ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO SNSD INFINITE]Change!!

    ลำดับตอนที่ #9 : CHANGE : CHAPTERS 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 740
      10
      19 ก.ย. 57




    Chapters 7

     

                -Luhan Part-

                ผมมองเข้าไปในบ้านที่ยังปิดไฟมืดสนิท นี่มันทุ่มกว่าแล้ว ทำไมจูฮยอนยังมาไม่ถึงบ้าน ทั้งที่ยัยนั่นออกมาจากโรงเรียนตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้ว จะว่าไปกับควีนก็ไม่น่าใช่เพราะผมเพิ่งผ่านร้านอาหารและเห็นว่าเธออยู่กับครอบครัวของคิง ไม่มีจูฮยอนอยู่

                แล้วยัยนั่นหายไปไหนอีก ชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย

                ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทรหาเธอเป็นรอยที่สิบ แต่ก็เหมือนเดิม ไม่รับโทรศัพท์ผม หรือจะออกไปกับไอ้ปริ๊น

                “อย่างน้อยก็น่าจะบอกกันบ้างสิยัยบ้า”

                หลังจากคิดว่ามันคงป็นแบบนั้นผมก็หันหลังกลับ เปล่าประโยชน์ที่จะรอ ถ้าเธออยู่กับไอ้เซฮุนจริงๆ ก็คงไมมีอะไรน่าเป็นห่วง ถึงหมอนั่นมันจะไม่ใช่สายเลือดนักสู้เหมือนผม เหมือนมยองซู แต่มันก็น่าจะดูแลจูฮยอนได้ล่ะมั้ง

                อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านผม โทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็รีบกดรับทันทีที่เห็นว่าเป็นจูฮยอน

                “เธออยู่ไหน ทำไมไม่ระ..”

                (ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล)

                ผมชะงักเมื่อเสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงเธอ “นั่นใคร”

                (ฉันเอง มยองซู)

                “แกบอกว่าอยู่โรงพยาบาลงั้นเหรอ”ผมถาม รู้สึกหวั่นใจ “ใคร ที่อยู่โรงพยาบาล ใครเป็นอะไร!!!

                ผมยังไม่ได้คำตอบหรอกนะ แต่ขาของผมมันวิ่งออกไปแล้ว

                (รีบมาแล้วกัน โรงพยาบาล..)

                ผมวางสายทันทีที่รู้ว่าโรงพยาบาลไหน โบกรถแล้วขึ้นไปนั่งด้วยความว้าวุ่นในใจ ให้ตายเถอะ ผมว่ามันแปลกตั้งแต่ไอ้มยองซูรับโทรศัพท์ตอนอยู่ในห้องชมรมแล้ว เห็นมันรีบร้อนออกไป ไม่คิดว่าจะเกี่ยวกับจูฮยอน

                อย่าเป็นอะไรนะ..

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผมวิ่งมาถึงห้องพักฟื้นตามที่มยองซูบอก หวังไว้อย่างยิ่งว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยจะเป็นมัน ไม่ใช่จูฮยอน แต่รู้ว่าหวังไปก็ไม่มีทางเป็นไปได้ และมันยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อผมมองเห็นร่างบางนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว

                “เกิดอะไรขึ้น”ผมถามมยองซูที่ยืนจ้องจูฮยอนอยู่ก่อนแล้ว

                มันหันมามองผมนิ่งๆ “พวกคยองกิล”

                “ไอ้เวรเอ๊ย”ผมสบถก่อนจะหันหลังออกจากห้อง แต่มยองซูดึงแขนผมไว้

                “แกดูซอฮยอนยู่นี่แหละ เรื่องไอ้เวรพวกนั้น ฉันจัดการเอง”

                พูดจบมันก็เดินออกไปจากห้อง ผมเลยนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆกับเตียง เมื่อกี้ก็ไม่ได้ถามว่าพวกมันทำอะไร เพราะดูจากภายนอกแล้วไม่เห็นว่าจะมีบาดแผลตรงไหนเลย

                “โอ๊ย..”

