดอะไรขึ้นนะพี่เก่ง” แอนทำพี่ชายของเธอด้วยความตกใจ เพราะนอกจากเสียงนั้นแล้วยังมีเสียงร้องโหยหวนของเด็กผู้ชายดังออกมา พร้อมทั้งเสียงเหมือนคนโดนทุบตีด้วย แต่เก่งจำเสียงนั้นได้ดี เขาไม่มีวันลืมมันเด็ดขาดเพราะเขาได้สัญญา สัญญาไว้แล้วว่าเขาจะต้องฆ่า (กุจะฆ่ามึง)
แอนหันไปมองหน้าพี่ชายของเธอ เธอตกใจมากเพราะที่ปากของพี่เธอนั้นยิ้มแต่ที่ดวงตาของพี่เธอนั้นมันช่างดูดุร้ายเหลือเกิน
“แอน อยู่ที่นี้นะจนกว่าพี่จะเรียก” เก่งปล่อยมือของแอนพร้อมทั้งหยิบกระป๋องสีเหลืองเหน็บไว้ข้างหลังก่อนที่จะเดินเข้าไปยังสถานีตำรวจ
ข้างในสถานีตำรวจนั้นมีคนอยู่เป็นจำนวนมากทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็กวัยรุ่น กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นล้อมเด็กผู้ชายคนหนึ่งอยู่
“เอาซี่ร้องเข้าซี่” วัยรุ่นคนหนึ่งที่สวมแจ็คเก็ตสีดำ เสื้อกล้ามสีขาวพร้อมทั้งสวมแว่นดำและหัวเกรียนที่มีผมสั้นๆนั้นพูดขึ้น พอเขาพูดเสร็จเขาก็เริ่มกระทืบไปที่ท้องของเด็กคนนั้นต่อ ถึงแม้ไอ้หมอนั่นจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไป แต่เก่งยังคงจำเสียงนั้นได้ดี และเขายังคงจำกลุ่มวัยรุ่น 5-6 คน ที่ยืนล้อมรอบพร้อมทั้งหัวเราะอยู่นั้นด้วยเช่นกัน
สภาพทุกอย่างยังคงเหมือนในวันนั้น ทุกคนต่างยืนดูโดยไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เอาแต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ทำเหมือนกับว่ามันไม่อะไรเกินขึ้น มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง และเขาสังเกตเห็นบางอย่างเด็กหนุ่ม อายุประมาณ 10 ปีนั้นไม่ได้ล้มไปกับพ้นเพราะโดนรุมทำร้าย แต่กำลังโอบกอดผู้หญิงอยู่ ดูจากการแต่งตัวเก่งรู้ได้ทันทีว่า เธอเป็นโสเภณี หน้าของเธอนั้นมีแต่รอยแผลและเลือดเนื้อตัวที่ถูกปิดด้วยผ้าน้อยชิ้นเผยไห้เห็นรอยซ้ำจากการถูกซ้อม ถึงแม้เด็กคนนั้นจะเจ็บปวดจากการถูกรุมอัดจนร้องไห้ แต่เขายังคงโอบกอดผู้หญิงคนนั้นไว้แน่น มันทำให้เก่งนึกถึงตัวเอง
“หยุด..........” เก่งพูดขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่เยียบเย็นจนน่าขนลุก ทุกคนหันไปมองที่ต้นเสียงนั้น รวมทั้งหัวหน้าวัยรุ่นที่ซ้อมเด็กนั้นอยู่ด้วย เก่งเดินเข้าไปหัวหัวหน้าอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหยุดลงโดยห่างจากหัวหน้าของวัยรุ่นประมาณ 2 ฟุต
“โอ้ว ดูซี่ว่าใครมา ไอ้ ฮีโร่ นี่เอง~~~” ตัวหัวหน้า มันพูดอย่างกวนตีนด้วยการลากเสียงเหมือน รายการเกมโชว์ชนิดหนึ่ง
“...........” เก่งไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“อะไร้ อะไร นี่มึงคิดจะมาดักคอกูอีกแล้วหรอวะ ฮะ โอ้วดูซะก่อนพวกเรา มันมีปืนด้วยเว้ยเฮ้ย” มันพูดพร้อมชี้ไปยังปืนที่อยู่ในสายคาดปืนทั้งสอง ของเก่ง
“จากฮีโร่ กลายเป็นนายอำเภอแล้วหรอวะ ฮ่าๆๆๆ” มันยังคงพูดเยอะเย้ยใส่เก่ง พร้อมทั้งเดินเข้ามาเรื่อยๆ แต่เก่งกลับเดินถอยหลังออกไป ก่อนจะหยุดลงโดยทิ้งระยะห่างไว้ 2 ฟุตเท่าเดิม
“กูว่าแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ ว่ามึงต้องปอดแหก ทั้งๆที่มีปืนยังไม่กล้ายิงเลยมั่ง นะฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะร่า ก่อนที่ลูกน้องของมันจะช่วยเสริม
“..............” เก่งยังคงเงียบและสีหน้านั้นยังคงนิ่งเฉย
“เอาซี่ ยิงมาเลย” มันเอามือกระแทกอกพร้อมทั้งเชิดมันขึ้น “กูพนันว่ามึงนะไม่กล้ายิง”
“.............” ถึงแม้เก่งยังคงเงียบ แต่ครั้งนี้เขาหยิบอะไรบางอย่างมาจากข้างหลัง มันคือกระป๋องสเปรย์คลายกล้ามเนื้อ
“...........ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...........” เสียงหัวเราะได้ถูกระเบิดออกมา แก๊งวัยรุ่นนั้นหัวเราะกันลั่นโดยเฉพาะตัวหัวหน้า มันหัวเราะจนถอดแว่นสีดำนั้นออกก่อนที่จะเผยไห้เห็นน้ำตาเล็ดออกมา
“มึงจะ........ฮ่า........มึงจะคลายกล้ามเนื้อหน้ากุให้ตายหรือไงวะ ฮะ......ฮ่าๆ เอาซี่เข้ามาฉีดใกล้ๆซี่”มันพูดพร้อมกวักมือเข้ามาแต่มันยังคงไม่หยุดหัวเราะ
เก่งเองก็แสยะยิ้มที่มุมปากด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งควัก อะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงด้านขวาออกมามันมีรูปร่างสีเหลี่ยมผืนผ้า ขนาดใหญ่เท่าผ่ามือ ตอนนี้ในมือซ้ายของเก่งมีสเปรย์คลายกล้ามเนื้อที่เขาจับมันไว้ชิดอกและในมือขวามีของบางอย่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเท่าฝ่ามือ ที่ทำจากเงิน ถูกวางไว้ข้างหน้าสเปรย์ ไม่ชิดมากนัก
เก่งแสยะยิ้มที่มุมปาก และกล่าวว่า
“ไม่ละ ฉันกลัวไฟมันไหม้นะ” ......กริ๊ก..... เก่งเปิดฝากล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าในมือขวาออก ไฟติดขึ้น จากหัวที่อยู่ข้างในฝา ใช่แล้วมันคือไฟแซ้ค นั้นเอง
..............ซู่.......... สเปรย์ในมือซ้ายของเก่งได้ถูกพ่น ออกมา ก่อนที่จะกระทบกับไฟแซ็ค
............ฟู่.......จากน้ำสเปรย์ กลายเป็นเปลวไฟ ที่ลุกโชติช่วง ก่อนที่จะไปกระทบหน้าของ หัวหน้าวัยรุ่น
....ฟุบ.......อะ...อ้าก....ว้ากกกกกกกก........ เสียงกรีดร้องได้ดังขึ้น ใบหน้าของ ไฟลุกท่วมหัวหัวหน้าของวัยรุ่น กลิ่นเหมือนเนื้อถูกย่างคลุ้งไปทั่ว มันล้มลงไปกับพื้น และเริ่มดิ้นพล่านไปมา เหมือนแมงสาบ โดนยาฆ่าแมลง
“เจ็บโว้ยไอ้เหี้ย มึงทำกู ไอ้เหี้ยเอ๊ย อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก” มันร้องยังคงร้องลั่น และกร่นด่า เก่ง หยิบเสื้อ ออกมาจากกระเป๋า ก่อนที่จะขึ้นค่อมมันเพื่อไม่ไห้ดิ้นมากนักและเอาเสื้อคลุมหน้า เพื่อดับไฟ และดึงผ้าออก เผยให้เห็นหน้า ที่ไหม้เกรียมพร้อมทั้ง มีบางที่ ที่ยังไม่ไหม้ดีจึงมีเลือดสีแดงไหลเยิ้มออกมา
“กู.....จะฆ่ามึงไอ้เหี้ย.........” มันยังคงด่าเก่ง แต่เก่งกับยิ้มก่อนที่จะวางของในมือทิ้ง
........ผัวะ.......... ก่อนต่อยมันเต็มแรงด้วยมือขวา จนเลือดจากบาดแผลบนหน้าของมันกระเด็นไปทางซ้าย “โอ๊ย” มันร้องด้วยวามเจ็บปวด
“เอาเซ่ด่ากุอีกเซ่” เก่งพูดขึ้น
.........ผัวะ....... คราวนี้เก่งใช้มือซ้ายต่อยจนเลือดกระเด็นไปโดนหน้าเก่ง “อย่า......” มันพูดขึ้น
“เอาอีก เซ่ ยิงมุขอีก ยิงมุขอีกเซ่ ฮ่า......ฮ๋าๆๆๆๆๆๆ” เก่งหัวเราะอย่างสนุกสนาน
............ผัวะ ......... คราวนี้เก่งใช้มือขวา เลือดกระเด็นออกมาจากหน้ามันมากขึ้น “หยุด......”
“หา มึงว่าไงนะ พูดดังๆเซ่ มันชอบพูดดังๆไม่ไช่หรอ พูด เซ่ ฮ่าๆๆๆๆๆ” เก่งพูดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ
.............ผัวะ........ราวนี้เก่งใช้มือซ้าย “ได้โปรด.........”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆฮ้าๆๆๆๆๆๆ ขำโว้ย มุขนี้ ได้โปรด ฮ่าๆๆๆๆ มึงล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย คนยิ่งใหญ่อย่างมึงเนี่ยนะขอร้องกุ ฮ่าๆๆๆๆกุคงฟังผิดแน่ๆขออีกใช่ไหม ขออีกแน่ๆ ได้กุจัดไห้”
...........ผัวะ.........ผัวะ........ผัวะ..........ผัวะ......... เก่งใช้มือซ้ายและมือขวาต่อยสลับไปมา พร้อมทั้งหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไปด้วย หัวหน้าวัยรุ่นนั้นหยุดร้องไปแล้ว เพราะฉะนั้นเสียงที่ยังคงดังอยู่จึงมีแต่เสียงหัวเราะของเก่ง และเสียงใบหน้าที เหมือนก้อนเนื้อ ถูกทุบด้วยกำปั้นไปมา
“เอาเซ่ พูดอีกเซ่ ยิงมุขอีกเซ่ ฮ้าๆๆๆๆๆๆ กูยังไม่หายมันเลยนะเว้ย พูดอีกเซ่” เลือดจากหน้าของวัยรุ่น และเลือดจากมือของเก่งได้เปรอะเต็มตัวเก่งไปหมด จนตอนนี้หน้าของเก่งนั้นเรียกได้ว่า เลือดขึ้นหน้าไปแล้วจริงๆ ความเจ็บปวดนั้นได้ถูกปิดบังไว้ด้วยอะดรีนารีน และความสระใจของเก่ง
.........ผัวะ.........พลั่ก.........แพละ..........แพละ.........แพละ..............แพละ....... เสียงกระดูกมือของเก่งที่กระทบกะโหลกของหัวหน้าวัยรุ่นนั้นได้ถูกแปรเปลี่ยนเป็น เสียงกระดูกกระทบก้อนเนื้อแทน เนื่องจากกะโหลกบางส่วนบนใบหน้าของมันได้แกออกจนฝังลงบนนิ้วของเก่ง รวมทั้งกระดูกมือของเก่งในตอนนี้เริ่มร้าวแล้ว แต่เก่งยังคงต่อยต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทุกนที่อยู่รอบข้างรวมทั้งกลุ่มวัยรุ่นด้วย ต่างไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ไม่พูด ไม่กรีดร้อง ไม่เข้าไปช่วยหรือห้าม เอาแต่ยืนมอง ด้วยความตกใจและความกลัว มันยิ่งกว่าสัตว์บางชนิดขย้ำกินคน มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและความรุนแรง เสียงหัวเราะกับเสียงเนื้อถูกบดขยี้ ประสานกันเหมือนดนตรีแห่งความบ้าคลั่ง ภาพที่เห็นเหมือนราชสีห์กำลังเริงร่ากับการล่าทุกคนถูกสะกดด้วยเสียงนั้น จนไม่กล้าแม้แต่จะเบือนหน้าหนี บางคนหน้าซีดเผือกด้วยความกลัวบางคนเอามือปิดปากไว้เพราะกำลังจะอ้วกด้วยความสะอิดสะเอียน จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หยุดนะ..........หยุดซะทีพี่เก่ง.........ขอร้องละหยุด.....ที” แอนนั้นเอง เธอตะโกนห้ามพี่ชายเธอ ทั้งน้ำตา ถึงกระนั้นเก่งก็หยุดการกระทำนั้นลง ก่อนที่จะยืนขึ้นและ ซักปืนลูกโม่ที่แบร์รี่ให้ออกมา
“กลับไปนรกซะไอ้เหี้ย” เก่งพูดขึ้นก่อนกระหน่ำยิงไปที่ ศีรษะหรือ “ก้อนเนื้อ” นั้น
.........ปังๆๆๆๆ........ ก้องเนื้อนั้นแตกออกเหมือนลูกแตงโมโดนกระหน่ำทุบ เศษเนื้อกระเด็นไปทั่วพื้นที่การกระทำครั้งนี้ของเก่งมัน ทำไห้ทุกคนไม่อาจทนได้อีกแล้ว ผู้หญิงบางนกรีดลั่นเพราะเศษเนื้อได้กระเด็นมาโดนเสื้อ บางคนถึงกับอ้วกทันที เพราะลูกตาได้กลิ้งมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา กลุ่มวัยรุ่นนั้นเข่าทรุดลงไปทันทีเพราะหัวหน้าของตน ไม่มีหัวอีกต่อไปและเริ่มกลัวกับชะตากรรมในอนาคต ของตัวเอง
