คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1 CHANGE(เปลี่ยน)
เพลงประกอบครับจะเปิดหรือไม่เปิดก็ได้แล้วแต่ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน
Alive
Chapter 1: Change
หน้า โรงแรมสูงแห่งหนึ่ง
ตึง....ตึง.....ตึ้ง.........
ข้างในนั้นถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามเหมาะแก่การได้เป็นถึงโรงแรม 5 ดาว
......เออออ......อืออออ......ตึง.....ตึง.......
ผู้คนในนั้นประดับด้วยชุดสวยหรูแหละมีสีสันฉูดฉาด บ่งบอกถึงฐานะของพวกเขา แต่มีบางอย่างที่ “ประหลาด” ไปจากเดิม ผู้คนเหล่านั้นดูหิวโหย หน้าตาซีดเผือก เลือดเต็มปาก มีแผลเต็มตัวมากมาย แต่ที่เด่นที่สุดคือ ตา-----ตาของพวกมันแดงก่ำดุจดั่งเลือด------พวกเขาเดินไปมาเหมือนหาอะไรบางอย่าง
ในห้อง สวีท ห้องหนึ่ง ของชั้นบนสุด มีผู้ชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่มุมห้องในอ้อมแขนของเขามีปืนไรเฟิลอยู่กระบอกหนึ่ง เนื้อตัวของเขา เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด เสื้อกล้ามที่ควรจะขาว แต่กลับย้อมไปด้วยสีแดง โดยเฉพาะบริเวณสีข้างด้านขวาของเขา มีผ้าสีแดงประคบอยู่เลือดเริ่มไหลซึมออกมา เขาหายใจหอบ อย่างแรงเนื่อง จากบาดแผลนั้น แต่เขาก็ไม่ยอมวางปืนนั้นลง ดุจดั่งว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเขา แต่สิ่งที่แปลกที่สุดคือ ดวงตาของเขาไม่ได้แดงก่ำ มันปราศจากความกลัว ประหนึ่งว่าไม่มีสิ่งไดเกิดขึ้นทั้งสิ้น แต่มันกับจ้องเขม็ง จ้องไปที่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่มุมห้อง ในมือของชายคนนั้นมีปืนพกกระบอกหนึ่ง มันเต็มไปด้วยเลือด-------เลือดจากรูบนศีรษะของเขาเอง------
ทันใดนั้น ผู้ชายที่กอดไรเฟิลอยู่ ก็แสยะยิ้ม
‘คุณเคยคิดไหมว่า สักวันหนึ่ง บางสิ่งอาจเปลี่ยนชีวิตคุณ ไปอย่างสิ้นเชิง’
‘ของผม มันเกิดขึ้น 2 ครั้ง’
‘ครั้งแรกของผมมันเกิดเมื่อ 3 เดือนก่อน’
3 เดือนก่อน
ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
มีผู้คนจำนวนมากกำลังทำกิจวัตรของตัวเอง บางคนกำลังจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ บางคนหยิบสิ่งของที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ อาหาร หรือเสื้อผ้า มีผู้ชาย 2 คนกำลังดูสินค้าบางอย่างอยู่
‘นั้นแหละผม’ ผู้ชายผมสั้น แต่งตัวเชยๆ หน้าตาแก่ๆทั้งๆที่อายุแค่ 15ปี รูปร่างไม่ใหญ่มาก มีจุดเด่นเพียงแค่ดวงตาเท่านั้น------ตาของผมมันโตและคมมาก------- มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ใช้ข่มขวัญคนเลยก็ว่าได้ผมมาที่ห้างนี้เพื่อซื้อของ ให้คนที่ผมรัก
“เฮ้ย มันตั้ง 1,200 เลยนะเว้ย” ท๊อปเพื่อนผมพูดอย่างตกใจในความเว่อของผม
“แต่มึงบอกเองไม่ใช่หรอวะ ถ้าอยากให้เขาประทับใจมันต้องทุ้มทุนหน่อย”
“มันก็ใช่ แต่นี่มึงยังไม่ได้เป็นแฟนกะเขาเลยนะเว้ย”
“เพราะงั้น แหละถึงต้องซื้อของดีๆให้เขาจะได้มาเป็นแฟนไง” ผมพูดไปยิ้มไป
“แล้วทำไมต้องเป็นสร้อยคอ รูป “กุญแจ” ด้วยวะ”
“เพื่อกูจะได้ใช้ “เปิด” โอกาสไห้ตัวเอไง” พอผมพูดเสร็จ ไอท๊อปมันก็หัวเราะใหญ่
ถึงแม้ผมรู้สึกรำคาญนิดหน่อยแต่ก็มีความสุขอยู่ดี เพราะวันนี้อาจจะเป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตผมไปเลยก็ได้ผมอาจจะมีความสุขเหมือนคนอื่นๆที่ประสบความสำเร็จในความรัก หรือบางทีผมอาจจะอกหักแต่มันก็คงทำให้ผมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
ผมได้ควักเงินทั้งเดือนจ่ายให้พนักงานขาย ของชิ้นนี้อาจทำไห้ผมต้องอดข้าวเกือบทั้งเดือน แต่ผมคิดว่ามันคุ้ม
“1,200บาทถ้วนนะคะ จะเอาใส่กล่องด้วยมั่ยคะ” ผมพยักหน้าให้กับพนักงาน เธอจึงได้ใส่มันลงไปในกล่องและยื่นมาไห้ผม
“หวังว่า อลิส จะชอบกล่องชิ้น..........” ท๊อปพูดขึ้น ทว่า.....
........เพล้ง!.........โครม!.............ปี๊นนนนนนนนนนนนน!!
มีรถเก๋งคันหนึ่งพุ่งเข้ามาทางประตูหน้าของห้าง จนชนเสาแตกไปครึ่งหนึ่ง
“ มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย” “เละไปหมดเลย” “เฮ้ยคนขับเป็นไรป่าว” “ดูสิมีใครถูกชนป่าว” “เรียก รปภ.มาด่วนเลย” ในห้างเกิดความโกลาหลขึ้น ผู้คนต่างแตกตื่น บางคนโทรแจ้งตำรวจและรถพยาบาล
และทันใดนั้นเอง
พนักงานที่อยู่ใกล้ที่ สุดได้เดิน ไปที่รถคันนั้น และเปิดประตูรถออกมา จนร่างของผู้หญิงชรา ที่เป็นคนขับตกจากรถ
“เป็นอะไรไม่ครับ....คุณ.....คุณ......”
“....อ๊ากกกกกกก.......”
พนักงานคนนั้นกรีดร้องอย่างโหยหวน หญิงชราคนนั้นได้กัด กัดไปที่คอพนักงานขายอย่างแรงจนมัน-------ฉีกออก-------
เลือดไหลนองไปทั่วพื้น ทุกอย่างเหมือนหยุดไปชั่วขณะ.....................
........................กรี๊ด...................
ผู้คนเริ่มโกลาหลอีกครั้ง ดุจดั่งรังมดแตก
“มึงเห็นมั้ยวะเมื่อ กี้อะ........แม่งเอ้ย มันเกิดอะไรขึ้นวะ” ไอท๊อปมันพูดอย่างตกใจ
“อ....ออ....เออ....กูเห็น......เราควรไปช่วยชายคนนั้นวะ........”
“ช่างหัวมันเหอะน่า ไอบ้าเอ้ย ตอนนี้เราควรรีบหนีเหมือนคนอื่นนะเว้ย” ที่ท๊อปมันพูดอาจจะดูเหมือนแร้งน้ำใจแต่ในสถานการณ์แบบนั้นใครๆก็ทำกันยกเว้นคนอยากจะเป็น ฮีโร่ เท่านั้น
และทันใดนั้นมี ฮีโร่ 2คนก็ได้เดินเข้าไป
ชายคนหนึ่งหยิบ กระทะฟาดไปที่ หัวยายคนนั้น อย่างเต็มแรง ในขณะที่อีกคนหนึ่ง ไปดูอาการ ชายอีกคนหนึ่ง
“คุณ เป็นไรไหมคุณ ............โอ้ยยยยยย.........” พนักงานที่ปางตายกัดแขนชายคนนั้นอย่างแรงจนเลือดไหลเป็นทาง
“ปล่อยกูนะโว้ย.........ปล่อยกู......ไอ้ห่าเอ้ย.......ปล่อยสิโว้ย......”
“เฮ้ยเป็นไรป่าววะ.....เฮ้ย.......” ชายที่ถือกระทะ พูดขึ้น........แต่ที่ด้านหลังเขา หญิงชราได้ยืนขึ้น ศีรษะเต็มไปด้วยเลือด แต่เธอยังยืนขึ้นได้ “เฮ้ยระวัง” “......อ๊าก.........”
ชายคนนั้นได้โดนหญิงชรา กัดที่คอจนล้มลงไป
ไม่มีใคร..........ไม่มีใครทำอะไรทั้งสิ้นในขณะนั้น ทุกคนต่างตกใจในภาพที่ เห็น มันเหมือนในหนังสยองขวัญ ไม่ผิด........เพราะตรงหน้าพวกเขา.........มีชาย2คนกำลังถูกกินอยู่!..........
ความโกลาหลเกิดขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างวิ่งกรูเข้าไปในห้าง เพราะออกไปไม่ได้และไม่กล้าไปทางประตูทางออก เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นตรงนั้น
“ทุกคนมาทางประตูหลังเร็ว”
พนักงานคนหนึ่งตะโกนขึ้น ทำให้ทุกคนวิ่งกรูไปทางนั้น บางคนหกล้มบ้าง บางคนถึงขนาดทิ้งเพื่อน
“เห้ย.......ไปเร็วเลิกเหม่อได้แล้ว” ท๊อปมันตะโกนบอกผมและกระชากมือผมอย่างแรง
“เออ.......เออ รู้แล้ว.........” ผมรีบตามมันไป
“.............หนีเร็ว..........” “กรี๊ด!!!!!!!!”
เสียง พนักงานคนเดิมดังขึ้น พร้อมๆกับเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่แขนของพนักงานคนนั้นเต็มไปด้วยเลือด
“อยู่ดีๆ.............ชายแก่ข้างนอกนั้นก็กัดเขา” ผู้หญิงที่กรีดร้องบอกขึ้น
“อะไรกัน.....ข้างนอกก็มีหรือนี่” “บ้าเอ้ย..มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” “ตำรวจ..ตำรวจไปไหนหมด.....”