                เธอร้องออกมาเบาๆ แต่ไม่ได้รู้สึกตัวตื่น ผมมองเธอที่นิ่วหน้าพร้อมกับกุมท้องของตัวเองเอาไว้ เมื่อเห็นอย่างนั้นผมก็ลุกขึ้นยืน

                “ขอโทษนะ”

                มือของผมค่อยๆเลิกเสื้อคนไข้ขึ้น เมื่อเห็นรอยช้ำเป็นวงใหญ่ที่หน้าท้องของเธอผมก็ต้องกำมือแน่นด้วยความแค้นใจ รู้สึกอยากจะร้องไห้ที่ปกป้องเธอไม่ได้ ผมไม่น่าปล่อยให้เธอออกมาคนเดียวเลย

                จูฮยอนยังคงร้องอยู่เป็นระยะ ให้เดาเธอคงกำลังเจ็บมาก และเธอคงไม่เคยเจอเรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน ผมยกมือเธอขึ้นมา กุมเอาไว้หลวมๆ

                “ฉันถึงได้บอกไงจูฮยอน”

                ...

                “เธอไม่ใช่ซอฮยอน”

                ...

                “เธอไม่เหมาะกับการที่จะอยู่ที่นี่เลย..”ผมมองหน้าเธอ ลูบหัวเธอเบาๆ "ขอโทษนะที่ปกป้องเธอไม่ได้อย่างที่ปากพูด"

                ทำไมต้องทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลยนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ฉันรู้สึกตัวตื่นเพราะรู้สึกเจ็บร้าวไปแทบจะทั้งตัว เมื่อลืมตาขึ้นมองเพดานสีขาวๆพวกนี้ คงไม่ต้องถามแล้วล่ะว่าที่นี่ที่ไหน แล้วความเจ็บพวกนี้อีก มันเป็นคำตอบอย่างดีเลยว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

                เจ็บจะตายอยู่แล้ว

                “ตื่นแล้วเหรอ”

                ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่สอง ตอนแรกคิดว่าอยู่คนเดียว เมื่อหันไปทางประตูห้องน้ำก็เห็นลู่หานเดินออกมา เขาสวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ แต่มันกลับดูดีโคตรๆ เมื่อมองเลยไปยังนาฬิกา ก็เห็นว่านี่มันเที่ยงแล้ว

                “นายไม่ไปเรียนเหรอ”

                “เธอเป็นแบบนี้แล้วจะให้ฉันไปเรียนเนี่ยนะ”เขาพูดแค่นั้น ลากโต๊ะสำหรับคนป่วยมาตรงหน้าฉัน “กินข้าวต้มไหม ฉันซื้อมาตอนกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ”

                ฉันมองการกระทำของเขาอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เมื่อหลายๆวันที่ผ่านมายังปั้นปึ่ง เย็นชาใส่กันอยู่เลย แล้วทำไมจู่ๆมาทำดีด้วยอีกแล้ว

                “ไม่กินอ่ะ หรือไม่มีแรง ป้อนไหม?”

                “...”

                “ไม่หิวเหรอ? เธอไมได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วนะ”

                “...”

                “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า เฮ้! ยู้ฮู เครื่องช็อตหรือไง”

                ฉันมองมือเขาที่โบกๆอยู่ตรงหน้า ก่อนจะคว้ามือเขาเอาไว้ ลู่หานเลยหยุดพูด ก้มมองมือตัวเองที่ถูกฉันจับเอาไว้อยู่ ในขณะที่ฉันเอียงคอมองเขาอย่างสงสัย

                “นาย หายโกรธฉันแล้วหรือไง”

                “โกรธ?”เขาขึ้นเสียงสูง “ฉันไปโกรธอะไรเธอ โกรธตอนไหน”

                “-o-“คำตอบของเขาเล่นเอาอ้าปากค้างได้เลยนะ ไม่ได้โกรธแล้วไอ้ที่ผ่านๆมานั่นล่ะ “แล้วไอ้วันที่ผ่านมาคืออะไร นายพูดน้อยคำมากเลยนะ แถมยังทำเหมือนไม่สนใจกันนั่นอีก”

                “จูฮยอนอ่า”

                ฉันเอนไปพิงหมอนด้านหลังทันทีที่จู่ๆลู่หานก็พูดเสียงเข้ม เขาเท้ามือทั้งสองข้างไว้ระหว่างลำตัวของฉัน ใบหน้าของเขาก็เข้ามาใกล้ซะจนฉันรู้สึกถึงลมหายใจเลยทีเดียว

                “มะ ไม่เห็นต้องขยับเข้ามาใกล้เลย”

                “ฉันเสียใจนะ”

                “...”

