sakura sasa

เนื้อเรื่อง

น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักซากุระดอกไม้ประจำชาติญี่ปุ่น ยามที่ดอกซากุระผลิบานตามสวนสาธารณะชื่อดังต่างๆจะมีการจัดงานเทศกาล ดอกไม้ (Hanami = 花見) กันโดยจะมีการออกร้านขายของ อาหารทานเล่น และยังมีเกมส์ต่าง ๆ ให้ประชันฝีมือ มองเผิน ๆ อาจจะ คล้าย ๆ งานวัดบ้านเรา โดยเฉพาะในช่วงที่ซากุระบานเต็มที่ ผู้คนจะหลั่งไหลกันมาปูเสื่อดื่มเหล้า (Sake = 酒) ทานอาหารไปพร้อม ๆ กับชมความงามของดอกไม้น้อยสีชมพูนี้กัน

ในการมาชมดอกไม้ หน้าที่ที่สำคัญไม่น้อยหน้าการจัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มคืองานจองที่ถ้าใครได้ไปสวนสาธารณะในช่วงนี้ก็จะเห็น ภาพพื้นที่ต่าง ๆ ใต้ต้นซากุระที่ถูกปูคลุมไว้ด้วยผ้าพลาสติกสีฟ้าและยึดมุมทั้งสี่ไว้ด้วยก้อนหินหรืออะไรก็ตามที่พอจะหาได้แถวนั้น กับผู้โชคร้ายที่ต้องรับหน้าที่จองพื้นที่นั่งหาวหวอดรอเวลาให้สมาชิกคนอื่นตามมา ด้วยดวงตาละห้อยมองกลุ่มอื่น ๆ ที่สมาชิกครบ แล้วและเริ่มบรรเลงรินเบียร์ รินอาหารกับอาหารใส่ปากส่งเสียงกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะงานชมดอกไม้ของบริษัท ต่างๆ นั้นผู้โชคร้ายก็ไม่วายต้องเป็นพนักงานใหม่หน้าใส ๆ ที่ต้องรับหน้าที่ออกมาหาที่งาม ๆ ในสวนและนั่งรอจนกว่าจะตกเย็น ถึงเวลาบริษัท เลิกและรุ่นพี่หรือเจ้านายจะตามมา

               สำหรับในเมืองนาโกยา จุดชมซากุระที่ใหญ่และสะดวกที่สุดก็ไม่พ้นที่ปราสาทนาโกยาและสวนปราสาทนาโกยา (Meijo-koen = 名城公園) โดยมีซากุระกว่า 2400 ต้น และจะบานเต็มที่ช่วงปลายเดือนมีนาคมไปจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน และในช่วงกลาง คืนจะมีการเปิดไฟไลท์อัพด้วย

นอกจากนี้ยังมีสวนสัตว์และสวนพฤกชาติฮิกาชิยามา (Higashiyamadoshokubutsuen = 東山動植物園/3800 ต้น) สวนสาธารณะเฮวะ (Heiwakoen = 平和公園/2300 ต้น) หรือสวนสาธารณะทซึรุมะอิ (Tsurumaikoen = 鶴舞公園/1200 ต้น) ที่น่าแวะเข้าไปเยี่ยมชมแต่ถ้าใครมีเวลาอยากแนะนำให้ไปชมซากุระเมืองนารา ที่เขาโย ชิโนะ (Yoshino = 吉野山/30000 ต้น) ซึ่งเป็นที่ชมซากุระที่เลื่องชื่อมาแต่โบราณ และจะผลิบานเต็มที่ช่วงต้นถึงปลาย เดือนเมษายน  การเดินทางค่อนข้างสะดวกมีรถไฟบริษัท Kintetsu (近鉄) พาไปส่งเกือบถึงที่ โดยให้นั่งสายโยชิโนะไปลงที่สถานีโยชิโนะ จากนั้นให้เดินไปทางทิศใต้อีกประมาณ 2 นาที แล้วนั่ง Ropeway ต่อขึ้นไป นอกจากนาราแล้วเมืองหลวงเก่าเกียวโตก็มีแหล่ง ชมซากุระที่สวยงามไม่แพ้ใคร ชื่อที่คุ้นเคยกันก็เห็นจะเป็นวัดคิโยมิซึ (清みす บานปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน/1000 ต้น ) หรือศาลเจ้าเฮอัน (Heian jingu = 平安神宮/ บานต้นถึงกลางเดือนเมษายน) นอกนั้นที่ใกล้เข้ามาหน่อยและน่าลอง ไปก็คือสวนสาธารณะโอคาซากิ (Okazakikoen = 岡崎公園/1700 ต้น/ บานปลาย เดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน) โดยให้นั่ง รถไฟสาย Nagoya-Honsen (名古屋本線) ไปลงที่สถานี Higashiokazaki (東岡崎駅) แล้วเดินต่อไปทางทิศ ตะวันตกเฉียงเหนืออีกประมาณ 10 นาที และที่สวนโอคาซากินี้เอง เค้ามีการจัดเทศกาลซากุระ กันตั้งแต่วันที่ 1-15 เมษายน โดยในช่วงกลางคืนช่วง 6 โมง – สี่ทุ่มก็จะมีไลท์อัพให้ไปทำโรแมนติกกันได้ด้วย