เก่งหันกลับมายังน้องสาวของเขาอย่างช้าๆ หน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระเด็นของหัวหน้าวัยรุ่น และบริเวณมือของเขามีเลือดจำนวนหนึ่งหยดลงบนพื้น ทุกคนไม่สามารถก้าวขาออกเพราะสั่นด้วยความกลัว ประดุจดั่ง ราชสีห์ ที่จ้ำองไปยังเหยื่อของตน ตอนนี้ทุกคนถูกสะกดด้วยความกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ไม่ใช่แอน
.............เพี๊ยะ.............. เสียงตบอย่างแรงจนทำไห้เก่งหน้าหันนั้นได้ทำลายความเงียบที่ปกคลุมนั้นลง
แอนไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อยเพราะสิ่งที่เธอเห็นมีเพียงพี่ชาย ที่เสียสติไปเท่านั้น
“พี่บ้าที่สุดเลย........” เธอตะโกนด่าพี่ของเธอก่อนที่จะเดินหนีไป มีผู้หญิงผมสั้นใส่ยีนและเสื้อเซิ๊ตตามเธอไป ถึงแม้เก่งจะเจ็บ แต่มันก็แค่นั้นสำหรับเก่ง เพราะเขาเริ่มชินกับความเจ็บปวดแล้ว
เขาไม่คิดที่จะตามแอนไป ได้แต่ถอดสายตามองไปเท่านั้น ก่อนที่เขาจะหันกลับมาไปยังเด็กชาย ที่กำลังนั่งอึ้ง มองมาทางเขาอยู่ ดวงตาของเขาประหลาดใจ แต่ปราศจากความกลัว เก่งยื่นมือที่เต็มไปด้วยเลือดไปหาเด็กหนุ่มพร้อมทั้งยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
“เธอทำได้ดีมาก” เขาชมเด็กชายคนนั้นที่พยายามปกป้องร่างที่ไม่ไหวติ่ง ของแม่ของตน เด็กคนนั้นยื่นมือมาจับมือของเก่งไว้แน่น เขาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อยที่จะจับมัน
“ขอบคุณครับ” เด็กน้อยกล่าวสายตาของเขาเต็มไปด้วยความรพและเชิดชูเพราะในสายตาของเขาเก่งเปรียบดั่ง ฮีโร่ ที่มาช่วยเขาไว้จากตัวร้าย
“ไม่เป็นไรหรอก มันเรื่องส่วนตัวนะ”เก่งตอบเด็กน้อยจากใจจริงก่อนจะหันมาหา กลุ่มคนที่เหลือ
“ฉันไม่สนหรอกนะ ว่าพวกแกจะตายห่าหรือกลายเป็นอย่างไอ้พวกเหี้ยตายแล้วเดินได้นั่น” เก่งพูดด้วยเสียงที่เรียบและเย็นชา ถึงกระนั้นทุกคนก็ตั้งใจฟัง
“แต่ถ้าพวกแกยังอยากจะมีชีวิตอยู่จงทำตามที่ฉันบอกเพราะระหว่างทางที่ฉันมายังที่นี้ไอ้พวกซอมบี้นั้นกำลังมาทางนี้ ถ้าทำตามที่ฉันสั่งบางทีพวกแกอาจจะรอดตาย” เก่งพูดพร้อมหยิบบุหรี่ที่ท๊อปฝากออกมาจากกระเป๋ากางเกง และหยิบไฟแซ็คที่อยู่บนพื้นขึ้นมาจุด และดูดบุหรี่มวนนั้นเข้าไปเต็มปอด
“........แค่ก.......แค้ก........แสบคอเป็นบ้าเลยเว้ย” เก่งสำลักควันออกมาก่อนที่จะดูดบุหรี่อีกครั้ง
........กริ๊งๆๆๆๆ.......เสียงกระสุนกระทบพื้นดังขึ้นแล้วกระสุนใหม่ได้ถูกบรรจุเข้าไปในลูกโม่นั้นอีกครั้ง........คริ๊ก............มันพร้อมที่จะสังหารแล้ว ตอนนี้ทุกคนในสถานีตำรวจได้ถูกรวมตัวกันไว้ข้างหน้าเก่ง ซึ่งเก่งนับได้ทั้งหมด 15คน รวมทั้งตัวเก่งเองและน้องสาวเขาด้วย ที่ทุกคนทำตามเก่งนั้นไม่ว่าจะด้วยเพราะความกลัวหรือความเชื่อใจก็แล้วแต่ ทว่าทุกคนอยากจะเอาตัวรอด หนทางเดียวที่มีในตอนนี้คือเชื่อฟังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งกำลังดูดบุหรี่ ด้วยมือที่เต็มไปด้วยเลือด แล้วเก่งได้สังเกตเห็นบางอย่างในกลุ่มผู้รอดชีวิต นั้นคือ “ตำรวจ” เก่งอุทานขึ้น
เก่งเดินเข้าไปคว้าคอเสื้อ ชายที่ใส่ชุดตำรวจทันที ชายคนนั้นตกใจอย่างมาก จนเหงื่อแตกเต็มหน้าซึ่งทำให้ใบหน้าที่มีสิวและความมันทำไห้ดูหน้าเกลียดขึ้นไปอีก ยิ่งแว่นเลนหนาที่ใส่นั้นยิ่งทำให้เก่งรู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นตำรวจที่ทำแต่งานบัญชีแน่ๆ
“อย่า........อย่าทำผมเลยครับผมขอร้อง”ตำรวจคนนั้นตะโกนด้วยความกลัวพร้อมเอามือมาบังหน้าเพื่อปกป้องตัวเอง มันยิ่งทำให้เก่งหงุดหงิดแล้วรู้สึกขยะแขยง เก่งไม่สงสัยเลยว่าทำไมคนๆนี้ถึงไม่ช่วยเด็กคนนั้น
“คนอื่นละคนอื่นหายไปไหนหมด” เก่งถามด้วยเสียงที่ราบเรียบที่สุด เพราะเขาพยายามข่มอารมณ์ตนเองเอาไว้
“อย่าทำผมขอร้องละ.........ผมยังไม่อยากตาย”ชายคนนั้นยังคงร้องขอชีวิต น้ำตาเริ่มไหลนองออกมาจากแว่นที่หนานั้น เก่งเริ่มหมดความอดทน เก่งผลักชายคนนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้น .......แกร๊ก.........เก่งหยิบปืน 9.มม ออกจากซองพร้อมทั้งขึ้นไกทันที ตำรวจคนนั้นตกใจมาก เขาเห็นความตายอยู่ตรงหน้าถ้าเขาไม่รีบตั้งสติเด็กหนุ่มคนนั้นคงยิงเขาแน่ แต่เขาจะตั้งสติได้อย่างไรในเมื่อมีคนเสียสติจ่อปืนอยู่ตรงหน้าเขา
“อย่า........”เสียงผู้หญิงดังขึ้นเธอรีบจับมือเก่งชูขึ้นบนฟ้า แต่เธอทำได้เพียงเท่านั้นเพราะทันทีที่เธอล็อคแขนเก่งไว้ได้ เธอถูกเก่งจับเหวี่ยงลงไปกับพื้นทันที เก่งซักปืนอีกกระบอกออกมาพร้อมทั้งเล็กไปที่ศีรษะของผู้หญิงคนนั้น มันทำไห้เก่งสังเกตเห็นเธอได้ชัดขึ้น เธอคือผู้หญิงที่วิ่งตามน้องสาวเขาไป เสื้อยีด สีขาวที่มีเลือดเปื้อนอยู่ประปาย กางเกงยีนสีฟ้าอ่อน แต่สิ่งเหล่านั้นยิ่งขับเน้นผิวขาวของเธอ ส่วนใบหน้านั้นจัดว่า สวยเลยทีเดียวใบหน้ารูปไข่นั้นถูกทำไห้เด่นขึ้นด้วยผมที่สั้น จมูกที่โด่งทำไห้รู้ได้ทันทีว่าเป็นลูกครึ่ง แต่ที่เด่นที่สุดคือตาของเธอถึงแม้มันจะกลมโต มีสีน้ำตาลเข้มเหมือนคนไทยทั่วๆไป แต่มันจ้องมายังเก่ง โดยปราศจากความกลัว
ทั้งๆที่ มีปืนจ่ออยู่ตรงหน้า
ในตอนนั้นเองที่เก่งเริ่มรู้สึกตัวถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงจะไม่มีวันทำอย่างนี้ แต่เพียงเหตุการณ์ในวันนี้เพียงวันเดียวกลับเปลี่ยนเขาไปโดยสิ้นเชิง มันทำให้เขากลายเป็น สิ่งมีชีวิตที่เลือดเย็น บ้าความรุนแรงและกระหายความตายไม่ว่าจะเป็นของตัวเองและผู้อื่น เขาได้กลายเป็น(พวกมัน) ต่างกันที่เขาไม่ได้กินมนุษย์เป็นอาหาร แต่(ฆ่า) เพื่อความอยู่รอดเช่นกัน
แทนที่เด็กหนุ่มจะเก็บปืนลง ทั้งที่คิดได้เช่นนั้น เขากลับยิ้มยิ้มด้วยความสะใจ (แล้วยังไงละ) เขาคิด ถึงแม้เขาจะเสียสติหรือเป็นคนที่ไร้มนุษยธรรมไปแล้วก็ตาม แต่มันก็เหมาะสมแล้วในโลกที่มีแต่ความรุนแรงและทุกคนต่างทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตรอด มนุษยธรรมยังจะใช้ได้อีกหรือ ความยุติธรรมจะทำไห้เขารอดไปจากเหตุการณ์นี้หรือ สิ่งที่เด็กหนุ่มเชื่อใจมีเพียงปืนในมือ 2 กระบอกนี้เท่านั้นกับสัญชาตญาณดิบ ที่จะนำพาให้เขากับน้องรอดชีวิตไปได้
“อย่ายิง........ผม....ผมตั้งสติได้แล้ว เมื่อกี้คุณถามว่าทุกคนไปไหนหมดใช่ไหม ทุกคนออกไปปฏิบัติการกันหมด มีแค่เด็กใหม่อย่างผมเฝ้าอยู่ที่สถานีตำรวจ เพราะฉะนั้นอย่ายิงเธอเลยนะ” ตำรวจคนนั้นตอบคำถามเก่ง ซึ่งมันเรียกสติเก่งกลับมาด้วยเช่นกัน
“หึ ง่ายๆแค่นี้เอง.......”.........สวบ.........เก่งเก็บปืนทั้งสองเข้ไว้ในซองตามเดิม ตำรวจคนนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยืนขึ้นมา แต่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งยังคง นั่งอยู่กับพื้น เก่งพึ่งสังเกตเห็นว่าขาของเธอสั่น อย่างแรงถึงแม้สายตาของเธอจะกล้าแกร่งเพียงใดแต่ใจของเธอยังคงกลัวอยู่ดี แต่เก่งก็ไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยอยู่ดี
เพราะเขาคิดว่าถึงยื่นมือเข้าไปคงจะถูกปัดออกอย่างแน่นอน
“คุณตำรวจ คุณช่วยพาผมไปยังที่ๆเขาเก็บพวกอาวุธกับแผนที่สถานีนี้ไห้ผมหน่อยได้ไหม”
“ได้.....ได้ตามผมลงไปชั้นล่างได้เลยครับ” ตำรวจคนนั้นพูดอย่างตะกุกตะกัก เขารีบเช็ดแว่นที่เต็มไปด้วยน้ำตาและสวมใส่มันเข้าไปที่เดิมทันที ก่อนที่จะนำเด็กหนุ่มไปยังประตู บานใหญ่
“เดี๋ยวก่อน.....” เก่งพูดขึ้น
“ไอ้หนูมานี่ซิ” พอเก่งพูดจบ มีเด็กคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากกลุ่มทันที เด็กคนนั้นคือเด็กที่เก่งช่วยไว้นั้นเอง เด็กคนนั้นวิ่งแล้วมาหยุดที่ข้างหน้าเก่งยืนตัวตรงขาชิด แขนแนบลำตัวเหมือนนายทหารที่วิ่งมาหาผู้บังคับบัญชา ภาพที่เก่งเห็นมันเกือบทำไห้เก่งหัวเราะ เหมือนคนอื่นๆ
“นี่รับนี่ไป” เก่งยื่นปืน 9.มม ไว้ในมือเด็กคนนั้น
“แต่....ผมใช้มันไม่เป็น”
“ไอ้หนู แค่เหนี่ยวไกกระสุนมันก็ออกมาแล้วจำไว้แค่ว่าอย่าหันใส่ตัวเองเป็นพอ”
“แต่ผม จะยิงได้หรอครับ”เด็กน้อยพูดขึ้น เขาไม่มั่นใจว่าตัวเองจะกล้าเหนี่ยวไก
“ฮึ ฉันจะสอนเคล็ดลับให้นะ จงจำไว้ทักคนในห้องนี้คือเหตุผล ที่ทำไห้แม่เธอตาย ถ้าพวกวัยรุ่นนั้นหยุดตัวหัวหน้าไว้ ถ้าพวกผู้ใหญ่ช่วยกันเข้าไปช่วยแม่เธอเขาคงไม่ตาย ถ้ามีใครซักคนกล้าพอจะทำอะไรสักอย่าง ละก็เธอคงไม่ต้องเป็นเด็กกำพร้า เพราะฉะนั้นถ้าใครก็ตามเข้ามาเพื่อที่จะแย่งปืนเธอละก็ จงยิงมันซะไม่งั้นคนที่จะถูกยิงคือตัวเธอเอง”
“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” เด็กน้อยตอบเก่งอย่างไม่ลังเล เขากำปืนในมือไว้แน่นพร้อมทั้งจ้องมองมันเพราะสิ่งที่เก่งไห้มานั้นไม่ใช่แค่ปืน แต่มันคือความกล้า และพลังที่จะปกป้องตนเอง
“เออ อีกอย่างถ้าใครมันจะทำร้ายน้องสาวฉันละก็ยิงมันได้เลยแล้วฝากของพวกนี้ด้วยนะ” พอเก่งพูดจบเขาเดินไปหยิบกระเป๋าอาวุธกับจูงมือน้องสาวเขาไว้ข้างหลังเด็กชายคนนั้น ถึงแม้ตอนนี้น้องสาวของเก่งยังคงโกรธเก่งอยู่และไม่เข้าใจสิ่งที่เก่งทำแต่ เธอก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ เพราะเธอเหลือแค่พี่ชายของเธอเท่านั้น
“ฉันจะไปด้วย....”เสียงมาจากผู้หญิงที่พยายามจะแย่งปืนจากเก่งตอนนี้เธอยืนขึ้นมาได้แล้วถึงแม้ขาเธอจะยังสั่นอยู่
“ฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่ยิงตำรวจคนนั้นอีก” เธอถามเก่ง แต่เก่งกลับยิ้มน้อยๆตอบกลับมา
“คุณไว้ใจผมไม่ได้หรอกนะ”พอเก่งพูดเสร็จ จึงเดินไปหาตำรวจคนนั้นทันที ซึ่งตอนนี้ตำรวจนายนั้นเริ่มหน้าซีดขึ้นมาอีกครั้ง แต่เขาก็รีบเปิดประตูและนำทางเก่งไปทันที พร้อมๆกับที่หญิงสาวคนนั้นเดินตามเก่งไปติดๆ เพราะเก่งไม่ได้สั่งห้ามเธอไม่ให้ตามมา
............................................................................................................................................................