                “ที่เธอตีความเป็นห่วงของฉันผิดไปเป็นอย่างอื่น”

                “-o-

                “ฉันไม่ได้โกรธเธอ ไม่เคยโกรธ เลยไม่รู้ว่าจะหายโกรธไปทำไม ฉันเป็นห่วง”

                “นะ นายแสดงไม่เหมือนคนเป็นห่วงเลยนะ ถ้าบอกว่านายเกลียดฉัน ยังน่าเชื่อกว่าอีก”

                เขายิ้มบางๆ ยกมือขึ้นขยี้ผมฉัน “มันเป็นปกติของฉัน ขอโทษที ลืมไปว่าเราเพิ่งกลับมาเจอกันอีก”

                “-o- งะ งั้นนายจะบอกว่าปกตินายก็เป็นแบบนี้เหรอ”

                “อืม ฉันไม่ได้ร่าเริง สดใสเหมือนไอ้เซฮุนนี่ ฉันก็เป็นแบบนี้แหละไม่ได้โกรธ และที่สำคัญ ไม่ได้เกลียดเธอด้วย”

                “...”

                “ไม่เคยคิดจะเกลียดเลยสักครั้ง”เขาพูดย้ำ ค่อยๆถอยหลังออกไป

                ฉันพยักหน้าช้าๆ ไม่กล้าสบตาเขา “..งั้น ก็ดีแล้ว”

                “ยัยบ๊องเอ๊ย”

    ถึงจะพึมพำแต่ฉันได้ยินนะ เช๊อะ!

                “กินข้าวได้แล้ว เธอจะได้กินยา”

                “อ่าฮะ”ฉันพยักหน้ารับ ตักข้าวต้มกินเงียบๆในขณะที่ลู่หานขึ้นไปนอนบนโซฟา หยิบรีโมทมาเปิดทีวีดู ก็ยังดีที่มีเสียงอะไรบ้าง ไม่งั้นคงเงียบจนน่าอึดอัดเข้าไปใหญ่

                ฉันใช้เวลาพักใหญ่ในการกินข้าวต้ม เมื่อเห็นว่าฉันกินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่หานก็ลุกขึ้นมาดันโต๊ะออกห่าง ปรับระดับเตียงให้ฉันเรียบร้อย ก็คงจะจริงล่ะนะ

                เขาคงเป็นคนแบบนี้ ไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าเขาไม่พูด ไม่บอกนี่ฉันคงไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้เกลียดฉัน นี่ฉันคิดไปเองมาตลอดเลยสินะ ว่าเขาโกรธฉัน ไอ้เราก็งงอยู่ได้ ว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธ จะว่าไปแล้วคนที่เริ่มโกรธมันคือฉันด้วยซ้ำไป

                เรื่องชื่อนั่นไง ..เสี่ยวลู่สงวนไว้ให้ซอฮยอนเรียกคนเดียว เช๊อะ ลำเอียง

                “เบ้ปากใส่ฉันทำไมน่ะ”

                “เอ่อ เปล่าซะหน่อย ฉันแค่บริหารกล้ามเนื้อบนหน้า”พูดจบก็เอนตัวลงนอน ดันเห็นตอนกำลังนินทาอยู่อีก ตาไวชะมัด

                “ปริ๊นเซสสสสสสสสสสสสสสสสสส”

                “เฮ้อ..”