                   พูดถึงซากุระ คำว่าซา ในคำว่าซากุระ เชื่อกันว่าเกี่ยวพันไปถึง Sagami (サ神) เทพเจ้าแห่งภูเขาที่ขึ้นชื่อมาแต่โบราณ ส่วนคำว่า กูระสามารถตีความหมายว่า ที่สถิตของเทพเจ้าก็ได้ นอกจากนั้นการดื่มเหล้าหรือ สาเก ก็เชื่อกันว่า สา ในคำว่า สาเก มีความเกี่ยวพันถึง ซากามิ เช่นกัน ดังนั้นการชมซากุระก็คือการไปนั่งใต้ต้นไม้ที่เป็นที่สถิตย์ของเทพเจ้าซากามิ ถวายสาเกหรือปลา (Sakana = 魚) แด่เทพเจ้าแล้วรับของเซ่นไหว้เหล่านั้นมารับประทานนั่นเอง การถวายสาเก ฯลฯ แก่เทพเจ้านั้นเดิมที่เชื่อว่าเพื่อให้พืชผลงอกงามดี เพราะซากุระเป็นดอกไม้ที่ทำหน้าที่เตือนเกษครว่าถึงฤดูเพาะปลูกแล้ว ละบรรดาชาวบ้านก็จะทำนายความสมบูรณ์ของผลิตผลในปีนั้น ๆ โดยดูจากลักษณะการร่วงของดอกซากุระนี่เอง ที่น่าสนใจคือพระเอกในการชมดอกไม้นั้นเดิมไม่ใช่ดอกซากุระแต่เป็นดอกบ๊วยซึ่ง ได้รับอิทธิพลมาจากเมืองจีนเห็นได้จากในวังเองดอกไม้ที่มีปลูกเดิมคือดอกบ๊วยและดอกทาจิบานะและมาปลูกเปลี่ยนเป็นดอกซากุระ ในสมัยจักรพรรดิ์ทินเมียง (仁明天皇 / 833~850) โดยเฉพาะหลังญี่ปุ่นเลิกส่งทูตไปเมืองจีนราชวงศ์ถัง (唐) ในปี 894 ญี่ปุ่นมีแนวโน้มความพยายาม สร้างวัฒนธรรมที่มีเอกลักษญ์เฉพาะตัวมากขึ้น อาจด้วยเหตุนี้เองผู้คนจึงหันมานิยมดอกซากุระแทนดอกบ๊วยซึ่งมีที่มาจากเมืองจีนมาก ขึ้นโดยเมื่อเข้ายุคเฮอันช่วงหลังพิธีการต่าง ๆ โดยเฉพาะในวังเริ่มมีการใช้ดอกซากุระเข้ามาแทนดอกบ๊วย ทั้งนี้การชมดอกไม้นั้นเดิมที เป็นวัฒนธรรมของคนชั้นสูงจากนั้นค่อยนิยมเข้ามาในหมู่ซามุไรนักรบ ส่วนที่ชาวบ้านทั่วไปเริ่มนิยมชมดอกไม้กันในแบบปัจจุบัน นี้นั้นว่ากันว่ามาเริ่มกันในสมัยเอโดะนั่นเอง

สำหรับ 5 อันดับสถานที่ที่มีต้นซากุระมากที่สุดในแถบเมืองนาโกย่ามีดังนี้