“คุณ.........คุณถูกคนแก่นั้นกัดใช่ไหม” ชายคนหนึ่งพูดกับพนักงาน ทุกเสียงเงียบลงทันที
“....ช...ใช่....” พนักงานพูดอย่างตะกุก ตะกัก.....และทุกเสียงก็เงียบลงไปครู่หนึ่ง
“ออกไป.........ออกไปเดี๋ยวนี้นะ....” เสียงของหญิงแก่ดังออกมาจากกลุ่มคน
“หา...อะไรนะ...”พนักงานพูดอย่างตกใจ
“เขาถูกกัด......บางที.อาจเป็นเหมือนพนักงานคนแรกที่ถูกกัดก็ได้” ผู้ชายอีกคนพูดเสริม
เริ่มมีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้น......และทันใดนั้นเอง......ผู้คนจำนวนมากได้ผลักผู้ชายคนนั้นออกไปออกไป “ปล่อยนะ.ปล่อยผม.....พวกคุณบ้าไปแล้วหรือไง” พนักงานคนนั้น ร้องอย่างโหยหวน
(บ้า.........มันบ้าไปหมดแล้ว) ผมคิดอย่างนั้น
“เปิดประตู......เปิด......”พนักงานที่อยู่นอกประตูตะโกนขึ้น
“ไม่นะ......ไม่มมมมมมมมมม” นั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เขาเปล่งออกมา
ทุกคนต่างทำอะไรไม่ถูกตอนนี้สถานการณ์แย่ถึงที่สุด ประตูด้านหน้ามีคนตายเดินได้ ด้านหลังยิ่งไม่สามารถออกไปได้ บางคนถึงกับร้องไห้ให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนร้องโหยหวน บางคนเริ่มอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้ช่วยเหลือ บางคนโทรศัพท์เพื่อขอความช่วยเหลือบางคนถึงขั้น ต่อยตีกันเอง เกิดความอลหม่านขึ้นไปหมด
“ทำไงดี........ทำไงดีวะ......เฮ้ยพูดอะไรมั่งเซ่.........” ท๊อปเริ่มพูดอย่างตกใจจนตะคอกใส่ผม
“..................” ผมไม่สามารถพูดอะไรได้ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“...เฮ้ย......ใจเย็นไว้....เฮ้ยตั้งสติหน่อยเซ่” มันพูดกับผมแต่เหมือนพยายามกล่อมตัวเอง
(ทำไงดี เราควรทำไงดี)รวบรวมความคิดทั้งหมดในชีวิต แต่ให้ตายเถอะในชีวิตผมไม่เคยเจอเหตุการณ์นี้นอกจากในเกม....................ใช่แล้วในเกม.........“ไปชั้นบนเร็ว”
“ไปชั้นบนทำไมวะ” ท๊อปมันถามผมแต่ก็ยังเดินตามมา
“เพราะข้างบน มันมีทางขึ้นน้อยกว่าข้างล่างไงละ”
“แล้ว...มันทำไมละโว้ย” มันตะคอกใส่ผม
“ก็....ถ้าถูกโจมตี เราก็รู้ว่าพวกมันจะมาจากทางไหนไงละโว้ย แล้วมึงหยุดตะโกนด่ากูได้ยังวะ”
มันไม่พูดอะไรได้แต่ พยักหน้า ผมเองก็เริ่มจะสติแตกแล้วเหมือนกัน ตัวห้างนั้นมี แค่ 2 ชั้น และทางขึ้นชั้น 2 มีแค่2 ทางนั้นคือบันไดเลื่อนขึ้น และเลื่อนลง ช่องทางขึ้นก็แคบมาก ทำไห้คนจำนวนมากไม่สามารถขึ้นมาได้ โดยรวมแล้วสำหรับผม มันปลอดภัยกว่า
ในขณะที่ พวกผม กำลังจะเดินเข้าไปในทางเข้า ก็มีเสียงทีวีจากแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าดังขึ้น
“ใน ขณะนี้เรากำลังอยู่ใจกลางสี่แยกนะคะ มีเหตุการณ์ก่อจลาจลและทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงขึ้น” นักสื่อข่าวหญิงที่ปกติจะดูดีอยู่เสมอ แต่วันนี้เธอดูโทรมมากกำลังซ่อนตัวอยู่หลังรถตู้
“โดยมีผู้คนจำนวนมาก กำลังขาดสติและไล่กัดคนอื่นอยู่ในขณะนี้ ตำรวจได้ล้อมพื้นที่ไว้หมดแล้วและตอนนี้กำลังดำเนินการยับยั้.......เดี๋ยวก่อนนะคะ ตำรวจนายหนึ่งกำลังจะถูกกินคะ...........ไม่นะ....ไม่....ปัง......ปัง...........ตอนนี้กำลังตำรวจกำลังระดมยิงช่วยเหลือกันคะ..........แต่มันไม่ได้ผล.....หนีเร็วพวกเรา......หนี”
ภาพตัดไปยังห้องสื่อข่าว มีนักข่าวแก่ๆ 2 คนกำลังคุยกันอยู่
“เมื่อกี้นี่เป็นการถ่ายทอดสดของ ทางเรานะครับ”
“ผมหวังว่าทางทีมงานจะปลอดภัยนะครับ”
“ผมเองก็ เช่นกัน แต่ตอนนี้เราได้รายงานใหม่ล่าสุดมาแล้วนะครับ ดูเหมือนว่าเหตุที่เกิดที่แรกสุดนี่ จะเป็น จุดแสดงหินดำยักษ์กลางแจ้ง ที่นักโบราณวัตถุขุดได้ เร็วๆนี้เองนะครับ”
“โดยที่ข่าวแจ้งมานี่ บอกว่า อยู่ดีๆหญิงชราชาวต่างชาติ ก็เริ่มกัดผู้คนในงาน และคนที่ถูกกัดนั้นก็ไล่กัดคนอื่นต่อ จนเกิดเหตุจลาจลขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้”
“คุณว่านี่ เป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย หรือว่า เชื้อโรคชนิดใหม่ละครับ”
“ผมเอง ก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่หวังว่าเรื่องนี้มันจะจบโดยไว”
“เฮ้ย มันเริ่มชิบหายขึ้นแล้ววะทำไงดีวะ” ท๊อปมันพูดกับผมโดยมือกำลังกดโทรศัพท์มือถืออยู่
“เดี๋ยวกูขอโทรไปเช็คที่บ้านหน่อยนะ” ผมเองก็กำลังคิดจะโทรกลับบ้านเหมือนกัน
“.......ตู๊ด........ตู๊ด........ฮัลโหลแม่หรอ แม่ใจเย็นก่อน...ผมไม่เป็นไรทางนั้นเป็นไรรึป่าว.........ค่อยโล่งอกหน่อย แม่อยู่ที่นั้นไว้นะ ผมจะรีบกลับไป ผมสัญญา พ่อจะดูแลแม่และน้องเอง ผมจะรีบกับไปแค่นี้นะ”
“เอ่อ......ฉันขอยืมมือถือ หน่อยได้ไหมคะ” ผู้หญิงที่พูดกับผมคือพนักงานที่ขายสร้อยคอไห้ผมนะเอง
“ได้......ได้เลยครับ นี่ครับ” ผมยื่นมือถือผมไปที่มืออันสั่นเทาของเธอ
“ขอบคุณคะ....และนี่คะคุณลืมไว้” เธอยื่นกล่องใส่สร้อยคอ ที่ผมลืมหยิบมาไห้ผม ผมได้แต่พยักหน้าเพื่อแทนคำขอบคุณและเธอก็เดินไปคุยโทรศัพท์ ได้เวลาที่ผมทำในสิ่งที่ควรทำซะที
............เอาละได้เวลาปิดทางเข้าออกแล้ว...........
บริเวณชั้น 2 นี้ แผนกส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องใช้ในบ้านเครื่องใช้ไฟฟ้า และของประดับบ้าน แผนกของกิน น้อยกว่าชั้นล่างมากนัก แต่ที่ผมต้องการคือแผนกของใช้ในบ้าน ผมจึงเริ่มเดินหา และทันใดนั้นเอง มีชายแก่อายุประมาณ 60 ปีเข้ามาถามผมโดยที่ด้านหลังของเขา มีกลุ่มคนอยู่กลุ่มหนึ่ง
“ข้างล่างเกิด....เกิดอะไรขึ้นหรือ” เขาพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา
“คุณคงได้ดูทีวีแล้วสินะ” ผมถามเขาพร้อมๆกับเดินไปที่แผนกของใช้ในบ้าน
“อืม.....อย่าบอกนะว่า...มัน....”
“ใช่ มันเกิดขึ้นที่นี้แล้ว ข้างล่างมีพวกมันอยู่และกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง” ผมบอกเขาในขณะที่ผมกำลังสำรวจตู้เสื้อผ้าใบหนึ่งอยู่ มันสูงกว่าผมหน่อยนึง
“แล้ว....เกิดไรขึ้นกับพวกเขารึป่าว....”เขาถาม และดูเหมือนจะงงอยู่ว่าผมทำอะไรอยู่
“ผมไม่รู้และไม่สนใจไอพวกสติแตกพวกนั้นด้วย นี่คุณช่วยอะไรผมหน่อยได้ไหม”
“ได้....ได้...สิ”ดูเหมือนเขาจะกลัวผมอยู่นิดหน่อย
“คุณช่วยบอกกลุ่มคนตรงนั้นไห้มาช่วยผมยก ตู้นี้หน่อยได้ไหม”
“อืม.......”
ซักพักก็มีกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งมาช่วย แต่ที่ผมต้องการคือพวก “วัยรุ่น” ที่มีแรงไม่ใช่ “ชายชรา”อย่างนี้ ใช่ว่าพวกหนุ่มๆ จะไม่มี แต่พวกมันไม่คิดจะช่วย โดยที่ตัวหัวโจกพูดโอ้อวดว่า “ถ้าไอพวก ซอมบี้นั่นมากุ จะฆ่ามันเอง” เฮอะ.....เอาวะใช้เท่าที่มีนี่แหละ ผมได้อธิบายแผนว่า จะใช้ตู้เหล่านี้ปิดช่องทางขึ้นลง ไห้หมดและค่อยรอกำลังช่วยเหลือของตำรวจ นี่เป็นแผนการ เท่าที่ผมจะคิดได้
“แล้วพวกข้างล่างละ เราจะทิ้งเขาอย่างงั้นหรือ” คนถามผมเป็นผู้ชายใส่สูทอายุน่าจะประมาณ 35ปี
“ผมไม่รู้ว่าพวกข้างล่างเป็นยังไงบ้างแล้วตอนนี้ไม่แน่ตายไปหมดแล้วก็ได้”
“แต่เราก็น่าจะลองไปเช็ค ดูก่อนปิดนี่” ผู้หญิงคนหนึ่งถามผม
“ถ้างั้นคุณจะลงไปเช็คไหมละ” พอผมพูดจบทุกคนเงียบทันที ไม่มีใครหรอกอย่างลงไปเสี่ยงตาย ถึงแม้สิ่งที่ผมทำออกจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่ตอนนี้มันคงต้อง “ตัวใครตัวมัน” เท่านั้นถ้าคุณยังอยากมีชีวิตอยู่...........................แต่ ผมละเกลียดๆ สายตาเหล่านั้นจริงๆสายตาที่อ้อนวอน และมองว่าผมเป็นคนที่ควรรับผิดชอบและทำอะไรซักอย่าง สายตาเหล่านั้นมันทำไห้ผมหงุดหงิดๆสุดๆ แม่งเอ้ย
“ก็ได้ นี่คุณพนักงานหญิงครับ คุณนะแหละ” ผมชี้ไปที่พนักงานที่ขายสร้อยคอไห้ผม
“คุณใช้เครื่องประชาสัมพันธ์ ที่เคาร์เตอร์ได้ไหม”
“ค....คะ....ฉันใช้เป็นคะ”
“คุณช่วยไปประชาสัมพันธ์ ไห้พวกข้างล่างรีบขึ้นมาข้างบนเลยนะ”เธอพยักหน้า
“เอ่อ เรียกฉันว่า สา ก็ได้คะ” แล้วเธอก็เดินไปที่เคาร์เตอร์ประชาสัมพันธ์
“ผมอยากไห้พวกคุณแบ่งเป็น 2 กลุ่ม แบกตู้ไปที่ทางบันไดเลื่อนขึ้นลง”
“แล้ว.....เธอจะทำอะไรละ”ชายแก่คนหนึ่งถามผม
“ผม...ก็จะไปทำสิ่งที่ไม่ต้องทำตั้งแต่แรกไงละ”ผมพูดอย่างหงุดหงิด ถ้าไม่ต้องช่วยพวกข้างล่างผมก็คงไม่ต้องไปทำสิ่งนี้
“เฮ้ย.....ท๊อปตามกุมา”
“แล้วมึงจะไปทำอะไรกันแน่ละวะ” ไอท๊อปถามผมอย่าง งงๆ
“อาวุธ!”
สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ จากเกม Biohazard outbreak คือคุณสามารถสร้างอาวุธชั้นเยี่ยมได้จากทุกอย่างรอบตัวคุณ ขอเพียงคุณคิดไห้กว้างพอ ผมบอกให้ ท๊อปไปเอาไม้ถูพื้นมา แล้วไปเจอผมที่แผนก มีดทำครัว ส่วนผมก็ไปที่แผนก เครื่องเขียนเพื่อหาเทปกาว แต่ยิ่งทำสิ่งนี้ผมก็ยิ่งหงุดหงิด
พอไปถึงที่แผนก มีดทำครัว ไอท๊อปก็รออยู่แล้ว ในมือมันมีไม้ถูพื้น 2 อัน
“เฮ้ยกุไม่รู้ว่ามึงอยากได้แบบไม้หรือแบบเหล็กนะเลยเอามา 2 อัน” ผมหยิบเอาอันที่เป็นไม้มา
.....ตึง....ตึง....
“เฮ้ยมึงเอาไปฟาดอย่างงั้นทำไมวะ” มันพูดอย่างตกใจเพราะผมกำลังไช้หัวไม้นั้นพาดพื้นอย่างแรง
.........พลั้ก.......... มันหักแล้ว
“เอาไปแล้วนี่เทปกาว หามีดด้าม โตๆๆแล้วเอาไปพันตรงปลายซะ” ผมบอกมันแล้วก็หยิบอีกอันหนึ่งที่เป็นเหล็กมา ผมถอดตรงปลายออก และหยิบมีดทำครัว จากชั้นมาเล่มหนึ่ง พันกับเทปกาวติดไว้ตรงปลายไม้ ตอนนี้ผมก็มี หอก แล้ว
“เออ มึงหงุดหงิดอะไรนักหนาวะตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” ท๊อปมันถามผมในขณะที่มันพันมีดติดกับไม้ถูพื้นอยู่
“เพราะกูต้องช่วยพวกข้างล่างยังไงละ หาเหาไส่หัวชัดๆ”
“เฮ้ยมันจะเป็นอย่างงั้นได้ไงวะ ปกติมึงไม่ไช่คนอย่างงี้นี่”
“มึงก็เห็นไช่ไหม ที่พนักงานกับคนแก่นั้นกลายเป็น ซอมบี้นะ”ผมหันหน้าไปพูดกับมัน
“อ....อืม...แล้วมันเกี่ยวไรกับช่วยคนข้างล่างด้วยวะ”
“สายตาของพวกนั้นนะ มันสัตว์ป่า มันไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว”
“..............”ท๊อปนิ่งเงียบและตั้งใจฟังผม
“แล้วในสายตาของพวกมัน พวกเราคือ อาหาร”
“แล้ว..........”มันถามผม
“พวก มันก็ต้องตามคนข้างล่างขึ้นมานะสิ เพื่อหาอาหาร กิน ยังไงละ”
“............อึ้ก.........”มันกลืนน้ำลายอย่างแรงเพราะมันก็พึ่งคิดได้เหมือนกันว่าที่ผมพูดมัน ถูกต้อง
“คงไม่เป็นไรหรอกมั่ง ถ้าไอ้พวกนั้นตามมา อย่างน้อยเราก็มีอาวุธ นี้ไง”มันพูดเหมือนปลอบใจตัวเอง
“ถ้างั้น มึงเคยแทงใครจริงๆรึป่าวละ” ผมถามมัน ท๊อปมันอึ้งไปซักพัก
“จะ...จะไปเคยที่ไหนเล่า มึงก็รู้ไม่ใช่รึ”
“แล้วครั้งนี้ มึงกล้าใช้ หองในมือมึงแทงพวกซอมบี้นั้นรึป่าวละ”
“..........กล้า....สสิ...........”
