ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักจอมนางมารสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 5 ความมืดมิด 50%

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 58


    บทที่ 5




         “ องค์หญิงเพคะ พระองค์จะให้หม่อมฉันทำเช่นไรต่อไปเพคะ

        หญิงสาวสะบัดชายเสื้อราวกับเป็นการออกคำสั่ง แววตาเย็นชาปรากฏออกมาอย่างไม่มีวันจะจางหาย ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ดวงตาเรียวราวนางพญา สายตาจ้องมองมุ่งไปข้างหน้าอย่างแข้งกร้าว

        ทุกคนในวังหลวงแห่งนี้ ล้วนทั้งสิ้นเป็นหมากชั้นดีทั้งนั้น แม้กระทั่งนางกำนัลกันเอง ก็ยังเป็นหมากให้แก่เพื่อนมิตรได้หยิบยืมไต่เต้าทั้งสิ้น นับประสาอะไรกับเธอที่เป็นองค์หญิง ทั้งยังพ่วงด้วยฐานะจอมทัพ หากวางหมากพลาดเพียงตาเดียว ไม่ต้องพูดถึงตาต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากจะทำการอะไรสักอย่างต้องคิดแล้วคิดอีก แค่นั้นยังไม่พอยังต้องเด็ดขาด หมากตัวไหนมีประโยชน์ก็เก็บไว้ใช้งานได้นาน หมากตัวไหนหมดประโยชน์ก็ไม่สมควรจะเก็บไว้

        อย่างเช่นนางกำนัลคนโปรด หลางเฟย ตอนนี้แม่นั่นหมดประโยชน์ต่อเธอแล้ว ในเมื่อแม่นั่นคิดจะทบบัญชีล้างแค้นเก่าๆกับเธอ เรื่องอะไรจะเก็บไว้ให้เป็นหนามยอกอกในวันข้างหน้า ในวันนี้เธอจึงต้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซากอย่าให้เหลือแม้แต่กระดูก!

        โครม! เปรี้ยง!

        อัสนีสายฟ้าฟาดลงมา ท้องฟ้ามืดครึ้ม จากอาทิตย์จรัสแสง ความมืดมาครอบคลุมไปทั่วทั้งแคว้นต้า ภายในตำหนักองค์หญิงใหญ่หรือตำหนักเทียนเอ๋อที่แปลว่า[1]ห่านฟ้าหรือหงส์ฟ้านั่นเอง

          หมิงเอ๋อร์ช่วยข้าด้วยนังกำนัลคนนี้มันทำร้ายข้า!  หลางเฟยที่ทรุดลงไปนอนอยู่กับพื้นนอนร้องโอดโอย

         เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!

         เจ้ากล้าดียังไงเรียกพระนามเต็มองค์หญิงห๊ะ! “ นางกำนัลประจำกายหญิงสาวคนใหม่ตบไปที่ใบหน้าหลางเฟยเต็มแรง ทั้งยังทำร้ายหลางเฟยอย่างหนัก

         พอได้แล้วจิ้นหมิน ฉันยกมือขึ้นห้ามจิ้นหมินหรือนางกำนัลคนใหม่ ฉันย่อตัวลงตรงหน้าหลางเฟย ก่อนใช้มือลูบใบหน้าหน้าอย่างแผ่วเบา

         หลางเฟย อันที่จริงข้าอยากจะเก็บเจ้าไว้ข้างกายให้นานที่สุด ถ้าเจ้าไม่ทรยศข้า คนของเจ้าในตำหนักข้า ตอนนี้ข้าได้ให้จิ้นหมินจัดการเรียบร้อยแล้ว จิ้นหมินนางทำงานได้ดีกว่าเจ้าตั้งเท่าตัว ดังนั้นเจ้าน่ะหมดประโยชน์แล้ว ลืมเรื่องรักสองเราไปเถอะนะหลางเฟย แววตาของฉันเต้มไปด้วยความเย็นชา ทั้งน้ำเสียงยังเยือกเย้น ภายในใจฉันครุ่นคิดเรื่องต่างๆ

         หมิงเอ๋อร์ ทำไมเจ้า! “

         ฉึก!

