ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO SNSD INFINITE]Change!!

    ลำดับตอนที่ #7 : CHANGE : CHAPTERS 5

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 731
      10
      16 ก.ย. 57


     

     
     

    Chapters 5

     

                ฉันตื่นเช้าขึ้นมาในสภาพหัวสมองเบลอ มันขาวโพลนไปหมด เพราะเมื่อคืนกว่าจะนอนหลับได้ก็ปาเข้าไปตีสามแล้ว เรื่องสาเหตุฉันว่าคงไม่ต้องถาม เพราะคำตอบมันชัดเจนอยู่ที่การกระทำของนายโวยวายเซฮุนเมื่อวาน

                หมอนั่นขโมยจุ๊บแก้มฉัน

                ตั้งแต่ตอนนั้นก็เหมือนสติฉันหลุดไปเลย ฉันนั่งกินข้าวเงียบๆ จนเขามาส่งฉันที่บ้าน ฉันไม่แม้แต่จะบอกลาเขาเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก็มานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างคนบ้าจนตอนเช้ามีสภาพแบบนี้นี่ไง

                ฉันล็อคบ้านด้วยสภาพที่สติยังเข้าร่างไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อเดินออกมาพ้นรั้ว ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอกับลู่หานที่ยืนพิงรั้วบ้านฉันอยู่ เขาหลับตา และสวมหูฟังไว้ เพลงที่เขาฟังคงดังมาก เพราะขนาดฉันมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วเขายังไม่เห็นฉันเลยด้วยซ้ำ นั่นทำให้ฉันต้องสะกิดแขนเขาเบาๆ

                “นี่ ลู่หาน”

                ถ้าเขาค่อยๆปรือตาขึ้นมาก็คงดีน่ะสิ ฉันจะได้ไม่ต้องรู้สึกหน้าร้อนฉ่าแบบนี้ เพราะอีตานี่จู่ๆก็ลืมตาทั้งที่ฉันกำลังเขย่งมองหน้าเขาอยู่ นั่นทำให้ใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ ฉันรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเขาเลยด้วยซ้ำ

                “เอ่อ..”ฉันถอยหลังมาตั้งหลัก เกาหัวตัวเองอย่างประหม่า ในขณะที่ลู่หานกระแอมแก้เก้อ ก่อนที่เขาจะส่งกระเป๋าของฉันให้

                “เมื่อวานเธอลืมกระเป๋า”

                “อ่า ขอบใจนะ”

                ดูเหมือนฉันจะลืมไปเลยแฮะ ว่าเมื่อวานเรามีเรื่องกันนิดหน่อย ถ้าฉันไม่มองเห็นรอยช้ำวงกว้างที่มุมปากของเขา ฉันคงไม่ได้นึกถึงเลย ลู่หานไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเอากระเป๋าตัวเองสะพายพาดไหล่ข้างเดียว เดินนำฉันไปอย่างเงียบๆ โดยฉันเองก็เดินตามเงียบๆเหมือนกัน

                อา อึดอัดชะมัดเลย

                บนรถเมล์วันนี้คนเยอะมากกว่าวันอื่น อาจเป็นเพราะตอนนี้มันค่อนข้างสายแล้ว สองวันก่อนเราออกมาเช้ามาก คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่นัก ฉันถูกเบียดไปอยู่ที่หลังรถซึ่งมีแต่พวกผู้ชายต่างโรงเรียนนั่งอยู่ ดีที่ลู่หานเองก็อยู่ตรงนี้ ไม่งั้นฉันคงลงรถแล้วรอคันใหม่ไปแล้ว น่ากลัวจะตาย ดูสายตาของแต่ละคนที่มองมาสิ

                อีกเพียงสามป้ายก็จะถึงโรงเรียนแล้ว รถเมล์ยังคงวิ่งไปปกติ แต่จู่ๆก็เบรกอย่างกะทันหันทำเอาฉันที่ไม่ได้จับอะไรไว้เซไปข้างหน้า ราวกับว่าฉันอยู่ในฉากหนึ่งในละคร ฉันไม่ได้ล้มลงไปกับพื้น นั่นก็เพราะมือของลู่หานที่คว้าเอวของฉันเอาไว้ได้ทัน