“ทั้งๆที่มึงรู้ว่าพวกนั้น เคย เป็นมนุษย์มาก่อน” ผมถามจนมันอึ้งไปซักพัก
“.........แล้วมึงกล้าแทงรึป่าวละ” มันถามผมกลับ
“...............ไม่รู้เหมือนกัน............”
มันเหมือนพยายามจะพูดอะไรซักอย่าง แต่มันก็ไม่พูดออกมาสงสัยมันก็คงรู้แล้วว่าผม ก็กลัวไม่ต่างจากมัน ผมกับมันคบกันมานานเราต่างรู้นิสัยของกันและกันดี
“...............ไปเถอะ........เรามีงานต้องทำ..........”
“ถึงผู้รอดชีวิตที่ชั้นล่างทุกท่าน โปรดรีบขึ้นมาชั้นบนด้วยเพราะเราจะทำการปิดกั้นทางขึ้นลง”
เสียงพนักงานดังขึ้นอีกครั้ง
ผมกลับท๊อปแยกกัน ผมไห้ ท๊อปไปที่บันไดเลื่อน ขึ้นของห้าง ส่วนตัวผมไปที่บันไดเลื่อนลง ที่ทำอย่างนี้เพราะเรามีอาวุธเพียงคนละอันเท่านั้น พอผมไปถึงทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ได้ วางไว้ข้างบันได พร้อมที่จะปิดทางทุกเวลา
“นั้น อะไรในมือคุณนะ”ผู้ชายที่ใส่สูทถามผม
“หอกนะ” ผมตอบห้วนๆ
“แล้ว....มันเอามาใช้ทำไมหรอ” เขาถามแบบกึ่งสงสัยกึ่งกลัว
“เดี๋ยวคุณก็ได้รู้เอง”
“เอ่อผมขอถามอีกข้อนะ คุณไปเรียนวิธีทำมันมาจากไหนนะ”
“ใน เกม”พอผมพูดจบ ทุกคนตรงนั้น หันมาหาผมแทบจะพร้อมกัน แบบงงๆ
“ดูนั้น.......มีคนมาแล้ว” ผมชี้ไปที่เชิงบันไดชั้นล่าง มีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามวิ่งขึ้นมา และทันไดนั้นเองก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งตาม
“ช่วยด้วย...........” เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังระงมไปหมด และทันไดนั้นเอง...
“มัน....มัน...มาแล้ว นั้นไง”เสียงชายแก่ ที่เข้ามาคุยกับผมคนแรกดังขึ้น
“คุณ..พระ.....ช่วย” ที่ผมอุทานนออกมาไม่ใช่เพราะพวก ซอมบี้นั้น แต่เป็นเพราะ ภาพที่ผู้คนพยายามจะตะกุยขึ้นมาชั้นบนนี้ มันช่าง เห็นแก่ตัว พวกผู้ชายวิ่งขึ้นมาโดยไม่สนใจว่าตัวเองจะต้องเหยียบ ย่ำใครบ้างทิ้งคนแก่กับผู้หญิงไว้ข้างหลัง แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมตกใจที่สุด พวกมันมีมากขึ้น แม้กระทั่งเด็กก็กลายเป็นพวกมันผมพึ่งตระหนักได้ว่าในตอนที่พวกผมกำลังทำตามแผนอยู่นั้นพวก มันก็มีจำนวนเพิ่มขึ้น
“ขึ้นมาเร็ว ใครที่อยู่ตรงข้างหน้า ช่วยดึงพวกนั้นขึ้นมาด้วย”
“เรา...เราทำอะไรได้บ้าง” ผู้ชายใส่สูทถามผม
“ไปเอาสายยางมา”
“..................อ๊าก.............”
คนแก่ที่รั้งท้ายสุด กำลังถูกพวก ผีดิบ นั้นกินความอลหม่านยิ่งทวีคูนขึ้น
“.............อ๊าก.............” เสียงดังมาจากบันไดอีกทางหนึ่ง มันเป็นเสียงของ ท๊อป
ทางฝากนั้นก็คงแย่พอกัน แล้วผู้ชายคนหนึ่ง ก็ถือสายยางมาไห้ผม ผมจึงรีบโยนลงไปไห้พวกที่พยายามวิ่งขึ้นและไห้ผู้ชายที่อยู่ดานบนจับตรงปลายไว้
“ดึง” ผมตะโกน และทันไดนั้นเองผมเห็น ----------เลือด----------- ในกลุ่มพวกที่เดินขึ้นมามีคนโดนกัด ร่างของเขาเริ่มกระตุก ทันใดนั้นเองผมก็เห็น ตาของเขากลายเป็นสีแดง ความชุลมุนเริ่มเพิ่มขึ้น มีเสียงกรีดร้องดังกันระงม ผมควรที่จะใช้หอกนั้นแทงออกไป แต่........
..............ผมกลัว........... มือผมสั่นไปหมด เหงื่อออกท่วมตัว ตาผมเริ่มลาย ผมพยายามข่มใจตัวเองไห้กล้าเข้าไว้........เขาตายแล้ว.........เขาตายแล้ว......... ทันใดนั้นเองทุกอย่างที่ผมเห็นช้าลง เสียงรอบกายเงียบไป
---------------ฉึก----------------
...........ผมแทง...แทงเข้าไปแล้วที่หน้าอกของชายแก่คนนั้น..มันเหมือนผมแทงเข้าไปในแอปเปิ้ล........
...........สิ่งที่ผมรู้สึกนั้นไม่ใช่ความกลัว แต่มันรู้สึกขยะแขยงที่มือปลายมีดนั้นผมรู้สึกได้ถึงอะไรที่มันแข็ง มันคงเป็นกระดูกและมันก็มีแรงดูดเข้าไป ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพราะกล้ามเนื้อที่หน้าอกนั้นกำลังเกร็ง ใช่ผมแทงเข้าไปที่หน้าอกของชายคนนั้น เข้าที่หัวใจเลือดเริ่มใหลย้อยมาตามปลายมีด ชายแก่คนนั้นหยุดชะงักลงทันที เขาค่อยๆทรุดลงไปที่พื้นและเขาก็ไม่ขยับอีกเลย ผมจำได้ดี ในช่วงเวลานั้นมันช่างช้าเหลือเกินประสาทสัมผัสของผมมันกำลังทำงานเต็มที่............
และทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ..... “มันมากันแล้ว......รีบแทงเร็วเข้า”
“อึ๊บ.....ออกสิว้อย!!!” หอกของผมมันติดหนึบอยู่กับอกชายคนนั้น
“ออกมาเซ่........” ผมดึงอย่างแรงจนตัวเองเกือบล้ม ในที่สุดมันก็ออกเลือดพุ่งกระเด็นออกมาอย่างกับสายยางรั่วอย่างที่มีคนเคยพูดไว้ว่า ครั้งแรก เป็นครั้งที่ยากที่สุด พอเราทำไปแล้วครั้งต่อๆไปก็จะง่ายขึ้น ผมว่าเขาพูดถูก
...............ฉึก...............ตายซะไอ้เหี้ยเอ้ย.......
ครั้งนี้ผมแทงอย่างแม่นยำ ปราศจากความกลัว ผมแทงเข้าไปที่คอของชายอีกคนหนึ่งที่กำลังจะกัดผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า คงคิดว่าทำไมผมถึงแทงเข้าไปที่จุดอับนั้น
เพราะว่ามันง่ายและไม่มีกระดูกยังไงละ
และเพราะผมอยู่ที่สูงและราบเอียงตรงส่วนนั้นจึงเปิดกว้างและแทงง่ายเนื่องจากพวกที่อยู่ข้างล่างต้องแหงนคอขึ้นมา ผู้คนทยอยกันขึ้นมาเยอะขึ้น พร้อมๆกับที่พวกซอมบี้นั้นฆ่าคนที่รั้งท้ายไปทีละคน ถ้าเป็นปกติ ผมคงอ้วกกับภาพที่เป็นไปแล้ว ขนาดเขาฆ่าไก่กันสดๆผมยังไม่กล้ามอง แต่นี้มันการกินเนื้อมนุษย์สดๆ แต่ผมต้องอดกลั้นและตั้งสติเอาไว้ ผมจะต้องช่วยพวกเขาไห้มากที่สุด
..........ช่วยด้วย........
ยัยงั่งเอ้ย มีผู้หญิงคนหนึ่งสดุดล้มซากศพที่เกลื่อนอยู่ตรงพื้นและเธอกำลังรั้งท้ายอยู่ด้วย “ลุกขึ้นเร็ว” ผู้คนข้างบนช่วยกันตะโกนไห้ยัยงั่งนั้นลุกขึ้น
“ช่วยด้วย ....ขาฉัน......ขาฉันมันขยับไม่ได้..ช่วยฉันด้วย....” แต่ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเธอไม่แม้แต่จะเหลียวหลังไปมองเขารีบปีนขึ้นมาและทิ้งผู้หญิงคนนั้น ไว้เป็นเหยื่อล่อ ในขณะที่บันใดค่อยๆเลื่อนลงไปข้างล่างมันเหมือนกับว่ากำลังส่งเธอลงไปยังขุมนรก
“ ส่งสายยางนั้นมา”ผมสั่งคนไส่สูทที่อยู่ข้างๆ
“หา....หา......”
“กูบอกไห้ส่งสายยางนั้นมาไง เล่าโว้ย”
“อืม......” เขาหยิบมาไห้ผม
“ฟังไห้ดีนะ ผมจะเดินลงไปไม่ว่ายังไงก็ห้ามปล่อยเด็ดขาด พอผู้หญิงนั้นจับได้แล้วก็ดึงเลยเข้าไจไหม”
“อะ.......อืม....เข้าใจแล้ว”
“เอาละวะ” ผมม้วนสายยางนั้นเป็นวงไว้รอบมือเพื่อจับไห้แน่นขึ้น
คุณคงสงสัยว่าทำไมผมต้องทำ ทำไมผู้ชายที่บอกไห้ทิ้งคนข้างล่างไว้จะต้องเสี่ยงตายเพื่อผู้หญิงที่ไม่รู้จักคนหนึ่ง ผมจะบอกไห้ว่าทำไม
..........เพราะถ้าผมไม่ทำ.....แล้วใครมันจะทำละ(วะ)............
สิ่งที่ผมจะทำต่อไปนี้คือสิ่งที่โง่ที่สุดในโลก และในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้
......ผมกำลังสี่ยงตายเพื่อคนทีไม่รู้จัก และพอเวลาผ่านไปมันก็จะถูกลืม......
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นไม่มีหยุด เสียงกรีดร้อง ที่เหมือนจะเหือดแห้งลงทุกขณะก็ยังคงถูกเปล่งออกมาด้วยแรงกายทั้งชีวิต ในมือของผมมีเพียงไม้ถูพู้นที่มีมีดปักตรงปลาย ที่เต็มไปด้วยเลือดและเศษเนื้อ ในขณะที่เบื้องหน้าของผมนั้น มี ผู้หญิงคนหนึ่งที่คั้นกลางระหว่างคนเป็นและคนตาย และผมก็กำลังจะเอื้อมมืออันอ่อนแรงไปฉุดผู้หญิงคนนั้นออกมาจาก “ความตาย” เบื้องหน้านั้น
“ส่งมือมา!!!!” ผมตะโกนสุดเสียง ผู้หญิงคนนั้นพยายามเงื้อมมือมาสุดแขน แต่
“มันไม่ถึง.......ช่วย..ว้าย” เหล่าคนตายเบื้องล่างคืบคลานจะถึงตัวเธอแล้ว
“ขยับขึ้นมา.....เร็วเข้า” ผมตะโกนเพื่อไห้เธอได้สติอีกครั้ง และมันได้ผลเธอพยายามคลานขึ้นมาเรื่อยๆๆไกล้แล้ว อีกนิด.......อีกนิด ในที่สุด........
