ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bellum Orbis Terrarum Online

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 ความหลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 327
      3
      13 ต.ค. 53

     
    ตอนที่ 8
     
    เช้าวันใหม่มาถึงวันนี้เป็นที่คาวีต้องเดินทางไปเมืองเอลฟ์เพราะเมืองเอลฟ์นั้นติดกับเขตเมืองเก่าพอดี
     
    “ไลรี่ สโนว์เตรียมตัวให้พร้อมนะ” คาวีหันไปสั่งสมุนทั้งสอง
     
    “ขอรับ”
     
    “อ่าวท่านคาวีตื่นแล้วเหรอ มาทานอาหารกันก่อนเถอะ” ราชาคนแคระเดินผ่านมาเห็นพอดีจึงชวนทานข้าว คาวีจึงเดินตามราชาไปห้องอาหาร
     
    “วันนี้แล้วสินะที่ท่านต้องเดินทาง” ราชาคนแคระเปิดประเด็นการสนทนา
     
    “ครับ ผมต้องรีบไปตามหาเจ้าแมวหลงทางให้เสร็จแล้วกลับเมืองน่ะครับ”
     
    “อือ งั้นเอานี่ไปสิข้าให้” ราชาคนแคระหยิบดาบยาวส่งให้คาวี
     
    “จะดีเหรอครับนั้นมันดาบของท่านไม่ใช่เหรอครับ” คาวีรู้สึกเกรงใจเป้นอย่างมากเพราะแค่ได้พักและเดินทางร่วมด้วยนี่ก็มากแล้ว
     
    “ข้าไม่ถนัดใช้ดาบหรอกเอาไปเถอะข้าให้” ราชาดูเหมือนจะไม่สนใจดาบเท่าไหร่คาวีจึงจนปัญญาจะปฏิเสธ
     
    “ขอบคุณมากครับ”
     
    การทานอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อคาวีและสมุนทานเสร็จราชาคนแคระก็เตรียมรถม้าไว้ให้คาวีและสมุนนั้นไม่อยากจะ ปฏิเสธน้ำใจของราชาคนแคระจึงรับไว้ด้วยความเต็มใจ การเดินทางนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัยเป้นครั้งแรกที่คาวีรู้สึกปลอดภัยจริงตั้งแต่อยู่ในโลกของเกมส์นี้ เวลาของคาวีนั้นเหลืออีกเพียงไม่กี่วันจะถึงกำหนดการตื่นของเขาในโลกแห่งความจริงเขากังวลเป็นอย่างมาก เพราะเขาห่วงคุณยายนีน่าที่จะต้องอยู่คนเดียว คาวีเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเลยทีเดียว ตั้งแต่เล็กพ่อกับแม่ของคาวีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไม่คาดฝันในวันที่คาวีเกิดแม่เสียชีวิตทันทีที่คลอดส่วนพ่อของคาวีนั้นขับรถชนกับเสาไฟเสียชีวิตยังดีที่คาวียังดีที่มีพี่ชายที่อยู่กับเขาในตอนที่ลืมตาดูโลก พี่ชายเลี้ยงดูคาวีตั้งแต่เล็กจนกระทั้งคาวีอายุได้ 15 ปีพี่ชายของคาวีเริ่มป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล คาวีทำงานทุกอย่างหาเงินเพื่อจะรักษาพี่ชาย คาวีใช้เงินทั้งหมดขายรถของพี่เพื่อค่ารักษาพยาบาล วันหนึ่งขณะที่คาวีนั่งคุยกับพี่ชายของตนอยู่นั้นพี่ชายของคาวีก็พูดขึ้นว่า “น้องพี่ไม่ต้องเปลืองเงินของน้องหรอกพี่รู้ว่ายังไงโรคนี้ก็รักษาไม่หาย น้องเก็บเงินของน้องไว้เถอะ พี่คงจะใช้เงินของน้องไม่ไว้แล้วมันมากเกินพอแล้ว” เมื่อกล่าวพี่ชายของคาวีก็หลับไป คาวีเห็นว่าพี่ของตนหลับไปแล้วคาวีจึงกลับบ้านเพื่อจะไปทำงานรอบดึก แต่ในขณะที่จะออกจากบ้านก็มีโทรศัพท์เข้ามาพอดีคาวีจึงรีบมารับโทรศัพท์ เมื่อเขารับโทรศัพท์เขาได้ยินประโยคหนึ่งที่ทำให้เขาแทบอยากจะให้โลกแตกเสียเหลือเกิน พี่ชายของคาวีป่วยเป็นโลกที่รักษาไม่หายสาเหตุการทำงานหนักพักผ่อนน้อยแล้วขับรถเสียหลักชนเข้ากับเสาไฟ เศษของเสาไฟเสียบคาอยู่ที่คั่วของหัวใจ หลังจากทำการผ่าตัดเสร็จหมอบอกคาวีว่าหัวของพี่ชายคาวีติดเชื้อที่กำลังแพร่ระบาดหนักในเขตอันตราย คาวีได้ยินประโยคนี้ก็เหมือนพื้นที่ยืนอยู่นั้นว่างเปล่าร่างของคาวีเข่าอ่อนล้มลงต่อหน้าคุณหมอทันที แต่หมอก็ยังบอกอีกว่าหากมีหัวใจที่สามารถเปลี่ยนได้จะเปลี่ยนให้ทันที คำๆนี้เป็นแรงบันดาลใจของคาวีตั้งแต่นั้นมา หลังจากนั้นคาวีก็ทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินเพื่อค่ารักษาพยาบาลพี่ชายจนแล้วจนรอดก็ยังหาหัวใจที่เข้ากับพี่ชายของคาวีไม่ได้สักที จนวันนี้โทรศัพท์จากโรงพยาบาลมันทำให้หัวใจของคาวีอยากบ้าเสียตรงนั้น เหมือนดังสายฟ้าที่ผ่าลงกลางใจ คาวีรีบนั่งรถมาหาพี่ชายของตนทันที เมื่อมาถึงโรงพยาบาล คาวีวิ่งตรงไปที่ห้องของพี่ชาย ภายในนั้นมีหมอสองกำลังเข็นเตียงของพี่ชายออกจากห้องไป คาวีเดินตามรถเข็นของพี่ชายถึงที่เขียนว่า ไอ ซี ยู ผ่านไปหลายชั่วโมงแต่สำหรับคาวีเหมือนผ่านไปหลายสิบปีเหลือเกิน ไม่นานหมอก็เดินออกจากห้องมาและกล่าวกับคาวีว่า “หมอได้ทำเต็มที่สุดความสามารถแล้ว ขอแสดงความ...” เหมือนคำพูดของหมอจะถูหยุดไว้ตรงนั้น หัวใจของคาวีเต้นโครมครามมันแถบจะกระเด็นออกมาดิ้นนอกออกให้รู้แล้วรู้รอด เวลานั้นไม่เคยหยุดคำพูดของหมอยังคงดำเนินต่อไป “..ยินดีด้วยการผ่าตัดของพี่ชายคุณเป็นไปอย่างราบรื่น เขาปลอดภัยแล้ว” ดังสวรรค์ทรงโปรดเขาดีใจอย่างบอกไม่ถูก พี่ชายของคาวีพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่สองสัปดาห์หมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ คาวีก็พาพี่ชายกลับบ้าน ทั้งสองช่วยกันทำมาหากินมาจนกระทั้งพี่ชายพบรักกับพี่สะใภ้ที่เป็นเศรษฐีอยู่ต่างประเทศ พี่ชายและพี่สะใภ้ของคาวีชวนคาวีไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ แต่คาวีปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวนชีวิตคู่ของพี่ชายและพี่สะใภ้ จึงอยู่คนเดียวมาถึงทุกวันนี้แต่พี่ชายด้วยความเป็นห่วงจึงส่งเงินมาให้แต่คาวีด้วยความที่ไม่อยากรบกวนพี่ชายจึงไม่เคยใช้เงินนั้นเลยแม้แต่บาทเดียว ถึงกับลืมไปเลยเสียด้วยซ้ำว่าบัญชีนั้นมันอยู่ที่ไหน แต่คาวีก็ยังคงติดต่อกับพี่ชายอยู่เสมอจนถึงทุกวันนี้ ที่คาวีซัดลูกค้าฟันล่วงเกิดจากลูกค้าจับก้นเพื่อนพนักงานสาว  จึงเป็นเหตุให้ถูกไล่ออก และต้องหางานใหม่นั้นเอง
     
    ตอนนี้เวลาเที่ยงแล้วรถม้าวิ่งมาได้ครึ่งทางทำไมถึงทราบว่าครึ่งทางน่ะเหรอก็เพราะตอนนี้เรากำลังจะถึงที่เหมืองของราชาคนแคระที่ตั้งอยู่ระหว่างทางเมืองเอลฟ์กับเมืองของคนแคระ แต่เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นควันไฟได้พวยพุ่งขึ้นจากกองเพลิงที่เหมืองของราชราคนแคระเป็นเหตุให้ทุกคนจึงรีบเดินทางไปยังเหมืองทันทีเมื่อมาถึงเหมืองก็เห็นแต่ความเสียหายเต็มไปหมด ที่พักคนงานถูกเผาวอด เหมืองถล่มลงมา ทุกสิ่งทุกอย่างพังพินาศย่อยยับไปหมด และตัวตนเหตุไม่ใช้ใครที่ไหน ก็อบลินนั่นเอง
     