                “ทนหน่อยแล้วกัน จะถึงแล้ว”เขาพูดแค่นั้น กระชับมือที่โอบเอวฉันไว้ให้แน่นมากขึ้น

                ฉันกัดริมฝีปากตัวเองด้วยความประหม่า ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเลยได้แต่พึมพำเบาๆ “ขอบคุณนะ”

                เราอยู่กันอย่างนั้น คนก็เริ่มขึ้นมาเบียดกันเยอะขึ้น จนทำให้ตอนนี้แผ่นหลังของฉันแนบชิดไปกับหน้าอกกว้างของเขา กลายเป็นเหมือนว่าเราสองคนกำลังกอดกันอยู่ แถมยังเป็นกอดที่แน่นมากด้วย

                ..รู้สึกเหมือนหน้าจะร้อนๆ คล้ายคนจะเป็นลมเลยแฮะ ถึงโรงเรียนสักทีเถอะ

                ขอบคุณพระเจ้าที่ท่านได้ยินคำขอของฉัน เพราะตอนนี้ฉันลงมายืนบนพื้นได้โดยสวัสดิภาพแล้ว ลู่หานเดินตามลงมาเงียบๆ ฉันหยุดรอเขาแต่เขากลับเดินผ่านไป ฉันเลยวิ่งไปดึงเขาไว้

                “...”

                “..ตอนกลางวัน”

                “...”

                “..เอ่อ ฉันต้องรอนายในห้องไหม”ฉันถามอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะลู่หานวันนี้แตกต่างจากวันแรกที่เราเจอกันมาก

                “อยากรอก็รอ”เขาตอบแค่สั้นๆก่อนจะเดินจากไป ทำให้ฉันได้แต่มองเขาอย่างงงๆ

                สรุปนี่คนโกรธคือเขาหรือฉัน? กลายเป็นเขาโกรธหรอกเหรอ?

                ฉันเอียงคอนิดหน่อย พยายามไม่คิดอะไร เดินไปเรื่อยๆเพื่อจะขึ้นห้องเรียน แต่กลับมีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมายืนขวางทางฉันเอาไว้ เมื่อมองหน้าพวกเธอแต่ละคน ก็รู้สึกถึงลางร้ายแปลกๆ

                “อ่า ขอ..ทาง”

                “จะรีบไปไหนล่ะ”เธอที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าแก๊งพูด แถมยังกระชากคอเสื้อฉันอย่างแรง

                นักเรียนที่ผ่านไปผ่านมาต่างก็มองด้วยความสงสัย แต่ไม่มีใครเข้ามายุ่งเลยสักคน

                “ฉะ ฉันจะไปเรียน”ฉันตอบ พยายามเป็นมิตรมากที่สุด แต่เธอกลับไม่รับมิตรจากฉันเลย

                “อย่ามาแอ๊บเรียบร้อยน่า รู้สึกว่าฉันกับเธอ เราจะไม่เจอกันเป็นอาทิตย์เลยนะ”

                “ระ เหรอ คงงั้นแหละมั้ง”

                “อย่ามากวนประสาทฉันนะยะ!!!!!!

                “อึนจอง ลากมันไปเลยไหม”

                อึนจอง(คงใช่)หันไปมองเพื่อนของเธอก่อนจะหันมาจิกตาใส่ฉัน “ไปคุยกันหน่อยสิ”

                “ฉะ ฉันไม่มีอะไรคุยกับเธอหรอก”

                “ก็ไม่ใช่แค่คุยนี่”เธอพูดเสียงต่ำ จิกแขนฉันแน่น “อย่ามาแอ๊บไปหน่อยเลยน่า เป็นอะไรไปล่ะเจ้าแม่ ปกติเธอคงฟัดกับฉันตั้งแต่ตรงนี้แล้วนี่นา”

                “ฉะ ฉันยังไม่อยากมีเรื่องหรอกนะ เพราะงั้น ปะ ปล่อยเถอะ”ฉันพูด(พยายาม)เสียงแข็ง แต่ไม่เป็นผลเลย เพราะเธอเริ่มลากฉันแล้ว

                ไม่น้า ฉันสู้ใครไม่เป็นหรอก ยังไม่อยากโดนตบด้วย T^T

                “เฮ้!!

