ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Dark Hunter School ภาค พฤกษาแห่งความตาย

    ลำดับตอนที่ #16 : โศกนาฏกรรมนองเลือด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 39
      0
      9 เม.ย. 59

    ส่วนของเฮคเตอร์

    นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่เราติดอยู่ในป่า คนที่กิจุมากๆอย่างโซว์หิวจนอาละวาดบ่อยครั้งและก็ต้องลำบากพี่ไฟวัสต์ที่ต้องต่อยให้สลบอีก ผมเคยลองใช้ตุ้มหูที่พี่เลย์ไลย์ให้มา คน(ปีศาจนั้นแหละ)ที่อยู่ปลายสายบอกว่าเขชื่อรูกซ์ตอนนี้ไม่ว่างและคงไม่ว่างอีกสักสองสามอาทิตย์  และผมก็มารู้จากพี่เลย์ไลย์ทีหลังว่ารูกซ์เป็นจ้าวนรกที่ไม่ว่างเพราะติดพนันกับจ้าวสวรรค์(?)

    ช่วงนี้ลมนรกโลกันต์เริ่มจะมาบ่อยขึ้นแต่ไม่เหลือซากเนื้อให้ดูเป็นขวัญตาแล้ว แต่ใบไม้ต้นไม้พื้นดินและท้องฟ้ายาวค่ำคืนเริ่มกลายเป็นสีแดงคล้ายเลือดขึ้นทุกที

    กว่างป่าโชคร้ายตัวหนึ่งถูกพวกเราจับมาปรุงเป็นอาหาร ดังนั้นโซว์จึงอิ่ม เมื่อโซว์อิ่มโซว์ก็หยุดอาละวาด เมื่อโซว์หยุดอาละวาด การเดินทางของเราจึงราบเรียบขึ้น

    “ข้าคิดว่าเราควรกลับไปที่ถ่ำไนท์ทาม แล้วใช้เวทอันแข็งแกร่งนั่นให้มีประโยชน์” พี่ไฟวัสต์เสนอขณะเอานิ้วจิ้มลงไปที่ถ่ำนั้นบนแผนที่

    “ถ้าจะใช้เวทอันแข็งแกร่งทำไมไม่ให้ท่านโซว์จัดการล่ะขอรับ?” ไดนาไมท์ยกมือขึ้นถามด้วยการพูดแบบแปลกๆ

    “เพราะเวทของโซว์แกร่งไปน่ะ” พี่เลย์ไลย์ตอบ “เดียวข้าจะพาพวกเราไปตรงนี้” พี่เขาจิ้มแผนที่ข้างๆพี่ไฟวัสต์ “จากนั้นก็หาคนพูดรหัส แล้วก็ทำแบบนี้ ข้ากับมิกเกลและเรฮันจะร่ายเวทให้” พี่เลย์ไลย์อธิบายแผนคร่าวๆพร้อมทำมือประกอบ

    “งั้นมาเลือกคนพูดรหัสก่อนล่ะกัน” พี่เรฮันบอก ซึ่งทุกคนเห็นด้วย

    และแล้วผมก็ได้รับรู้พิธีกรรมสุ่มคนของปีศาจ... ช่างน่าสยดสยองยิ่งนัก! คุณคิดว่าผมจะบอกอะไรประมาณนี้สินะ? ไม่หรอกมันก็วิธีบ้านๆที่มนุษย์อย่างเราๆทำกันนี้แหละครับ...

    การจับไม้สั้นไม้ยาว

    “รหัสคือ กะ กระต่ายน้อยของท่านหัวหน้า นะ น่ารักจังเลยอ่า” พี่เรฮันพูดประโยคชวนขนลุกนั่นด้วยสีหน้านิ่งสนิด

    “สีข้าต้องพูดจริงหรอเนี่ย?” โซว์พูดอย่างคนสติหลุด

    “มันอาจเป็นการตอกย้ำ... แต่ใช่ เจ้าตองพูด” พี่เรฮันยังคงรักษาความนิ่งบนใบหน้าประดุจเกลือรักษาความเค็ม

    “แล้วจะไปกันเมื่อไหร่หรอครับ?” ผมเอียงคอถามอย่างน่ารัก(?)