    “สโนว์ ไลรี่ ไปรับศึกทีส่วนฉันคงสู้พวกนายไม่ได้ฉันจะไปดูผู้บาดเจ็บล่ะกัน” คาวีและสมุนแยกกันไปทำหน้าที่ของตนอย่างรวดเร็ว ศึกเล็กเริ่มเกินขึ้นและเริ่มขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยเหล่าก็อบลินไม่รู้มาจากส่วนใดถึงได้เยอะขนาดนี้
     
    “ทหารไปช่วยคนแคระเดี๋ยวนี้” เสียงอันทรงพลังกล่าวทะลุถึงจิตวิญญาณทำให้คาวีต้องหันไปมอง เป็นเอลฟ์ชายรูปงามดวงตาทรงอำนาจผมสีทองใส่ชุดเกราะเบาเหมาะแก่การเคลื่อนไหวที่รวกเร็ว ทำสั่งของเอลฟ์ผู้นี้เหมือนประกาศิต เหล่าเอลฟ์ที่อยู่ภายใต้การบัญชารีบเดินหน้าเข้าโรมรันกับเหล่าก็อบลินทันที
     
    “เจ้าหนุ่มเจ้าคือผู้ที่ช่วยสหายข้าราชราคนแคระใช้หรือไม่” เอลฟ์ผู้นั้นเดินตรงมาหาคาวี
     
    “ค..ครับใช่ครับ” คาวีตอบอย่างกล้าๆกลัวๆจนไม่กล้าสบตา
     
    “เจ้าไม่ต้องกลัวข้าหรอก ข้าคือราชาแห่งมวลหมู่เอลฟ์ ข้าได้รับสารที่เจ้าอ้วนเคราดำมาว่าจะมีมนุษย์มาหา แต่ข้าเป็นคนใจร้อนเลยนำทัพมาต้อนรับที่เหมืองเสียหน่อยแต่นั้นเจอมารซะก่อน”
     
    “เอ่อ..ขอบคุณมากครับไม่น่าจะลำบากเลย”
     
    “โอ้ยไม่เป็นไรยังไงข้าก็อยากจะเห็นเจ้าอยู่แล้ว ดีซะอีกที่มาเพราะถ้าไม่มาอาจไม่รู้เลยว่าพวกมันบุกมา ข้าได้ส่งสารไปหาเจ้าอ้วนแล้วอีกเดี๋ยวก็คงนำทัพมา ดูถ้าศึกนี้จะเป็นตัวตัดสินนะ” ยังไม่ทันที่ราชาเอลฟ์จะพูดจบเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
     
    “ฮ่าๆ เจ้าพวกหูแหลม กับพวกเคราเตี้ยเอ๋ยยอมแพ้ซะเถอะแล้วยกเหมืองนั่นให้ข้าซะแล้วข้าอาจจะใจดีปล่อยพวกเจ้าไปซัก คนสองคน” ไม่นานเสียงระบบก็ดังขึ้น
     
    /ประกาศราชาก็อบลิน ระดับ 50 ผู้ที่ถูกสังหารระดับลด 5 ระดับ รอเวลาจุติใหม่ 24 ชั่วโมง/
     
    เสียงแตรขบวนทัพก็อบลินดังขึ้นทัพของก็อบลินนั้นดูเหมือนจะมีมากกว่ากองทัพเอลฟ์และคนแคระถึงสองเท่าเลยทีเดียว การต่อสู้เป็นไปอย่างดูเดือด เจ้าสโนว์และพักพวกที่เมื่อก่อนเคยตัวสีขาวตอนนี้ร่างกายเปื้อนเลือดจนขนแดงสดดูน่ากลัว การต่าสู้ยังคงดำเนินต่อไปไม่นานทัพคนแคระนำโดยราชาคนแคระก็มาถึง ไม่พูดพร่ำทำเพลงลุยอย่างเดียวการต่อสู้เริ่มหนักหน่วงขึ้นทุกทีฝ่ายก็อบลินใช่พวกที่มีเยอะกว่าข่ม แต่ฝ่ายกองทัพของราชาเอลฟ์และคนแคระกลัวไม่ยังคงต่อสู้กันต่อไป
     
    “เราจะทำอย่างไรดีๆ เรานี่มันไม่มีประโยชน์บ้างเลยรึไงนะ เอะเดี๋ยวเราปาลูกดอกแม่นหนิแต่จะหาลูกดอกจากไหนล่ะเนี่ย ใช้หินไปก่อนแล้วกัน” คาวีหยิบก้อนหินที่เหมาะมือปาไปโดนแม่ทัพก็อบลินที่กำลังลอบสังหารราชาคนแคระพอดีทำให้ราชาคนแคระรู้ตัวหันหลังฟันฉับ แม่ทัพหลับยาวเสียงระบบก็ดังขึ้น
     
