คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Scene: 3
ปัง ปัง ปัง !! ตู้ม ! แกร็กๆ ปัง ปัง ปัง !!
“...”
ปัง ปัง ปัง !!
“...”
วี๊ด ~ บึ้ม!! ปัง ปัง ปัง !!
“อ้าก~ พี่ยูลหนวกหู ยุนจะอ่านหนังสือ!!” ยุนอาเงยหน้าขึ้นมาจากโซฟาตัวยาวที่ตนนอนอ่านหนังสืออยู่ ตะโกนอย่างหงุดหงิดไปทางพี่สาวแสนดีที่นั่งอยู่กับพื้นเล่นเกม ไม่เป็ฯเดือดเป็นร้อนอะไรเลย
...เธอต้องอ่านหนังสือ...เธออยู่ในช่วงทำงาน...ความรู้ต้องแน่นๆ...ไม่เช่นนั้นจะรักษาคนได้อย่างไร...
ยูริที่นั่งเล่นเกมอยู่วางมือลงกดหยุดเกม ก่อนจะหันกลับมามองยุนอาที่ดูจะหัวเสียไม่น้อย
“แล้วทำไมยุนไม่ไปอ่านบนห้องล่ะ พี่จะเล่นเกม”
เพี๊ยะ เสียงตบหน้าผากดังมาจากคนที่หงายหลังลงไปนอนอีกครั้ง
“แล้วทำไมพี่ยูล ไม่ไปเล่นบนห้องล่ะ ยุนจะอ่านหนังสือ” จ้องหน้าผู้เป็นพี่เขม็ง งานนี้ให้มันตายไปข้างนึงเลย หากแต่สายตาของผู้เป็นพี่ที่จ้องตอบมานั้นทำให้ขอบตาของยุนอาเริ่มร้อนผ่าว ปากเริ่มเบะ และเริ่มมีอาการสะอื้นตามมาเล็กน้อย
“หยุดๆ พี่ไปแล้วๆ ห้ามร้องนะ” ยูริรีบห้ามทัพน้ำตาของยุนอาทันที หลังจากที่เห็นยุนอาเริ่มจะเบะหน้าเตรียมร้องไห้
ยุนอาเป็นคนอ่อนไหว..แค่มีเรื่องสะเทือนใจหน่อยก็พร้อมที่จะปล่อยโฮได้ตลอดเวลา
ยูริจึงตั้งปณิธานไว้แล้วว่า...เธอจะเป็นพี่ที่ใจดีกับน้องและใจดีกับทุกคน
“เย่ พี่ยูลใจดีที่สุดเลย” เป็นอย่างที่ยูริคาดการณ์เอาไว้ ยุนอากลับมาร่างเริงอีกครั้ง แถมยังช่วยเธอเก็บเครื่อง PS3 ขึ้นห้องให้อีกต่างหาก
ยูริยกยิ้มอย่างภูมิใจ มีน้องน่ารักก็เป็นเช่นนี้แล
“ยูลดูแลน้องด้วยนะ” เสียงทุ้มๆของพ่อเอ่ยขึ้นกับเด็กน้อยวัยเพียงเจ็ดขวบ ฝากให้ดูแลเด็กน้อยอีกคนที่กำลังยืนก้มหน้าตัวสั่นอยู่ข้างหลัง
หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู...ไม่เหมาะกับน้ำตาแบบนี้
มือเล็กเอื้อมไปจับมือของเด็กน้อยยุนอาก่อนจะตกใจเมื่ออีกคนสะอื้นฮักแล้วโผกอดตัวเองไว้แน่น
พ่อของยูริเล่าให้ฟังทีหลังว่ายุนอานั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของยูริ แม่ของยุนอาเสียไปตั้งแต่ตอนคลอดยุนอา ส่วนพ่อก็เพิ่งจบชีวิตลงด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท เพราะฉะนั้นเขาจึงอยากให้ยูริคอยดูแลยุนอา อยู่เป็นเพื่อนเล่นไม่ให้เด็กน้อยคนนี้เหงา
“แง แง” เสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่นั่งร้องไห้อยู่ในสนามเด็กเล่นดังขึ้น ท่ามกลางกลุ่มเด็กผู้ชายที่ดูแล้วน่าจะเป็นตัวต้นเหตุ
ยูริที่ขณะนี้อายุได้สิบปีรีบวิ่งเข้ามาดูน้องในสนามเด็กเล่นด้วยความตื่นตระหนก หลังจากวิ่งไปซื้อไอศกรีมให้คนที่บ่นว่าร้อน