                พวกเราทุกคนต่างก็ชะงักไปในทันที ฉันหันไปมองทางด้านหลัง รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันทีที่เห็นเขา บางทีเขาไม่เหมาะกับการเป็นไฟท์เตอร์นะ เพราะเขาเป็นอัศวินให้ฉันทุกครั้งเลย

                “มยองซู ช่วยด้วย”ฉันส่งเสียงขอความช่วยเหลือ แต่อึนจองกลับบีบแขนฉันแรงมากขึ้น ทำไมใครๆก็ชอบบีบที่เดิมซ้ำๆ มันเจ็บน้า >,<

                “อย่ามาทำตัวอ่อนแอนะยะ ใครๆเขาก็รู้ว่าเธอเป็นคนยังไง อ่อยไปทั่ว กะฟาดให้เรียบเลยหรือไง”

                “ฉันเปล่านะ ฉันไม่รู้เรื่อง”

                ฉันส่ายหน้าไปมา รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาทันที มยองซูเอียงคอมองฉันก่อนที่เขาจะก้มลงมาจนเราอยู่ระดับสายตาเดียวกัน “นี่คือเรื่องของฉันอีกหรือเปล่า”

                “อื้อ”ฉันรีบพยักหน้ารัวๆทันที หวังว่าเขาคงไม่ช่วยฉันด้วยกันต่อยอึนจองหรอกนะ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิง

                หมับ

                ฟู่วววว รู้สึกโล่งที่มยองซูคว้ากระเป๋าสะพายของฉัน เขาจับที่หูหิ้วของมันแน่นแล้วออกแรงดึงจนฉันหลุดจากอึนจอง “ขอโทษด้วยนะ ฉันมีเรื่องต้องคุยกับยัยนี่นิดหน่อย”

                ฉันเดินถอยหลังไปตามแรงลากของมยองซู เพราะเขาลากหูหิ้วกระเป๋าของฉัน จนเราเข้ามาในตึกเรียนเขาถึงปล่อย ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งใจ

                “เกือบไปแล้ว”

                “เธอนี่ เปลี่ยนไปเยอะจริงๆนะ”เขาพูด มองฉันอย่างสงสัย “อย่างเธอเนี่ยนะ จะไม่กล้าสู้อึนจอง”

                “กะ ก็ใช่น่ะสิ น่ากลัวจะตาย”

                “เห๊อะ”

                “ว่าแต่ ..ยัยนั่นเป็นใครอ่ะ”

                “-_-

                อยากจะตบปากตัวเอง ฉันไม่น่าถามอะไรโง่ๆออกไปเลย ทุกคนที่นี่นอกจากลู่หานเข้าใจว่าฉันคือซอฮยอน แล้วมีเหรอที่ซอฮยอนจะไม่รู้น่ะว่าอึนจองคือใคร

                “เอ่อฉันหมายถึงว่า ยัยนั่นมีเรื่องอะไรกับฉันน่ะ”

                มยองซูหรี่ตามองฉัน แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่ตอบคำถามของฉัน “อึนจองคือเบอร์สองรองจากเธอ”

                “...”

                “เห็นว่าวันชิงตำแหน่ง อึนจองจะได้เป็นแทนที่เธอเพราะเธอหายตัวไป อยู่ๆเธอก็กลับมาล่ะมั้ง เลยอาจจะอยากคุย”

                ยัยนั่นคือตำแหน่งรองจากซอฮยอนงั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นเธอนะ ที่ทำร้ายซอฮยอนน่ะ

                “ปกติก็เห็นเธอพุ่งเข้าชนทุกครั้ง มีแต่ครั้งนี้แหละที่เธอไม่สู้แถมยังทำเหมือนกลัวด้วย”

                “คือว่า..”