    /ผู้เล่นได้รับทักษะ ปาของ ระดับ 1/
    /ผู้เล่นได้รับทักษะ แม่นยำ ระดับ 1/
     
    “ขอบใจมากท่านคาวี ท่านี่ปาแม่นเหมือนกันนะเอานี่ไปลองใช้ดูมั้ย” ราชาคนแคระโยนห่อผ้ามาให้คาวีรับไว้และเปิดออกดูมันเป็นมีดสั้นขนาดเล็ก คาวีไม่รอช้าหยิบขึ้นมาปาทันที แน่นอนว่าจุดที่คาวีปานั้นเป็นจุดตายทั้งสิ้น อันได้แก่ คอ ขมับ ดวงตา หัวใจ เป็นต้น คาวีปาอย่างแม่นยำมากแต่มีดนั้นเริ่มร่อยหรอ คาวีปาจนเหลือมีดเล่มสุดท้าย คาวีจึงต้องตัดสินใจว่าจะปาตัวไหนดีในขณะนั้นราชาเอลฟ์กำลังจะประชิดตัวของราชาก็อบลินได้ แต่ถูกองครักษ์สกัดเอาไว้คาวีจึงปามีดเพื่อสังหารองครักษ์จะได้หลีกทางให้คาวี แต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นขณะที่มีดของคาวีกำลังพุ่งเพื่อสังหารเป้าหมาย ม้าของราชาก็อบลินเกิดสะดุดยอดหญ้าทำให้ราชาก็อบลินตกลงมาข้างล่าง ราชาก็อบลินรีบลุกขึ้นมาทันทีแต่แล้วก็รู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มเข้าไปในกะโหลก แน่นอนไม่ใช่อะไรมีดที่คาวีปามานั่นเองทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที จนจับต้นชนปลายไม่ถูก และแล้วทุกอย่างก็เงียบลงฝูงก็อบลินเมื่อฝูงก็อบลินขาดผู้นำก็เริ่มระส่ำระส่าย วิ่งหนีกันชุลมุนไปหมดแต่มีหรือกองทัพราชาทั้งสองจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือ สองราชารีบสั่งโจมตีรุกไล่จนกองทัพก็อบลินที่ต้านทานอยู่แตกพ่ายไป เมื่อศึกจบลงเสียงพยานศึกก็ดังขึ้น
     
    /ผู้เล่นได้สังหาร ราชาก็อบลิน ระดับ 50 จำวนวน 1 ตัวได้รับค่าประสบการณ์ 250,000/
    /ผู้เล่นได้สังหาร องครักษ์ก็อบลิน ระดับ 40 จำนวน 3 ตัว ได้รับค่าประสบการณ์ 300,000/
    /ผู้เล่นได้สังหาร แม่ทัพก็อบลิน ระดับ 30 จำนวน 15 ตัว ได้รับค่าประสบการณ์ 750,000/
    ....................................
    .................
    ................
    .........
    ........
    .....
    ..
     
    เสียงระบบยังคงดังต่อไป สโนว์และไลรี่ที่ดูโทรมมากๆถึงกับหลับสนิทเมื่อมาถึงกะโจมที่พัก สองราชาสั่งให้ทหารช่วยคาวีเก็บของและแยกชนิดออกจากกัน คาวีเดินเก็บของไปเรื่อยจนเผลอเหยียบเข้ากับสิ่งหนึ่งเข้า
     
    แกร็ก!~
     
    “เสียงอะไรน่ะ” คาวีฉงนกับเสียงจึงมองลงไปที่เท้าของตน ก็เห็นปืน Sniper Rail gun Rifle สีดำสนิทคาวีจึงหยิบขึ้นมาดู
     
    /Sniper Rail gun Rifle ระดับ A
    พลังโจมตี ???-???
    (ต้องทำการยิง Head Shot เท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะถือว่าโจมตีโดยไร้ผล)/
     
    “อะไรกัน พลังโจมตีก็ไม่รูแถมยังต้องยิง Head Shot อีก อาวุธอะไรเรื่องมากจริง” ถึงคาวีจะบ่นยังก็เก็บอยู่ดี....

    --------------------------------------------------
    ตอนนี้มันมีฉากตู้สู้แต่ผมบรรยายไม่ค่อยเก่งอีกทั้งยังปวดหัวอยู่เนื่องๆ

    พรุ่งนี้ของดนะครับไรเตอร์มีเรียน รด คงเหนื่อยกันเลยทีเดียว
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×