ทางเดินลงมานั้นไม่ได้ยาวมากนัก มีบันไดเพียงแค่ 20 ขั้นเท่านั้นแต่ทางเดินก็ไม่ได้กว้างมากนัก พอเปิดประตูอีกบานตรงปลายขึ้นบันไดออกไป ก็ถึงชั้นใต้ดินแล้ว บริเวณชั้นใต้ดินนั้นมีห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางซึ่งมีเคาร์เตอร์ และโต๊ะทำงานน้อยกว่าชั้น บนมาก แต่บริเวณด้านหน้าไปนั้นจะมีลูกกรงอยู่ หลังลูกกรงนั้นมีทางเดินยาวซึ่งตรงปลายทางนั้นเป็นกำแพง และบริเวณซ้ายขวานั้น เป็นห้องขังซึ่งมีอยู่ข้างละ 3 ห้อง
“สถานีนี้มี 3 ชั้นหรอ” เก่งถามนายตำรวจที่ตอนนี้กำลัง ไขประตูทางด้านขวาอยู่
“ใช่....ใช่แล้วครับและนี่ คือห้องที่เราเอาไว้เก็บพวกอาวุธ” ............แกร๊ก......... ประตูตรงหน้าได้ถูกเปิดออก เผยไห้เห็นห้องสี่เหลี่ยมห้องหนึ่งซึ่งตามฝาผนังนั้น มีชุดเกราะกันกระสุนและปืนลูกซองอยู่ประมาณ3 กระบอกพร้อมทั้ง กระบองตำรวจ ตรงผนังนั้นมีชั้นวางของอยู่ บนชั้นนั้นมีเพียง ปืนพก กล่องกระสุน หน้ากากกันแก๊สพร้อมทั้งระเบิดแก๊สน้ำตา จำนวนหนึ่ง เก่งตกใจกับภาพที่เห็นมาก มันน้อยกว่าที่เขาคิดนัก
“ทำไมมีแค่เนี้ย” เก่งถามนายตำรวจ เขาใช้นิ้วที่เล็กเรียวนั้นจัดแว่นอีกครั้งก่อนตอบเก่ง
“คน ที่ออกไปปฏิบัติการคงเอาไปหมดนะรับ ผมว่า.....” เก่งรู้สึกผิดหวังอย่างมากถึงแม้เขาคิดไว้แล้วว่ามันจะน้อย แต่ไม่น่าจะน้อยถึงเพียงนี้ แต่เก่งยังไม่หมดหวัง
“แล้วห้องเก็บของกลางอยู่หน” เก่งถามนายตำรวจ ดูเหมือนทุกรั้งที่เก่งถามเขาจะต้องใช้นิ้วนั้นจัดแว่นอยู่เสมอ
“ห้องเก็บของกลาง......”
“ก็ห้องที่เก็บของที่ยึดมาได้ไงเล่า” เก่งเริ่มหงุดหงิด
“อ๋อ......อยู่อีกฝั่งตรงข้ามครับ” เขาพูดพลาง ไปเปิดประตูฝั่งตรงข้าม ซึ่งข้างในนั้นมี......
“Amazing
“ส่วนใหญ่อาวุธที่ได้มาก็มาจากพวกพ่อค้ายานะครับ ผมดันลืมนึกไป”
แผนที่ชั้นใต้ดิน
“แล้วรออะไรอยู่ละรีบเก็บเข้าสิ”เก่งหันไปบอกนายตำรวจนั้น โดยไม่ต้องรีรอเขาเอาอาวุธทุกชนิด ใส่ลงไปในกระเป๋าเป้ แต่ดูเหมือนว่า ฝ่ายหญิงจะไม่พอใจนัก
“นายนี่ดีแต่สั่งนะ ทำไมไม่มาช่วยมั่งละ” พอเธอพูดจบเก่งเดินเข้าไปหาเธอทันที ดูเหมือนเธอจะตกใจอยู่เหมือนกันและคิดว่าเก่งจะเข้าไปทำร้าย เธอจึงรีบยกมือขึ้นมาป้องกันทันที แต่ที่เก่งทำคือการยกหลังมือขึ้นให้เธอดู มันเกือบทำไห้เธออาเจียนของเก่าออกมา เพราะหลังมือของเก่งนั้นเรียกได้ว่า “เละ” เลยก็ว่าได้ มีเลือดไหลผ่านผ้าพันแผลอย่างหยาบๆออกมาเป็นจำนวนมาก จนดูเหมือนว่าผ้านั้นจะถูกย้อมให้เป็นสีแดงไปเสียแล้ว ตรงส่วนที่ผ้าขาดไปนั้นเผยให้เห็นเนื้อตรงข้อนิ้ว ได้ฉีกออกและมีเศษกระดูกที่แตกออกเสียบอยู่เป็นจำนวนมากซึ่งมันทำให้เธอไปนึกถึงภาพ โชว์การฆาตกรรมสด ที่เกิดขึ้นบนชั้น 1
“มันไม่เจ็บหรอนั้นนะ” เธอถามเก่งด้วยเสียงที่สั่นเทา
“โคตรเจ็บเลยละ.........มีปัญหาอะไรอีกไหม”พอเก่งพูดจบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม หญิงสาวรีบหันหน้าหนีทันทีและไปช่วยนายตำรวจเก็บของใส่กระเป๋า ส่วนเก่งนั้นไปนั่งตรงเคาร์เตอร์ที่อยู่บริเวณหน้าห้องขัง เขาเปิดลิ้นชักออกมา และหยิบกุญแจห้องขังนั้นใส่กระเป๋า เขาลุกขึ้นเดินไปยังห้องคลังอาวุธ แต่สิ่งที่เขาหยิบมานั้นมีเพียงแค่ กุญแจมือ จำนวนหนึ่งเท่านั้น หญิงสาวคอยเฝ้ามองสิ่งที่เก่งทำทุกอย่าง เพราะเธอไม่ไว้ใจคนที่ฆ่าคนอื่นได้อย่างหน้าตาเฉย ถึงแม้คนๆนั้นจะสมควรตายก็ตาม ยิ่งเห็นการกระทำของเก่งในตอนนี้เธอยิ่งสงสัยเพราะคงไม่มีใครเอากุญแจมือไปล็อคพวก ซอมบี้นั้นแน่ๆ แต่แทนที่เธอจะถามเก่ง เก่งกลับเดินมาหาเธอแล้วถามว่า...
“คุณจะบ้าหรอไงจะเอาไอ้พวกนี้ไปทำอะไร” ที่เก่งถามอย่างนั้นเพราะเธอกำลังเอาเสื้อเกราะกันกระสุนใส่กระเป๋าอยู่
“ก็ ฉันจะเอาไปป้องกันตัวไง”เก่งถึงกับหัวเราะลั่นทันที นายตำรวจนั้นถึงกับตกใจจนทำของในมือหล่นลงพื้น
“ฮ้าๆๆๆ....คุณนี่ตลกจัง เสื้อเกราะจะเอาไปทำอะไรได้ เราไม่ได้สู้กับคนที่ใช้อาวุธนะคุณ ที่เราสู้ด้วยนะมัน ‘สัตว์ป่า’ อาวุธของมันคือความรุนแรงและคมเขี้ยว ผมว่าเสื้อเกราะมันคงกันสิ่งเหล่านั้นไม่ได้หรอกนะ” เก่งเดินหันหลังออกจากห้องไป และเขาก็หยุดลงตรงหน้าประตู และพูดต่อโดยไม่หันหน้าหาหญิงสาว “นอกเสียจากคุณกลัวว่าผมจะยิงคุณ หรือกลัวว่าตัวคุณเองจะอดใจที่จะยิงผมไม่ได้กันละ”คำพูดเหล่านั้นมันทำให้หญิงสาว โกรธอย่างมาก ที่จริงในใจของเธอก็รู้สึกอยากจะฆ่าชายคนนี้ เพราะความกลัวซึ่งเธอทำได้ในขณะนี้ เนื่องจากมือที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋าของเธอมีปืนที่ถูกบรรจุกระสุนอยู่เป็นจำนวนมาและทุกกระบอกสามารถฆ่าชายคนนี้ได้
............ปัง...........
เสียงปืนดังขึ้น นายตำรวจถึงกับตกใจจนต้องวิ่งเข้ามาในห้อง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหญิงสาวไม่ได้เป็นคนยิงและเก่งยังคงหันหลังอยู่เพียงแต่แหงนหน้าขึ้นไปมองบนเพดานเท่านั้น
เก่งกำลังยิ้มอยู่ “หึจนได้สินะ” เก่งกล่าว
“เกิดอะไรขึ้น เราควร....ขึ้นไปดู” หญิงสาวพูดด้วยความตกใจ นายตำรวจก็เห็นด้วยกับความเห็นนั้นเขากำลังจะไปเปิดประตูทางขึ้น แต่....
“ไม่ต้องหรอก...มันก็แค่มีไอหน้าโง่ที่พยายามจะแย่งของเล่นจากเด็กเท่านั้นแหละ” เก่งตอบในขณะที่กำลังยิ้มอยู่
“ถ้างั้น มันก็ยิ่งแย่สิครับ”นายตำรวจพูดขึ้นด้วยความกังวลใจเพราะอาจจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นบนชั้น 1 ถึงอย่างนั้นเขายังรอคอยคำตอบจากเก่งอยู่
“หึๆๆๆ ช่างโง่จริงๆไม่เคยมีใครสอนพวกมันหรอว่า....”เก่งพูดไปหัวเราะไป จนเขาต้องเอามือมาปิดปากเอาไว้เพื่อกลั้นหัวเราะ “ไม่ควรแย่งปืนจากเด็กที่ แม่ถูกฆ่าด้วยน้ำมือของพวกมันนะ ฮ่าๆๆๆ โง่ๆบัดซบจริงๆ อย่างดีก็คงไม่มีใครบาดเจ็บอย่างเลวร้ายก็คงมีคนตาย จะเป็นอย่างไหนกันน้า” เก่งพูดไปหัวเราะไปเหมือนมันเป็นมุขตลกก็มิปาน แต่ครั้งนี้มันคงเป็นตลกร้ายเพราะนอกจากเก่ง ก็ไม่มีใครในที่นั้นขำออกเลยซักคน
“ฉัน....ฉันจะขึ้นไป” หญิงสาวพูดพร้อมลุกขึ้นเดินไปยังปรูทางขึ้นชั้น 1
“เดี๋ยวก่อน....”เก่งตะโกนห้ามหญิงสาว
“ฉันไม่ฟังคุณหรอกนะ” หญิงสาวตอบ
“เอานี่ไปด้วยสิ” เก่งโยนปืนกระบอกหนึ่งให้หญิงสาวจากชั้น มันคือ Colt combat Commanderหรือ ที่ .45 เป็นปืนขนาดกลางเกือบใหญ่เท่า 9.มม แต่เล็กกว่า ลำกล้องมีสีเงิน ด้ามจับสีดำ กระสุนบรรจุได้ 7+1 นัด ลำกล้องยาว 4 ¼ นิ้ว หนัก 985 กรัมนี่เองจึงทำไห้สามารถใช้มันได้ง่ายและสะดวก และเป็นที่นิยมพอสมควรเนื่องจากมีประวัติอันยาวนานและมี ความแม่นยำสูง ที่สำคัญคือขนาดกระสุน .45 นี่เอง ที่สามารถหยุดศัตรู ได้อย่างศักดิ์สิทธิ์
“รับรองยิงแค่นัดเดียว พวกนั้นขวัญกระเจิงแน่ว่าแต่คุณใช้เป็นหรือเปล่า” พอเก่งพูดจบเธอก็ถอกที่บรรจุกระสุนออกมา ปลดเซพตี้ที่ข้างปืน ขึ้นลำกล้องและลองเล็งปืนนั้นโดยใช้มือขวายืดตรงไปข้างหน้าและใช้มือซ้ายจับที่บริเวณส่วนล่างของปืนโดยทิ้งศอกลงเล็กน้อย ท่าที่เธอทำนั้นดูเป็นธรรมชาติ งดงามและเป็นมืออาชีพ
“ฉันคงไม่เคยบอกคุณสินะว่า ฉันนะเป็นนักกีฬาแม่นปืนประเภทปืนพก” เธอพูดอย่างมั่นใจและหันไปข่มเก่ง แต่เก่งกับหันหลังกลับไปจัดของใส่กระเป๋าต่อ มันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด ที่จริงทุกอย่างที่เก่งทำนั้นมันล้วนทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดโดยที่ตัวเธอเองบางครั้งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วเธอก็ตัดสินใจเดินขึ้นไปชั้นบน ดูเหมือนนายตำรวจนั้นคิดจะขึ้นไปด้วยเช่นกัน แต่เขาได้ตระหนักว่าถ้าขึ้นไปตัวเองคงช่วยอะไรได้ไม่มากนักเขาจึงตัดสินใจ เก็บของใส่กระเป๋าต่อ ส่วนเก่งนั้นยังเก็บของใส่กระเป๋าตัวเองแต่สิ่งที่เก่งใส่นั้นไม่มีปืนเลยซักกระบอก ส่วนใหญ่เป็นพวกมีด ระเบิดแก๊สน้ำตา และมีสิ่งหนึ่งที่เก่งรู้สึกสนใจเป็นพิเศษนั้น คือหน้ากากกันแก๊สพิษ เก่งลองเอาหน้าตัวเองไปแนบดู เสียงหายใจดัง ฟืดฟาดดังออกมาอย่าง น่าขนลุก ดวงตากระจกที่กลมโตนั้น ขึ้นฝ้าเพราะลมหายใจของเก่ง และบริเวณจมูกที่มีท่ออากาสหายใจยาวออกมานั้น ยิ่งทำไห้นึกถึงใบหน้าของแมลงวัน แต่สิ่งที่น่าขนลุกนั้นคือ ดวงตาใต้ต้อกระจกนั้น มันกำลังยิ้มเยาะอยู่
.