สองขาเข้าไปยืนประจันหน้ากับเด็กผู้ชายกลุ่มนั้นด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ หันมาพยุงน้องสาวให้ลุกขึ้น ปัดฝุ่นที่กระโปรงก่อนจะยื่นมือของตัวเองไปจูงน้องสาวให้เดินกลับบ้านมาด้วยกัน
...ยูริไม่ได้แมนพอที่จะไปมีเรื่องกับเด็กผู้ชายที่มาแกล้งน้อง
...ยูริไม่ได้แมนพอที่จะให้น้องสาวขึ้นขี่หลัง
...ยูริแค่เป็นคนที่มีเหตุผลในตัวเอง
เดินจูงยุนอาไปได้เพียงสองสามก้าวก็รู้สึกถึงแรงที่มากระทบกับศีรษะของตัวเอง แต่ขาก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ
“เพี๊ยะ” แรงโบกครั้งที่สามทำเอาหน้าของยูริเกือบทิ่มลงไปที่พื้น เมื่อถึงจุดๆนี้ยูริเลือกที่จะหยุดเดินแล้วหันกลับไปหาเด็กชายคนที่ตบหัวเธอ
ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไรก็ปล่อยหมัดใส่หน้าเด็กผู้ชายคนนั้นเต็มแรงใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าถูกต่อยล้มไปแล้วคนอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มก็รีบหนีทันที...ตอนทำนี่เก่งจริงนะกับเด็ก...
“กลับบ้านกันเถอะยุน” ยุนอาเงยหน้ามองพี่สาวของตัวเองที่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
สิ่งที่เด็กน้อยตัวเล็กๆในวัยนั้นจะคิดได้มีอยู่มีเพียง ‘พี่ยูริ เป็นพี่ที่ใจดีที่สุดในโลก’
(สถานที่รับสมัครผู้เข้าแข่งขัน นักพัฒนาเกมหน้าใหม่ บริษัท M BoX สาขาใหญ่)
ป้ายขนาดใหญ่ประจักษ์สู่สายตาของคนตัวเล็ก สะพายเป้ขนาดใหญ่กว่าตัว ขาสั้นๆที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ ก้าวไปยังจุดรับสมัครผู้เข้าแข่งขัน สาวร่างเล็กกระชับกระเป๋าเป้ข้างหลัง ก่อนจะบอกชื่อเสียงเรียงนามของตนให้กับเจ้าหน้าที่รับสมัครด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“คิม แทยอน”
“ยู้ฮู เจสซี่” สาวตายิ้มเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างร่าเริง ในมือก็ถือถุงกระดาษหลายใบมาด้วย วันว่างๆแบบนี้มันก็ต้องชอปปิ้งจิตใจถึงจะแจ่มใส
วันว่างของทิฟฟานีไม่ได้หมายความว่าไม่มีงาน แต่นั่นหมายถึงวันนี้หล่อนไม่มีนัดกับหนุ่มที่ไหน
“อ่านรูปคดีเก่าๆอยู่หรอ” เจสสิก้าพยักหน้าเล็กน้อย ค่อยๆถอดแว่นสายตาลงบนแฟ้มอันใหญ่ที่เก็บรวบรวมรูปคดีเก่าๆเอาไว้ เวลาว่างๆไม่ได้ออกไปไหนเธอก็จะมานั่งอ่านเอกสารพวกนี้เพื่อเป็นการให้สมองทำงานอยู่ตลอดเวลา และเพื่อเป็นการฝึกสมองไปในตัวด้วย
“วันนี้อูยองโทรมาหาฉันด้วยแหละ” ทิฟฟานีพูดถึงอูยองเพื่อนสนิทของแทคยอนที่ตอนนี้เป็นหนึ่งในกิ๊กของเจสสิก้า
“แล้วว่าไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีนะ ดูสุภาพกว่านายแทคยอนของเธอเยอะ คุณฟานี่ครับ คุณฟานี่~” เลียนแบบเสียงของอูยองให้เพื่อนสาวฟัง เนื่องจากเธอไม่ค่อยปลื้มแทคยอนสักเท่าไหร่ คนอะไรขี้เก๊กเป็นบ้า!!
