ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Hunter School ภาค พฤกษาแห่งความตาย

    ลำดับตอนที่ #17 : ชาลอส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 47
      0
      9 เม.ย. 59

    ส่วนของเฮคเตอร์

    อาหารเช้าเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเป็นแหล่งพลังงานแรกของวันดั้งนั้นเราควรทานอาหารเช้า ก่อนออกเดินทางไปสำรวจโรงเรียนตามที่พี่ไฟวัสต์สั่งผมจึงต้องทำอาหารมากมายให้พี่ท่านทาน ไม่ว่าจะเป็นชุดอาหารเช้า กระต่ายย่าง หรือนมกระทิงฟังชื่อแปลกๆก็น่าจะรู้ของโซว์เขานั้นแหละ

    เมื่อเดินทางออกมาได้สักพักพี่เรฮันกับพี่มิกเกลก็ขอตัวแยกไปที่ที่พวกเขาสงสัย และพี่ไฟวัสต์ก็ให้ไฟเขียว ตอนนี้พวกเราเลยมีกันหกคน

    ไม่นานเท่าไหร่เราก็มาถึงอาคารต้องสงสัยแห่งแรก หอสมุด กว่าจะมาถึงก็เหนื่อยพอสมควร และผมขอสัญญาว่าการเดินบุกเข้าดงฝิ่นจะเป็นสิ่งที่ผมไม่คิดจะทำอีกตลอดชีวิต!

    ส่วนของไฟวัสต์

    การที่ข้ามีพละกำลังมหาศาลถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในสนามรบและข้อดีอีกอย่างข้าไม่ได้มีแต่พลังแล้วไร้สมอง คงต้องขอบคุณที่เปลวไฟดันหลงใหลในตัวข้าข้าจึงได้รับความร้อนแรงที่ไม่มีวันมอดไหม้ และคงต้องขอบคุณจ้าวสวรรค์สำหรับเวทที่แข็งแกร่งทั้งยังสารพัดประโยชน์(แต่บางที่มันก็รุนแรงไปนะ) สุดท้ายข้าคงต้องขอบคุณท่านพ่อที่อุตส่าหาสงครามาให้ข้าลงเล่นบ่อยๆ การที่ข้ามีเวทของจ้าวสวรรค์อยู่ในมือย่อมหมายความว่าเวทสายขาวมีเพียงข้าเท่านั้นที่ใช้ได้อย่างเต็มที่แม้จะเป็นเวทต้องห้ามร้ายแรงดังนั้นผู้ใช้เวทสายขาวที่แข็งแกร่งกว่าข้าก็จะมีแค่คนเดียว แต่จ้าวสวรรค์ไม่มีทางที่จะสร้างโดมครอบโรงเรียนไว้และส่งลมนรกโลกันต์มาแค่เขาดีดนิ้วก็ได้แทบทุกอย่างที่ต้องการ อยากรู้จริงๆว่าใครกันที่ร่ายเวทอันแข็งแกร่งนี้

    หอหนังสือที่ข้าตั้งใจจะไป... มันอยู่นอกโดมเวท! ให้ตายเถอะ “ข้าว่าไปที่หอซักรีดก็ได้นะ” โซว์พูดเมื่อบินขึ้นไปเพื่อมองเขตของโดมเวท

    ข้ามองโซว์ด้วยหางตาเมื่อโซว์ร่อนถึงพื้นแล้ว “แล้วแต่” เมื่อได้คำอนุมัตจากข้าทุกคนก็รีบไปหอซักรีดทันที ข้าไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย!

