KING OF THE FOOL
เป็นเรื่องราวของนักต้มตุ๋น กับอาณาจักรในตำนาน ที่มีแต่คนโง่ ช่วยเขียนวิจารณ์กันด้วยนะครับจะได้เอาไปพัฒนาในเรื่องต่อไป
ผู้เข้าชมรวม
332
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
KING OF THE FOOL
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายผู้ชื่นชอบในการฉ้อโกงคนหนึ่ง เขาโกงคนไปทั่วสารทิศเขาโกงชายเศรษฐีจนหมดตัวมาแล้ว เขาโกงเซียนพนันจนต้องฆ่าตัวตาย เขาโกงหญิงงามเมือง จนเธอต้องขายตัวแลกเศษสตัง เขาโกงแม้กระทั่งเด็กเพียงเพื่ออมยิ้ม พูดได้เลยว่าเขาต้มตุ๋นหลอกลวง คนทุกประเภทมาแล้ว แต่มันไม่เคยพอยิ่งเขาได้มากเท่าไหร่เขากับยิ่งเสียมากไปเท่านั้น เพราะเขาใช้เงินฟุ่มเฟือยยิ่งนัก ทว่า มีสิ่งหนึ่งที่เขาค้นหามาทั้งชีวิต เป็นสิ่งที่เขาได้ยินมาตั้งแต่เด็ก มันเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานมานับต่อนับ นั้นคือ “เมืองแห่งคนโง่”
เขาว่ากันว่าเมืองแห่งนี้นั้น เป็นเมืองที่มีคนโง่รวมกันมากที่สุด แต่เป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดเช่นกัน ที่เมืองนี้เป็นเมืองแห่งคนโง่นั้นเพราะว่า ถ้าคุณมีสิ่งหนึ่งมาแลก คุณย่อมได้สิ่งหนึ่งตอบแทน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะด้อยค่าเพียงใด คุณก็สามารถนำมาแลกได้ ยิ่งคุณเอาของที่มีจำนวนมากกว่ามาแลกคุณจะได้สิ่งนั้นไปเลย และการที่เมืองนี้เป็นเมืองที่รวยที่สุดก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ต่างคนต่างแลกสิ่งที่เท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีฐานะมากกว่าใคร และไม่มีใครโกงกินกัน มีเพียงพระราชาเท่านั้นที่มีทรัพย์สินมากที่สุด
ในบ่ายวันหนึ่ง ขณะ ที่ชายฉ้อโกง เดินทางตามคำบอกเล่าของผู้คน เขาได้มาถึง “เมืองแห่งคนโง่” ในที่สุด ครั้งแรกที่เขาเห็นเมืองแห่งนี้ มันทำไห้เขาตกตะลึงจนแทบซ็อคเพราะเมืองแห่งนี้เป็น เมืองที่งดงามและมั่งคั่งที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา ถนนสีขาวที่ทำด้วยอิฐบล็อกชั้นดี บ้านขาวสะอาดตา ที่มีขนาดพอเหมาะและทำจากอิฐทุกหลัง รถม้าที่ทำจากไม้ มะฮ็อคกะนีสีดำที่สะท้องแสงไปมา รับกับอานม้าสีเงินไสสะอาดและม้าสีขาวงดงามดั่งมาจากเทพนิยาย ผู้คนแต่งตัวภูมิฐาน มีสีสันงดงามรับกับดอกกุหลาบที่อยู่ริมทาง
ในที่สุด เขาก็ได้พบตำนานที่เป็นจริง ขุมสมบัติที่จะทำไห้เขาร่ำรวยไปทั้งชีวิต เขาเริ่มทดลองว่าที่เขาล่ำลือกันนั้นเป็นความจริงหรือไม่เขาเห็นชายคนหนึ่ง ใส่สูทสีดำ มีโบกระต่ายสีแดงติดอยู่บริเวณคอเสื้อใส่โรงเท้าหนังมันวับและที่หน้าสังเกตที่สุดคือหมวกทรงสูงที่ดูมีราคาอันนั้น ชายฉ้อโกงเดินไปหายชายคนนั้น เขาเอ่ย