                ฉันหันไปทางประตู ไอ้เสียงและสรรพนามแบบนี้คงไม่ต้องบอกว่าใคร ส่วนเสียงถอนหายใจน่ะ เป็นของคนเฝ้าไข้นะ ไม่ใช่เสียงฉัน

                “ไง เซฮุน”ฉันเอ่ยทักเขา

                ทันทีที่เข้ามาในห้องนายโวยวายก็ปรี่มาเกาะขอบเตียง ก่อนจะเอื้อมมือมาจับแขนฉันยก จับหน้าฉันหันไปมาอีกต่างหาก

                “ทะ ทำอะไรของนายน่ะ”

                “เจ็บตรงไหนไหม ไหนดูซิ”

                เพี๊ยะ

                “ไอ้กวางน้อย แกมาตีฉันทำไมวะ”

                “หมั่นไส้ไง จบปะ”

                ฉันมองเซฮุนที่เลิกจับแขนฉันหันไปทะเลาะกับลู่หานแทน เมื่อกี้ลู่หานลุกมาตีแขนเซฮุนน่ะ ก็เลยเป็นแบบนี้ไง

                “เบื่อพวกแกสองคนจริงๆเลย ยี่มันโรงพยาบาลนะ ช่วยเงียบๆกันหน่อยได้ปะ”

                “มยองซู”

                ฉันมองอีกคนที่เพิ่งได้ยินเสียง เขามาด้วยหรอกเหรอ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ จะว่าไปก่อนที่ฉันจะหมดสติ ฉันว่าฉันได้ยินเสียงใครคนนึงนะ และถ้าเดาไม่ผิด เสียงนั้นก็เป็นเสียงของเขาด้วย

                เขาผงกหัวเป็นเชิงทักทายฉัน ฉันมองใบหน้าของเขาอย่างตกใจ เพราะมันมีรอยช้ำอยู่ค่อนข้างเยอะ ที่คิ้วก็แปะพลาสเตอร์ยาไว้ด้วย เขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง

                “ฉันจัดการพวกมันให้แล้วนะ ตอนนี้นอนอยู่ห้องชั้นล่างเธอนี่แหละ”

                “-o-

                มยองซูยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปทำหน้าเนือยใส่เซฮุนกับลู่หานที่ทำท่าว่าจะเถียงกันไม่หยุดสักที “ส่วนพวกแกสองคน ขอความกรุณาเถอะ ช่วยหยุดทะเลาะกันที อุตส่าห์โดดเรียนมาเพื่อมานอน โอเค จบนะ”

                พูดจบพ่อคนชอบนอนก็กระโดไปบนโซฟาแทนที่ลู่หาน เอนตัวนอนอย่างสบายใจ

                “เห๊อะ”เซฮุนส่ายหน้าไปมา เขาเดินมายืนอยู่คนละฝั่งกับลู่หาน มองจากชุดนักเรียนของทั้งสองคน ก็คงใช่ พวกเขาโดดเรียน

                “ทำไมไม่ไปเรียนล่ะเซฮุน”

                “ตอนแรกก็เรียนอยู่ แต่บังเอิญไปเจอกับไอ้นั่นน่ะ”เขาบุ้ยปากไปทางมยองซู “พอรู้ว่าปริ๊นเซสเข้าโรงพยาบาลก็เลยรีบมา เรื่องเรียนไม่สำคัญหรอก”  

                “หึ!”ลู่หานหัวเราะในลำคอ ก่อนจะนั่งลงข้างเตียง เขาหันมามองเซฮุนด้วยสีหน้ากวนประสาทสุดๆ

                ขนาดฉันเห็นยังหมั่นไส้เลย

                “ซอฮยอนเพิ่งกินยา ต้องการพักผ่อน รูดซิบปากแกซะ ถ้าทำไม่ได้ก็กลับไปเรียน อย่ารบกวน”

                “เช๊อะ เรื่องอะไรจะกลับให้พวกแกสองคนอยู่ทำคะแนน”พูดจบเขาก็เดินไปลากเก้าอี้มานั่งอีกฝั่ง “นอนพักผ่อนเถอะปริ๊นเซส ฉันจะดูแลเธอเอง”

                “อ่า.. อืม”ฉันจำต้องพยักหน้า แล้วเอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมจนเกือบจะคลุมทั้งตัว

                บอกฉันทีเถอะว่าสถานการณ์แบบนี้คืออะไร ..มันน่าอิจฉาไหมที่มีสามหนุ่มหล่อมาอยู่กันเต็มห้องแบบนี้ ฉันว่าไม่นะเพราะว่ามัน..