    ว่าไปข้าได้ข่าวมาว่าที่หอซักรีดมีประตูเวทอาถรรพ์  ให้ตายเถอะอายุก็ไม่ใช่น้อยๆกันแล้วยังกลัวผีกันอีก เมื่อมาถึงหน้าหอซักรีดแทนที่จะพบกับตึกสีขาวสะอาดปลอดโปรงกลับกลายเป็นว่ามาพบกับตึกที่แยกสีไม่ออกมีเชื้อรา ตะไคร่น้ำ และมอสขึ้นปกคลุมเต็มไปหมด หยาดน้ำสกปรกสีเทาไหลย้อยลงมาจากมุมหลังคาที่พังลงมาบังทางเข้าพอดี

    ตูม!

    เสียงระเบิดพลังเวทดังขึ้นจนมึนไปชั่วครู่ “ทำบ้าอะไรของนาเนี่ยโซว์” เฮคเตอร์โวยวายโซว์ที่ระเบิดพลังใส่ทางเข้าอย่างใจร้อนเป็นวัยรุ่น(ทั้งๆที่เลยวัยมาแล้ว)

    สวัดดีผู้กล้าและท่านผู้สูงส่งทั้งหลายเสียงที่เป็นปริศนาสำหรับหลายคนแต่ไม่ใช่สำหรับข้าดังขึ้นแทบจะทันที่ทีเฮคเตอร์โวยวายจบ

    หัลโหลได้ยินกันไหม? ข้ารับใช้และบุตรแห่งองค์จักพรรดิ์เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้งความรู้สึกประมาณเสียดสีอย่างแรง

    “สวัดดีขอรับท่านผู้โด้รับโทษแห่งองค์จักพรรดิ์ เลย์ไลย์ผู้นี้ขอความกรุณาให้พวกเราเข้าหอซักรีดด้วยเถอะขอรับ” เลย์ไลย์ค้อมตัวพูดแต่แววตาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

    ท่านเลย์ไลย์เองหรอครับ? ไม่ได้เจอกันนานนะขอโทษที่เสียมารยาทพอดีข้ามองไม่เห็นน่ะ เอ๋? กลิ่นนี้... ท่านเฮคเตอร์มาด้วยรึ!?ไม่อยากเชื่อว่าเลย์ไลย์จะจำได้ แลไม่อยากเชื่อว่าเจ้านี้จะมองไม่เห็น

    “อืม ข้าว่าเจ้าอาจจะได้ปลดแอ้กสักทีนะ” ข้าพูดขำๆพลางยกมือขึ้นมากอดอก

    งั้นท่านเฮคเตอร์ กระผมขอความกรุณาช่วยตอบคำถามต่อไปนี้ด้วยครับ!’

    “ผะ ผมหรอ?” เฮคเตอร์ถามกล้าๆกลัวๆ

    ครับคำถามง่ายๆ ข้ามีนามว่าอะไร?เป็นคำถามทีแลดูกวนใช้ได้

    เฮคเตอร์ทำท่าลนลาน และเริ่มมีน้ำนาไหลออกมาโดยที่ไม่ได้ร้องไห้ “ชาลอส” เฮคเตอร์พูดทั้งๆที่น้ำตาเต็มหน้า “เปิดประตูให้ข้าเดียวนี้!” เฮคเตอร์พูดต่อ

    ใจร้อนจังนะครับท่านเฮคเตอร์ชาลอสพูดขำๆก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆปรากฏตัวขึ้นมา “ข้าคงให้ท่านเข้าไปไม่ได้ แต่ท่านที่เหลือเชิญครับ” ชาลอสดึงมือเฮคเตอร์มาจุมพิตก่อนจะลากเฮคเตอร์เข้าหาตนขณะที่ทางเข้าหอซักรีดค่อยๆเปิดออก

    ชาลอสเป็นซาตาน อันนี้แน่นอนเพราะจักพรรดิ์ปีศาจรับซาตานเป็นองค์รักษ์เท่านั้น(ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม) และชาลอสเป็นซาตานที่หน้าเหมือนเฮคเตอร์ตอนปกติทุกระเบียบนิ้วยกเว้นเขาแกะสีงาช้างคู่โตบนหัวที่ไม่เหมือนกับเฮคเตอร์และแน่นอนสีตาของราชวงศ์คือสีแดงโลหิตอาจออกไปทางส้มๆแต่จะไม่ดำหรือเป็นสีอื่น(ยกเว้นว่าจะใส่คอนแทกเลนส์) ดังนั้นชาลอสมีสีตาไม่เหมือนเฮคเตอร์ตาของชาลอสเป็นสีดำสนิด