“โอ้วท่านผู้สูงศักดิ์ ข้ามีเรื่องใคร่ขอจากท่านสักเรื่องจะได้ไหม” ชายที่แต่งตัวภูมิฐานหันมามองชายฉ้อโกงที่ตอนนี้ มีเสื้อสีเขียวเข้มที่มีรูใหญ่น้อยเต็มไปหมด รองเท้าที่ขาดวิ่นแถมไม่เข้าคู่กัน กางเกงขาสั้นที่ ยาวข้างสั้นข้าง และที่น่าเกลียดที่สุดคือหมวกของเขา หมวกของเขาตรงกลางมันขาดจนทำไห้เห็น ปอยผมของเขาแลบออกมา เหมือนกับว่าผมอันนั้นคือผ้าที่ถูกเย็บเสริมเอาไว้ แต่ทว่าชายที่แต่งตัวดีมีฐานะ นั้นไม่ได้มองชายฉ้อโกงอย่างเหยียดหยามเลยสักนิด เขากับมองไปที่ดวงตาของชายฉ้อโกงและยิ้มอย่างสุภาพที่มุมปากแล้ว แล้วเอ่ย
“มีอะไรไห้เราช่วยหรือน้องชาย” เขากล่าวอย่างสุภาพและเป็นกันเอง ซึ่งมันแทบทำไห้ชายฉ้อโกงผงะ เขาไม่นึกเลยว่าจะมีคนมาสุภาพกับเขาในขณะที่เขา “ไม่สุภาพ”ถึงเพียงนี้แต่ด้วยความที่เขาเป็นคนเหลี่ยมจัดและเจอสถานการณ์ไม่คาดฝันมาเยอะเขาจึงตอบโดยทันที
“ไม่ทราบว่าผู้น้อยจะขอแลกหมวกใบนี้กับหมวกอันงดงามของท่านได้หรือไม่” ไม่ต้องรอแม้เสี้ยววิ
ชายภูมิฐานยื่นหมวกที่เขาสวมใส่ให้ทันที แทบทำให้ชายฉ้อโกงตกใจจนสะดุ้ง เขาไม่เคยโกงคนได้ง่ายถึงเพียงนี้มาก่อนเขารีบถอดหมวกของตนออกแล้วหยิบหมวกของชายคนนั้นมาทันที
“ขอบคุณและขอให้โชคดี” ชายภูมิฐานกล่าว
“เช่น....กัน....อ๊ะ....ฮิฮิ” ชายฉ้อโกงพยายามกั้นหัวเราะเต็มที่เพราะชายภูมิฐานนั้นเหมือนคนบ้ายิ่งนัก เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่นั้นดูสะอาดตาแต่หมวกใบนั้นทำลายภาพพจน์ของเขาเสียสิ้น เขาเหมือนตัวตลกยิ่งนัก
หลังจากที่เขาได้หลอกลวงในครั้งแรกสำเร็จชายฉ้อโกงจึงได้ใช้แผนนี้อีกครั้ง ตอนแรกนั้นเขาใช้เสื้อที่ขาดวิ่นไปแลกเสื้อสูทสีดำที่ดูมีราคามาได้ ต่อมาเขาได้หลอกลวงชายแก่ผู้หนึ่งจนเขาได้กางเกงแสล็คสีดำที่ดูเข้ากับเสื้อและหมวกของเขามากขึ้น เขายังเอารองเท้าของตนไปแลกกับรองเท้าของชายหนุ่มผู้หนึ่งอีกด้วย และที่ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเอานาฬิกา ที่เสียจนสนิมเขรอะของตนไปแลกกับ นาฬิกาที่สายรัดทำจากทองเข็มนาฬิกานั้นฝังเพชรเม็ดโตตรงกลางและหมายเลขแต่ละหมายเลขใช้เพชรเรียงกันจนเป็นตัวเลยด้วย