“ได้แล้ว............” ผมคว้ามือเธอได้แล้ว
“ดึง............” ผมตะโกนสุดเสียงไห้คนที่ถือสายยางดึงผมขึ้นไปพร้อมๆๆกับเธอ แต่ ผมรู้สึกถึงแรงดึง.........มันไม่ได้มาจากข้างหลังผม............มันมาจากมือของผู้หญิงคนนั้น
“ไม่.............ช่วยด้วย......ช่วยฉันด้วย!!!” มันจับขาเธอได้
“อย่าปล่อยนะ........” ผมจับเธอไว้แน่น แต่แรงดึงนั้นมันมากขึ้น ทั้งจากด้านบนละด้านล่าง ร่างกายผมเหมือนจะฉีกออกเป็นสองเสี่ยง
“อย่า....ปล่อย..มือนะ...........”ผมตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
“..........ช่วยด้วย.............”..............ครืด................. กรี๊ด..............ไม่มมมมมมมมมมมม
มันสายไปแล้ว.......ผมได้เห็น.....เห็นทุกอย่าง........มันฉุดเธอลงไป..........มันกัดเธอเป็นชิ้น.........เลือดออกมาทั่วร่างกายเธอ...........สายตาเธอมองมาที่ผม...........เธอขยับริมฝีปากพยายามกล่าวอะไรสักอย่าง........ถึงมันจะไร้เสียงแต่.....ผมรู้ดีว่าเธอพยายามจะพูดสิ่งได.................ช่วยด้วย...........
“ไม่มมมมมมมมมมมมมมมมมมม” ผมแผดร้องสุดเสียง แต่ไร้ผล ร่างผมถึกดึงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่เธอได้ดำดิ่งสู่ความตาย
.......................ตึง!...........................
...............และหน้าทางขึ้นบันใดเลื่อนได้ถูกปิดลง...........
..............................................................
2 ชั่วโมงต่อมา
.
เหตุการณ์ได้ยุติไปซักพักแล้วผู้คนเริ่มใจเย็นลง และเริ่มจับกลุ่มกัน บางคนคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น บางคนเริ่มทำความรู้จักกัน แต่บางคนก็ไม่อาจจะลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ รวมถึงเด็กหนุ่มผู้ที่ดูเหมือนจะช่วยผู้คนไว้ด้วยเช่นกัน เขาไม่อาจทำใจ ลืมเหตุการณ์นั้นได้ เลือดยังคงเปื้อนมือและเสื้อผ้าของเขา รวมทั้งภาพของผู้หญิงคนนั้น
“เฮ้ย เอาอีกซักขวดมะ ฮ่าๆๆเอิ่ก” ท๊อปเพื่อนของเด็กหนุ่มซึ่งมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่ เอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบงัน พร้อมทั้งยื่นขวดเบียร์ไห้เด็กหนุ่ม ทั้งสองเลือกที่จะแยกตัวออกจากกลุ่มและมานั่งที่แผนกเครื่องดื่ม
“ก็ดี........”เด็กหนุ่มรับเบียร์ขวดนั้นมาและดื่มเข้าไปหลาย อึกจนขวดที่เต็มนั้น เหลือแค่ครึ่งขวด เขาหวังว่าเบียร์ขวดนี้จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในใจไปได้บ้างแต่มันกลับไม่ช่วยอะไรเลย นอกจากทำไห้เขารู้สึกปวดหัวเท่านั้นเอง
“ไม่ใช่ความผิดมึงหรอกนะ......เก่ง” ท๊อปพยายามพูดเพื่อปลอบใจเพื่อนของตนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้ดีว่าในสถานการณ์นั้นเก่งได้ทำดีที่สุดแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่าเพื่อนเขาเป็นยังไง เพื่อนเขาเป็นคนปล่อยวางไม่เป็น
“ดีที่สุดแล้ว..........ดีที่สุดแล้วงั้นรึ..........มึงรู้ไม่ว่ามันเลวร้ายแค่ไหน......มันรู้สึกยังไง..........ถ้าตอนนั้นกูตัดสินใจไห้เร็วกว่านี้......ถ้าตอนนั้นกูดึงไห้แรงกว่านี้......ถ้ากุไปเร็วกว่านี้.....ฮึก...เธอคนนั้น......เธอคนนั้นคงไม่ตายหรอก........มึงจะรู้อะไร....ฮือ” เก่งเริ่มร้องไห้เพราะเจ็บใจที่ตนเองนั้นอ่อนแอ
“อึกๆ.....ฮ่า.....รู้สิกูรู้ว่ามันรู้สึกยังไง.....” ที่ท๊อปพูดนั้นไม่ใช่เพราะพยายามแก้ตัวหรือปลอบใจเก่ง แต่เพราะอีกฝากหนึ่งก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันเกิดขึ้น เพียงแต่เขายอมรับมันและมันไม่สามารถแก้ไขได้แล้วเท่านั้น
“กู.....ขอโทษ....ที่ว่ามึงยังงั้น.....” เก่งก็เริ่มรู้ตัวว่า แต่ละคนต่างเจอเรื่องเลวร้ายเพียงแต่มีวิธีรับมือกับมันต่างกันไป
“ไม่เป็นไร.......กูไม่ถือคนเมาหร็อก....อิๆๆ”
“ฮึๆๆๆ.....ฮ่าๆๆๆ....ที่จริงกุก็เริ่มเมาแล้วละ....อิๆๆ” เก่งพูดอย่างร่าเริงแต่มันก็เป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น แต่จิตใจเขาดีขึ้นมากกว่าเดิมพอได้ระบายมันออกมา
“เอ่อ.....ขอโทษนะคะ.....”
“เอ๊ะ.....คุณสานี่นา เอาสักขวดไหมครับ” ท๊อปพูดพร้อมยื่นเบียร์ในมือไห้หญิงสาว
“ขอบคุณคะ” เธอรับมาและนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเขาทั้งสอง
“ว่าแต่พวกคุณบรรลุนิติภาวะ...แล้วหรอคะ” สาถามอย่างฉงนเพราะเครื่องแบบของชายทั้งสองนั้นยังเป็นชุดเด็ก ม.ปลายเท่านั้นเอง
“ฮะ...ฮ่าๆๆๆ....มันก็จริงนะ แต่ไม่มีใครมาสนใจเรื่องพรรค์นั้นในตอนนี้หรอกครับ”ท๊อปกล่าว
“นั้น....สินะคะ”
“แล้ว.....คุณมาหาพวกเราทำไมหรอครับ” เก่งพูดออกไปอย่างเย็นชาเพราะทุกคนที่มาหาเขามัก”ต้องการ”อะไรซักอย่างเสมอ
“เฮ้ย....อย่าพูดอย่างงั้นดิวะเก่ง โทษนะครับเพื่อนผมมันเมาแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอกคะ.....คือว่า.....”
“................”เด็กหนุ่มทั้งสองรอฟังคำตอบของหญิงสาว
“คุณ ทำดีที่สุดแล้ว และทุกคนรู้สึกขอบคุณที่พวกคุณช่วยเราไว้ ขอบคุณมากๆคะ”และเธอก็เดินจากไปทิ้งไว้แต่ความฉงนกับคำพูดเหล่านั้นและหน้าแดงระเรื่อของเธอ
“เธอเป็นคนดีใช้ได้นะ” เก่งกล่าวเพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนขอบคุณในสิ่งที่เขาทำ
“แต่...กุว่า...เธอชอบมึงวะ” ท๊อปกล่าว
“เฮ้ย........บะ.....บ้า....ป่าว”
“ถึงกุบ้า....ก็ไม่โง่เหมือนใครบางคนละวะ”
“พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่อง”
...............................................................................................................
“ กลัว.........ฉันกลัวเหลือเกิน........ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย.........ฮือ......ฮือ.......มันมืดเหลือเกิน”เด็กหนุ่มยืดอยู่เพียงลำพังนความมืดมิด เขาไม่อาจมองเห็นสิ้งไดได้นอกจากตัวเอง
“ที่นี่มันที่ไหน.......พ่อ.........แม่....ท๊อป....มีใครได้ยินบ้างไหม......ฮึก......ฮึกฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”
“ช่....ว....ย.....ด้ว.....ย”มีเสียงของหญิงสาวดังขึ้นในความมือ มันเบามากเหมือนเสียงกระชิบ เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งและขาดช่วงเหมือนกำลังจะขาดใจ
“ใครนะ.....ออกมานะ....ใคร..ออกมาสิโว้ย” และทันใดนั้นเองเขารู้สึกถึงความเย็นที่ข้อเท้าของเขา มันเหมือนมีใครมาจับมันไว้ เขารู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง เสียงนั้นยังคงดังก้อง และพอเขาหัดไปมองดูที่ขาตนเอง
ช่ว....ย....ด้วย....
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” มันเป็นใบหน้าของหญิงสาวเลือดเปรอะเต็มตัวเธอไปหมด เนื้อบางส่วนของเธอขาดหายไป พอเขาได้มองลงไปท่อนร่างของเธอเขายิ่งตกใจกับสิ่งที่เก็น เพราะมันไม่มี ท่อนล่างของเธอขาดหายไป มีเพียงแค่ไส้ที่ไหลออกมาเพราะไม่มีร่างกายห่อหุ้ม
“ปล่อยนะยัยบ้า...ปล่อยสิโว้ย” ผลั้ก...ผลั้ก เขาพยายามใช้ขาอีกข้างแตะเข้าไปที่หน้าของผู้หญิงคนนั้นเพื่อไห้เธอปล่อยขาของเขาแต่มันไร้ผล
ทำไม..........ทำไม........ถึงไม่ช่วยฉัน
“ปล่อยฉันไป.......ฮึก........ฮึก....ปล่อยฉันไปเถอะ.....ฉันขอโทษ”เด็กหนุ่มร่างกายสั่นเทิ้มไปหมด เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงเหมือนมือนั้นกำลังดูดกลืนชีวิตของเขา
“.....ทำไม......เธอ.......ถึงปล่อยไห้ฉันตาย.......ทำไม....” มือนั้นค่อยๆ ไต่ขึ้นมาบนตัวของเขา เขาไม่สามารถทำอะไรได้ แม้แต่จะปิดตาเขาก็ไม่สามารถทำได้ เขาค่อยๆเห็นเธอคืบคลานมาถึงตัวของเขา มือและร่ายกายนั้นช่างเย็นเฉียบ ไส้เหล่านั้นช่าง น่ารังเกียจและเหนอะหนะ ในที่สุดใบหน้านั้นก็มาถึงหน้าของเขา มันเป็นใบหน้าที่เขาเคยเห็นมาก่อนมันเป็นใบหน้าของหญิงสาวที่เขาไม่อาจช่วยไว้ได้นั้นเอง
“.......ทำไม.....ทำไม.....ถึงไม่ช่วยฉัน.......ทำไม”
“ขอโทษ.........ขอโทษ......”เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ ทำได้แค่พูดและหลั่งน้ำตา มือของหญิงสาวนั้นลูบผ่านหัวของเขา เขารู้สึกได้ถึงเลือดที่เต็มมือคู่นั้นมันค่อยๆไหลรินมาถึงใบหน้าเขามือนั้นค่อยๆลูบผ่านแก้มเขา
.........อึก.......อ็อก....อ็อก....... มือนั้นกำลังบีบคอเขา
“ถ้างั้น.........เราก็ตายไปด้วยกันเถอะ” เขาพยายามขยับตัวแต่ทำไม่ได้
“ป......ล่อ.......ย.....”เขาพยายามตะโกนแต่เสียงมันไม่สามารถออกมาได้ ร่างกายเขาเริ่มกระตุก เพราะความกลัวและขาดอากาสหายใจ ทันไดนั้นเองมืออีกจำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากพื้น มันจับร่างกายแต่ละส่วนของเขา และฉีกกระชาก
.............อึก.......อะ.......อ.................
............กร๊อบ..........
........................................................................................
“ตื่น.......ตื่นเร็ว.........”
“......................”
“ตื่นเซ่.......เก่ง”
....เฮือก........