    “ขอบคุณท่านมากครับท่านเฮคเตอร์ที่กลับมา” ชาลอสคุกเข่าขอบคุณ... ว่าไปเขาจะไม่หาอะไรมาใส่หน่อยหรอ?

    “เจ้าคงโดนเวทชั้นสูงไปสินะ? หมดสภาพน่าดู เอาเถอะเจ้าจงติดตามข้าไปก่อนล่ะกัน” แววตาเฮคเตอร์เลือนลอยและเรืองแสงสีเหลืองบางๆขณะที่พูด

    ชาลอสยิ้มหวานก่อนยืดตัวขึ้น “ครับ ยังไงข้าก็ขัดคำสั่งของท่านไม่ได้ ดังนั้นข้าจะติดตามท่านแบบเดิม แบบวงเวทต้านมรณะนะครับ” เขาพูดพลางยืนมือไปหาเฮคเตอร์อย่างสุภาพ... บางทีข้าก็อยากให้ผู้ดูแลข้าสุภาพแบบนี้บ้างข้าคิดพลางมองไปทางเลย์ไลย์ที่ทำหน้าไม่พอใจสุดๆ ข้าคงหวังมากไปเอง

    “ชา...” ยังพูดไม่จบเฮคเตอร์ก็สะบัดหัวอย่างแรง “เอ่อ... คนนี้ใครอ่ะ?” เฮคเตอร์ถามพลาวชี้ไปทางชาลอส

    ชาลอสยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนตอบ “ข้ามีนามว่าชาลอสครับ” ชาลอสตอบ “จากนี้ไปจะขอติดตามท่านในรูปแบบวงเวทต้านมรณะครับ” ชาลอสพูดต่อ... ไปใส่เสื้อผ้ามาตอนไหนเนี่ย!?

    “แล้ววงเวทต้านมรณะมันคออะไรอ่ะ?” เฮคเตอร์ทำหน้างงๆถาม

    ชาลอสยิ้มขำ “ก็เป็นวงเวทที่จะคุ้มครองผู้ที่วาดขึ้นอะไรประมาณนี้น่ะครับ ข้ามีความสามารถในการแปลงร่างสูงน่ะ” ชาลอสตอบอย่าฉะฉาน “ท่าพวกท่านอยากเข้าไปก็เชิญแต่ท่านเฮคเตอร์เข้าไปไม่ได้ขอรับ” ชาลอสสบตาข้าแวบหนึ่ง

    “โซว์กับไดนาไมท์อยู่เป็นเพื่อนเฮคเตอร์กับชาลอส ข้าจะเข้าไปกับเลย์ไลย์และไมท์คลาสส์” ข้าพูดขึ้น โดยไม่มีใครกล้าขัด

    “เชิญขอรับข้าจะนั่งรอพวกท่านอยู่ตรงนี้” ชาลอสพูดพลางเสกโซฟาบุนวมสีทองสง่างามประดับตราราชวงศ์ออกมาให้เฮคเตอร์นั่ง “ดีที่สุดสำหรับท่านครับ” ชาลอสยิ้มเป็นรอบที่ล้าน