        ฉันใช้มีดสั้นแทงเข้าไปที่คอจนหลางเฟยตายอ้อมกอดฉันฉันสงบโดยไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ฉันตรวจเช็คว่าตายดีหรือยัง ก่อนจะล้วงเอาขวดแก้วใสๆออกมาจากในเสื้อ แล้วเทลงไปตามจุดร่างกายจนหรือแต่เสื้อผ้า ไร้ร่องรอยคนหรือซากศพยานี้เรียกว่ายาสลายร่างเป็นยาพิษร้ายแรงที่ใช้ทำลายหลักฐาน

         จิ้นหมิน

         เพคะ

         จัดการให้สะอาดพรมน้ำหอมให้ข้าด้วย พาข้าไปพักผ่อนที ข้าเหนื่อย ฉันพูดก่อนจะยื่นแขนไปให้นางกำนัลคนใหม่พยุงเดินไปยังห้องนอน หน้าหนาวทีไรร่างกายฉันอ่อนแอทุกที ขยับทีไรเหมือนร่างกายจะแตกหัก ฉันเกลียดฤดูหนาวสุดๆเพราะมันทำให้ฉันลงมือเองไม่ได้

         เพคะองค์หญิง จิ้นหมินเอ่ยพยุงฉันเดินไปยังเตียงนอนด้วยความระมัดระวัง แม้จิ้นหมินจะมาใหม่ก็จริง แต่ฉันสัมผัสได้ว่าจิ้นหมินเป็นคนกตัญญูและซื่อสัตย์ นั่นทำให้ฉันเบาใจไปนิดหน่อย

        เมื่อถึงเตียงนอนฉันก็ล้มตัวลงไปนอนไม่ทันไรก็ถูกห้ามเพราะว่าเครื่องประดับยังเต็มหัวไปหมด ฉันโบกมือเบาๆเป็นว่าไม่ต้อง แต่จิ้นหมินยังคงไม่ยอมส่ายหน้า

         องค์หญิง พระองค์ต้องรักษาตัวสิเพคะ หากพระองค์ไม่อยากลุกขึ้นหม่อมฉันก็จะถอดเครื่องประดับในขณะที่พระองค์นอนก็ได้นี่เพคะ! “ น้ำเสียงหัวใยจากนางกำนัลสาว ส่งทอดไปสู่ผู้เป็นนายจากใจจริง สีหน้าง้ำงอบ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าตัวอย่างดี

        ฉันลุกขึ้นนั่งอย่างเอ็นดูจิ้นหมิน ในขณะที่ฉันอายุสิบสี่ต้องออกรบ แต่จิ้นหมินต้องมาเป็นนางกำนัล มันช่างแตกต่างออกไรขนาดนี้ ฉันมองจิ้นหมินด้วยสายตาเอ็นดูราวกับเป็นน้องสาว แม้แต่เยว่หมินที่เป็นน้องสาวแท้ๆยังไม่เคยมองฉันด้วยตาเป็นห่วงจากใจเลย นับประสาอะไรกับคนรอบข้าง ถึงแม้จะมีคนห่วงใยแต่ก็ยังคงทรยศฉันได้ลง ฉันรับรู้ถึงรสชาติความเจ็บปวดได้จากชีวิตอันน้อยนิดแล้วจริงๆ

         ฉันขยับไปนั่งพิงกับหัวเตียง จิ้นหมิน เจ้าอยากออกจากวังไปไหม ไปใช้ชีวิตที่แสนสงบให้ไกลผู้คน ไกลการแย่งชิง ฉันกุมมืออันหยาบกร้านของจิ้นหมินอย่างแผ่วเบา

         ไม่เพคะ! จิ้นหมินจะไม่ทิ้งองค์หญิง องค์หญิงน่าสงสาร องค์หญิงใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและเหน็บหนาวท่ามกลางผู้คน องค์หญิงอย่าไล่จิ้นหมินเลย ตลอดเวลาที่จิ้นหมินอยู่กับองค์หญิง จิ้นหมินมีความสุขมากที่สุดเลยเพคะ อึก! “

         จิ้นหมิน เจ้ายังเด็กน้อยนัก เจ้ากล้าอยู่กับคนที่มือเปื้อนเลือดหรือ? เจ้าไม่กลัวว่าสักวันเจ้าจะเป็นแบบหลางเฟยบ้างหรือ... ฉันลูบหัวจิ้นหมินอย่างแผ่วเบาด้วยสายตาเลื่อนลอย