ภาพที่เห็นนั้นช่างหาดูได้ยากยิ่ง สำหรับหญิงสาว เพราะทุกคนต่างไม่เคลื่อนไหวเหมือนภาพถ่าย มีชายคนหนึ่งนั่งก้นจ้ำเบ้า กับพื้นหน้าตาขาวซีด และมีฝุ่นผงล่วงหล่นลงมาจากเพดาน เนื่องจากมีอะไรบางอย่างเจาะมันจนเป็นรู เบื้องหน้าของชายคนนั้นมีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 10 ขวบกำลังถือปืนกระบอกสีดำเล็งไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้า เบื้องหลังของเด็กน้อย มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าด้วยความกลัวอยู่
ช่างเป็นภาพที่ประหลาด แต่ในตอนนี้ ทุกอย่างย่อมเกิดขึ้นได้
หญิงสาวไม่กล้าเอ่ยปากกล่าวสิ่งใด เธอกลัวๆสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นและกำลังจะเกิดขึ้น เพราะบรรยากาศในขณะนี้เหมือน ระเบิดที่เวลาที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังอย่างเร็วและแรงของเด็กหนุ่มเท่านั้น และเสียงเหล็กกระทบกันเนื่องจากมือที่สั่นเทาของเด็กหนุ่ม กับนิ้วที่พร้อมจะเหนี่ยวไกขึ้นทุกเมื่อ
.............ตุบ..........กระเป๋าใบใหญ่ได้ถูกทิ้งลงบนพื้น
“เอ๋ เห็นเงียบอย่างนี้นึกว่าตายห่ากันหมดแล้วซะอีกว่าไหมคุณตำรวจ” ความเงียบได้ถูกทำลายลงด้วยการพูดติดตลกของเก่ง แต่ใครหัวเราะไปกับมัน และดูเหมือนเก่งจะไม่สนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
.........ตุบ.......ตุบ....... เสียงฝีเท้าของเก่งดังก้องไป ทั่วห้อง เขาเดินไปหาเด็กชาย ใช้มือขวาลูบหัวและใช้มือซ้ายจับปืน ที่เด็กน้อยกำไว้
“ทำได้ดีมาก...ฉันขอปืนคืนนะ”เด็กน้อยปล่อยปืนนั้นออก และทรุดตัวลงไปกับพื้นทันที เก่งเก็บปืนเข้าซองข้างเอว และเดินไปหาวัยรุ่นคนหนึ่ง ที่นั่งก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น
“ผม.....ผม.....ผมไม่ได้ทำ.....อะ....อะไรนะ”เขาพูดตะกุกตะกักด้วยความกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“อย่า.............”......แกร๊ก.....กุญแจมือได้ถูกสวมใส่มือที่ยกชูขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง และวัยรุ่นที่เหลือก็ถูกสวมใส่ด้วยเช่นกัน ทุกคนยังคงตกตะลึงกับภาพที่เห็น และไม่เข้าใจว่าเก่งกำลังทำอะไรจนในที่สุดเก่งได้พูดขึ้น
“กันไว้ดีกว่าแก้” เก่งรู้ รู้ดีว่าเจ้าพวกนี้มันจะต้องเป็นตัวปัญหา ถึงมันจะอ่อนแอซักเพียงไดแต่ถ้าเผลอพวกมันย่อมแว้งกัดอย่างแน่นอน ถึงแม้ตอนนี้กำลังคนจะสำคัญ แต่เก่งรำคาญกับการที่ต้องคอยระวัง เขาจึง
‘กันไว้ดีกว่าแก้’ โดยการจับกุมพวกมันเอาไว้
“คุณตำรวจ ช่วยผมคุมตัวพวกมันไปขังได้ไหม”เก่งหันไปคุยกับนายตำรวจที่ตอนนี้ทำหน้าเลิ่กลั่กไปมาด้วยความฉงน
“แต่.....พวกเราไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย มันเท่านั้น.....ที่.....ทำ”เหตุที่เสียงของเขาอ่อนลงเพราะมีปืนกระบอกโตจ่ออยู่ตรงหน้าของเขา และชายที่ถือปืนยิ้มด้วยอารมณ์ที่ชื่นบาน
“อย่างกับกูสนใจมึงหละ”
“ปล่อยพวกเราไปเถอะ ผมสัญญาจะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นอีก”วัยรุ่นคนหนึ่งพูดลูกกรงออกมาและเสียงของคนที่เหลือก็เริ่มดังขึ้นเนื้อหานั้นล้วนเหมือนกันทั้งสิ้น
“ไม่ต้องห่วงพวกมึงไม่ได้ก่อปัญหาอีกแน่” เก่งตอบด้วยใบหน้าที่สะใจอย่างที่สุด ระหว่างทางที่มาไม่มีใครซักคนห้ามหรือ คิดจะเข้ามาช่วยเลยสักนิดไม่ใช่เฉพาะความกลัวเท่านั้นที่ห้ามพวกเขาแต่เป็นความคิดที่ว่า ‘สมควร’ และ ‘ปลอดภัยกว่า’ นั้นเอง
“แล้ว....แล้วถ้าพวกซอมบี้นั้นมาละ”วัยรุ่นคนหนึ่งกล่าวขึ้น มันทำไห้วัยรุ่นที่เหลือรอคำตอบจากเก่ง
“นั้นสินะ นายคงต้องการอาวุธ เอานี่ไปละกันฉันว่าน่าจะเหมาะสุด” เก่งโยนบางอย่างผ่านลูกกรงไปให้กลุ่มวัยรุ่น พวกมันรีบคว้าไว้และดู ซึ่งสิ่งที่เห็นถึงกับทำให้พวกมันตกใจอย่างมากเพราะ มันคือมีดพับที่มีใบมีดยาวเท่านิ้วก้อยเท่านั้น
“แค่นั้นคงพอ สำหรับ ‘ฆ่า’ นะ” เก่งเดินขึ้นไปกับนายตำรวจโดยไม่รอฟังคำบ่นของพวกวัยรุ่น
“ว่าแต่คุณซื่ออะไร คุณตำรวจ เอาแค่ซื่อเล่นนะ”
“อะ....เอ่อ....ตี๋ครับ” เก่งหยุดและหันไปมองหน้าของนายตำรวจนั้นและจ้องไปยังดวงตาของ นายตำรวจ ตี๋ ซึ่งดวงตาของเขานั้น.....
“อืม....ก็เหมาะดีนี่”และเก่งก็เดินขึ้นไปชั้นบน
เก่งเริ่มร่าง แผนที่เพื่อตัวเองเนื่องจากนายตำรวจตี๋หาแผนที่สถานีตำรวจไม่เจอ หลังจากเก่งเดินสำรวจรอบๆโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที เก่งก็วาดแผนที่แบบหยาบๆออกมาได้ มีห้องหนึ่งที่เขายังไม่ได้เข้าไปสำรวจ เพราะนาย ตำรวจตี๋บอกว่ามันไม่ปลอดภัย
“คือ มีนายตำรวจคนหนึ่งถูกกัดซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้ว่า ถ้าโดนกัดจะกลายเป็นพวกมัน จึงมีนายตำรวจ
2-3คนคอยดูแลอยู่ กว่าจะเข้าไปช่วยพวกเขาก็ถูกกัดซะแล้ว พวกเราจึงตัดสินใจลอกห้องนั้น....” ในขณะที่เขาพูดเก่งสังเกตเห็นสีหน้าของเขามันช่างขาวซีด และดวงตากรอกไปมา มันแสดงถึงว่าเขาเห็นเหตุการณ์ที่เพื่อนตัวเองถูกขังทั้งเป็นกับตา
“ถ้างั้นที่นี่ก็ไม่ได้ปลอดภัยนักสินะ.......” เก่งพูดพลางชักปืน 9.มม ออกมาขึ้นไก และชักมีดสปาต้าที่เหน็บอยู่ข้างอกออกมาก่อนที่จะจุดบุหรี่ ที่คาบอยู่ในปาก
“มาทำไห้มันปลอดภัยกันดีกว่า” เก่งถีบประตูตรงหน้าห้องอย่างแรงจนล็อคมันเปิดออก และตัวประตูกระแทกกลับ ในจังหวะที่เก่งเข้าไปพอดี ทุกคนที่อยู่ข้างนอกจึงไม่สามารถเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน มีแต่เสียงเท่านั้นที่ลอดออกมา
..........ปัง....ปัง....ปัง.........
........แฮ่~~~~...........
.........ควับ.........ตุบ..........เพล้ง..........ครืด.........ฮืออออออออ.......
...........ชับ...........ปัง.....ปังๆๆๆ..........
...........ชั่ว.................
..........ตุบ... ผัวะ....มีบางอย่างกระเด็นออกมาจากประตูในตอนแรกทุกคนยังเห็นมันไม่ชัดแต่มีลักษณะกลมและค่อนข้างใหญ่มันกลิ้ง ไปกลับพื้นเพียงแปปเดียวและหยุดลง และทุกคนก็ได้รู้ว่ามันคืออะไร.....
.....มันคือหัวซอมบี้ผู้หญิงนี่เอง...... เก่งเดินออกมาจากประตู เลือดเต็มตัวของเขา ทุกคนจ้องไปทั่วตัวเขาเพื่อหาบาดแผลโดนกัด แต่มันไม่มี เขาไม่ได้บาดเจ็บเลย เลือดที่ติดตัวเขาก็เป็นเลือดของพวกมัน ทุกคนต่างตะลึงกับความบ้าบิ่นของเก่ง แต่เก่งกลับเพียงแค่ จุดบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาดูดเท่านั้นเอง
ที่จริงในระหว่างที่ เก่งเดินสำรวจรอบสถานีตำรวจอยู่นั้น ชายใส่ชุดสูทที่เจอเก่งในเหตุการณ์ที่ห้างนั้นกำลังเล่าสิ่งที่เก่งทำอย่างออกรส ทั้งเรื่องที่เก่งช่วยเขาเอาไว้และช่วยผู้หญิงคนหนึ่งไว้ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งตอนที่เก่งสู้กับซอมบี้ที่อยู่ชั้นบนและวิ่งไล่พวกเขาด้วย หญิงสาว ที่ช่วยนายตำรวจ
พอแอนได้ยินเรื่องราวของเก่งกับ กลุ่มวัยรุ่นนั้นเธอเริ่มเข้าใจมาบ้างว่าทำไมพี่ชายของเธอ ถึงได้ “โกรธ” และกระทำ “รุนแรง” กับหัวหน้าวัยรุ่นนัก เธอเริ่มรู้สึกเสียใจที่ตบหน้าพี่เธอ แต่ปฏิกิริยาของคนที่เหลือ ที่ได้ฟังเรื่องของเก่งนั้น กลับทำไห้พวกเขากลัวยิ่งขึ้น แต่รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากเก่งเคยทำให้ คนบางคนในที่นี้รอดจากเหตุการณ์ที่ย่ำแย่มาก่อน บางทีครั้งนี้เก่งอาจจะทำได้เช่นกัน เก่งกลายเป็นฮีโร่โดยไม่รู้ตัว รวมทั้งสำหรับเด็กน้อย ที่ตอนนี้มีสายตาที่เชิดชูเก่งอย่างมาก
แต่เก่งกลับไม่สนใจท่าทีที่แปลกของทุกคนเลยแม้แต่น้อย เขายังคงครุ่นคิดว่าควรทำอะไรดีเพื่อรอดพ้น วันนี้ ไปให้ได้ บุหรี่ที่เก่งดูด นั้นเริ่มสั้นจนเหลือก้นมวน เก่งถุยมันทิ้งแล้วตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง เก่งจ้องไปยังที่นาฬิกา ตอนนี้เวลา ประมาณ 23.10 น. เก่งคิดว่าพวกมันน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าจะเดินมาถึง เขาจึงเริ่มแผนการ สร้างป้อม
ตอนนี้ มีคนเหลืออยู่ประมาณ 10 คน หลังจากตัดกลุ่มวัยรุ่นนั้นไป เก่งได้สั่งให้คนประมาณ 3 คนเฝ้าสถานีตำรวจไว้เผื่อมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นหรือ มีใครหรืออะไรพยายาม เข้ามา 1 ใน 3 นั้นรวมน้องสาวเก่งด้วยถึงแม้แอนอยากจะไปกับเก่งด้วยก็ ตามแต่เธออดกลั้นความเอาแต่ใจเอาไว้เพื่อพี่ของเธอ หลังจากนั้นเก่งให้ อีก 3 คนไปหาขวดเปล่ามาหลายๆใบ และเอาไปเติมน้ำมัน จากปั๊มข้างๆ และเก่งได้สั่งให้ คนอีก 2 คนไปหาขวดแก้ว ไม่ว่าจากขวดกระทิง แดง น้ำอัดลม หรือ ขวดน้ำเกลือแร่ เก่งให้เอามาไว้ที่สถานีทั้งหมด โดยเทน้ำข้างในออก ซึ่งเก่งได้แจกปืนให้คนละกระบอก พร้อมกับกล่องกระสุนกลุ่มละกล่องไปด้วย
หลังจากนั้น เก่งจึงไปร้านเภสัช(ร้านขายยาพื้นบ้าน) โดยมี หญิงสาวตามไปด้วยถึงแม้เธอ จะรู้สึกไม่ถูกกับเก่งนัก แต่นั้นก็ไม่ใช่ความรู้สึกเกลียดแต่อย่างได อีกอย่างเธอรู้สึกเป็นห่วงแผลที่มือเก่ง มันดูแย่มากเธอยังรู้สึกสงสัยว่าทำไมเก่งยัง คงถือปืนและทำอะไรต่างๆด้วยมือคู่นั้นได้อย่างไรทั้งๆที่มันเจ็บมากแท้ๆ เธอจึงเอ่ยขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังเข้าไปในร้าน
“คุณ ไม่เจ็บบ้างหรอ...มือนะ”
“เจ็บ เป็นบ้าเลยละ....”เก่งตอบในขณะที่เอาผ้าพันแผลตรงชั้นลงกระเป๋า ซึ่งเขาเอามันมาจนหมดรวมทั้งสำลีด้วย
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันทำแผลไห้นะ...”เธอพูดขึ้นพร้อมกับที่เอื้อมมือเพื่อไปจับมือเก่ง แต่เก่งกับสะบัดออก
“เรื่องนั้นเอาไว้ทีหลัง...คุณช่วยหยิบแอสไพริน กับแอลกอฮอล์ มาให้ผมหน่อยสิเอาเยอะๆเลยนะ”สิ่งที่เก่งทำยิ่งทำให้เธอรู้สึกโกรธเข้าไปอีก แต่เธอก็เก็บมันเอาไว้ในใจถึงแม้เธอจะไม่เข้าใจว่าเขาจะเอาของพวกนี้ไปทำอะไร แต่เธอเชื่อใจเขา หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่เธอพบเก่ง เก่งได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่อธิบายไม่ได้ในตอนแรกแต่ถ้าคิดดูดีๆมันล้วนแต่มีเหตุผลของมันเอง ถึงแม้มันจะไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนักแต่มันเป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่ง ที่สำคัญ คือเก่งดูไม่ลังเลในสิ่งที่ตนเองทำเลยแม้แต่น้อย คนอื่นๆจึงไม่ลังเลที่จะทำมันเพื่อเขา รวมทั้งตัวเธอเองด้วย
.....แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจเกี่ยวกับตนเองว่าแท้จริงแล้วเธอเกลียดเขาหรืออะไรกันแน่ มันถึงทำให้เธอหงุดหงิดทุกครั้งที่เขาทำเรื่องบ้าๆ.....