“ย่ะ ฉันก็เริ่มเบื่อตาแทคยอนแล้วเหมือนกัน ชอบทำตัวเป็นเจ้าของ หวงนู่นหวงนี่”
“เอ ที่เบื่อนี่คิดถึงสาวหล่อที่ร้านกาแฟหรือเปล่าเจส” ยิ้มกริ่มมาให้เจสสิก้าอย่างกระแนะกระแหน หลังจากที่เมื่อสามวันก่อนพวกเธอได้ไปนั่งคุยกับยูริ ตอนนี้อีกฝ่ายก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกลับมาหาเพื่อนเธอเลย
“อย่าพูดถึงรายนั้นเลย เจอกันนับวันได้ โทรหารึก็ไม่มี” บ่นออกมาอย่างเนือยๆ เริ่มทำใจได้กับนิสัยแปลกๆของอีกคนเสียแล้ว
มือเรียวสวยยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น ส่งMessage หาคนนู้นทีคนนี้ที
...มนุษย์กับความอิสระเป็นของคู่กัน และขณะเดียวกันมนุษย์ต้องการความรัก
...ถ้าเช่นนั้นอิสระกับความรักล่ะเป็นของคู่กันหรือเปล่า ?
ความสุขของเจสสิก้าคือการได้คุยกับหนุ่มหล่อๆ ไปเดท ไปดูหนัง แล้วก็ทานข้าวด้วยกัน เบื่อเมื่อไหร่ก็จบความสัมพันธ์ลงราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่ง
มีความสุข ความสุขหายไป แล้วกลับไปมีความสุขอีกรอบ วนเวียนไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด จนบางครั้งเธอก็รู้สึกเหนื่อยกับความสุขที่มันไม่จีรัง
ถ้าจอง เจสสิก้าเป็นเพียงผู้หญิงหน้าตาธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นจะมีคนเข้ามาในชีวิตมากมายเฉกเช่นที่เป็นอยู่หรือไม่ แต่ไม่แน่เธออาจจะได้พบกับความสุขที่แท้จริงไปแล้ว
“เธอเปลี่ยนไปนะเจสสิก้า” ทิฟฟานีสังเกตได้ว่าช่วงนี้เจสสิก้าดูมีอะไรให้คิดอยู่ตลอดเวลา
“เปลี่ยน...ในทางไหนล่ะ”
ทิฟฟานีทำหน้าครุ่นคริดสักพักก่อนจะตอบกลับไปตามที่คิด “ในหลักความจริงก็...ทางที่ดี..มั้ง”
“ยังไง”
“โอ๊ย เอาเป็นว่าฉันไม่ชอบที่เป็นแบบนี้ ถึงมันจะดีก็เถอะ” ทิฟฟานียีผมของตัวเองอย่างปวดหัวเดินมานั่งที่โซฟา ก่อนจะต้องแปลกใจกับคำถามของอีกคน “เธอรู้สึกเหนื่อยบ้างไหมฟานี่”
“ไม่รู้สิ ยิ่งคิดจะยิ่งเหนื่อยมากกว่านะ” ไหวไหล่อย่างไม่สนใจ ทิฟฟานีคิดเพียงแค่ ความรักจะมาเมื่อไหร่มันก็มาเอง เราไม่จำเป็นต้องเร่งรัดมันก็ได้
ห้องนั่งเล่นถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบหลังจากที่ไม่มีใครคิดจะต่อบทสนทนา ต่างก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง
บางทีที่เป็นอยู่มันอาจจะไม่ใช่ความสุข เพียงแต่พวกเธอคิดไปเอง
ขณะนี้ไรเตอร์ขอลาตาย มึนมาก
ความคิดเห็น