    ข้าเลย์ไลย์และไมท์คลาสส์จึงเข้าไปสำรวจในหอ บรรยกาศในหอนี้ทำข้ารู้สึกเหมือนหลุดมาอีกมิติ ทางเดินมืดสนิดจนข้าต้องเสกลูกไฟขึ้นมาให้มันลอยไปจุดตามคบเพลิงที่ติดอยู่บนผนัง เมื่อสว่างข้าก็เห็นเครื่องซักผ้าเรียงรายอยู่สองข้างทางและเชือกตากผ้าที่โยงระยางอยู่เหนือหัวบางส่วนขาดลงมาบนพื้น หยดน้ำเห็นเน่าไหลย้อยลงกระทบกับมอส หนูเดินไปทั่วพื้นและค้างค้าวบินว่อนเพดาน และเมื่อมันเห็นพวกเรามันก็กลายร่างเป็นหนูผีกับค้างค้าวดูดเลือด... เลือดข้าไม่ใช่ของที่พวกเจ้าจะดื่มได้หรอกนะ

    “พวกเจ้าออกไปก่อน” ข้าดันเลย์ไลย์และไมท์คลาสส์ไปข้างหลัง

    “ไม่ไฟวัสต์ท่านนั้นแหละออกไปก่อน” เลย์ไลย์เถียงข้า เจ้าพวกนี้เอาตัวแม่ไม่อยู่หรอกถึงหนูกับค้างคาวจะตายเรียบแต่บอสของพวกมันยังไม่ตาย

    ข้าหันไปมองพวกเขาขณะเสกลูกไฟมากลุ่มหนึ่ง “เจ้าหลบไฟข้าไม่พ้นหรอก ออกไปซะ” คำสั่งข้ายังประกาศิตเสมอถ้าข้าต้องการ

    หลังจากที่สองคนนั่นออกไปแล้วข้าก็จัดการเผาเศษผ้าที่ขาดวิ่นอยู่บนพื้นเท่านั้น นี้แหละการต่อสู้เล็กๆที่ข้าจะได้ลงเล่น!

    น่าเบื่อ! ข้าใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ฆ่าฝูงหนูแลฝูงค้างคาวหมด เล่นเอาข้าอารมณ์ค้างอยู่พอสมควรข้าเดินออกจากหออย่างอารมณ์เสียขั้นรุนแรง สายลมเย็นชดชื่นพัดมาคลอเคลียข้าเบาๆ ข้าแหงนหน้ามองฟ้าก่อนยิ้มออกมาอย่างสงบลงนิดหน่อย อย่างน้อยก็มีคนรู้ใจว่าควรทำยังไงไฟที่ลุกตลอดเวลาของข้าจะดับลงบ้าง

    หลังสงบสติได้แล้วข้าก็เดินไปหาคนอื่น “ท่านไฟวัสต์ กลับมาแล้วหรือขอรับ? ทำไมเร็วจังต่อให้เป็นท่านไฟวัสต์ก็ไม่น่าจะฆ่ามันได้นิ” ชาลอสข้าได้ยินนะ

    “อืม ข้าเผาหอทิ้งไปแล้ว แล้วก็แค่ไฟวัสต์ชาลอส ไม่เอาท่าน” ข้าบอกชาลอส

    ชาลอสทำท่ารุ่นคิดก่อนจะพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วครับ”

    อาหารมื้อเที่ยงเป็นอะไรที่ไม่วุ่นวาย ข้าสาบานว่าจะไม่กินเยอะกว่าคนทั่วไปถ้าไม่จำเป็นจริงๆ การที่ได้นั่งกินอะไรเงียบๆนี้เหละดีแล้วช่วงนี้ข้ามีเรื่องให้คิดเยอะจนน่าปวดหัว...จริงๆก็ไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายนี้มันจบลงเลย

    ชาลอสแปลงเป็นวงเวทต้านมรณะอยู่บนแขนเฮคเตอร์แต่ยังพูดได้อยู่ (ข้าชักถูกใจเวทแปลงร่างซะแล้วสิ) ข้าบอกให้ทุกคนกลับหอการสำรวจวันนี้พอแค่นี้ก่อน จริงๆตอนเข้าไปในหอข้าได้เจออะไรดีๆแล้วคงต้องไปต่อว่าใครหลายคนหน่อยแล้วล่ะ

    .....