“.....คุณ....”
“.................”
“.........คุณ....นี่คุณได้ยินผมไหม”เก่งพูดพร้อมเขย่าไหล่เธอ หญิงสาวจึงได้สติจากภวังค์
“....คะ...ค่ะ...มีอะไร....”เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนตอบเก่ง เก่งไม่สนใจท่าทีนั้นเลย เขาเพียงแต่แบมือข้างหนึ่งออกไปออกไปตรงหน้าหญิงสาว
“ผมขอ แอสไพริน ที่คุณหยิบมาหน่อยได้ไหม”
“ฉันไม่รู้หรอกนะคุณจะเอาแอสไพรินไปทำอะไร แล้วเลิกเรียกชื่อฉันว่า “เธอ” ได้แล้ว เพราะฉันนะชื่อ ริน........”ที่จริงเธอยังพูดไม่จบ แต่ภาพที่เธอเห็นมันทำไห้ ริน รู้สึกตกใจมาก เพราะ พอเก่งเปิดฝาแอสไพริน นั้นออก เก่งยกมันกรอกปากอย่างกับกินขนม เสียงเคี้ยวดัง กรุบกรับ ดังขึ้นก่อนที่เก่งจะกลืนน้ำเข้าไป พร้อมกับยานั้น
“กินมากๆ ไม่อันตรายหรอ....”รินถามด้วยความสงสัย เพราะเธอไม่เคยเห็นใครกินแอสไพริน เหมือนกรอกขนมเข้าปากมาก่อน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอรู้คือถ้ากินยามากๆมันฆ่าเราได้
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มือผมมันเจ็บเป็นบ้าเลย (แอสไพริน มันช่วยแก้ปวดได้) ว่าแต่คุณช่วยทำแผลที่มือให้ผมหน่อยสิ ริน” เก่งพูดในขณะที่เขาเลื่อนเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่งแล้วนั่งลงพร้อมกับแกะผ้าพันแผลเก่าที่มือออก เผยให้เห็นแผลที่เหวอะหวะจนน่ากลัว พร้อมทั้งมีเลือดซึมออกมา
“คุณนี่ขอร้องคนอื่นดีๆไม่เป็นหรอไง แล้วอีกอย่างฉันแก่กว่าคุณนะ”เธอต่อว่าเก่ง แต่เหมือนกับว่าเก่งไม่ได้ฟังเธอเลย เขายังคงแกะผ้าในมืออีกข้างออก มันยิ่งทำไห้รินหงุดหงิดจนคิดว่า บางทีเธออาจจะเกลียดเขาจริงๆ
.........................................................................................................................................................
23.20 น
รินค่อยๆเอา แอลกอฮอล์ ราดไปบนแผลที่มือของเก่ง จนฟองขาวเกิดขึ้นเต็มไปหมด แต่เก่งกับมีท่าทีนิ่งเฉย เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างเมื่อมองไปที่แผลนั้น
“ฉัน ละไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณถึงยังทนเจ็บได้อีก” เธอพูดไปพลางเอาผ้าเช็ดคราบเลือดที่มือเก่งไปพลาง จนตอนนี้แผลที่มือเก่งดูดีขึ้นมาหน่อยแต่มันยังคงดูน่าขยะแขยงอยู่ดี แต่รินกับไม่รู้สึกอย่างนั้น เธอแค่ลังเลว่าไอ้กระดูกสีขาวที่เธอเห็นนั้น เธอควรดึงมันออกหรือเปล่า
“ดึงมันออกให้หน่อยสิ อะลองใช้นี่ดู”เก่งหยิบ แหนบให้รินเธอรับมันไป พร้อมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจเธอไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะต้องใช้แหนบ ดึงเศษกะโหลก ออกจากมือผู้ชายที่เธอแทบไม่รู้จักเลย แต่เธอก็ดึงมันออกอยู่ดี
“ฉันไม่เห็นเข้าใจเลยว่าคุณจำเป็นที่จะต้องทำกับไอ้หมอนั่นถึงขนาดนี้เลย ดูสิ....”รินใช้แหนบนั้นดึงเศษกระดูกออกจากมือเก่ง ซึ่งมันเสียวเข้าไปค่อนข้างลึกพอสมควร เพราะเธอต้องใช้แรงพอสมควรกว่ามันจะออกพอมันออกมาเลือดจากแผลนั้นยืนตามออกมาด้วย เธอทำอยู่อย่างนั้นจนเศษกะโหลกเริ่มน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
“แล้ว ในห้องนั้นอีก ที่จริงแค่ล็อคเอาไว้ก็พอไม่เห็นต้องเข้าไปเสี่ยงเลย คุณนี่อยากตายมากรึไงนะ”
“บางที........” ” ที่จริงที่เธอพูดอยู่อย่างนั้นมันเปรียบเหมือนการบ่น เพราะเธอไม่หวังให้เก่งตอบกับอยู่แล้วแต่ครั้งนี้เก่งตอบ ถึงแม้มันจะเป็นคำตอบสั้นๆ มันก็ทำให้ริน รู้สึกโกรธมากเพราะมันทำให้เธอไปนึกถึงคนๆนั้น ที่เธออยากจะลืมแต่ยิ่งลืมเธอก็ยิ่งนึกถึงมากขึ้น
“อย่าพูดอย่างนั้นนะ.....”เธอตะคอกใส่เก่ง
“อย่าพูดนะ....อย่าพูดเหมือนกับว่าคุณพยายามฆ่าตัวตาย อย่าพูดเหมือนกับว่าชีวิตมันไร้ค่า...”เสียงเธอเริ่มอ่อนลง เธอก้มหน้าจนคางเธอติดอก มือที่จับมือเก่งนั้นบีบไว้แน่นและสั่นเทา
“เหมือนผู้หญิงคนนั้น....เหมือนแม่.....”เก่งยังคงเงียบและไม่ทำสิ่งใด
“ฉันเข้าใจแล้วละว่าทำไมฉันถึงเกลียดคุณนัก เพราะคุณเหมือนแม่ของฉันนี่เอง แม่ผู้โศกเศร้าและถวิลหาความตาย แม่ผู้น่าสมเพช.....คุณมันน่าสมเพชจนฉันอยากจะร้องไห้เลยละ”พอรินเงยหน้าขึ้นน้ำตาได้อาบสองแก้มของเธอ มันเป็นภาพที่ไม่น่างดงามนัก สำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้องให้อย่างฟูมฟาย แต่ในใจของเก่งกับรู้สึกบางอย่างกับใบหน้านั้น ถึงแม้มันจะเบาบางก็ตาม
“นี่ เก่งถ้าอยากจะตายนักละก็ อย่ามาตายต่อหน้าฉัน ไม่งั้นฉันคงอ้วกออกมา เพราะความน่าสมเพชของคุณแน่......”พอเธอพูดจบ เธอก็ลุกเดินออกจากร้านไป ยังคงไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าไป ทิ้งให้เก่งนั่งอยู่รงนั้นโดยที่มือยังไม่ได้พันแผล เก่งหยิบผ้าพันแผลออกมา แต่ยังไม่พันมัน เขาจ้องมองไปที่มือข้างขวาของตน บนหลังนิ้วโป้งของเขานั้นมีหยดน้ำอยู่ มันคือน้ำตาของริน มันทำให้เขารู้สึกแปลก เพราะบาดแผลรอบข้างนั้นไม่ทำให้เขารู้สึกเลย แต่เขากับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของน้ำตาหยดนี่
เขาเริ่มพันแผลให้กับมือของตัวเอง สิ่งที่รินทำให้เขาไม่ใช่แค่แผลที่มือเท่านั้น แต่ยังเป็นความรู้สึกฉงน ในใจของเก่งด้วย
“แล้วเธอจะมาแคร์เราทำไมน้า” เก่งคิด
..............................................................................................................................................................
รินเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งเหมือพ่อของเธอ ใครๆก็คิดอย่างนั้น แต่ที่จริงแล้ว.....
เธอ อ่อนแอเหมือนแม่ของเธอนั้นคือสิ่งที่เธอคิด เธอจึงพยายามทุกวิธีทางให้ตัวเองเข้มแข็งขึ้น เธอเรียนการยิงปืนจาก พ่อบุญธรรมที่เป็นน้องของพ่อเธอตั้งแต่แม่เธอฆ่าตัวตายไปหลังจากพ่อเธอประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต เธอนั้นก็เข้าใจถึงความเจ็บปวดของแม่เธอเพราะเธอเองนั้นก็รักพ่อมากเหมือนกัน แต่มันทรมานเหลือเกินที่จะต้องทนเห็นแม่ของตัวเองนั้นเจ็บปวด เจ็บปวดจนไม่เห็นเธอในสายตา เจ็บปวดจนทำเหมือนกับว่าโลกใบนี่มีแต่พ่อของเธอเท่านั้น แล้วเธอละเธอผู้เป็นลูกของคนที่ได้ชื่อว่า “แม่” นั้นไม่มีค่าเลยหรือไงไม่มีความสำคัญเลยหรือไงและในตอนที่เธอเรียนอยู่ ป.5นั้นเอง แม่เธอก็ได้จากเธอไป ในขณะที่เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน พอเธอเปิดประตูตรงหน้านั้นออก เธอก็เห็น ร่างแม่ที่ไร้วิญญาณกำลังแกว่งไกวไปมาเป็นวงกลมอยู่ใต้พัดลม เหมือนของเล่นเด็กที่อยู่บนเปล ขาของแม่เธอนั้นไม่ติดพื้น ดวงตาเบิกโพลง แต่ริมฝีปากกลับยิ้มอย่างมีความสุขในวันนั้นเธอไม่ได้ร้องไห้เธอแค่หยิบโทรศัพท์และโทรแจ้งตำรวจ ในวันงานศพนั้นเธอเองก็ไม่ได้ร้องไห้ญาติๆของเธอนั้นต่างมากัน บางคนร้องไห้บางคนต่อว่า ริน ที่ไม่มีน้ำตาสักหยดให้กับผู้เป็นแม่ แต่บางคนก็ชมเชยความเข้มแข็งของริน....
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่รินไม่หลั่งน้ำตาเลยสักหยดนั้นเป็นเพราะเธอร้องไห้มามากเกินพอแล้ว หลังจากวันที่พ่อเธอตายไปนั้น เธอร้องไห้ทุกครั้งที่กลับบ้านร้องไห้ทุกครั้งที่แม่เธอร้องไห้ และร้องไห้ทุกครั้งที่เธอพยายามจะโอบกอดและปลอบประโลมแม่ของเธอ แต่แม่เธอกับทำเหมือนรินไม่มีตัวตน เพราะฉะนั้นหลังจากที่แม่เธอตายเธอจึงสัญญาว่าจะทิ้งความอ่อนแอเหล่านั้นไปให้หมด จะไม่มีวันอ่อนแอเหมือนแม่เธอเด็ดขาดพอขึ้น มหาลัย เธอได้เลือกเข้ามหาลัยทหาร จนเธอนั้นมีความเข้มแข็งกว่าผู้ชายบางคน เธอติด 1 ใน 10 ทุกครั้งในการสอบพอเรียนจบเธอได้รับราชการต่อและยังปฏิบัติตนแบบที่อยู่ในโรงเรียนทหารเรื่อยมา นั้นจนบางครั้งมันทำให้เธอดูเหมือนทอมบอย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความอ่อนแอเหล่านั้น
......แต่ในวันนี้เธอร้องไห้อีกครั้ง ร้องไห้ให้กับคนที่เธอแทบจะไม่รู้จัก เพียงแต่คนๆนั้นทำให้เธอรู้สึกถึงแม่ ผู้น่าสมเพชของเธอ ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่อาจเข้าใจว่าทำไมน้ำตาถึงได้ไหลออกมาไม่หยุด ทำไม เธอถึงได้พูดคำเลวร้ายนั้นใส่เขา และทำไมเธอถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้เมื่อเธอพูดมันออกไป มันเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอย่างนี้ เธอไม่เข้าใจมันเลยแม้แต่น้อย.....ทั้งความเจ็บปวด ทุรนทุรายและแสนเศร้าที่อยู่ในใจ......