    “พรุ่งนี้เลย ข้าอยากออกไปร่วมสงครามจะแย่” พี่ไฟวัสต์พูดอย่างตื่นเต้น แววตาพี่เขาวูบไหวไปมาด้วยความสนุก

    “ข้าไม่เข้าใจเลยว่าสงครามมันดีตรงไหน... ให้ตายสิไฟวัสต์เจ้านี้มันเกินเยียวยาจริงๆ” พี่เลย์ไลย์พูดอย่างเอื่อมระอา

    “หรอ?” พี่ไฟวัสต์หันไปพูดกับพี่เลย์ไลย์ ในขณะที่นัยน์ตาของเขาค่อยๆกลับมาเป็นเช่นเดิม

    พี่เลย์ไลย์ส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบ

    เมื่อท้องฟ้าเริ่มกลับมาเป็นสีเทาทุกคนก็รับรู้ว่านี้คือเวลาเช้า “ไปกันเลยไหม?” แน่นอนว่าคนถามก็คือคนที่อยากร่วมสงครามมากที่สุด พี่ไฟวัสต์นั่นเอง

    “เอาสิถ้าเจ้าต้องการ” โซว์บอกพี่ไฟวัสต์... ทุกท่านครับถามผมหน่อยก็ดีว่าผมอยากไปหรือเปล่า? ยังง่วงอยู่เลย! ยังไงคำสั่งของพี่ไฟวัสต์ก็แลน่าทำตามที่สุดแล้วในเวลานี้

    ด้วยการร่ายเวทเคลื่อนย้ายอย่างพิสดารของพี่ไฟวัสต์เราก็มาอยู่หน้าถ้ำไนท์ทามทันที ถ้ำแห่งนี้มีการตกแต่งแปลกๆคือ ตกแต่งโดยการสต๊าฟสัตว์ยักษ์ที่ตัวลุกเป็นไฟไว้ในน้ำแข็ง สัตว์จำพวกพวกมังกรไคมีร่า(ที่ดูคลายซอมบี้)อะไรพวกนี้ และผมก็มารู้ทีหลังว่านั้นเป็นฝีมือของโซว์กับพี่ไฟวัสต์ที่มาถล่มที่นี้ตอนที่ผมโดนจับตัวไป

    เมื่อมาถึงแล้วโซว์ก็พูดรหัสประหลาดที่พี่เรฮันบอกไว้ด้วยน้ำเสียงชวนขำท้องแข็ง “ไม่ตลกเลยนะเฮคเตอร์ ลองเจ้าจับได้ไม้สั้นแบบข้าบ้างเถอะ อยากจะกัดลิ้นตาย” เขาวาผมเสียงเขียว

    “แหม่อะไรกัน นายดวงไม่ดีเองนี้นา” ผมตอบทั้งที่ยังกลั้นขำอยู่

    โซว์ทำท่าเหมือนจะกัดลิ้นตายให้ได้ “คอยดูเถอะนะ จำได้เมื่อไหร่เจ้าเจอดีแน่!” โซว์คาดโทษผมไว้ก่อนจะเดินต่อ

    ใช้เวลาไม่นานนักเราก็พบวงเวทที่แกร่งที่สุดในถ้ำแห่งนี่ ยมทูติทั้งสามเป็นคนร่ายเวทด้วยภาษาประหลาด มันเป็นการร่ายเวทสองบทในเวลาเดียวกันซึ่งทั้งสามจะร่ายเวทหลักบทเดียวกันและร่ายเวทรองคนล่ะบทรวมทั้งหมดสี่บทเสียงที่ผมได้ยินจึงฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ ทั้งสามท่องเวทไปเรื่อยๆและวงเวทก็ค่อยๆหมุน เมื่อวงเวทหมุนเร็วจนคนทั่วไปมองตามไม่ทันแสงที่ตามนุษย์แยกไม่ออกว่าเป็นสีอะไรก็สว่างวาบขึ้น

    ผมไม่เข้าใจว่าโลกปีศาจไม่ชอบนาฬิกา หรือนาฬิกาแพง หรือไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกา เพราะในโรงเรียนแห่งนี้มีนาฬิกาเพียงสามเรือนเท่านั้น เรือนใหญ่สุดอยู่หน้าโรงเรียนหนึ่งเรือน(ไม่เดินแล้วด้วยนะ) อยู่ในห้องประชุมอีกหนึ่งเรือน(ไม่เดินแล้วเหมือนกันนั้นแหละ) และอยู่ในห้องนอนประธานนักเรียนอีกหนึ่ง... จริงเรื่องนาฬิกามันไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ตอนนี้หรอก ที่ผมพูดถึงเนีย มันเป็นเพราะเรามาอยู่หน้านาฬิกาที่เรือนใหญ่สุดในโรงเรียน