    หมอกสีเขียวน่าเกลียดปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าดวงจันทร์หายลับเข้าไปในกลีบเมฆดวงดาวส่องแสงเป็นสีเขียวริบหรี่ดุจเป็นใจให้บุรุษผู้เป็นที่รักของพืชได้ดำเนินแผนที่วางไว้อย่างยาวนานให้ลุล่วงแต่มันไม่เป็นแบบนั่นเมื่อบุรุษผูเป็นที่รักแห่งไฟด้องการให้แผนของเขาล่มและการต่อสู้เล็กๆน้อยๆของไฟกับพืชก็เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้อีกทั้งยังจบลงโดยที่ไม่มีใครสังเกต บุรุษอันเป็นที่รักของพืชจึงดำเนินแผนใหม่

    “มันรอดอีกแล้วขอรับนายท่าน” เสียงแหลมเล็กกล่าวรายงานร่างโปรงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มพิเศษด้วยสีหน้าซีดเซียว

    ร่างบนเก้าอี้เลิ้กคิ้วสูง  “อีกแล้วหรอ?”

    “ขอรับ หอซักรีดโดนเผาหมด และดูเหมือนเราจะกระตุ้นความอยากสงครามให้ เขา อย่างแรงแล้วล่ะขอรับ” เสียงแหลมกล่าวตอบอย่างกลัวเกรง

    “งั้นไปพามันมาที่นี้ ถ้ามีปัญหาก็พามาให้หมด ข้ามั่นใจว่ามันต้องสำเร็จ”

    “ขอรับนายท่าน”

    สิ้นบทสนทนาร่างทั้งสองก็แฝงกายหายเข้าไปในเงามืด

    .....

    เพล้ง!

    เสียงแก้วแตกหยุดความคิดของจักพรรดิ์ปีศาจที่กำลังกังวลได้อย่างชะงัก “งานเจ้าไม่มีหรือไงรูกซ์ มาที่นี่อยู่ได้” จักพรรดิ์ปีศาจพูดอย่างเบื่อเต็มทนปนหงุดหงิดหน่อยๆ

    “อะไรกัน ตอนนี่ลูกเจ้ก็ปลอดภัยดีอย่าอารมณ์เสียสิ” รูกซ์เสกหวีสีทองแดงสวยออกมาอันหนึ่งก่อนจะโยนมันให้จักพรรดิ์ปีศาจ “เตรียมจัดงานฉลองดีกว่าน่า” รูกซ์พูดต่อ

    “เจ้านี้มัน! ข้ายังวางใจไม่ได้หรอกนะ ก็รู้นี้ว่าเวลานี้ดวงจันทร์กำลังปันป่วน มันไม่ง่ายเลยที่จะดูแลพวกเขาขณะนี้” แลนซ์หยิบหวีมาหมุนเล่นสองสามรอบ

    “ยมทูติพวกนั้นเป็นคนของข้า” รูกซ์พูด “ที่สามคนนั้นยังอยู่ได้เป็นเพราะเจ้านะ เพราะเจ้าช่วยชีวิตข้าไว้” รูกซ์พูดอย่างเศร้าสร้อย

    “ไม่เอาน่ามันก็แค่อุบัติเหตุครั้งใหญ่หลังสงครามที่เราให้ความสนใจนี้จบ ข้าจะส่งคนไปสวรรค์และจัดการอีกปัญหาที่ทำข้ากังวลมากกว่า” แลนซ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าไม่แพ้กัน

    “เอางั้นก็ได้” รูกซ์กล่าวก่อนจะเก็บหวีกลับไป “ข้าไปก่อนล่ะ” และร่างของรูกซ์ก็หายไป

    .....

    บทนี้พี่ไฟวัสต์เด่นมาก สงสัยต้องลดบทล่ะค่าตัวฮีแพง - -

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×