“คุณ รินเป็นอะไรไปหรอคะ....”แอนถามรินอย่างเป็นห่วงเพราะในตอนที่เธอร้องไห้นั้น ริน นี่เองคือคนที่คอยปลอบประโลมเธอ คำพูดของแอนทำให้รินรู้สึกตัวจากภวังค์เธอเดินไปร้องไห้ไปจนมาถึงสถานตำรวจ
“อ๋อน้ำตานี้หรอจ๊ะ มันไม่มีอะไรหรอก ก็แค่....”
“เพราะพี่เก่ง ใช่ไหมค่ะ อย่าถือสาเขาเลยนะคะถึงเขาจะปากร้ายและชอบทำตัวแย่ๆ แต่เขาก็ใจดีนะคะ”
แอนพยายามพูดเพื่อปลอบประโลม ริน เพราะเธอไม่อยากให้ใครรู้สึกเกลียดพี่ชายของเธอโดยเฉพาะคนที่เธอแคร์อย่างริน
“จ๊ะ ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ เห็นไหม...” เธอเอามือเช็ดน้าตาออกจนหมด และยิ้มกว้างจนดูน่าขัน “เห็นไหมพี่ดีขึ้นเยอะแล้ว” คำห่วงใยของแอน ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก ถึงตอนนี้เธอจะยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองนักแต่ ถ้ายังอยู่ด้วยกันสักวัน บางทีเธอคงเข้าใจมัน
“...........ครืด......ครึก....ฮัลโหล มีใครได้ยินใหม.......ฮัลโหล มีใครอยู่บ้างใหม....นี่คือหน่วยกู้ภัยทางอากาศ.........ทราบแล้วตอบด้วย........ถ้ามีคนอยู่เราจะส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับ....ทราบแล้วตอบด้วย.....”
23.30
พอเก่งมาถึงสถานีตำรวจ เก่งรู้สึกฉงน งงงวยกับภาพที่เห็นเพราะทุกคนดูร่าเริง และมีความสุข อย่างกับว่าพวกเขาได้พบเห็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต แล้วคนใส่สูทก็เดินเข้ามาหาเก่งด้วยรอยยิ้มที่บานฉ่ำ
“เรารอดแล้ว พวกเรารอดแล้ว...ยาฮู้!” เขาพูดพร้อมเขย่าไหล่เก่งไปมา
“มันเกิดอะไรขึ้น” เก่งถามชายคนนั้น
“เมื่อกี้เสียงวิทยุตำรวจดังขึ้น...แล้ว...แล้ว...ทหารกำลังจะส่ง ฮ. มารับพวกเรา พวกเรารอดแล้ว”พอเขาพูดเสร็จเขากู่ร้องด้วยความดีใจ คนอื่นๆบางคนก็เหมือนกัน บางคนถึงกับกระโดดเข้าไปกอดคนที่แทบไม่รู้จักด้วยซ้ำ แล้วรินก็เดินเข้ามาหาเก่ง
“เอ่อ...เมื่อกี้ที่ฉันพูดไปขอโท.....”
“ช่างมันเถอะ บางทีผมคงสมควรที่จะโดนอย่างนั้น ว่าแต่มันจริงหรอ เรื่องที่ชายคนนั้นบอก” เก่งตัดบทพูดของ ริน ถึงแม้เธออยากจะขอโทษ แต่ริน ก็รู้สึกดีใจเพราะดูเหมือนว่าเก่งจะไม่ได้ถือสาคำต่อว่านั่น
“จริงสิ...อีกประมาณ 30 นาที ทางกองทัพจะส่ง ฮ. มารับทางชั้นดาดฟ้าของอาคารนี้” รินคิดว่าเก่งจะดีใจกับข่าวนี้ แต่ท่าทีของเก่งนั้นกับเฉยเมยเหมือนไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เขาแค่มองดูนาฬิกา ข้อมือเท่านั้น ซึ่งมันบอกเวลาประมาณ 23.32 .น แล้วตอนนี้
ที่เก่งยังไม่สามารถดีใจได้เพราะ ฮ. ไม่ได้มาโดยทันที แต่ต้องใช้เวลาถึง ครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึง บางทีไอพวกนั้น อาจจะมาถึงก่อน
“ทุกคน ช่วยมารวมตัวกันตรงนี้หน่อย...” เก่งตะโกน เพื่อไห้ทุกคนมารวมตัวกันถึงแม้ ทุกคนจะมีทีท่าสงสัยอยู่บ้างแต่ ยังคงทำตาม
“ผมรู้ว่าหนทางรอดอยู่ตรงหน้าเราแล้ว แต่มันต้องใช้เวลาถึง 30 นาทีกว่าจะมาถึง เพราะฉะนั้นเราจึงยังไม่ปลอดภัยดีนัก...”สิ่งที่เก่งพูดทำให้ บรรยากาศอึมครึมขึ้นมาอีกครั้ง ทุกคนเริ่มรู้สึกว่า ฮ. จะมาต้องใช้เวลาถึงครึ่งชั่วโมงนั้นไม่ใช่เวลาน้อยๆเลยสำหรับตอนนี้ พวกเขามีจำนวนคนแค่ 10 คนเท่านั้น แถมเป็นผู้หญิงสัก 4 คน ทุกคนแทบจะไม่เคยมีประสบการณ์สู้กับพวกซอมบี้นั้น เลย ยกเว้นแต่เด็กหนุ่ม ที่พูดอยู่ตรงนี้เท่านั้น
“พวกผู้หญิง ให้เอาน้ำมัน ใส่ขวดแก้วแค่ครึ่งขวด แล้วเอาผ้าพันแผลนี่อุดปากขวดไว้แต่ต้องเหลือน้ำมันในถังครึ่งหนึ่ง ส่วนพวกผู้ชาย ให้มาช่วยผม ยกตู้ล็อคเกอร์ และโต๊ะเก้าอี้มากั้นไว้ตรงหน้าต่าง และเตรียมของกั้นทางบันไดชั้นบนไว้ เร็วเข้าเรามีเวลาไม่มากนัก”
..........................................................................................................................................
23.40 น
ตอนนี้สถานีตำรวจกลายเป็นป้อมปราการ อย่างหนึ่งทางเข้ามีทางเดียวเท่านั้นคือ ส่วนประตูหน้า ที่ไม่สิ่งใดกีดขวางอยู่ ตรงบริเวณหน้าต่างนั้น ถูกโต๊ะวางขวางไว้อยู่มีช่องเหลือแค่ไห้คนลอดผ่านเท่านั้นแต่ตรงข้าง หน้าต่างมีล็อคเกอร์ตั้งอยู่ ซึ่งพร้อมที่จะปิดช่องว่างนั้นทุกเมื่อซึ่งเป็นเฉพาะส่วนที่อยู่หน้าประตูเท่านั้นเพราะส่วนหน้าต่างบริเวณอื่นๆถูกปิดหมด
“ตอนนี้ผมต้องการอาสาสมัคร 2 คนเป็นผู้ชาย เพื่ออยู่ชั้นล่างนี่” ทันไดนั้น เด็กชายรีบยกมือขึ้นทันที เขาอยากจะอยู่ข้างๆเก่ง
“....ที่เป็นผู้ใหญ่นะมีไหม” พอเด็กชายได้ยินเขาจึงเก็บมือลง ถึงแม้เขาจะเสียใจที่ไม่ได้ช่วยเก่ง
“ผมเองครับ....ขอผมเอง” คนที่พูดนั้นคือตี๋นั้นเอง เขาค่อยๆเดินก้าวออกมา ถึงแม้สีหน้าเขาจะดูกลัวอยู่บ้าง แต่สายตาของเขานั้นกลับดูมุ่งมั่น
“ผมด้วยคน ผมไม่อยากจะหนีอีกแล้ว” คนที่พูดขึ้นคือชายใส่สูทนั้นเอง
“เอ่อผม ชื่อบุค ครับ...”
“โอเค เท่านี้คนก็ครบแล้วสิ.....”
“เดี๋ยวก่อน....ฉันขออยู่ด้วย...”คนที่พูดคือรินนั้นเอง
“นี่ ผมบอกว่าแค่ผู้ชายนะ...”เก่งพูดด้วยความเหนื่อยใจ
“ฉันขอยืนยัน...”ริน พูดด้วยเสียงที่หนักแน่น เธอจ้องมองตรงไปที่ตาของเก่งโดยไม่กระพริบหรือหวั่นเกรงเลยซักนิด ซึ่งเธอพึ่งรู้สึกเมื่อได้ยืนเทียบกับเก่ง ว่าเขาและเธอนั้นเกือบสูงเท่ากันเลย ชายที่อยู่ตรงหน้านั้น จะอย่างไรก็แค่อายุ 15 เท่านั้น
“ก็ได้...แต่คุณต้องทำตามผมอย่างหนึ่ง มานี่สิ”เก่งหยิบกระเป๋าใบหนึ่งขึ้นก่อนที่จะเดินนำรินไปยังห้องที่เขาฆ่าพวกซอมบี้นั้นด้วยตัวคนเดียว รินเดินตามเก่งไปด้วยความรวดเร็ว
.....ประตูห้อง ได้ปิดลง ไม่มีใครรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นข้างในนั้น.....
..........................................................................................................................................
23.45 น.
“คุณจะบ้าหรือไง......”เสียงตะคอกของรินดังมาจากในห้องมันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ...เพี๊ยะ... เสียงตบดังตามออกมา และรินได้เดินออกมาอย่างหุนหัน แต่เธอเดินไปไม่ได้ไกลนักเพราะมีมือข้างหนึ่งจับข้อมือเธอ ไว้
“ขอร้องละ...คุณเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจได้....และมันเป็นเงื่อนไขถ้าคุณจะอยู่ข้างล่างนี้” เก่งขอร้องรินด้วยเสียงที่อ่อนโยน รินยังคงโกรธอยู่ เธอสะบัดข้อมือที่ถูกจับออกอย่างแรง
“ก็ได้....ถ้าคุณอยากจะตายนักเชิญเลย....ฉันไม่อยากจะสนใจคุณอีกแล้ว....”แล้วเธอก็เดินออกจากประตูไป ทิ้งเก่ง ไว้ในห้องนั้นเพียงลำพัง....และประตูถูกปิดลงจนสนิท...
........ตรงข้างนอกนั้นเอง ตี๋เป็นคนแรกทั่งเกตเห็น....เห็นกลุ่มคนจำนวนมากกำลังเดินมา...
......................................................................................................................................
เก่งค่อยๆใช้มีดในมือ กรีดบริเวณท้องของซอม บี้ที่นอนตายอยู่ในห้องนั้น เขากรีดตั้งแต่บริเวณอก จนมาถึงเอว เก่งกรีดมันเป็นเส้นตรงและลึก หลังจากนั้นเก่งได้ดึงมีดออก ก่อนที่จะวางมีดลงไปกับพื้น เก่งเริ่มใช้ 2 มือที่สวมถุงมือยางเอาไว้ ล้วงเข้าไป และตักเลือดออกมา เก่งค่อยๆใช้มือที่เต็มไปด้วยเลือดทาทั่วตัว เหมือนถูสบู่ ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเก่งมีสีหน้าอย่างไร เพราะเขาสวมหน้ากากกันแก๊สไว้
เหตุที่เก่งทำอย่างนี้เพราะ เขาสังเกตว่า พวกซอมบี้นั่นไม่กัดกินพวกเดียวกัน ทั้งๆที่พวกมันมีลักษณะที่คล้ายมนุษย์มาก และเก่งเริ่มคิดถึงกลิ่น บางทีกลิ่นอาจจะเป็นตัวแบ่งแยกความแตกต่าง
ระหว่างคน กับพวกเดียวกันถึงแม้มันจะเป็นเพียงทฤษฏีหยาบๆแต่มันก็ไม่เสียหายที่จะลอง เก่งค่อยๆทำอย่างนี้กับซอมบี้อีกตัวหนึ่ง คราวนี้เก่งใช้เลือดนั้นค่อยๆลูบหัวตัวเองไปข้างหลังจนมันเลียบ เหมือนเก่งใส่เยล ทั่วทั้งตัวเก่งถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงสด พอเก่งมองไปในกระจกมันทำไห้เก่งคิดว่า
‘เรากับพวกมันแทบจะไม่ต่างกันเลย’
“พวกมันมาแล้ว....พวกมันมาแล้ว!!!” เสียงตะโกนของตี๋ดังออกมาจากข้างนอก
“Let get the Party”
.................................................................................................................................