                “เอาเถอะ ฉันเข้าใจ ก็ในเมื่อเธอจะทำมันนี่เน๊อะ”

                -o- เอาอีกแล้วอ่ะ เขาพูดอะไรที่ฉันไม่เข้าใจอีกแล้ว ฉันอยากรู้นะเนี่ยว่าซอฮยอนพูดอะไรกับมยองซูไว้ ไหงมันเป็นปริศนาขนาดนี้ได้ล่ะ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ มาที่เรื่องอึนจองก่อนดีกว่า

                “มยองซู”

                “หือ?”

                “ถ้า ..ฉันอยากได้ประวัตินักเรียนในโรงเรียนน่ะ ฉันต้องทำไงเหรอ”

                เขามองฉันอย่างแปลกใจ “อาจารย์คงไม่ให้เธอเข้าไปในห้องทะเบียนหรอก แต่ถ้าอยากได้ประวัติแบบไม่เป็นทางการ อืม.. ประมาณว่าเรื่องเด่นๆของแต่ละคน ฉันว่าในห้องชมรมวารสารน่าจะมี เพราะพวกนั้นเคยทำหนังสือแนะนำอันดับคนดังในโรงเรียนอยู่นะ”

                จะว่าไปแล้วหนังสือเล่มนั้นฉันเคยเห็นจากบ้านลู่หานนี่นา ชมรมวารสารงั้นเหรอ ดีล่ะ

                “ขอบใจนะมยองซู ไว้เจอกันบนห้อง”ฉันบอกลาเขาแล้ววิ่งไปยังห้องชมรมวารสารทันที ฉันจำได้ว่าห้องนั้นอยู่ชั้นล่างห้องริมสุด อ๊ะ! นั่นไง

                ฉันมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่าทางสะดวกก็แอบแทรกตัวเข้าไปในห้อง ตอนนี้เป็นเวลาเรียนคาบแรกแล้วล่ะ คงไม่มีใครมาสนใจ นี่ยอมโดดเรียนเลยนะ ฉันต้องได้อะไรไว้เป็นหลักฐานบ้างสิ

                หลังจากกวาดสายตาไปรอบๆห้องแล้วฉันก็เห็นสมุดสีดำแบบเดียวกันกับที่บ้านของลู่หาน เลยรีบหยิบขึ้นมาเปิดอ่านทันที เมื่อครั้งที่แล้วฉันเปิดถึงแค่หน้าของมยองซูเอง ให้ตายเถอะ ถ้าเปิดมาหน้าต่อไปฉันก็เจอซอฮยอนแล้ว

                ยัยนี่อยู่อันดับหกเชียวนะ

                เอ่อ คนอื่นเขาก็มีทั้งเรื่องดีและไม่ดีผสมๆกันไปนะ ไหงพี่สาวฝาแฝดฉันถึงได้มีแต่เรื่องตบตีล่ะเนี่ย

     
     

                -เข้าห้องปกครองโทษฐานทะเลาะวิวาทกับโรงเรียนมัธยมคยองกิล

                -คดีทะเลาะวิวาทกับนักศึกษามหาวิทยาลัยมินฮวา

                -คดีทะเลาะวิวาทร่วมกับฮัมอึนจองม.ปลายปีสองห้องดี

     
     

                แกร๊กๆ

                ฉันรีบปิดหนังสือเมื่อได้ยินเสียงแกร๊กๆอะไรสักอย่าง เท่าที่ไล่ๆดูแล้วซอฮยอนก็มีคดีทะเลาะวิวาททั้งนั้น ส่วนใหญ่ก็มาจากโรงเรียนคยองกิล มหาวิทยาลัยมินฮวา และอึนจองที่ฉันเจอเมื่อเช้า บางทีอาจจะเป็นใครสักคนที่เรียนอยู่ที่คยองกิล หรือไม่ก็มินฮวา หรือที่เป็นไปได้สุดๆ น่าจะเป็นอึนจองนี่แหละ ในเมื่อยัยนี่ต้องการแทนที่ซอฮยอนนี่นา