                รู้สึกแปลกๆ หัวใจฉันเต้นแรงมากเลย ฮือ T^T แย่จัง













     

     

     

     

     

     

     

     

                ฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากใช้เวลาค่อนข้างนานหมดไปกับการนอน ตื่นขึ้นมาอีกทีก็มืดแล้ว แถมตอนนี้ก็เหลือลู่หานอยู่แค่คนเดียวอีกต่างหาก ทันทีที่เห็นฉันตื่น เขาก็เดินมานั่งข้างเตียง

                “เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ปะ”

                “ก็นิดหน่อย”ฉันตอบเขา มองไปรอบๆ “เซฮุนกับมยองซูไปไหนแล้วล่ะ”

                “ฉันเพิ่งไล่พวกมันกลับไปกันเมื่อกี้นี้เอง”

                “ไล่? นายไล่แล้วเขายอมไปกันด้วยเหรอ”

                “แน่นอน เพราะฉันใช้สิทธิในการเป็นเพื่อนสนิทเธอ ถ้าพวกมันยังอยู่ คงได้ตีกันตายไปข้าง”

                ฉันยิ้มบางๆ “พวกนายนี่ก็นะ ทะเลาะกันตลอด ปกติเจอกันก็ต้องทะเลาะกันทุกครั้งเลยหรือไง”

                “ไม่หรอก”ลู่หานส่ายหน้า เท้าคางอย่างครุ่นคิด “จะว่าไปแล้วก่อนหน้านี้พวกฉันก็ไม่ค่อยได้มาเจอกันสามคนแบบนี้เท่าไหร่ แต่พอมีเธอมันก็มีเหตุการณ์ให้ต้องเจอกันสามคนอยู่เรื่อยเลยน่ะ”

                “..ฉันคงดีแต่ก่อเรื่องให้พวกนายมาช่วยสินะ”ฉันพูดเสียงอ่อย “ใช่ไหม”

                “คิดมากน่า เอ้อ เมื่อสักพักพ่อเธอโทรมาน่ะ”

                “พ่อเหรอ..”

                “อื้ม แต่ฉันไม่ได้บอกคุณลุงหรอกนะว่าเธออยู่โรงพยาบาล ไม่อยากให้ท่านห่วงน่ะ”

                “ถึงบอกไปก็คงไม่ห่วงหรอกน่า”ฉันบ่นงึมงำ และลู่หานน่าจะไม่ได้ยินเพราะเขาพูดต่อ

                “ไม่โทรกลับไปหาหน่อยล่ะ”

                ฉันส่ายหน้า “ไม่ดีกว่า โทรไปก็ไม่รู้จักคุยอะไร นายก็รู้ว่าฉันไปอยู่กับแม่ตั้งแต่ห้าขวบ ไม่สนิทกับพ่อหรอก ไม่เหมือนซอฮยอนที่อยู่กับพ่อมาตั้งแต่เด็ก”

                “เข้าใจผิดแล้ว”

                “...”

                “อย่าว่าแต่เธอที่อยู่ไกลแล้วไม่สนิทกับคุณลุงเลย ขนาดซอฮยอนที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างกับเธอหรอก ตั้งแต่คุณลุงมีครอบครัวใหม่ ซอฮยอนแทบไม่ได้คุยกับคุณลุงเลยมั้ง”

                “ทำไมเหรอ”ฉันถามด้วยความสงสัย

                “นี่เธอสองพี่น้องคงไม่ได้คุยอะไรกันเลยสินะ”

                “นับครั้งได้เลย สองครั้งต่อปีได้มั้ง”ฉันตอบ “ส่วนใหญ่ซอฮยอนก็ไม่ค่อยโทรหาหรอก มีก็แต่แม่โทร ยัยนั่นเลยคุยกับแม่ซะมากกว่า”

                ลู่หานพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วล่ะ.. ตั้งแต่คุณลุงมีครอบครัวใหม่น่ะ เธอรู้ไหมว่าแม่เลี้ยงเธอมีลูกติดมาด้วย”