“เก่ง มัวทำอะไรอยู่ พวกมันมากันแล้วนะ” รินพูดอย่างร้อนใจเพราะพวกมันมากันแล้ว และพวกมันมากันเยอะเหลือเกิน
“ปิดไฟ...” ทุกคนหันไปทางต้นเสียง ทุกคนต่างช็อคกับภาพที่เห็นเพราะคนที่เดินออกมานั้น แทบจะไม่มีเค้าความเป็นคน มันเหมือนกับ “ปีศาจ”
“เกิด...เกิดอะไรขึ้นกับคุณนะ...” ถามอย่างตะกุกตะกักด้วยความกลัว
“ช่างมันก่อน ปิดไฟซะเร็วเข้า....” ถึงแม้ทุกคนที่ชั้นล่างจะตกใจกับภาพที่เห็น แต่พวกเขาก็ทำตามที่เก่งสั่ง ตอนนี้ที่ชั้นล่างถูกปกคลุม ไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงจากประตูด้านหน้าและหน้าต่างด้านหน้าเท่านั้นที่ ส่องเข้ามาได้ เป็นการยากมากที่คนด้านนอกจะเห็นข้างใน แต่มันเป็นเรื่องง่ายมากที่คนด้านในจะเห็นคนข้างนอก เนื่องจากเสาไฟที่สาดส่องตามถนน
พวกมันค่อยๆเดินเข้ามาถึงรถที่จอดอยู่หน้าสถานี ทุกคนด้านในต่างตื่นตัวและตรึงเครียดเนื่องจากพวกข้างนอกนั้นมีมากเหลือเกิน และพวกมันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆพวกมันรู้ได้ไงว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ และพวกเขาจะถ่วงเวลาได้นานแค่ไหน ตอนนี้ทุกคนต่างรอสัญญาณการยิงจากเก่ง ซึ่งเก่งกำลังมอง พวกมันผ่านกล้อง ไรเฟิล มือของเก่งนิ่งมาก สายตา ที่อยู่ไต้ต้อกระจกหน้ากากกันแก๊สนั้นไม่กระพริบเลยแม้แต่น้อย อีก 3 คนที่เหลือจับปืนช็อตกัน ในมือไว้แน่นและเล็งไปยังข้างหน้า ส่วนคนชั้นบนนั้น บางคนที่ปืน AK-47 หลบซ่อนอยู่ในความมืดบางคนถือขวดแก้ว ที่ด้านในบรรจุน้ำมันไว้แน่นโดยอีกมือหนึ่งถือไฟแช็คเตรียมจุดไฟตรงผ้าที่อุดไว้ทุกเมื่อ
........ปัง!........ ในที่สุดสัญญาณได้ดังขึ้น
ซอมบี้ตัวหนึ่งได้ล้มลงไปกองกับพื้น หัวมันได้หายไปจากบ่า...ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ.........เสียงปืนดังขึ้นไม่หยุด พวกซอมบี้ที่อยู่ด้านหน้าเริ่มลงไปทีละตัวสองตัว พวกด้านหลังเริ่มวิ่งกรูกันเข้ามา แต่ก็ต้องล้มลงไปกองกับพื้นเพราะ ถูกกระสุนปืนซ็อตกันฉีกกระซากขาออกพวกมัน จึงได้แต่คลานเข้ามาแต่ได้เพียงนิดหน่อยเท่านั้นเพราะถูกกระสุนปืนพกยิงเข้าที่หัวจากด้านบน นี่เป็นรูปแบบหนึ่งที่เก่ง สั่งให้ทุกคนทำ ซึ่งมันมีประสิทธิภาพอย่างมาก แต่จะอย่างไรก็ตามพวกเขายังคงใหม่ต่อเรื่องรี้พอกระสุนหมดมีหลายคนที่ลนจนบรรจุกระสุนพลาด จึงทำให้พวก ซอมบี้ เริ่มประชิดเข้ามา อย่างไรก็ตามเก่ง ได้คิดเผื่อไว้แล้ว....
“โยนระเบิดขวดได้....” ผ้าที่อุดปากขวดอยู่นั้นได้ถูกจุดขึ้น พวกคนที่ชั้น 2 โยนมันไปไกลถึง รถที่ขวางจอดอยู่ น้ำมันในขวดแก้วที่แตกออกได้ทำปฏิกิริยากับผ้าที่ติดไฟจนกลายเป็น ระเบิดไฟ ทุกคนได้หมอบไปอยู่หลังที่กำบังเพราะ ไม่ใช่แค่น้ำมันในขวดเท่านั้นที่ทำปฏิกิริยา มันรวมถึงน้ำมันที่ไหลออกจากรถด้วย
..........ตูมมมมมมมมมม!!!............รถที่จอดอยู่ได้ระเบิดออก แรงระเบิดถึงกับทำไห้กระจกหน้าสถานีตำรวจระบิดออก ซอมบี้ที่อยู่ด้านหน้ากระเด็นไปคนละทิศละทาง เนื้อถูกฉีกกระซาก บางตัวโดนสะเก็ดไฟครอกจนกลายเป็นมนุษย์เพลิง เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดดังขึ้นไปทั่วพื้นที่ก่อนที่จะหยุดลง ด้วยกระสุนที่ ทะลุศีรษะ
“เราทำสำเร็จ....พวกมันตายห่ากันหมดเลย เป็นไงละไอ้พวกเหี้ยเอ๊ย”ตี๋กู่ร้องด้วยความสะใจในชัยชนะครั้งแรกนี่ถึงแม้พวกมันจะยังมาเรื่อยๆแต่ อย่างน้อยครั้งนี้เขาได้ยืนหยัดสู้กับพวก
“รู้ซะมั่งว่ามึงแหยมกับ ใคร....โอ๊ย!!!” ตี๋ร้องด้วยความเจ็บปวด ที่แขนของเขามีซอมบี้ตัวหนึ่งกัดอยู่ถึงแม้มันจะไม่มีขา แต่แรงมันยังคงมหาศาล
“ตายซะไอ้ห่าเอ๊ย.....ปัง” ตี๋ใช้ซ็อตกันในมือขวายิงหัวซอมบี้ที่กัดแขนซ้ายเขา จนหัวของมันแตกกระจายออกไปพร้อมๆกับแขนของเขา เขาทรุดลงด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับกรีดร้องด้วยความทุรนทุราย
ทุกคนต่างมองดูเขายกเว้นเก่งที่ยังคงยิง พวกซอมบี้ที่อยู่ด้านนอก ทุกคนต่างรู้ว่าถ้าถูกกัดแล้วจะเป็นอย่างไร รวมทั้งตัวตี๋เองด้วย
“คุณเก่งครับ ผมเป็น...แค่กๆ...ตำรวจที่ดีใช่ไหม” ตี๋พูดพร้อมกระอักเลือดคำโตออกมา เก่งยังคงยิงพวกซอมบี้นั้นโดยไม่หันมามอง
“ใช่คุณเป็นตำรวจที่เจ๋งที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอ....”ถึงจะเหมือนการพูดล้อเล่น แต่พอออกมาจากปากของเก่ง มันกลับดูจริงจังและน่าเชื่อถือ พอตี๋ได้ยินอย่างนั้น เขายิ้มจนแก้มแทบปริ
“ถ้างั้นผมก็ขอตายเยี่ยงตำรวจ...”เขาหยิบของบางอย่างออกจากกระเป๋า ทุกคนเริ่มหันไปยิงซอมบี้ที่วิ่งเข้ามาอีกครั้งแต่ดวงตาทุกคนต่างเจ็บปวดและเจ็บแค้น ตี๋เดินไปทางหน้าประตู ก่อนที่จะค่อยๆวิ่งไปหาไอ้พวกซอมบี้ที่กำลังกรูกันเข้ามา
“ตายซะเหอะพวกมึงงงงงงง!!!!” ตี๋วิ่งออกไปพร้อมกัดบางอย่างคล้ายเป็นวงกลมคล้ายแหวนออก จากสิ่งที่อยู่ในมือขวาของเขา และสลักได้กระเดินออก ใช่แล้วมันคือระเบิดนะเอง ซอมบี้ที่กำลังจะเข้ามากัดเขานั้นได้ล้มลงเพราะถูกกระสุนไรเฟิลเจาะเข้าที่หัวพวก เก่งพยายามยิงซอมบี้ที่จะเข้ามากัดตี๋ เพื่อที่เขาจะได้เข้าไปใกล้ฝูงมันให้ได้มากที่สุด
ในที่สุดเขาก็ถูกซอมบี้ตัวหนึ่งกระโจนเข้าใส่และล้มลง ซอมบี้ที่เหลือรุมทึ้งเขาอย่างกับหมาป่ารุมกินเหยื่อ แต่เหยื่อของพวกมันไม่ได้กรีดร้อง ร้องขอชีวิต หรือแสดงความกลัวเลยแม้แต่น้อย มันยิ้ม ยิ้มแล้วพูดว่า
“ไปลงนรกด้วยกันเถอะ...ไอ้เหี้ย”
................ตูมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!..............
..................ปังๆๆๆๆๆๆ......... ทุกคนต่างระดมยิงด้วยความแค้น พวกซอมบี้ล้มลงไปเป็นจำนวนมาก เนื่องจากทุกคนเริ่มใช้ปืนได้คล่องมือแล้ว แต่พวกซอมบี้นั้นยังคงคืบคลานด้วยความเร็ว เพราะเสียงของแรงระเบิดจากรถนั่นเองที่ทำให้พวกมันมารวมตัวกันมากขึ้น ยิ่งพวกมันล้มลงไปมากเท่าไหร่ พวกมันยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จนในที่สุด....
“ระเบิดขวดหมดแล้ว.........” เสียงตะโกนดังมากจากข้างบน สถานการณ์ยิ่งแย่ยิ่งขึ้นเพราะกระสุนที่ชั้นล่างเริ่มล่อยหรอแล้วในตอนนี้
.......แฮ่.......... มีซอมบี้ตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาถึงหน้าสถานีตำรวจ แขนของมันขาดไปข้างหนึ่ง
.......ปัง.......... ชายในชุดสูท ยิงปืนซ็อตกันใส่มันในระยะใกล้ แต่เขาพลาด มีเพียงแขนอีกข้างหนึ่งเท่านั้นที่หลุดขาดออกไป เขารีบชักกระสุนออก
.......กริ๊ง......... มันติด! ติดอยู่ตรงลำกล้อง
“บัตซบเอ๊ย....” เขาร้องด้วยความเดือดดาล ก่อนที่จะทิ้งปืนนั้นลงและหยิบปืนพกตรงข้างเอวออกมา ทว่ายิ่งเขาร้อนรนเท่าไหร่ทุกอย่างยิ่งติดขัด เขาระดมยิงใส่ซอมบี้ตัวนั้นแต่ไม่โดนหัว
“อ๊ากกกกกกกกก!!!” เขาร้องด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากซอมบี้ตัวนั้นกระโดดขย้ำเข้าที่คอของเขา
.........ปัง.......แผละ........ กระสุนปืนได้เจาะทะลุหูขวาของมันจนทะลุหูซ้าย ซอมบี้ตัวนั้นล้มลงไปกองกับพื้นทันที แต่มันช้าไปแล้ว บุค ถูกกัดเข้าที่ลำคอแผลนั้นเลือดใหลออกมาไม่หยุด รินมองเขาด้วยดวงตาที่เจ็บปวด ถ้าเพียงแต่เธอยิงเร็วกว่านี้เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้นเธอคิด และบุคก็รู้ว่าเธอกำลังโทษตัวเอง
“ขอ.....ขอบ....คุณ....” บุคยิ้มและพูดอย่างตะกุกตะกัก เขาค่อยๆเขยื้อนมือที่ถือปืนมาจ่อไว้ข้างหัว
......ปัง......เสียงปืนดังขึ้น บุคได้ตายจากไปอีกคน แต่ไม่ทันที่รินจะทันได้โศกเศร้า
“ขึ้นไปข้างบนเร็ว”
.......................................................................................................................................
23.54 น.
ตอนนี้รินได้มาถึงชั้น 2 แล้ว แต่เธอขึ้นมาเพียงคนเดียว
......ตึง......ตึง...ตึง.... เสียงเหล็กขนาดใหญ่ได้หล่นลงดังขึ้นมาจากข้างล่าง เป็นสัญญาณบอกว่า หน้าต่างทั้ง 3 บานที่อยู่ข้างหน้าได้ถูกปิดลงจนสนิท
“ปิดทางขึ้นลงซะ....” รินพูดขึ้นด้วยเสียงที่เยียบเย็น
“แล้ว พี่เก่งละพี่ริน พี่เก่งละ....” แอนพูดพร้อมเขย่าตัวหญิงสาว เธอเริ่มร้องไห้อีกครั้ง
เด็กชายวิ่งตรงไปหน้าทางลงบันไดชั้น1 แต่เขาต้องหยุดลงเพราะรินคว้าแขนเขาว่าด้วยมือที่สั่นเทา
“ปล่อยผม....ปล่อย”เด็กน้อยตะโกนด้วยความเจ็บปวดในใจ
“ไม่ต้องห่วงเขายังไม่ตาย...”รินพูด ในหน้าของเธอเริ่มมีหยดน้ำไหลลงมาอาบทั้ง 2 แก้ม
“แล้ว....แล้วถ้างั้นเราจะปิดมันทำไมละ แล้วทำไมเขาไม่ขึ้นมา”เด็กชายถามด้วยความร้อนรนในใจเพราะผู้มีพระคุณของเขากำลังจะถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง
“เพราะเขาสั่งยังไงเล่า เพราะเขาสั่งไห้ปิดเข้าใจไหม!!!!”
...................................................................................................................................
เมื่อ 11 นาทีก่อน ซอมบี้บุก 23.43 น.
......ปึง...เสียงประตูได้ปิดลง ในห้องมีเพียงรินกับเก่ง และศพซอมบี้อีก 4 ศพ
“คุณมีเงื่อนไขอะไรบอกมาเลยฉันพร้อมที่จะทำทุกอย่าง” รินพูดอย่างหนักแน่นเพื่อแสดงความจริงใจของตน
“ทุกอย่าง....ทุกอย่างจริงๆนะ”เก่งถามรินด้วยเสียงที่เรียบต่ำ
“ใช่....ทุกอย่าง” รินเริ่มกลัวกับสิ่งที่เก่งขอเพราะบางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่บ้ามาก
“ถ้างั้นคุณช่วย ปิดประตูทางขึ้นชั้น 2 หลังจากพวกซอมบี้เข้ามาประชั้นชิดได้ไหมถ้า ฮ.มาไม่ทัน”เก่งกล่าว
“อ๋อ....เรื่องแค่นี่เอง ชั้นทำให้ได้อยู่แล้ว”รินพูดอย่างโล่งอกกับคำขอของเก่ง แต่มันไม่ได้มีเท่านั้น
“โดยทิ้งผมไว้ข้างล่างตามลำพังกับพวกมัน” เก่งยังคงพูดด้วยเสียงที่เรียบต่ำทั้งๆที่มันเหมือนกับคำลาตาย
“นี่ นายล้อเล่นใช่ไหมฮะ.............. ทิ้งนายไว้ตามลำพังกับพวกมัน นั้นมาฆ่าตัวตายชัดๆ นายบอกเองไม่ใช่หรอ..........ว่ามันมา กันเป็นจำนวนมากนะ”รินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ซึ่งมันเต็มไปด้วยความโกรธ เนื่องจากสิ่งที่เก่งพูดนั้นมันเหมือนกับคำโกหกชัดๆ มันฆ่าตัวตายชัดๆ แต่ส่วนลึกในใจเธอนั้นกลับเศร้าเพราะ เก่งไม่เคยพูดคำโกหก
“ใช่มันมาเป็นจำนวนมาก มากพอที่จะทำลายสิ่งกีดขวางได้ภายในไม่กี่วินาที เพราะฉะนั้นผมจึงต้องอยู่ข้างล่างและคอยถ่วงเวลาพวกมัน...”เก่งพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ มันยิ่งทำให้ใจของริน ยิ่งเดือดดาล
“และทำไม...ทำไมต้องเป็นคุณละ....”เธอกัดฟันพูดเพื่อสงบสติอารมณ์
“ถ้าผมไม่ทำแล้วใครจะทำละ....และผมเท่านั้นที่กล้าพอจะทำมัน...”เก่งพูดพร้อมจ้องมองไปยังศพซอมบี้ที่กองอยู่แทบเท้า สายตาของเขาปราศจากความกลัว
“แล้ว...ถ้าคุณพลาดละ....” รินถามเก่ง
“ผมก็คงตาย...มันก็แค่นั้น....”