“ช่วยด้วย.........เฮ้อ....เฮ้อ”
“เป็นไรป่าววะ...เก่ง.....มึงหน้าซีดเชียว”ท๊อปถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเพื่อนเขาหน้าซีดเผือกเหงื่อเต็มตัว ร่างกายสั่นไปหมด
เก่งไม่ได้กล่าวตอบอะไรแต่ก็ส่ายหน้าเพื่อบอกว่าตนเองนั้นไม่เป็นไร ที่แท้สิ่งที่เขาเห็นและรู้สึกนั้นเป็นเพียงแค่ฝันร้าย แต่มันช่างเหมือนจริง
“มี......มีอะไรหรอ...” เก่งถามท๊อปเพราะเขาสังเกตว่าหน้าตาเพื่อนเขาดูลุกลน
“กุก็ไม่รู้เหมือนกัน........อยู่ดีๆก็มีเสียงกรี๊ดดังมาจากทางนั้น” ท๊อปชี้ไปที่แผนก ของกินซึ่งที่นั้นเป็นที่ๆมีคนรวมกัน
“หรือว่าพวก มันพังเข้ามา”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ เพราะกุไม่ได้ยินเสียงอะไรแตก หรือหักเลย” และทันใดนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งผ่านพวกเขาไปเขาวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเหมือนพยายามหนีอะไรซักอย่าง ทั้งสองไม่ต้องพูดอะไรก็รู้ได้ทันทีว่า มันต้องมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นแน่ๆ
พวกเขารีบวิ่งมาที่แผนกของกินอย่างเร็วที่สุด แต่ที่นั้นผู้คนกับหายไปหมด มีเพียงแค่คน 2 คน
เป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกินผู้ชายอีกคนหนึ่ง
“เหี้ยแล้วไง” ท๊อปพูดไม่ทันจบเหมือน ผู้หญิงคนนั้นจะได้ยิน เธอหันมามองเขาทันทัน ปากของเธอเต็มไปด้วยเลือดฟันของเธอยังมีเศษเนื้อของชายคนนั้นติดอยู่ แต่ไม่ใช่แค่ปากของเธอเท่านั้นที่แดงก่ำ ตาของเธอก็เช่นกัน เธอกลายเป็นพวกนั้นไปแล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะชอบกินคนเป็นๆ
“เฮ้ยกู.....กูเคยดูในหนังนะเว้ยไอพวกเนี่ยมันวิ่งไม่เร็วหรอก”แต่ดูเหมือนว่าเธอจะพุ่งเข้ามาหาชายทั้ง 2 อย่างรวดเร็ว
“หลบ......” เก่งผลักเพื่อนของตนอย่างแรง แต่นั้นก็ช่วยไม่ไห้เพื่อนเขาถูกกัด ทันไดนั้นเองผีดิบตัวนั้นหันมามองเก่งทันที ตาของทั้ง 2 ประสานกัน มันทำไห้เด็กหนุ่มนึกถึงความฝันของตนเองสายตานั้นมันช่างเหมือนกันเหลือเกิน
“แยกกันไป......”พูดไม่ทันจบเด็กหนุ่มวิ่งสุดชีวิต ทิ้งเพื่อนของตนทันที แต่โชคดีของท๊อป ที่ซอมบี้ตัวนั้นวิ่งตามเพื่อนของตนไปแต่เขาก็ไม่อาจจะนิ่งนอนใจได้เพราะชายที่ถูกกัดเขากำลังจะลุกขึ้น ท๊อปรีบวิ่งไปอีกทางทันที
“แฮก.......แฮก......”เขาหายใจหอบอย่างแรง มันตามเขามาติดๆ เขารีบคิดว่าควรทำอย่างไรดี
จะด้วยโชคช่วยหรือเพราะความเฟาะฟะของเด็กหนุ่มก็ตามเขาพึ่งนึกได้ว่าตอนนี้เขามีอาวุธชิ้นหนึ่งที่พอใช้ได้อยู่นั้นคือ ขวดเบียร์ในมือของเขา ไม่ทันต้องคิดซ้ำสอง
..............เพล้ง......... เขาหันตัวกลับฟาดไปที่หัวของซอมบี้ตัวนั้น จนมันล้มลงเหล้าในขวดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณนั้น ซอมบี้ตัวนั้นร้องเสียงหลง
..............ฉึก.........เด็กหนุ่มไม่รอไห้โอกาสหลุดลอยไปเขารีบใช้ขวดที่แตกในมือแทงซ้ำไปที่หน้าอกของซอมบี้ตัวนั้น จนเสียงร้องของมันหยุดลงเขาแน่ใจว่ามันคงตายไปแล้ว แต่....
“อ๊อก......”มันบีบคอของเด็กหนุ่มอย่างแรง และพยายามดึงเข้าไปที่ปากของมัน มันพยายามจะกัดเขา แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มตกใจคือภาพที่เห็นมันช่างเหมือนในฝันของเขาเหลือเกิน เขารีบปล่อยมือที่ขวดไปจับคอของซอมบี้ตัวนั้นเขารู้สึกได้ถึงแรงของมัน มันช่างมากมายเหลือเกิน เขารีบใช้มืออีกข้างต่อยไปที่หน้าของมัน แต่มันกลับไร้ผล แรงของเขาเริ่มน้อยลงทุกที หน้าของซอมบี้ตัวนั้นใกล้คอของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“เฮ้ยฝากไว้ที่มึงละกัน........กุกะจะเลิกมันแล้ว” (ใช่แล้ว)
เด็กหนุ่มเริ่ม ใช้มือข้างซ้ายที่เหลืออยู่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตนเอง และเขาก็ควักมันออกมา
......แซ็ก.......แซ็ก...พรึบ........................กรี๊ด.............
ซอมบี้ตัวนั้นร้องลั่น หน้าของมันลุกไหม้อย่างรวดเร็วเพราะ แอลกอฮอล์ จากเบียร์ และไฟจากไฟแช็คของเขา หน้าของซอมบี้เริ่มกลายเป็นสีดำ ผมของมันเริ่มลุกไหม้ เด็กหนุ่มเริ่มเห็นเส้นเลือดที่อยู่ไต้ผิวหนังนั้น กลิ่นและภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นทำไห้เขาแทบอ้วก แต่สิ่งที่ทำไห้เขามีสติอยู่คือความเจ็บปวด ที่มือของเขา มันโดนไฟที่หน้าของซอมบี้ตัวนั้น
“ว้าก.........ว้าก......” ถ้าเป็นสถานการณ์ทั่วไปเขาคงปล่อยมือไปแล้วแต่เขาปล่อยไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าเข้ามากัดเขาแน่นอน เขาเจ็บจนแทบหมดสติแต่ที่ประคองสติเขาอยู่คงเป็นสารอดรีนาลีนที่เกิดขึ้นเพราะความตื่นเต้นและกลัวตายของเขานั้นเอง
ควันไหม้ลอยขึ้นมากระทบหน้าของเด็กหนุ่มเขาได้กลิ่นเนื้อของซอมบี้ตัวนั้นกำลังไหม้ไปพร้อมๆกับมือของเขา
และมือที่บีบคอเขาอยู่ก็ปล่อยออก
“โว้ยยยยยยยย..........เจ็บโว้ยยยยยยยย........อ้าก......”เด็กหนุ่มร้องลั่นกับความเจ็บปวดที่มือความเจ็บปวดนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา และทันไดนั้นเองเขาก็
“อ้วก....อ้อก...อุ.....อ้อก.......แฮกๆ” เขาอ้วกออกมาเต็มพื้นไปหมด ทั้งความเจ็บปวดที่มือ และความสะอิดสะเอียนกับภาพที่เห็นมันแทบทำไห้เขาสลบ
แต่เขาก็ยังคงฝืนทนต่อ เพราะยังมีคนต้องการเขาอยู่ เขาต้องไปหาเพื่อนของเขา
......ไอ้ท๊อป.........
เขาค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมา เลือดไหลออกมาจากมือของเขาไม่หยุด แต่มันก็ไม่เยอะมาก ที่จริงเขาจะสลบไปเลยก็ได้ แต่เขาดันไปเห็นว่าผู้ชายที่โดนกินนั้นมันเริ่มขยับก่อนที่เขาจะวิ่งหนีออกมา ตอนนี้เพื่อนของเขาคงวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเป็นแน่ เขาหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น
“อย่าพึ่งตายนะเว้ย......ไอ้ท๊อป...แฮกๆ”
............................................................................
.........แฮก...........แฮก........หยุดตามมาซะทีสิว้อย...........ทุกคนหายไปไหนหมดวะ........
เด็กหนุ่มวิ่งไปตะโกนด่าไป เพราะไอตัวข้างหลังเขานั้นวิ่งตามมาติดๆ เขาไม่สามารถคิดหาวิธีการอะไรได้ทั้งสิ้นเพราะแค่วิ่งก็ทำไห้เขา แทบขาดใจตายแล้ว
“รู้งี้เลิกบุหรี่ตั้งนานแล้ว” เขาเริ่มด่าตนเองและเหมือนพระเจ้าลงโทษ
.........ตึง......โอ๊ย........ ขาของเขามันแข็งไม่สามารถขยับได้
“โว้ย...........มาเป็นตะคริวอะไรตอนนี้ละโว้ย.......”เขาหงายหน้าขึ้น และตอนนั้นเองมันกระโจนมาตะครุบเขา ยังดีที่เขาไช้แขนยันคอมันไว้ได้
“แฮ่......”มันพยายามจะกัดเขาเต็มที่มันอ้าปากกว้างจนน้ำลายไหลย้อยมาโดนหน้าของเด็กหนุ่ม
“ช่วยด้วย.......ใครก็ได้ช่วยด้วย”เด็กหนุ่มตะโกนลั่น เพื่อขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาทั้งสิ้น นี่หรือคือผลตอบแทนจากการเขาช่วยพวกนั้นไว้ เขาคิด
หน้าของมันใกล้เข้ามาที่หน้าของเด็กหนุ่มขึ้นทุกที เขากลัวจับจิตจนคิดว่านี้คงเป็นวาระสุดท้ายของตน
“ไม่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
..........ก็อง........
หน้าของซอมบี้ตัวนั้นกระเด็นไปทางขวาของเด็กหนุ่มสิ่งที่เขาเห็นมีเพียงแค่อะไรดำๆใหญ่ๆกระแทกเข้าหน้าของมัน
“ย้ากกกกกกกก”เสียงร้องของเด็กอีกคนร้องดังลั่น ท๊อปรีบหันไปมองทันทีสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือ
มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังใช้อะไรบางอย่างพาดที่หัวซอมบี้ตัวนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ตายซะ..... “กึง”......ตายซะ........ตาย......” ...... กึง.....กร็อบ.....ตุบ.......เสียงกระดูกหักผสมกับเสียงของแข็งกระทบกันดังขึ้นถึงแม้จะดังไม่มากแต่ท๊อปได้ยินมันชัดเจน และสิ่งที่เขาเห็นมันทำไห้เขาแทบอ้วก ถึงแม้เขาจะเห็นไม่หมดแต่เลือดที่กระเด็นออกมาทั่ว นั้นมันทำไห้เขารู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างที่สุด
เขาไม่เคยรู้สึกกลัวสิ่งใดเท่า ผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย
“พอแล้วหยุดเถอะ.......หยุด...มันตายแล้ว.......”ท๊อปพูดเพื่อไห้ผู้ชายคนนั้นหยุดการกระทำแต่เหมือนว่าเขาไม่ได้ยินมัน เขายังคงทุบต่อไป
“หยุดสิโว้ยยยยยยยยยย”
และชายคนนั้นก็ได้หยุดตี ท๊อปพึ่งรู้ว่าสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นใช้คือ กระทะ
........แก๊งผู้ชายคนนั้นโยนกระทะเปื้อนเลือดนั้นทิ้งเขาเดินเข้ามาใกล้ท๊อป แต่สิ่งที่ท๊อปสนใจคือสภาพของซอมบี้ตัวนั้น พอเขาเห็นมันทำไห้เขา แทบอ้วก เพราะมันไม่มีเค้าของความเป็นคนอยู่เลย มันและแทะไปหมด โดยเฉพาะที่ตาของมัน มันย้อยออกมา
ชายคนนั้นยื่นมือขวาที่เต็มไปด้วยเลือดเข้ามา มันมีสีแดงก่ำ พร้อมกับมีแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ ด้วยความตกใจท๊อปผงะถอยหลังออกห่างจากชายหนุ่มคนนั้น
“เป็นไรไหม” ชายหนุ่มถาม มันเป็นเสียงที่คุ้ยเคยมาก
ท๊อปเงยหน้าขึ้นไปมอง เขายิ่งตกใจขึ้นไปอีก เพราะเขารู้จักผู้ชายคนนี้ดี คนที่น่าจะอ่อนโยนและเป็นมิตร
“........ไอ้.....ไอ้....เก่ง.........”