                ว่าแต่ทำไมชมรมวารสารถึงได้รวบรวมข้อมูลพวกนี้เก่งจังนะ

                “เราจะทำยังไงกันดีล่ะเนี่ย ให้ตายเถอะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชมรมที่ฉันรักมากกำลังถูกคำสั่งให้ปิดภายในเจ็ดวันนี้”

                ฉันแอบมองผ่านช่องเล็กๆจากหลังโต๊ะที่แอบอยู่ ก็เห็นว่ามีผู้หญิงตัวเล็กๆคนนึง กับผู้ชายอีกสองคนที่เดินเข้ามา เธอคนนั้นบ่นพร้อมกับทำหน้าอยากจะร้องไห้

                “ช่วงนี้เป็นช่วงรับสมัครคนเข้าชมรมด้วยสิ ตอนนี้ก็มีแค่พวกเราสามคน”

                “ตอกย้ำทำเชี่ยไรวะไอ้ยอล”

                “ก็ไม่ได้ตอกย้ำไอ้แบค ก็แค่ทบทวน”

                “พอกันทั้งคู่นั่นแหละพวกนายน่ะ โฮกกกกกก ทำไม ชมรมของเรามันไม่ดียังไง ทำไมถึงไม่มีใครสนใจเลย”

                “อย่าโทษชมรมเลยหัวหน้า บางทีคนอื่นอาจจะไม่ชอบอะไรพวกนี้ก็ได้”

                “นั่นสิ แต่แหม น่าสมเพชคนพวกนั้นชะมัด ไม่รู้ซะแล้วว่าชมรมพวกเรามีของดีขนาดไหน”

                “ดีแค่ไหนยังไงก็คงโดนปิดอยู่ดี ถ้าภายในอาทิตย์นี้ยังหาสมาชิกมาเพิ่มให้ถึงยี่สิบคนไม่ได้น่ะ”

                ฉันมองทั้งสามคนคุยกัน ก้มมองหนังสือในมือตัวเองอย่างครุ่นคิด บางที ..ชมรมวารสารน่าจะช่วยให้ฉันหาตัวคนทำร้ายซอฮยอนเจอได้เร็วขึ้นนะ ฉันว่าพวกเขาช่างสังเกตและคงสืบเรื่องให้ฉันได้ไม่ยาก

                งั้นดีล่ะ..

                ฉันจะช่วยเอง”ฉันพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน

                “เฮือก จะ เจ้าแม่”

                ทั้งสามคนดูตกใจมากที่เห็นฉัน ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็ไปหลบอยู่ข้างหลังผู้หญิงตัวเล็กๆกันใหญ่ ฉันมองป้ายชื่อของเธอคนนี้ก่อนจะยิ้มบางๆ

                “สวัสดีค่ะ รุ่นพี่คิมแทยอน”

                “สะ สะ สวัสดี ..ธะ เธอ เอ่อ คุณ เรียกฉันว่ารุ่นพี่เหรอ”เธอถามฉันสั่นๆ

                ฉันพอจะรู้นะ จากที่ใช้ชีวิตที่นี่มาได้สักพัก ใครๆก็คงกลัวซอฮยอนกันทั้งนั้น ยัยจอมโหดเอ๊ย

                “ใช่ค่ะ”

                เธอกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หันไปตีผู้ชายสองคนข้างหลัง “มาหลบหลังฉันทำแป๊ะอะไรเล่า พวกนายต้องปกป้องฉันเซ่!!!

                “หัวหน้า แต่นั่นเจ้าแม่นะ เจ้าแม่น่ะ”

                “ใช่ๆ พวกเรายังไม่อยากตายนะ”

                ฉันมองพวกเขา ส่ายหัวเล็กน้อย “ฉันไม่ได้มาทำอะไรค่ะ”

                “...”

                ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบพักใหญ่ ก่อนที่รุ่นพี่แทยอนที่คงเป็นหัวหน้าชมรมถามฉันอย่างกล้าๆกลัวๆ “ธะ เธอ คุณเจ้าแม่ต้องการอะไรเหรอ”

                “ขอโทษนะคะ เรียกฉันว่าซอฮยอนเถอะ”

                “แต่..”