ตอนนี้พูดได้เลยว่า เขาต่างจากเดิมไปอย่างมาก เปลี่ยนจากขอทานกลายมาเป็นคนที่รวยที่สุดในเมือง เลยก็ว่าได้ แต่ความโลภของเขายังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะเขามีแผนที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเป็นแผนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยคิดมา ใช่แล้วเขาจะหลอกลวง “พระราชา” เขาเชื่ออยู่เต็มอกว่าถ้าชาวเมืองโง่ได้เพียงนี้พระราชาของเมืองนี้ต้องโง่อย่างที่สุด เขาใช้ หวีหักๆของตนที่ตอนนี้เหลือแค่ 2 ซี่เท่านั้นแลกกับรถม้าพร้อมม้าและสารถี เขาเอ่ย
“พาเราไปยังปราสาทของราชาซิ” สารถีรีบควบม้าไปที่ปราสาทของราชาทันทีซึ่งสมคำร่ำลือจริงๆว่ารวยที่สุดเพราะปราสาทนั้นทำจากทอง และหลังคานั้นฝังทับทิมสีแดงที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ระยิบระยับรอบประสาทมีดอกไม้นานาพันธุ์ที่มีสีสดใสงดงามและสะพานที่ทำจากเงินที่ทอดยาวออกมาระหว่างปราสาทกับเมืองซึ่งถอดข้ามผ่านแม่น้ำที่มีปลาหลากหลายชนิดว่ายวนไปมานั้นงดงามมากแล้ว พอชายฉ้อโกงเดินเข้ามาในตัวปราสาทกับยิ่งต้องตกตะลึงเพราะข้างในงดงามยิ่งกว่าภายนอกปราสาท ด้วยซ้ำพรมสีแดงที่ทอด ยาวเสาแต่ละต้นทำจากทอง มีรูปมากมายที่ถูกแขวนอยู่ตามผนังแต่ละรูปนั้นกรอบของมันทำจากทองฝังเพชรเม็ดโต มีคนใช้และสนมมากมายเรียงรายไปหมด เขาทึ่งกับความงดงามเหล่านี้และยิ่งเขาคิดว่าเขาจะหลอกลวงพระราชาองค์นี้ได้มากแค่ ไหนมันทำให้เขายิ้มกว้างจนแทบถึงติ่งหู พอเขามาถึงสุดทางผ้าสีแดงนั้นเขาก็ได้เห็นพระราชา เขามีรูปโฉมที่งดงามถึง แม้จะอยู่ในวัยกลางคนก็ตาม หนวดสีขาวเงางามจนสะท้อนแสงได้นั้นยิ่งทำให้เขามีหน้าตาที่หล่อคมเข้มขึ้น มงกุฎสีแดงที่ทำมาจากผ้ากำมะหยี่ที่ทำให้เห็นเด่นชัดด้วยทองคำและเพชรเม็ดโตเท่ากำปั้นที่อยู่ยอดมงกุฎ ผ้าคลุมไหล่สีแดงที่ตรงขอบนั้นมีสีขาวเหมือนทำมาจากขนสัตว์บางชนิด พร้อมทั้งคฑาที่ทำจากทอง และมีเพชรมากมายฝังอยู่ตรงหัวแต่โดนกลบความเด่นเพราะทับทิม เม็ดโตที่อยู่ตรงยอด เสื้อผ้าที่พระองค์สวมใส่นั้นมีสีม่วงเข้มแต่ถึงกระนั้นมันยังคงสะท้อนแสงที่สะท้อนมาจากเครื่องเพชรนิลจินดาจากที่พระราชาสวมใส่
ชายฉ้อโกงตะลึงงันอยู่กับที่ดั่งโดนเมดูซ่าจ้องให้เป็นหินก็มิปาน จนในที่สุดพระราชาได้ตรัสว่า
“เจ้ามีธุระอันใดกับเรารึ” พระราชากล่าว
“ข้า.....ข้าน้อยมีเรื่องกราบทูลขอ ข้าน้อยมาจากที่อันไกลโพ้นเพื่อมาแลกของบางอย่างกับท่าน”
ชายฉ้อโกงพูดตะกุกตะกักเพราะเขาพยายามสะกดกั้นความโลภที่อยู่ในใจเอาไว้
“เจ้าว่ามาสิถ้าเจ้ามีของจะแลก เราก็มีของจะให้เจ้า” พระราชากล่าว
ชายฉ้อโกงเริ่มค้นทั่วตัวแต่ ก็ไม่พบสิ่งใดเพราะเขาได้นำของที่มีไปแลกกับคนในเมืองจนหมดแล้ว ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจ เสียสละบางอย่างที่โกงมา