15
ท๊อปมองอย่างไม่เชื่อสายตา ว่าคนที่อยู่ตรงหน้า คือ เพื่อนที่เขารู้จัก หรือว่า “เคย” รู้จักมาก่อน ดวงตาคู่นั้นมันเลือดเย็นและอำมหิต มือคู่นั้นเต็มไปด้วยเลือดและบาดแผล เนื้อตัวของคนที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นเต็มไปด้วยเลือด มันไม่มีเค้าของเพื่อนที่เขารู้จักอยู่เลยแม้แต่น้อย
“เออ กุเอง ไอเก่งเพื่อนมึงไง” ใช่ไม่ว่ายังไงชายที่อยู่ตรงหน้าท๊อปนั้นคือเก่ง
“เออ.....นั้นสินะ เฮ้ย.......มือมึงเลือดออกไปโดนอะไรมาวะ” ท๊อปพูดอย่างตกใจเพราะแผลที่มือข้างขวาของเก่งนั้นมันดูแย่มาก มีเพียงเศษผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดพันอยู่เท่านั้น แต่สิ่งที่เก่งทำคือแค่มองมัน เหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าเขาไม่รู้สึกอะไรเลย
“ก็....แค่แผลไฟลวกนะ” เก่งพูดเหมือนมันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ตัวเขาเองกับล้มลงไป
“เฮ้ยเป็นไรป่าววะ”ท๊อปรีบวิ่งเข้าไปดูอาการเพื่อนเขาพึ่งสังเกตว่าเพื่อนของตนหน้าขาวซีด อย่างกับศพ
“แฮะๆ.....สงสัยกูเสียเลือดมากไปหน่อยวะ แต่มึงไม่เป็นไรนะ”
“ไอ้ห่า.....ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ใครก็ได้ช่วยด้วย ใครก็ได้มาช่วยตรงนี้ที” เสียงตะโกนเหล่านั้นเหมือนกับว่าเป็นเสียงกระซิบ ไม่มีเสียงไดๆตอบกับมาเลย
“อะไรวะ พวกเราอุส่าช่วยพวกมันไว้มันกับมุดหัวหนีเนี่ยนะ ไอ้เหี้ยเอ้ย”
“เอาน่า เนี่ยแหละมนุษย์” ใช่นี่แหละมนุษย์ไม่มีคำพูดไดปลอบโยนท๊อปได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
.........แตะ.......แตะ......แตะ....... เสียงฝีเท้าดังขึ้น
“เป็นไรมากรึป่าวคะ” สานั้นเองที่วิ่งเข้ามา ในมือเธอมีผ้าพันแผลกับขวดยาอีกนิดหน่อย
“มาไห้ฉันช่วยคะ”เธอดึงผ้าที่พันมือของเก่งออก และค่อยๆพันผ้าพันแผลใหม่แทน มือเธอไม่สั่นเลยสักน้อยพอได้เห็นเลือดและลอยแผลอันเหวอะหวะอันนั้น เธอกับพันมันอย่างชำนาญ
“คือ ฉันเรียนอยู่เอกพยาบาลนะคะ”
“เลือด.......คุณเลือดออก” เก่งพูดออกมาอย่างอ่อนล้า แต่สานั้นก็เลือดออกบริเวณข้อเท้าจริงๆ
“คือ....ฉันพยายามไปหามีดที่บริเวณเครื่องครัวนะคะ แต่รีบไปหน่อยเลยเผลอล้มจนของตกใส่ นะคะ” ถึงแม้สิ่งที่เธอพูดจะเชื่อได้ยาก แต่ท๊อปก็สังเกตเห็นว่าแผลนั้นมันเป็นแผลรอยมีดบาดจริงๆ และอย่างน้อยเธอก็ยังคิดที่จะช่วยอย่างน้อย ก็มีคนคิดที่จะช่วยเขาทั้งสอง
“พวกนั้นตายแล้วหรอ” มีคนแก่เด็นออกมาจากแผนกแถวนั้น ซักพักคนที่เหลือก็ตามออกมา ท๊อปโกรธคนเหล่านั้นจนแทบคลั่ง แต่แทนที่คนเหล่านั้นจะขอโทษ....
“ดูสิเขาเลือดออก เขาโดนกันรึป่าวนะ” เริ่มมีเสียงซุบซิบดังขึ้น “บางทีเขาอาจจะโดนกันนะ” “เขาจะกลายเป็นพวกนั้นไหม” “ทำไงดี เราควรฆ่าเขาดีไหม” เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆและมันไปในทางที่ไม่ดี ท๊อปคว้าไปจับกระทะที่เก่งทำตก ไว้แน่นเผื่อมีเหตุการณ์อย่างที่เขาคิด
“ไม่ใช่ นั้นเป็นแผลไฟไหม้นะ” ชายที่ใส่สูทพูดขึ้น
“ฉันเห็นนะเขา.....เผามันจนตาย”
“เห็น เห็นแล้วทำไม่ใม่ช่ว.....”ท๊อปกำลังจะด่า แต่เก่งจับมือเขาแน่น เพื่อห้ามเขาไว้ นี่แหละมนุษย์ ตราบใดที่มันไม่ใช่เรื่องของตนเอง ละก็ อย่าหวังเลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น
“แล้วของผู้หญิงนั้นละ” เสียงของหญิงกลางคน ดังขึ้น เธอชี้ไปยังที่บาดแผลของสา
“อันนี้ผมไม่รู้.......”
“ฉันเองก็ไม่รู้......”
“หรือว่า.........” 16
“ใช่....มันต้องใช่แน่ๆ....”
“เธอถูกพวกมันกัด.....”
“........หยุดงี่เง่าซะทีได้ไ........” ............ผั่ว............
ท๊อปถูกต่อยจนลงไปกองกับพื้น................ตุ๊บ...............อ๊อก........... เขาถูกแตะซ้ำที่ท้องจนกระอัก เขาถูกรุมกระทืบโดนคนกลุ่มหนึ่ง นั้นคือพวกวัยรุ่น นั้นเอง คนที่ต่อยเขาคือตัวหัวโจก เขาจำได้ดี ว่าตอนที่ปิดบันไดเลื่อนมันนี่แหละที่มือสั่นจนไม่ยอมทำอะไร ผมสีทองสั้น เสื้อนักศึกสาฟิตๆกับกางเกงขาเด๊ปของมัน ก็บอกได้หมดว่ามันเป็นแค่สวะ และนั้นคือส่งสุดท้ายที่ท๊อปคิดก่อนที่จะหมดสติ
“.........ถ้างั้นยัยนี้ฉันจัดการมันเอง........” มันประกาศก้าวว่ามันจะฆ่า ผู้หญิงคนนี้ ...........ผั่ว.........
มันถูกต่อยจนหงายไปข้างหลังแต่ หมัดนั้นกับไม่ส่งผลอะไรเลย เพราะมันมาจากคนใกล้ตาย
“อ้อ........ไอฮีโร่นี่เอง....นึกว่าใครมึงเก๋านักหรอวะ ฮะ.....”คนที่ต่อยมันคือเก่งนั้นเอง เขาใช้แรงทั้งหมดยืนขึ้น และใช้แรงที่เหลืออยู่ต่อย มันไร้ผล นั้นเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเก่งแทบเป็นลมอยู่แล้ว
“ถ้าจะสู้..........ก็สู้กับคน.....ตัวเท่ากัน...สิวะไอสัด.......” .........ตุบ........ผั๊ว..........
เก่งพูดไม่ทันจบเขาก็ถูกถีบจากข้างหลัง ถูกต่อยจากข้างหน้าต่อ จนหงายหลังล้มลงไป
“เฮ้.....เฮ้.......อย่าพึ่งเป็นลมเซ่.......โชว์มันพึ่งเริ่มเอง นะ” ไอหัวโจกไช้ตีนของมันเหยียบไปที่หน้าซีกซ้ายของเก่ง เก่งไม่อาจจะต่อต้านหรือส่งเสียงไดๆ เขาแทบจะหมดสติอยู่แล้ว แต่เขาจำได้ดีถึงสิ่งที่เขาเห็น ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขาเห็นข้อเท้าที่เปื้อนเลือด เขาเห็นเท้าอีกหลายคู่ล้อมรอบ เท้าคู่นั้น เขาเห็นเลือดที่หยดลงมาถึงพื้น หนึ่งหยด สองหยด สามหยด และมันทะลักลงมาจนกระเด็นโดนหน้าเขา เขาค่อยๆเห็นขานั้นเริ่มทรงตัวไม่อยู่จนทรุดลง เขาเห็นบริเวณท้องของเธอมีมีดปักอยู่ เขาเห็นร่างของเธอทรุดลง เขาเห็นหน้าของเธอแล้ว หน้าของเธอไร้เลือด เพราะมันออกมาจากปากเธอหมด และ เขาก็เห็นตาของเธอมันเบิกกว้าง มีแต่ความกลัวอยู่ข้างใน แต่เขารู้ดีว่าเธอจะไม่ต้องกลัวอีกต่อไป ไม่ต้องรู้สึกอะไรอีกต่อไป เพราะเธอตายแล้ว
“.......................ไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม่”
และเขาก็หมดสติเพราะโดนกระทืบที่หน้า แต่ก่อนที่เขาจะหมดสตินั้น เขารู้สึกอยู่ 3 อย่าง
........เขารู้สึก เกลียด ที่ตนเองอ่อนแอที่ไม่สามารถปกป้องใครได้................
.........เขารู้สึก รังเกียจ คนทุกคนที่ไม่คิดแม้แต่จะห้ามหรือช่วยเลย..............
.........เขารู้สึก แค้น ที่ตนเองได้ช่วยเหลือพวกคนเหล่านั้น.............
...........และเขาสัญญาว่า จะต้องฆ่า ไอ้เหี้ยหัวโจกนั้นไห้ได้..........
“ กุ จะ ฆ่า มึง”
................................ตุบ....................
17
“............ที่นี่........มันที่ไหนกัน..........”
“.........มืด.......มืดเหลือเกิน..........” รอบข้างเด็กหนุ่มนั้นปกคลุมไปด้วยความมืดมิด
...........ไง ตื่นแล้วหรอ.............. เสียงมาจากช่องเล็ก รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่ลอดออกมาจาก ช่องนั้นทำไห้เด็กหนุ่มเห็นว่าตัวเองนั้นกำลังสวมชุดคนบ้าอยู่และเขาถูกขังอยู่ในห้องขังเดี่ยว
“ใครนะ.........ที่นี่มันที่ไหน..............ปล่อยกุนะโว้ย!” เก่งตะโกนลั่นด้วยความกลัวและความตกใจ
...................ผมว่าสิ่งที่คุณควรถาม คือ “ทำไม”........เสียงนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง และตอนนี้มันยืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว สายตาที่มองผ่านเข้ามาของมัน นั้นเหมือนของมนุษย์ แต่เป็นสีแดงก่ำ ใบหน้าของมันดำสนิท เหมือนถูกควันสีดำปกคลุม
.........ทำไมคุณถึงยังสู้...........ทำไมคุณยังไม่ตาย..........ทำไมคุณถึงช่วยพวกนั้น..........และทำไมคุณถึงร้องไห้ ให้กับคนที่คุณไม่รู้จัก.............
“และมึงจะมาเสือกกับกุทำไมเล่า ปล่อยกุ” เก่งตะโกนพร้อมทั้งกระแทกตัวไปข้างหน้าอย่างแรงแต่มันไร้ผล เก่งกระเด้งกับทันที ดวงตาที่มองมานั้น ยิ้มเยอะและดูเหมือนกำลังหัวเราะ
..........หึ หึ หึ..........ฮ่าๆๆๆๆๆๆ น่าสนใจจริงๆ...........ผมเลือกคุณนี่หละ...........
...........แอ๊ดดดดดดดดดดด........ประตูด้านหน้าได้ถูกแย้มออก............ เก่งรีบพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง ประตูกระเด็นออกทันที แต่มันว่างเปล่า หลังประตูนั้นมีเพียงแต่ทางยาวที่ว่างเปล่า ด้านข้างของทั้ง 2 ทางมีห้องที่มีประตูเหมือนหน้าห้องที่เก่งอยู่เต็มไปหมด ทั้งพื้นที่นั้นปกคลุมไปด้วยแสงสีแดง ฉานเหมือนเลือดสีมันคล้ายสีแดงของไซเลนรถพยาบาล แต่ที่ปลายทางนั้นมีประตูอยู่ เหนือประตูเขียวว่า EXIT เก่งรีบวิ่งไปทันที ทุกครั้งที่เก่งวิ่งผ่านห้องแต่ละห้อง เสียงร้องโหยหวน เหมือนคนถูกทรมานจะดังออกมาทุกครั้ง มันทำไห้เก่งวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยจนในที่สุดเก่งได้มาถึง ประตูทางออก พร้อมๆกับประตูที่อยู่ด้านหลังเก่งทุกบานได้ถูกเปิดออกพร้อมกัน
มันมีบางอย่างกำลังคลานออกมา ถึงแม้มันรูปร่างเหมือนคนแต่มันไม่ใช่ มันน่ากลัวกว่านั้นมาก ร่างกายของมันถูกอาบไปด้วยเลือด บางตัว ถูกตัดแขน ขาออก บางตัว แขนมันห้อยลงมาถึงเท้า บางตัวไส้ของมันลงมาเป็นทางยาวถึงพื้นจนบางครั้งมันสะดุดล้ม เพราะไส้ที่ห้อยลงมา แต่ทุกตัวมีบางอย่างที่เหมือนกันคือพวกมันไม่มีหน้า มีแต่ปากที่กว้าง และมีเขี้ยวที่ยาวออกมาจนเห็นน้ำลายของมันกำลังย้อยอย่างเห็นได้ชัดและทุกตัวมุ่งมายังเก่ง ถึงจะเชื่องช้าแต่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เก่งพยายามกระแทกปรูไห้เปิดออกไร้ผล เข้าองบิดลูกบิดนั้น เขาจะบิดมันได้อย่างไร ในเมือ เขาถูกใส่เสื้อคนบ้าอยู่
เขาจึงเริ่มใช้ปากของัวเอง บิดปรูแทน มันลื่นเหลือเกิน ยิ่งเขากัดมันยิ่งลื่น
“เปิดสิโว้ย เปิด!” เขาตะโกนลั่น แต่ไร้ผล พวกมันได้มาถึงข้างหลังเขาแล้ว ตัวที่มีมือจับขาเขาได้ มันลากเขาเข้าไป ตัวอื่นๆเริ่มเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆเขาได้กลิ่นเหม็นเน่าจาก ตัวพวกมันและกลิ่นปากจากพวกมัน
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย!”