                “ถ้าไม่เรียก ฉันเอาเรื่องนะคะ”ฉันพูดพร้อมกับปั้นหน้าโหด

                “โอเคเลยซอฮยอน แฮ่”เธอพูดเสียงดัง ยิ้มเจื่อนๆให้ฉัน “ธะ เธอต้องการอะไรเหรอ”

                “รุ่นพี่บอกว่าชมรมจะถูกปิดถ้าหาคนมาเพิ่มไม่ได้ใช่ไหมคะ”

                “ชะ ใช่”

                “ฉันจะช่วยหาคนเข้าชมรมเอง แต่เราต้องมาแลกเปลี่ยนกัน”

                “อะไรเหรอ”

                “ช่วยสืบประวัติของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฉันให้ทีค่ะ”














     

     

     

     

     

     

                ฉันกลับเข้ามาเรียนตามปกติหลังจากทำข้อตกลงกับสมาชิกในชมรมวารสารซึ่งมีเพียงแค่สามคน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วเพราะพวกเขามีสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่งซึ่งก็คือฉัน

                ฉันไม่ได้ชอบหรอกนะอะไรพวกนี้ ฉันแค่ต้องการให้พวกเขาช่วยเท่านั้นเอง ก็เลยต้องเข้าร่วมชมรมเพื่อแลกเปลี่ยนกัน แต่เพียงแค่ฉันคนเดียว ยังไงชมรมก็ต้องถูกปิดอยู่ดี ภายในอาทิตย์นี้ ชมรมวารสารถูกคำสั่งจากผอ.ว่าหากมีสมาชิกได้ไม่ถึงยี่สิบคนจะต้องปิดชมรม แล้วแค่ 7 วันมันจะไปพออะไรกัน ฉันจะทำไงดีเนี่ย

                “เฮ้อ ฉันล่ะเบื่อจริงๆเลย ทำไมต้องให้เปลี่ยนชมรมด้วยนะ ฉันอยากอยู่ชมรมเดียวกับไนต์อ่ะแก”

                “ไม่เห็นจะยาก ก็ถ้าอยากอยู่ ปีนี้เขาเข้าชมรมอะไรแกก็ตามเข้าไปก็จบแล้ว”

                “ถ้ามันง่ายอย่างที่พูดก็ดีสิ แกจำปีที่แล้วได้ปะล่ะ ฉันอุตส่าห์รอว่าเขาจะเข้าชมรมไหน แต่ก็ไม่ทันสาวๆครึ่งค่อนโรงเรียนที่อยากจะเข้าชมรมเดียวกับเขาอ่ะ”

                “ก็จริงนะ ปริ๊นของฉันก็ไม่ต่างกันเลย พอเขาลงชื่อเข้าชมรมปุ๊บ ยัยพวกห้องเอแห่เข้าตามกันให้พรึ่บ”

                “ขนาดไฟท์เตอร์นะแก เขาเข้าชมรมคณิตศาสตร์ ยัยพวกห้องเอฟที่โง่อย่างกับอะไรดียังเข้ากันจนเต็มไปหมด”

                “ไม่รู้ล่ะ ยังไงปีนี้ก็จับตาดูไว้ให้ดีๆแล้วกัน เข้าชมรมไหนก็ชมรมนั้นขอแค่มีหนึ่งในสามคนนี้ก็พอ”

                ฉันมองผู้หญิงหน้าห้องที่คุยกันหลังจากอาจารย์เดินออกไปจากห้องแล้ว ก่อนจะลากสายตาหันมามองคนที่ฟุบหน้ากับโต๊ะอยู่ข้างๆ

                ดีล่ะ ฉันคิดออกแล้ว

                จึกๆ

                ฉันจิ้มแขนมยองซูสองสามครั้ง เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ปรือตามองฉัน “แหะๆ ขอโทษที่รบกวนเวลานอนของนายนะมยองซู”

                “..อือ”

                “คือ.. ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย”