                “ก็ เคยได้ยินอยู่นะ แต่ฉันไม่ได้สนใจ”

                “อืม ลูกติดแม่เลี้ยงเธอก็อายุเท่าเรานี่แหละ ที่สำคัญเรียนอยู่ที่เดียวกันกับเราด้วย”

                “จริงเหรอ!!!”ฉันถามอย่างแปลกใจ “ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยแฮะ ไม่เคยเจอด้วยซ้ำ”

                “ก็แหงล่ะ โดยอนคงมาเจอเธอหรอก ในเมื่อซอฮยอนกับโดยอนไม่ถูกกัน นั่นแหละสาเหตุที่ทำให้ซอฮยอนย้ายออกมาอยู่คนเดียว”

                “...อืม พ่อก็บอกฉันว่าเรื่องซอฮยอนไม่มีใครรู้ ฉันว่าสองแม่ลูกนั่นคงไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งว่าจูฮยอนมีตัวตน พ่อคงไม่ได้เล่าให้ฟัง”

                “คงใช่แหละ”

                “...”

                “ซอฮยอนถูกละเลยมาตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ใช่คุณลุงไม่รักไม่สนใจนะ แต่ท่านมีงานน่ะ อย่างกับละครเลยรู้ไหม เวลาฝากซอฮยอนไว้กับแม่เลี้ยงเธอ ยัยนั่นก็โดนแกล้งอยู่เรื่อยแหละ จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหว ฉันไม่แปลกใจหรอกนะ ว่าทำไมซอฮยอนถึงแข็งแกร่ง เข้มแข็งขนาดนั้น”

                “...”

                “เธอน่ะยังดี ที่แม่เธอมีครอบครัวใหม่ที่ดี แต่ซอฮยอนน่ะ.. ไม่มีใครเลยนะ”

                น้ำตาฉันรื้นทันทีที่ได้ยินเรื่องเล่าจากลู่หาน ก็จริง ครอบครัวใหม่ของฉันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ถึงคุณพ่อ(ใหม่)ของฉันจะมีลูกสาวติดมาเหมือนกัน แต่เราก็รักกันดีนะ

                “ฉันไม่เคยรู้เลยว่าซอฮยอนต้องโดดเดี่ยวแบบนั้น ถ้าแม่รู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ฉันว่า.. แม่คงไม่ยอมให้ซอฮยอนอยู่กับพ่อหรอก”

                ขอโทษนะซอฮยอน ..ทั้งๆที่ฉันเป็นน้องสาวฝาแฝดของเธอแท้ๆ แต่ฉันกลับมัวแต่มีความสุข โดยไม่ได้สนใจเธอเลย ขอโทษจริงๆ

                “เฮ้จูฮยอน เธอร้องไห้ทำไมน่ะ”

                ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาทันทีที่ลู่หานทัก หันไปมองหน้าเขา แต่น้ำตามันก็ไหลลงมาอีก “ฮึก ฉัน ..รู้สึกผิดกับซอฮยอนจังเลยลู่หาน”

                เขายิ้มบางๆ จู่ๆก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดขึ้นมา เพราะเขาลุกขึ้นดึงฉันเข้าไปกอด

                “เธอไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกน่า มันผ่านมาแล้ว”

                “...”

                “ที่เธอกำลังทำอยู่ก็เพื่อซอฮยอนไม่ใช่เหรอ ฉันว่ายัยนั่นคงซึ้งใจมากแล้วแหละ”

                “..อะ อื้ม”

                “ไม่ต้องร้องนะ”

                เขาทำแบบนี้มันทำให้ฉันนึกถึงตอนเด็กๆเลย ตอนที่ซอฮยอนไม่ยอมเล่นกับฉัน แล้วฉันร้องไห้ ลู่หานก็ทำแบบนี้ เขากอดฉัน บอกฉันว่าไม่ต้องร้องนะ แล้วเขาก็พูดว่า..

                “..ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง”

                ...

                ใช่ ..เขาพูดเหมือนตอนนั้นไม่มีผิดเลย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×