............ม่ายยยยยยยยยยยยยย............ เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เขามองไปรอบๆตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้างนั้นอีกแล้ว เขานอนอยู่บนเตียงพับ มีคนใส่ชุดขาวหลายคนเดินควักไขว่ กับเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง
“เรียกหมอมาตรงนี้ที เด็กคนนี้พื้นแล้ว” เสียงของตำรวจร่างท้วมดังขึ้นเสียงของเขาหนักแน่นแต่ฟังดูอ่อนโยน เขานั่งอยู่ข้างกาย ของเก่ง สิ่งที่เก่งเห็นเมื่อกี้เป็นความฝันอีกแล้ว มันยังคงแจ่มชัดเหมือนครั้งก่อน
“เธอคงฝันร้ายสินะ” ตำรวจนายนั้นพูดขึ้นเพราะเด็กหนุ่มนั้นหน้าซีดเผือกเหงื่อแตกเต็มตัวและหายใจถี่
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ............โอ๊ย” เก่งพยายามใช้มือตัวเอดันขึ้น แต่มันเจ็บปวดเหมือนโดนมีดทิ่มใส่
“เป็นฉัน ฉันจะนอนซักพักนะ เพราะเธอนะเสียเลือดที่มือไปพอสมควรเลย”นายตำรวจพูดอย่างอ่อนโยน แต่เหมือนกับว่าเด็กหนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดเลย
“ไหนขอฉันดูอาการเขาหน่อยซิ” ผู้หญิงวัยกลางคนใส่ชุดสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือดเดินเข้ามาดูอาการของเด็กหนุ่ม เธอเอาไฟฉายอันเล็ก มาส่องที่ตาและจับชีพจน
“อืมเธออาการดีขึ้นมากแล้วละ แต่ก็ควรนอนซักพักนะ เพราะเธอเสียเลือดและเจอเรื่องร้ายๆมามาก”พอพูดเสร็จ เธอก็ไปดูอาการของคนอื่นๆต่อ
“มันเกิดอะไรขึ้นหรอครับ พวกคุณมาที่นี้ได้ไงและทำไมผมถึงนอนอยู่ตรงนี้” สิ่งที่เขาจำได้คือตอนนั้นเขายังอยู่ในห้าง และโดนอัดจนสลบไปเขายังรู้สึกเจ็บแผลในปากนั้นอยู่เลย
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าตั้งแต่เธอสลบไปมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่ฉันรู้คือพอเราได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือ ก็รีบส่งคนมาทันที แต่สภาพการจลาจรนั้นแย่มาก........ผู้คนวิ่งกันชุลมุนไปหมดพอเรามาถึง ก็พบว่ามีไอ้พวกนั้นอยู่จำนวนหนึ่ง และเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าต่างห้างขอความช่วยเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้รีบขึ้นไปและพบว่าเธอกับอีกคนหนึ่งนอนสลบอยู่ นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นละ”
“แล้วผู้ชายอีกคนหนึ่งที่น่าจะมีสภาพใกล้เคียงกับผมคุณเห็นเขาไหมครับ”
“อ๋อ เขาฝากบอกมาว่าเขาจะกลับไปดูที่บ้านนะ” คนที่เก่งถามนั้นคือท๊อปนะเอง
“แล้ว........ผู้หญิงอีกคนละครับ.........คนที่.......ถูกแทงนะครับ”
“...............เธอ........ตายแล้ว........”
“........อย่างงั้นหรอครับ...........”เก่งรู้คำตอบนั้นดีเพราะเขาเห็นกับตา แต่เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ในตอนนี้ได้แต่ จ้องไปที่ผ้าพันแผลที่มือขวาของตน ซึ่งมันเต็มไปด้วยเลือดอีกครั้ง เขาบีบมันแน่นจนเลือดได้ขยายวงกว้างขึ้นและแดงเข็มขึ้นไปอีกไปทั่วผ้าพันแผล ถึงแม้มันจะเจ็บก็ตาม แต่ใจของเขามันเจ็บยิ่งกว่า เขายังคงจำคำสัญญาที่ไห้ไว้กับตนเองได้ดี ว่าเขาจะต้อง แก้แค้น
“..........จับคนร้ายได้ไหมครับ”เก่งถามอย่างเลื่อนลอย
“ขอโทษนะทุกคน ปฏิเสธหมด”สีหน้าของตำรวจนายนั้นดูหมองไปทันตา
“หึ ผมก็ว่างั้น” เก่งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติแต่สายตาของเขากับแฝงอะไรบางอย่าง
“ขอโทษนะ.......แต่ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้มีเพียงแค่ช่วยคนที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น”
“ไม่เป็นไรครับผมเข้าใจ.........ผมเข้าใจดี........ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” สิ่งที่นายตำรวจได้ยินนั้นเหมือนคำสัญญา สายตาของเด็กหนุ่มที่เขาเห็นนั้นเขารู้จักมันดี เพราะเขาเคยเห็นมันมาก่อน มันคือสายตาของ ฆาตกร
“ฉันขอบอกอะไรบางอย่างนะ ไอ้หนุ่ม” เขาจับไหล่ของเด็กหนุ่มและบีบมันอย่างแรง
“การจองเวรนะมันไม่มีที่สิ้นสุดหรอกนะ” เขารู้ดีหลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้น เขาจ้องตาไปที่นายตำรวจโดยที่ไม่กระพริบเลยซักครั้ง
“ผมรู้ว่ามันจะจบตรงไหน และจะจบมันยังไง” สิ่งที่นายตำรวจได้ยินนั้นมันทำไห้เขารู้สึกเศร้ามาก เพราะเขารู้ดีว่าจิตใจของเด็กหนุ่มนั้นมีแต่ความแค้นและความเกลียดชัง มันจะไม่หยุดลงจนกว่าจะได้รับการตอบสนองตามความต้องการ
“ฉันคงห้ามเธอไม่ได้.........แต่หวังว่าเธอคงจะรู้ว่าอันไหนถูกอันไหนผิดนะ”
“....................” เด็กหนุ่มไม่ได้กล่าวสิ่งได เพราะเขาไม่สามารถแยกแยะได้อีกว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิดในสถานการณ์แบบนี้ มันมีแค่อยู่หรือตายเท่านั้น นั้นคือสิ่งที่เขาคิด
“แล้วเธอจะทำยังไงต่อละไปกับฉันไหม ฉันจะได้พาเธอไปโรงพักที่นั้นปลอดภัยที่สุด”
“ไม่ละครับ...........ผมจะกลับบ้าน” ใช่บางทีพ่อแม่เขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่และรอคอยความช่วยเหลืออยู่หรือบางทีอาจจะมีสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นเขาพยายามที่จะไม่คิดถึงอย่างหลังแต่อย่างไร เขาจะต้องไป พิสูจน์มันด้วยตาของเขาเอง
“อย่างงั้นหรือ” นายตำรวจดวงตาเริ่มเศร้าหมองอีกครั้ง บางทีนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นเด็กหนุ่มอีก เพราะจะไม่มีใครคอยช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนี้เลย
..........แกร็ก.........สวบ........... เขาถอดสายคาดเข็มขัดออก
“เอานี้ไปสิ ฉันไห้” สิ่งที่นายตำรวจถอดไห้คือสายคาดปืนที่ยังมีปืนใส่อยู่
“เอ๊ะ......จะดีหรอครับ” เด็กหนุ่มตกใจกับการกระทำของตำรวจมาก
“มันไม่ผิดกฎหมายหรอครับ” เด็กหนุ่มถามซ้ำเพราะการไห้ปืนกับประชาชนนั้นผิดตายกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด
“เหอะ ในสถานการณ์แบบนี้ ช่างหัวกฎหมายมันสิ” ตำรวจร่างท้วมนั้นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่...........” เด็กหนุ่มพยายามท้วง
“ไม่มีแต่ละ เธอจะกลับบ้านใช่ไหม”
“ครับ.............”
“เพราะฉะนั้น เธอต้องการมันมากกว่าฉันและฉันเชื่อใจเธอ ฉันเชื่อว่าเธอจะใช้มันในทางที่ถูก”
เด็กหนุ่มรู้สึกตื้นตันใจกับของที่นายตำรวจนั้นไห้มา ทั้งๆที่เด็กหนุ่มได้บอก ปาณิฐานของตนไปแล้วแต่นายตำรวจคนนั้นยังคงไห้ปืนกระบอกนี้กับเขา และเขาต้องการมันจริงๆ เพราะไม่ว่าเขาจะอ่อนแอแค่ไหนแค่มีปืนกระบอกนี้เขาเชื่อว่า เขาจะต้องมีพลังมากพอที่จะปกป้องคนสำคัญได้อย่างแน่นอน
“ขอบคุณครับคุณตำรวจ” เด็กหนุ่มกล่าวออกมาจากใจจริง
“น่า...ไม่เป็นไรหรอก เออเรียกฉันว่า องอาจ ก็ได้นะ”
“ขอบคุณครับคุณ องอาจ”
“ว่าแต่........เธอใช้มันเป็นรึป่าว” นายตำรวจองอาจพูดไม่ทันจบเด็กหนุ่มก็หยิบปืนออกมาจากซอง เขาปลดเซฟตี้ที่ข้างปืนออกออก แล้วจับด้านบนของปืนและดึงมันไปข้างหลัง เพื่อขึ้นไก เขาใช้มันอย่างคล่องแคล่ว
“เธอไปเรียนมันจากไหนนะ” องอาจถามด้วยความประหลาดใจ
“ในเกม ในหนัง และปืนของพ่อนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับผมไม่เคยยิงใครจริงๆ”
“ฮ่า.....ฮ่า.....ฉันควรจะเชื่อเธอดีไหมเนี่ย” องอาจพูดติดตลกแต่ดวงตาของเขานั้นหวั่นจริงๆบางทีเขาอาจจะตัดสินใจผิดก็ได้ แต่เขาก็พร้อมที่จะเสี่ยง เขาได้ยินวีรกรรมต่างๆนาๆของเด็กหนุ่มจากผู้รอดชีวิตในห้างนั้นถึงแม้บางคนจะดูหวาดหวั่นเมือพูดถึง เด็กหนุ่ม แต่ทุกครั้งต่างบอกเหมือนกันว่าเด็กหนุ่มได้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
“ถ้างั้นผมไปก่อนนะครับ” เก่งพูดเสร็จ ก็พยายามลุกขึ้นและกล่าวคำลากับนายตำรวจอีกครั้งก่อนเดินจากไป นายตำรวจองอาจ มองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่เศร้าหมอง เขาเศร้าต่อสิ่งที่เด็กหนุ่มเจอและกำลังจะเจอ ผู้หญิงในชุดขาวเดินมายืนข้างๆองอาจ
“คิดดีแล้วหรอที่ไห้ปืนเขาไปมันทำไห้นายเดือดร้อนหนักแน่” คนที่พูดคือนางพยาบาลที่มาดูอาการเก่ง
“หึ เดือดร้อนแค่ไหนก็คงไม่ถึงตายหรอก”ใช่เขาอาจจะโดนด่าลดยศหรือถูกพักงานแต่เขายังมีชีวิตอยู่
“เด็กคนนั้นต้องการมันเพราะเขายังมีชีวิตอยู่ แต่กำลังเดินเข้าสู่ความตาย”
19
ทั่วเมืองนั้นแปลกตาขึ้นมากสำหรับเก่ง เพราะมันไม่มีผู้คนอยู่เลย มีแต่รถยนต์ที่ชนกันจนเละ และรถที่ถูกทิ้งไว้เฉยๆ เขาพอคาดได้ว่า รถเหล่านี้คงไม่ทันใจคนขับเป็นแน่พวกเขาถึงทิ้งมันไว้อย่างนี้ สิ่งที่ทำไห้เก่งรู้สึกประหลาดใจที่สุดคือมันไม่มีแม้กระทั่งศพเลยสักศพ แต่ทำไมมันถึงได้มีลอยเลือด หรือผู้คนถูกกัดจนกลายเป็นพวกมันไปหมดแล้ว หรือว่าบางทีคนถูกกัดอาจจะยังมีชีวิตอยู่และหลบหนีไปกับกลุ่มคน ไม่ว่าเป็นทางไหนก็ล้วนอันตรายทั้งสิ้น เก่งจับปืนพกนั้นจนแน่น ซึ่งปืนที่ตำรวจไห้มานั้น คือ 9มม. Baretta เป็นปืนที่นิยมมากสำหรับตำรวจทั้งในหนังในเกมและในชีวิตจริง พลังทำลายอาจจะไม่สูงเท่าปืนอื่นๆแต่ความแม่นยำและความต่อเนื่องนั้นสูงโดยเฉพาะขนาดพอดีมือของมัน และจำนวนกระสุดที่บรรจุได้ถึง 15นัด แถมกระสุนในลำกล้องอีก 1 นัดของมันทำไห้เป็นต่อปืนอื่นๆมาก เป็นปืนที่เก่งชอบที่สุดกระบอกหนึ่ง มันทำไห้เก่งมีความเชื่อมั่นขึ้นมากและรู้สึกเข้มแข้ง เก่งทำประสาทสัมผัสทั้งหมดไห้เขม็งตึง เพื่อเตรียมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
............ตึก.........ตึก.........ตึก......ตึก....ตึก
เสียงฝีเท้าดังขึ้นมากจากข้างหน้า มันดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องเริ่มตามมา มีผู้คนจำนวนมากกำลังวิ่งมาทางนี้ ท่าทางของพวกเขานั้นดูรีบร้อนเหมือนหนีอะไรสักอย่าง และไม่ทันต้องคิดอะไรไห้มาก เก่งรีบวิ่งไปหลบหลังถังขยะที่ซอกตึกทันที เพราะมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำไห้ผู้คนคลั่งขนาดนี้.............ซอมบี้...............