                “-_-

                “ฉันรู้นะว่าตั้งแต่ฉันกลับมาเรียนฉันมีเรื่องให้นายต้องช่วยตลอดเลย แต่ครั้งนี้มันจำเป็นจริงๆ นายช่วยหน่อยได้ไหม ฉันต้องการความช่วยเหลือจริงๆนะ”ฉันพูด ทำตาแบ๊วเพื่อให้น่าสงสาร

                เขายิ้มมุมปากก่อนจะหันมาทางฉันทั้งตัว “มีอะไรอ่ะ”

                “คือว่า นายเลือกชมรมหรือยัง”

                “ชมรม? อืม ก็อาจจะชมรมเดิม”เขาตอบเนือยๆ เลิกคิ้วมองฉัน “ทำไมเหรอ”

                “นายไม่เบื่อหรือไง ชมรมเดิมๆน่ะ”

                “ฉันที่จริงก็เบื่อ แค่เลือกไว้ให้มีห้องนอนเท่านั้นแหละ แอร์ห้องชมรมคณิตศาสตร์เย็นดี”

                เหตุผลเขานี่มัน -*-

                ฉันยิ้มหวาน เขย่าแขนเขาเบาๆ “งั้น นายช่วยเข้าชมรมวารสารทีได้ไหม แอร์เย็นไม่แพ้ห้องคณิตหรอกนะ”

                “เพื่อ?”

                “ฉันอยากอยู่ชมรมเดียวกับนาย”ฉันพูด ยิ้มให้หวานที่สุด มยองซูหรี่ตามองฉันเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วฟุบลงไปกับโต๊ะเหมือนเดิม “นะ นี่นายตกลงแล้วใช่ไหม”

                “อือ.. ลงชื่อให้ด้วยแล้วกัน”

                เยสสสสสสสสส สำเร็จอย่างง่ายดายไปแล้วหนึ่ง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                “เลิกเรียนแล้วมีนัดไปไหนหรือเปล่า”

                “หือ?”ฉันเงยหน้าจากขานข้าว มองลู่หานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

                ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ฉันรอลู่หานอยู่ในห้องเรียน คิดว่าเขาจะไม่มา แต่สุดท้ายเขาก็มา แม้ว่าเราจะไม่ได้พูดอะไรกัน และบรรยากาศระหว่างเรายังอึมครึมแปลกๆอยู่ก็ตาม

                “ไม่นี่ ฉันจะไปนัดกับใครล่ะ”

                “ก็ไอ้ปริ๊นไง”

                “ฮะ?”

                “เขาลือกันไปทั่วว่าเธอกับมันคบกัน ระวังเถอะ ถ้าซอฮยอนกลับมา เธอจะโดนยัยนั่นด่าเอา โทษฐานที่ไปยุ่งวุ่นวายกับคนที่ยัยนั่นไม่ชอบหน้า”

                ฉันมองหน้าเขา ส่ายหน้าเบาๆ “บางทีซอฮยอนอาจจะไม่ได้ไม่ชอบหน้าเซฮุนก็ได้ เขาน่ารักดีออก”

                “หึ”เขาหัวเราะในลำคอ ก้มหน้ากินข้าวต่อโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

                จะว่าไปแล้วฉันยังไม่ได้เจอเซฮุนเลยแฮะวันนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าไม่เจอหรอก เราเดินสวนกันหลายรอบอยู่นะวันนี้ แต่ฉันเองแหละที่หลบหน้าเขา

                คนมันยังเขินอยู่นี่นา

                “เอ่อ นี่”ฉันเรียกเขาที่กินข้าวเงียบๆ

                “อะไร”

                “เลือกชมรมไปแล้วหรือยัง”

                “ยัง แต่คงเข้ากีฬา”เขาพูดแค่นั้นก่อนจะกินข้าวต่อ

                ฉันว่านะ ลู่หานคงไม่ยอมแน่เลย ฉันได้ยินสาวๆคุยกันว่าเขาเป็นถึงนักกีฬาของโรงเรียน คนอย่างเขาจะยอมมาเข้าชมรมวารสารที่ เอ่อ ใกล้จะถูกปิดแบบนั้นเหรอ ลองชวนดูแล้วกัน ถึงเขาไม่เข้า อย่างน้อยตอนนี้ในชมรมก็มีมยองซูแล้วทั้งคน

                “เข้าชมรมวารสารกันไหม”

                ลู่หานรวบช้อน เงยหน้ามองฉันนิ่งๆ ทำเอาฉันกลัวเลย จะนิ่งไปไหนนะอีตานี่ ทำใจเถอะ เขาคงไม่..