    “มันยังไม่ออกนอกเขตโดมเวท?” พี่ไฟวัสต์ถามแบบสั้นจนไม่แน่ใจว่าเขาถามหรือบอกเฉยๆ

    “น่าจะแบบนั้น วงเวทที่แกร่งที่สุดในถ้ำไนท์ทามสู้พลังของคนสร้างโดมนี้ไม่ได้ โซว์นี้ฝีมือเจ้าสินะ?” พี่เลย์ไลย์พยายามยัดเยียดความผิดให้โซว์

    “โดมแค่นี้ไฟวัสต์ก็ทำได้เหอะ” โซว์เถียงพี่เลย์ไลย์อย่างไม่จริงจังเท่าไหร่

    ผมมองทุกคนอย่างเพลียจิต “เรื่องวงเวทเราพักไวก่อนดีกว่านะครับ ตอนนี้ทั้งโรงเรียนกำลังมืพืชปกคลุมอยู่นะ” ผมพยายามทำหน้าโหด

    “อะไรนะเฮคเตอร์ที่รัก!? ต้นไม้หรอ?” พี่เลย์ไลย์หันมาถามผมด้วยสรรพนามน่าถีบติดข้างฝาก่อนมองไปรอบตัว

    รอบตัวเราตอนนี้มีแต่ต้นไม้ ใช่ในรั้วโรงเรียนเต็มไปด้วยต้นไม้ จะบอกว่าต้นไม้ก็ไม่ถูกนักเพราะมันควรใช้คำว่าพืชมากกว่า ทั้งมอส เห็ด ตะไคร่น้ำ เชื่อรา วัชพืช พุ่มไม้ ไม้เลื้อย

    พวกเราเก้าเข้าหอพักนักเรียน กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุงไปทั้วทั้งชั้น พวกเราเดินสำรวจไปรอบๆ เด็กสาวชาวปีศาจคนหนึ่งที่เราพบบอกว่าในหอพักเป็นที่เดียวทีปลอดภัยและไม่มีพืชขึ้นเนื่องจากมีเวทของจักพรรดิปีศาจป้องกันอยู่และโรงเรียนต้องสังเวยชีวิตทุกเที่ยงคืนเพื่อไม่ให้ท่านผู้นั้นทำสิ่งที่ไม่สมควร

    ท่านผู้นั้นมันใครกันเนี่ย? ผมกระแทกตัวลงบนเตียงอย่างหงุดหงิด พวกเราทั้งแปดคนตัดสินใจพักอยู่ด้วยกันเพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของพี่ไฟวัสต์

    ก่อนนอนผมโดนบังคับให้ไปสำรวจที่พักกับทุกคน ลองเป็นคุณถ้าเจอเจ๊ เอิ่ม เฮียไฟวัสต์ส่งสายตาเฉือดเฉือนจนแทบลุกเป็นไฟมาให้ก็ยอมไปเชื่อผมสิ!

    ในหอพักไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมีแค่พรมหน้าเตาผิงมันหายไปซึ่งไม่มีใครสนใจ ผมถอนหายใจอย่างปลงไม่ตก

    “หิวหรอไฟวัสต์?” พี่เลย์ไลย์ถามพี่ไฟวัสต์เบาๆ

    “อืม” พี่ไฟวัสต์ตอบ... คราวนี้ไม่ออกอาการณ์ว่าทนไม่ไหวเพราะพี่เขายังไม่ลงไปคลานดึบๆแบบหนอนชาเขียวบนพื้น

    “ผมทำอาหารให้เองครับ กลับห้องกันเถอะ” พี่ไฟวัสต์หันมาแวบหนึ่ง

    “ตามใจเจ้า” เมื่อได้คำอนุมัติพวกเราจังย้ายตัวเองมาอยู่ในห้องพักของผม

    ทุกคนกำลังนั่งคุยกันบนเตียงรอผมทำอาหาร และเมนูต่างๆก็ยังทำผมปวดหัวได้เช่นเดิม ข้าวมันมะม่วงของพี่ไฟวัสต์ ข้าวมันกระต่ายของโซว์  สเต็กวัว(ดิบ)ของไดนาไมท์ ซุปผักของพี่เรฮัน ซุปปลาของพี่มิกเกล และไวน์องุ่นชั้นเยี่ยมของพี่เลย์ไลย์(พี่แกกินน้อยที่สุดล่ะ)

    ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามจุต่างๆในห้องพี่ไฟวัสต์ประกาศก่อนนอนว่า “พรุ่งนี้ข้าจะไปสำรวจรอบโรงเรียน... ห้ามขัดใจข้าถ้าเจ้ายังไม่อยากใช้ชีวิตโดยคอหักแต่ไม่ตายไปทังชาติ”  เป็นคุณ คุณกล้าขัดไหมครับ?

    การปัสสาวะถือเป็นการขับถ่ายของเสียอย่างหนึ่งและการกลั้นปัสสาวะไม่ไปเข้าห้องน้ำส่งผลร้ายต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น โรคนิ่ว โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ดังนั้นเมื่อเราปวดควรไปเข้าห้องน้ำให้เร็วที่สุด... แต่ถ้าห้องน้ำของคุณเต็มไปด้วยกองทัพกบที่มาจากไหนไม่รู้ คุณควรปลุกพี่ชาย(ถ้ามี)ให้ไปเข้าห้องน้ำด้วย “โซว์ ฉันปวดฉี่อ่ะพาไปห้องน้ำหน่อยดิ” ผมถีบโซว์

    “หา? ไปดิ ห้าวว” โซว์ที่ตื่นขึ้นเพราะตกเตียงพูดขึ้นอย่างง่วงนอนและมึนงง

    เมื่อเปิดประตูเท่านั้นล่ะ ทำผมอยากจะกระแทกประตูปิดแล้วเอาไม้มากั้นต่ออีกสักสามสิบชั้น เพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะซาลาแมนเดอร์มั้ง รู้จักซาลาแมนเดอร์กันใช่ไหมครับ? สิ่งมีชีวิตจำพวกสัตว์เลื่อยคลาน... หรือไม่ก็ครึ่งบกครึ่งน้ำขนาดใหญ่กว่ากิ่งกาเล็กน้อยหน้าตาคล้ายตุกแก แต่ที่ผมเจอขนาดมันใหญ่กว่าฮิปโปโปเตมัสด้วยซ้ำ มันกำลังออกกำลังกับหุ่นชักเลือดปริมาณมาก ครับหุ่นชักเลือดหุ่นชักรูปร่างคลายมนุษย์แต่เสกจากเลือดปริมาณมหาศาลเท่านั้นเอง ผมทันสังเกตุไปรอบๆก่อนที่โซว์จะปิดประตู

    ผมหายปวดฉี่แล้วแน่นอนล่ะต่อให้ปวดต่อก็ขอเสี่ยงเป็นโรคดีกว่าเสียงชีวิต ผมล้มตัวลงบนเตียงอีกครั้ง... นอนไม่หลับ ดิ้นหลายรอบเปลี่ยนท่าไปมาก็ยังนอนไม่หลับ ผมจึงตัดสินใจเปิดหน้าต่างชมจันทร์ แต่แล้วผมก็ปิดหน้าต่างหลับตาล้มลงนอน ผมทำใจไม่ได้กับการขมทิวทัศอันงดงาม(ตามแบบฆ่าตกรรโรคจิต) ดวงจันทร์สีเลือดลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้าท้องนภาเป็นสีแดงของเปลวเพลิงและพื้นดินเต็มไปด้วยสายโลหิต ผมได้ยินเสียงสายลมหัวเราะเบาๆ... มีอะไรน่าตลกหรอสายลม?

    เมื่อโลกที่เห็นกลายเป็นสีแดงฉาน จงเปิดกล่องนั้นซะ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องตามหาความจริงเสียงของพี่เลย์ไลย์ลอยเข้าหัวผม ผมจึงหยิบเจ้ากล่องจิ๋วนั้นขึ้นมาเปิด รูปจักพรรดิปิศาจแบบโฮโลแกรมสามมิติก็ฉายขึ้น และเรืองแสงเป็นสีเขียวอ่อน... แค่นี้? หมายความว่าไงเนี่ย?ผมนอนคิดจนสมองแทบระเบิดแต่ก็คิดได้แค่ว่านอนพักดีกว่า!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×