เด็กหนุ่มเห็นทุกอย่าง เนื้อถูกฉีกกระซากกระดูกถูกเลาะ ออกมาจากเนื้อ หรือแม้กระทั่งแก้มที่กำลังถูกกินเลือดไหลนองเต็มไปหมด พวกที่ถูกกินบางคนก็ตายแต่บางคนกลับพื้นขึ้นมาและช่วยกันกินกับพวกซอมบี้ตัวอื่นๆ มันเป็นภาพที่สยดสยองเหนือสิ่งไดในชีวิตของเด็กหนุ่ม แต่.....
เขากลับจ้องมองมันอย่างไม่วางตา เขาดุมัน เขาสังเกต เขาไม่รู้สึกสะอิดสะเอียนเลยสักนิด เพราะเขาเห็นมันจนชินชา เขาเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น อยู่ในซอยแคบๆหลังถังขยะ เขาไม่คิดแม้แต่จะช่วยหรือบอกไห้คนมาซ่อนตัวกับเขาเลยซักครั้ง เพราะเขารู้ว่า มันเปล่าประโยชน์ เขาจึงจ้องมองอยู่ตรงนั้น และสังเกตสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น จนกระทั่ง........1 ใน พวกมันเห็นเขาสายตา สีแดงก่ำจ้องมาที่ดวงตาของเด็กหนุ่ม เขารีบถอยเข้าไปในซอยนั้นทันที เขาเริ่มวิ่ง แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงสายนั้น ที่จ้องมองเขา
ตึก.............ตึก...........ตึก...............
เสียงฝีเท้าดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แต่เด็กหนุ่มยังรู้สึกผ่อนคลายเพราะมันมีแค่ เสียงเดียวเท่านั้น ในที่สุดเขาก็มาถึงสุดซอยข้างหน้าของเขานั้นมีกำแพงสูงไม่มีสิ่งไดที่พอจะช่วยไห้เขาปีนข้ามไปได้
ตึก.......ตึก.....ตึก....
........แฮ่......... ซอมบี้ตัวนั้นทำเสียงขู่ในลำคอ น้ำลายของมันไหลออกมาจากแก้ม เพราะไม่มีสิ่งไดจะกักน้ำลายนั้นไว้ในปากได้ มันไม่มีแก้ม มันมาถึงสุดซอย แต่กลับไม่พบเหยื่อของมัน หน้าตาที่เต็มไปด้วยเลือดของมันเริ่มขมวดเข้ากัน มันเริ่มมองไปรอบตัว
ตุบ........ตุบ......ตุบ
หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรง เขาซ่อนตัวอยู่ตรงกองถังขยะตรงมุมซ้ายของปลายซอย ถึงแม้กลิ่นขยะจะแสบจมูกเขามาก เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากซ่อนตัวอยู่ในนั้น เขาสามารถเห็นซอมบี้ตัวนั้นผ่านช่องเล็กๆระหว่างขยะเท่านั้น เขากำปืนในมือไว้แน่นและหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องใช้มันเขาไม่ได้กลัวที่จะใช้มัน แต่เขากลัว จะมีใครได้ยินมันโดยเฉพาะเจ้าพวกที่อยู่หน้าปากซอยนั่น พวกมันต้องวิ่งกรู เข้ามาฆ่าเขาเหมือนคนที่อยู่ข้างนอกแน่ๆ
เขาเริ่มสังเกต ว่าซอมบี้ตัวที่อยู่ข้างหน้าเขาเริ่มหมอบตัวต่ำ จมูกของมันขยับไปมาเหมือนพยายามดมหาอะไรสักอย่าง ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มรู้ว่า ซอมบี้ พวกนี้ก็ไม่ต่างจากสัตว์ พวกมันมองเห็น พวกมันมีความรู้สึก พวกมันได้ยิน และพวกมันได้กลิ่น แต่เขาไม่ทันได้คิดไปมากกว่านั้นเขาก็ต้องหยุดคิดเพราะ มันกำลังเดินใกล้เข้ามายังที่เขาซ่อน มันยังมองไม่เห็นเขา มันยื่นหน้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เด็กหนุ่มหลับตาจนสนิทเพราะเขากลัวว่ามันจะมองเห็น สิ่งที่เขารู้สึกจึงมีแค่ กลิ่นเหม็นเน่าของถังขยะ และ เสียงหายใจ ฟืดด....ฟาด...ของซอมบี้ตัวนั้น
ฟืดดดดดดดดด............ฟาดดดดดดดดดด.........ฟืดดด............โครมมมมมมมมม
เสียงชนของรถดังขึ้น ที่หน้าปากซอย ซอมบี้ตัวนั้นพอได้ยินได้รีบวิ่งไปทางนั้นทันทีทิ้งไว้แค่เด็กหนุ่ม ที่ยังมีชีวิตอยู่ ใต้กองขยะนั้นพร้อมกับความคิดที่ว่า
................พวกมันก็ไม่ได้ต่างจากเราไปมาก............
.................ต่างกันแค่พวกมันอึดกว่าเรา.................
...................และพวกมันกินคนเป็นอาหาร.................
นับว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้ายของเก่ง พอหลังจากที่เขาหลบหนีจากซอมบี้ตัวนั้นได้ตลอดทางเขาไม่เจอ พวกนั้นอีกเลย บางทีพวกมันคงจะตามฝูงคนไป
ตอนนี้เก่ง ได้อยู่ตรงหน้าบ้านของตนเองซึ่งมันอยู่ติดกับถนนใหญ่ ประตัวรั้วนั้นไม่ได้ล็อคเขาจำได้ดีว่า มันมักจะถูกล็อคอยู่เสมอตอนเขาออกจากบ้านและวันนี้เป็นวันหยุด พ่อแม่ของเขาจึงอยู่บ้านเสมอ และเก่งได้สังเกตว่าแม่กุญแจนั้นตกอยู่ที่พื้นที่ล็อคได้ถูกทำไห้หัก เขารีบผลักลูกกรง แล้วเดินเข้าไป เขาเริ่มสังเกตรอบเลือด มันเป็นทางยาวไปตามพื้น และยิ่งเก่งเดินตามรอยนั้นเท่าไหร่เลือดมันยิ่งมากขึ้น ตอนนี้เก่งได้หยุดอยู่ตรงหน้าบ้านของตัวเอง เขารู้สึกได้ว่าพวกมันอยู่ในนั้นมีคนบางคนพังรั้วเข้ามา และบุกเข้าไปในบ้านของเขา เขาจับปืน 9.มม ในมือไว้แน่น และใช้อีกมือหนึ่งที่ว่างอยู่จับลูกกลอนเอาไว้
...............เอี๊ยด................
หยุดอย่าขยับ!!!
เขาตะโกนออกมาสุดเสียง แต่ไม่มีเสียงไดขานรับทั้งสิ้น เพราะคนที่บุกเข้ามาได้สิ้นใจตายอยู่ที่พื้น ที่เก่งมั่นใจว่าคนๆนั้นจะไม่พื้นขึ้นมาอีก เพราะหัวของชายคนนั้นมีขวานปักอยู่ และชายคนนั้นไม่ใช่พ่อของเขา
เก่งรู้สึกโล่งใจขึ้นเพราะเขารู้ดีว่าคนที่ปกป้องครอบครัวจากคนๆนี้คือฮีโร่ของเขาพ่อเขาเอ...........
..................แฮ่....................
...............ตุบ.................โครม............ เก่งถูกกระแทกจนล้มไปกับพื้นปืนในมือของเขากระเด็นเข้าไปในใต้โต๊ะ
..............แฮ่........ เสียงขู่ก้องมาจากปากที่เต็มไปด้วยเลือดของคนๆนั้น ซึ่งขึ้นคร่อมเด็กหนุ่มอยู่ที่แขนซ้ายของเขามีรอยแผลเหวอะขนาดใหญ่ สายตาของเขาแข็งกร้าว และเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่มีเค้าหน้าเหมือน....
“พ่อ..........” เก่งตะโกนด้วยความตกใจ เขาพยายามผลักคนๆนั้นออกไปแต่เหมือนมันไร้ผล
“พ่อ........นี่ผมเองไง.........พ่อ......” เก่งพยายามเตือนสติ ของผู้เป็น “พ่อ” แต่เหมือนกับว่ามันไร้ผลและปากของชายคนนั้นใกล้เข้ามาที่คอของเก่งขึ้นเรื่อยๆ
“พ่อ........นี่ผมไง..........เก่ง.........ลูกพ่อไง” น้ำตาของเด็กหนุ่มเริ่มไหลริน เพราะในสายตาของผู้เป็นพ่อนั้น ไม่มีเยื่อใยอาธร เหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว มันแดงก่ำ เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและหิวกระหาย ไม่มีสายสัมพันธ์ไดๆทั้งสิ้น มีเพียงแค่ “อาหาร” อันโอชะอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกก.................ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก” เด็กหนุ่มตะโกนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เขาไม่ได้ถูกกักหรือทำร้าย แต่ใจของเขาได้แตกสลายเสียแล้ว เขาจับคอเสื้อของผู้เป็น “พ่อ” ไว้แน่นและเหวี่ยงไปด้านข้างอย่างแรง ตอนนี้เก่งขึ้นคร่อมชายคนนั้นอยู่ แต่สถานการณ์แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ชายผู้เป็นพ่อยังคงพยายาม จะกัด ลูก ของตนอยู่ ปากที่อ้าจนกว้างนั้นเข้าใกล้เด็กหนุ่มขึ้นเรื่อยๆ แขนของเด็กหนุ่มเริ่มไร้เรี่ยวแรง ในใจของเขามีแต่ความเจ็บปวด ปากของเขา พร่ำเรียกชื่อบิดาของตน สายตาของเขานั้นร่ำไห้ ในหูของเขาได้ยินแต่เสียงอันหิวโหยของผู้เป็นบิดา ความตายอยู่ตรงหน้าเขา และเขาไม่เสียใจเลยถ้าจะตายตอนนี้ตายในอ้อมแขนของบิดาของตน.....................
...............ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกถึงบางอย่าง...........มันเป็นความรู้สึกที่คุ้ยเคยและทำไห้เขารอดตายมาได้เสมอ...........และไม่อาจควบคุม.............ความกลัว
22
...............เด็กหนุ่มพลิกตัวอีกรอบตอนนี้เขาไม่สามารถพลิกตัวได้อีก ร่างของเขาชิดไต้โต๊ะแล้ว
“ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”เขาร้องสุดเสียงเพื่อรีดเค้นพลังทั้งหมดยันร่างของผู้เป็นพ่อเอาไว้มือขวาของเขาล่วงไปยังใต้โต๊ะ มันกวาดไปทั่วเหมือนกับพยายามจะจับอะไรสักอย่าง แต่มือซ้ายที่ยันเอาไว้นั้นเริ่มอ่อนแรง มีหรือมือเดียวจะชนะร่างทั้งร่าง ความตายอยู่แค่คืบของเด็กหนุ่ม ความกลัวในจิตใจเริ่มไม่สามารถควบคุมได้
............ฮ่า......... พ่อของเด็กหนุ่มอ้าปากจนกว้าง เพื่อจะได้กลืนกินลูกชายของตน
.............ว้าก.................
...............ฮ่า...........
................................
..............คลิ๊ก................
...............ปัง..................ปัง.....ปัง..........ตุบ
............................ฮึก..................ฮือ.............ฮือ............. “ทำไม”............. “ทำไม............” ฮือ...........ฮือ......................... “ทำมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”...............
เอี่ยด.....ประตูตรงข้ามเด็กหนุ่มได้เปิดออก สิ่งที่เด็กหนุ่มเห็นมีเพียง เลือดที่นองลงมาและกระโปงสีขาว
............ว้ากกกกกกกกกกกกกก..................
.............ปัง.........ปัง..........ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.......แกร๊กๆๆๆๆ......
.....ติ๋ง......ติ๋ง.......ติ๋งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเสียงของปอกกระสุนดังขึ้นและหยุดลง หลังจากนั้นไม่มีเสียงใดดังขึ้นอีก
.............ตึง.............. ร่างตรงหน้าได้ล้มลง และเด็กหนุ่มจึงได้รู้ว่า คนนั้นเป็นใคร เธอมีใบหน้าที่อ่อนโยน หวังดี สุภาพและมักจะไห้อภัยเขาเสมอ ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำมันจะเลวร้ายซักเพียงใด
“ไม่เป็น.....แค้ก....ไร......นะลูก........ไม่.....เป็นไร......ดูแลน้อง......ด้............”
......................................
......................แม่มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
และในตอนนั้นเองโลกของเด็กหนุ่มได้พังทลายลง
ด้วยน้ำมือของเขาเอง
ด้วยความกลัว ของเขาเอง
ความคิดเห็น