                “เอาดิ”

                ฮะ? มันง่ายขนาดนั้นเชียว แต่เอาเถอะ อย่างน้อยก็สำเร็จไปสองในสามแล้วล่ะนะ

                แต่ว่า..

                รายสุดท้ายนี่คือคนที่ฉันหลบหน้ามาทั้งวันเลยนะ จะทำไงดี T^T

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เชื่อฉันเถอะว่ายัยซอฮยอนต้องไม่เคยทำแบบนี้แน่ แล้วยิ่งถ้ายัยนั่นรู้ว่าฉันเอาชื่อยัยนั่นมาทำแบบนี้ มีหวังฉันโดนด่าแหงๆ

                ฉันทำเพื่อเธอนะซอฮยอน เพราะงั้นห้ามด่าเด็ดขาด โอเคนะ

                ฉันก้มหน้ามองเท้าตัวเองเพราะไม่อยากเงยหน้าขึ้นมามองสายตานับสิบคู่ที่มองมายังฉัน ทำไมล่ะ มันแปลกเหรอ ที่ฉันมารอนายโวยวายที่หน้าห้องเรียนเขาน่ะ

                “ปริ๊นเซสสสสสสสสสส”

                ฉันเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงใสที่ดังลั่นของเขา ร่างสูงวิ่งเข้ามาหาฉันอย่างตื่นเต้นก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน

                “งะ ไง”ฉันทักเขาเก้อๆ แค่เงยหน้ามาเห็นจมูกกับปากเขา หน้าก็ร้อนฉ่าแล้ว

                “ไม่รู้ว่ามารอ ถ้ารู้ว่ามาคงขึ้นมาจากโรงอาหารนานแล้ว”เขาพูด ยิ้มสดใส “วันนี้ไม่เจอกันเลยนะ เหมือนเห็นเธอแวบๆ แต่พอหันไปอีกทีก็ไม่เห็นแล้ว”

                แหงสิ ก็ฉันหลบนายนี่นา

                “ว่าแต่ มีอะไรเหรอ ถึงมาที่นี่ หรือว่าคิดถึง”

                “ไอ้ประสาท”ฉันด่า ตีแขนเขาไปทีด้วยความเขิน ใครจะไปคิดถึงอีตานี่กัน ฮึ่ย

                “อ่ะๆๆ ไม่ล้อก็ได้ ตกลงว่ามีอะไรหรือเปล่า”

                “คือว่า.. ชมรมน่ะ”

                “อ่า แล้วไง”

                “ฉันอยากชวน..”

                “เอาสิ”

                “ฮะ?”ฉันมองเขาอย่างงงๆ ยังพูดไม่จบเลยนะ

                “อ้าว ไม่ได้จะชวนให้ไปอยู่ชมรมเดียวกันหรอกเหรอ”

                “อ่าฮะ ก็จะชวนแหละ แต่นาย ..ตกลงทั้งที่ฉันยังพูดไม่จบน่ะนะ”

                เขายิ้ม เอามือมาวางบนหัวฉันพร้อมกับโยกเบาๆจนหัวฉันเอียงซ้ายทีขวาทีอย่างกับตุ๊กตาติดหน้ารถ

                “ไม่ว่าเธอจะให้ฉันทำอะไร จะชวนฉันไปไหน ฉันก็ตกลงทั้งนั้นแหละน่า”

                “-////////-

                ฉันพยักหน้า เม้มปากแน่นเพราะไม่อยากหลุดยิ้มออกมา บอกลาเขาแล้ววิ่งกลับมาที่ห้องเรียนทันที

                ในที่สุด สามหนุ่มสุดฮอตก็มาอยู่ชมรมวารสารแล้ว มิชชั่นสำเร็จ!!!!!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×