“คุณจะบ้าหรือไง” .......เพี๊ยะ.....เก่งถูกตบอย่างแรงจนหน้าหัน แก้มของเขามีรอยสีแดงระเรื่อขึ้นเป็นรูปนิ้ว และรินได้เดินออกจากห้องไป
............................................................................................................................................................
23.54 น. ชั้น 1
พอริน วิ่งขึ้นไปยังชั้น 2 เก่งรีบผลักล็อคเกอร์ตรงหน้าต่างเพื่อปิดช่องทันที จนตอนนี้มีเพียงแสงจากประตูเท่านั้นที่ลอดเข้ามาได้ มีเพียงความมืดมิด ซอมบี้และเก่งเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้
........ฉั่ว.... หัวซอมบี้ตัวหนึ่งที่วิ่งเข้ามาได้ขาดออกมีเพียงมีเท่านั้นที่แวบผ่านแสงสว่าง
.....กริ๊ง....กริ๊งๆๆๆ....กระป๋องแก๊สน้ำตากลิ้งอยู่บริเวณหน้าประตู สลักของมันถูกดึงออก
........ฟู่ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ..... ควันได้ออกมาจากรูสลัก พวกซอมบี้เริ่มหยุดวิ่งมันเดินเซไปมา และเริ่มกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เนื่องจาก ตาของมันถูกแก๊สน้ำตาและพวกมันไม่ได้เรียนรู้การกลั้นหายใจ จึงสูดเข้าไปอย่างเต็มที่บางตัวถึงกับทรุดลงทันที แต่ในใจของเก่งกับคิดเพียงแต่ว่า
“ทำไมประตูชั้นบนไม่ปิดซะที
.......ตึง......ตึงๆๆ....เสียงเหมือนของบางอย่างที่มีขนาดใหญ่มากได้ล้มลงดังขึ้นมาจากชั้นบน
....................................................................................................................................................
“เร็วเข้า รีบปิดเร็ว”รินพูดขึ้น คนที่เหลือเริ่มดันของมาปิด
“ส่งถังน้ำมันมา พวกที่เหลือกลับไปยิงซะ ถ้าอยากจะให้เขารอดละก็ต้องให้พวกมันเข้ามาให้น้อยที่สุด” .........ปังๆๆๆๆ........เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง รินราดน้ำมันในถังลงไปตรงพื้นหน้าประตูจำนวนหนึ่ง ก่อนที่เธอจะหยิบระเบิดขวดในกระเป๋าออกมา เธอจุดไฟตรงปลายผ้า และหย่อนมันลงไป ประกายไฟได้ติดกับน้ำมัน จนตอนนี้หน้าทางเข้าเหมือน ปากประตูนรก.....ที่มีคนตายเดินเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว.......
พวกที่ยังไม่ได้เดินเข้ามา ได้ถูกน้ำมันที่ริน กับแอนตักใส่แก้วราดลงบนหัวจนมันติดไฟกับไฟที่อยู่ตรงเท้า
.........................................................................................................................................................
มีซอมบี้ตัวหนึ่งเดินสะเปะสะปะ อยู่ในความมืดมิดและหมอกควันแก๊สน้ำตา บริเวณอกของมันมีไฟติดอยู่ และในตอนนั้นเองมี “สิ่งหนึ่งอยู่ข้างหลังมัน”
........ฉึก...... มันถูกแทงเข้าที่กลางหลังจนหัวใจทะลุออกมา เบื้องหลังของมันมี บางสิ่งที่ใส่หน้ากากกันแก๊สพิษอยู่ ภายใต้ต้อกระจกที่สะท้อนกับไฟอยู่นั้น มีดวงตาหนึ่งซึ่งมันเหมือนกับ....ดวงตาของปีศาจ.... พอร่างของมันร่วงหล่นลงกับพื้น มีดสปาต้าที่ปักอยู่ได้ถูกดึงออก ร่างที่ติดไฟได้เผยให้เห็นหัว และร่างไร้วิญญาณเกลื่อนกราดอยู่ตรงพื้น.........
............พวกมันกำลังถูกล่า..........
ทุกอย่างที่เก่งทำนั้น ล้วนทำให้มัน ‘พิการ’ แก๊สน้ำตาทำให้จมูกและตามันใช้การไม่ได้ เพื่อความมั่นใจเก่งใช้เลือดของพวกมันทากลบกลิ่นด้วย และการใช้ไฟนั้นเพื่อทำไห้พวกมันส่องแสง ในความมืดมิด จึงมีแต่เก่งเท่านั้นที่มองเห็นพวกมัน ที่สำคัญเก่งใช้แต่มีดเท่านั้นเพื่อที่พวกมันจะไม่ได้ยิน เพราะฉะนั้นเก่งไม่ได้ถูกล่าจากพวกมันเหมือนทุกที
.........แต่เก่งเปลี่ยนมาเป็นผู้ล่า......
.....กริ๊งๆๆๆๆ........ กระป๋องแก๊สน้ำตากลิ้งไปตามพื้น ก่อนที่จะมีควันออกมา มีซอมบี้ตัวหนึ่งมันเดินตามเสียงไป ทันไดนั้นเองขาที่ติดไฟของมันได้ถูกตัดออก ในขณะที่มันทรุดตัวลงและกำลังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้น
...........เฉาะ.........มีดด้ามยาวได้ผ่าลงบนหัวของมันออก ก่อนที่จะถูกดึงขึ้น และร่างนั้นล้มลงทันที
คราวนี้พวกมันเดินมาพร้อมกัน 2 ตัวตัวหนึ่งบริเวณหัวไหล่ นั้นมีไฟติดอยู่และอีกตัวมีไฟติดอยู่บริเวณข้อศอก
..........ฉับ........ ตัวที่มีไฟติดอยู่บริเวณหัวไหล่ไม่มีหัวอีกต่อไป อีกตัวหนึ่งได้ยินเสียงเพื่อนถูกฟันจึงรีบหันไปและกระโจนใส่ บางสิ่งที่มีสีแดงและดวงตาที่สะท้อนแสงไฟทันที แต่มีเพียงแค่มือเท่านั้นที่โดนตัวสิ่งนั้น
........ฉึก.......มีดสปาต้าแทงทะลุปากของมัน.........ฉั่ว.....และถูกฟันขึ้นจนสมองและเลือดได้กระเด็นออกมา ดวงตาที่ถูกทำให้ห่างออกยังคงจ้องมองไปที่ใบหน้านั้น ถ้ามองลึกเข้าไปในดวงตานั้นจะเห็นได้ว่า มันกำลังสนุกอยู่
“มันก็แค่เกมเท่านั้น เกมที่นายเริ่มต้นใหม่ไม่ได้...ฮึๆๆๆๆ” และปีศาจตนนั้นได้กลับไปซ่อนตัวอยู่ในความมืดอีกครั้ง
.......................................................................................................................................................
23.58 น. บนชั้น 2
น้ำมันในถังหมดลง หมอกควันจากชั้น 1 ได้หมดไปเสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดของพวกซอมบี้ได้หยุดลงซึ่งเสียงเหล่านั้นเป็นสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเก่งยังมีชีวิตอยู่
“เกิดอะไรขึ้น เขา.....เขาตายแล้วหรอ” รินพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก เพราะอีกเพียงไม่กี่นาที ฮ. ก็จะมารับ
“ไม่นะ...ไม่นะพี่เก่ง....”แอนรีบวิ่งไปยังสิ่งกีดขวางตรงหน้าบันไดทันที เธอพยายามที่จะใช้แรงอันน้อยนิดเลื่อนโต๊ะที่ขวางอยู่ออก แต่ได้เพียงแค่แปปเดียวเท่านั้นเพราะรินรีบคว้าแขนเธอไว้ทันที
“อย่าแอน บางทีเขาอาจจะยังไม่ตาย” ไม่ทันสิ้นเสียง บางอย่างได้กระแทกสิ่งกีดขวางนั้น
“อาจจะ....อาจจะเป็นเขาก็ได้”เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าไปทันที แต่เขาต้องรีบถอยกลับมาเพราะเสียงกระแทกนั้นดัง.......
.......ตึง...ตึงๆๆ....ตึงๆๆๆๆๆๆ......ฮือ........ฮา......
“พวกมัน....พวกมันนี่นา” ทุกคนรีบหันกระบอกปืนไปทางเดียวกัน โต๊ะไม้ได้แตกออกจนเป็นรู มีมือข้างหนึ่งทะลุออกมา มันเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
.......ปังๆๆ..... แขนข้างนั้นถูกยิงจนขาดออก และเสียงดังจากการกระแทกดังขึ้นอีกครั้ง
“อย่ายิง อย่า...เก็บกระสุนไว้ก่อนยิงไปพวกมันก็ไม่ตายหรอก....”รินสั่งทุกคนไห้หยุดยิง เธอมองไปยังนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เวลา 23.59 (ทำไมยังไม่มาซักทีน้า) เธอคิด
........ตึงๆๆๆ....โผละ.......ตึงๆๆๆๆ..... เสียงกระแทกและเสียงแผ่นไม้หักดังประสมกัน หัวใจของทุกคนเต้นแรง อะดรีนาลีน สูบฉีดและตระหนักดีว่าบางทีนี่อาจจะเป็นวินาทีสุดท้ายของตน
รูตรงไม้ขยายออกจนเด็กสามารถรอดเข้ามาได้ มือที่ล้วงเข้ามามีเป็นจำนวนมาก และในขณะที่รินจะสั่งให้ยิงนั้นเอง
..........กิ๊งก๊องงงงงงงงง~~~~~~~~.........เสียงนาฬิกาเคาะเวลาเที่ยงคืนดังขึ้น แต่มีเพียงแค่เสียงนั้นเท่านั้นเสียง ทุบได้หยุดลงแล้ว มือที่ล้วงเข้ามาได้หายไป
“เกิด....เกิดอะไรขึ้น....”รินถึงกับเข่าอ่อนลงไปด้วยความฉงนทันที
“ดูนั่น!” เด็กชายชี้ไปยังข้างนอกพวกซอมบี้กำลังถอยออกไป จนในที่สุดพวกมันก็ไม่มีเหลืออยู่บนถนนอีกเลย
...........พับๆๆๆๆๆๆๆ......... เสียง ใบพัดเฮลิคอปเตอร์ดังมาจากหลังคา
“เรารอดแล้ว.....เรารอดแล้วไชโย!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นพวกเขารีบวิ่งไปชั้นดาดฟ้าทันที ฮ. สีเขียวเข้มได้จอดลงบนดาดฟ้า มีนายทหารคนหนึ่งรีบเดินลงมา เขาอายุประมาณ 25 ปี
“เร็วเข้าเราต้องรีบไปจากที่นี่” เขาพูดขึ้นก่อนที่จะช่วยพยุงหญิงวัยกลางคน คนหนึ่งขึ้นไปและพวกที่เหลือรีบขึ้นไปทันที ยกเว้นแอนที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
“หนูไม่ไป หนูจะไปหาพี่....หนูจะไปหา.....” ตุบ...แอนถูกต่อยที่ท้องจนสลบลงทันที คนต่อยเธอคือ รินนะเอง
“ขอโทษนะ....ฉันสัญญากับเขาไว้แล้ว....” เธออุ้มแอนขึ้น ฮ. ไปทันที แต่ยังมี เด็กอีกคนหนึ่งยังไม่ขึ้นไป ......กริ๊ก....เสียงขึ้นนก ดังขึ้น
“ถ้าเข้ามาละก็ผมยิงแน่” เด็กชายพูดพร้อมยกปืนขู่
“............”รินไม่พูดสิ่งใดทั้งสิ้น แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เพราะเธอเองก็อยากอยู่ที่นี้เหมือนกัน แต่เธอสัญญากับเขาไว้แล้ว
“ผมจะอยู่ ผมจะหาเขา...เขาจะต้องยังไม่ตาย” เด็กน้อยเริ่มร้องไห้ รินก้มหน้าและหันหลังกลับไปเดินขึ้น ฮ.โดยที่ไม่กันกลับมามองอีก
“ฝากบอกเขาอย่างหนึ่งสิถ้าเขายังไม่ตาย...... “อย่าตายนะ.........ตาบ้า”....” และรินก็เดินขึ้น ฮ. ไป
.........พับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......... ฮ.ได้ขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง
“รับไปไอ้หนู....”นายทหารหนุ่มพูดขึ้น เขาโยนวิทยุสื่อสารลงมาให้เด็กชาย “ถ้าเธอยังไม่ตายเราจะติดต่อไปอีก” และ ฮ. ก็จากไป
ในขณะ ที่รินนั่งโดยมีศีรษะของแอน หนุนตักอยู่นั้นเธอก็พึ่งรู้ตัวว่า
“ฉันรักเธอ.....เพราะฉะนั้นอย่าตายนะ........ตาบ้า”
........และ ฮ. ก็บินหายไปในความมืดมิด............
............เก่งถ่วงเลาพวกมันไว้ได้แค่ 13 นาทีเท่านั้นก่อนพวกมันขึ้นชั้นบน
.....................................................................................................................................................
ความคิดเห็น