“ข้าน้อยอยากแลกกหมวกใบนี้กับของบางอย่างของท่าน” ชายฉ้อโกงกล่าว
“ไม่ได้” พระราชาตอบทันควัน
“ทำไมพะยะค่ะ” ชายฉ้อโกงตกใจกับคำตอบอย่างมาก
“มันน้อยไปสำหรับสมบัติที่เราจะให้” พระราชาตรัส
“ถ้างั้นกับเสื้อของข้า” ชายฉ้อโกงกล่าว
“น้อยไป” พระราชาตรัส
“กับกางเกงข้า”
“น้อยไป”
“กับนาฬิกา รองเท้า และรถม้าที่อยู่ข้าง ทุกอย่าง ทุกอย่างที่ข้ามีเลยท่าน” ชายฉ้อโกงกล่าวพร้อมถอดทุดสิ่งทุกอย่างออกแม้กระทั่งกางเกงในของเขา ตอนนี้เขากลายเป็นชีเปลือยไปเสียแล้ว
“อืม พอได้ เจ้าไปเอาหีบสมบัติมาซิ” พระราชาสั่งกับคนรับใช้ร่างใหญ่คนหนึ่ง ในเพียงหนึ่งอึดใจเดียวชายคนนั้นก็มาพร้อมกับหีบที่มีขนาดครึ่งท่อนบนของเขา มันทำจากไม้และมีแม่กุญแจที่ทำจากเหล็กเก่าๆปิดเอาไว้
“หีบนี้มีสมบัติที่ มีค่าที่สุดของเราใส่เอาไว้ เจ้าได้มันไปเจ้าสามารถที่จะชื้อเมืองทั้งเมืองของข้าได้ทีเดียว” พระราชากล่าวอย่างองอาจพร้อมทั้งสั่งไห้คนรับใช้หยิบหีบนั้นไห้แก่ชายฉ้อโกง พร้อมทั้งโยนกุญแจจากตนไห้
ชายฉ้อโกงทำท่าจะเปิดหีบนั้น แต่พระราชากล่าวขึ้นทันที “ไม่ได้เจ้าเปิดในที่นี้ไม่ได้”
“ทำไมพะยะค่ะ” ชายฉ้อโกงถาม
“ถ้าเจ้าเปิดที่นี้แล้วมีโจรอยากได้มันขึ้นมาละข้าเดาได้เลยว่าเจ้าไม่ทันรอดออกจากเมืองแน่” พอพระราชากล่าวชายฉ้อโกงจึงคิดได้ ว่าถ้าสมบัติล้ำค่าถึงเพียงนี้คนโง่เพียงใดก็ย่อมอยากได้ พอคิดได้อย่างนั้นเขาจึงรีบคว้าหีบวิ่งออกจากปราสาท ทั้งร่างเปลือยเปล่านั้นทันทีคนทั้งเมืองต่างหัวเราะกับสิ่งที่ตนเห็น เพราะตอนนี้เหมือนมีคนบ้า เปลือยกายหอบหีบเก่าคร่ำครึ วิ่งไปทั่วเมือง แต่ชายฉ้อโกงกลับไม่โกรธหรือรู้สึกอายเลย เพราะเขาคิดว่า ถ้าเอาของในหีบนี้ไปขายเขาจะสามารถซื้อเมืองนี้ได้ทั้งเมือง เขาวิ่งอย่างสุดชีวิตจนมาถึงป่าแห่งหนึ่ง
เขาหายใจอย่างแรงเพราะความเหนื่อยและความตื่นเต้นเขารีบใช้กุญแจไขหีบนั้นทันที
“กรี๊ก” เสียงสะเดาะกลอนดังขึ้นชายฉ้อโกงค่อยๆเปิดหีบนั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขและความโลภมือของเขาค่อยๆเลื่อนฝาหีบขึ้นจนในที่สุดมัน ก็ได้เปิดออก
ตุบ..............ชายฉ้อโกงแทบหัวใจวายเพราะในหีบนั้นมีแต่ อากาศธาตุและกระดาษสีขาวใบหนึ่ง ซึ่งมันเขียนไว้ว่า
“เจ้าโง่”
“ราชาของเหล่าคนโง่
คือราชาผู้แสร้งโง่
สมบัติของราชา
คือเหล่าคนโง่”
โดย T.T
ผลงานอื่นๆ ของ T,.T ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ T,.T
ความคิดเห็น