         จิ้นหมินไม่กลัวเพคะองค์หญิง! จิ้นหมินขอสาบานกับตัวเองว่าจะปกป้ององค์หญิงจนกระทั่งนาทีสุดท้ายของชีวิตเพคะ ต่อให้จิ้นหมินต้องตายจิ้นหมินก็ยอม หากองค์หญิงตกที่นั่งลำบากจิ้นหมินก็ยื่นมือเข้าไปช่วยองค์หญิงโดยไม่อิดออด ต่อให้ต้องถูกตัดหัวเสียบ เพื่อองค์หญิงจิ้นหมินก็ยอม!! “

         เจ้าซื่อสัตย์สมชื่อเจ้าจริงๆจิ้นหมิน ข้าเชื่อใจเจ้านะจิ้นหมินว่าเจ้าจะไม่ทรยศข้า

        “ องค์หญิง...

         เอาล่ะพักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้มีเรี่ยวแรงทำงานต่อไป

         เพคะองค์หญิง แต่ว่า...

         “ แต่ว่าอะไร ฉันยกคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะถึงบางอ้อเมื่อถูกชี้ที่หัว งั้นเจ้าก็มาเอาออกสิจิ้นหมิน ข้าจะได้นอนสักที ฉันยกยิ้มด้วยสีหน้าอ้อนล้าสุดๆ เนื่องจากยิ่งอากาศหนาวเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งไร้เรี่ยวแรงเท่านั้น

         เพคะ!! “ น้ำเสียงร่าเริงของจิ้นหมินเรียกรอยยิ้มฉันได้มากโขอยู่ทีเดียวเชียว

          เจ้าช่างกินจุเสียจริงๆจิ้นหมิน ฮ่าๆๆ ฉันหลุดขำออกมา ทั้งยังชี้ไปยังพื้นที่มีซาลาเปาร่วงลงมาหลายลูกจากแขนเสื้อจิ้นหมิน

         “ องค์หญิงแกล้งจิ้นหมินอีกแล้ว! “ ร่างเล็กก้มลงไปเก็บเหล่าซาลาเปาที่ตกลงพื้นดินจ้าล่ะหวั่นราวกับว่ากลัวมันหายไป  

         ตำหนักรับรอง ไป๋หลงเฟิ่ง

          ไอหย๋าาา เหวินอี้น้องข้า! วันนี้ข้าได้ฟังเรื่องฤทธิ์เดชนางพญาขององค์หญิงใหญ่ข้าล่ะสยองแทนเจ้าจริงๆ หากนางเลือกเจ้าเป็นสวามีนะ เจ้าจะรอดมั้ยเนี่ยย! พี่ใหญ่ล่ะกลัวแทนเจ้าจริงๆ  “ บุรุษหน้าหยก ในชุดสีผ้าแพรสีดำปักลายพยัคฆ์ ร้องลั่นไปทั้งตำหนักราวกับโลกจะสลาย

          พี่ใหญ่ ข้าขอร้องล่ะ ท่านอย่าแหกปากได้มั้ย เดี๋ยวนางกำนัลก็คิดว่าท่านมาฆ่าข้าหรอกนะ หลี่เหวินอี้ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางแสนเบื่อหน่าย พูดออกมาอย่างรำคาญ

          ไอหย๋า! เจ้าจะไม่ให้ข้ากลัวแทนเจ้าได้ไง ตอนนางอายุสิบสี่นางเคยเอาดาบพาดคอข้าแล้วนะ!! “ บุรุษหน้าหยกหยิบพัดตัวเองมาเกี่ยวคอเสื้อเผยให้เห็นรอยแผลเป็นรอยดาบเป็นรอยสั้นๆ

          อ้อๆพี่ใหญ่ ข้านึกออกแล้ว! ใช่ตอนที่พี่กับข้าไปล่าสัตว์ในป่ารึเปล่า ตอนนั้นข้าจำได้ว่าท่านดันไปล่าเอาจิ้งจอกนางเอานะ ตอนนั้นนางโกรธจัดจนตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลยหล่ะ  องค์รัชทายาทตอนนั้นพี่ใหญ่กับข้าเราไปล่าสัตว์กัน พี่ใหญ่ดันตาดีเห็นจิ้งจอกหิมะตัวนึงจึงได้ยิงธนูเข้าจุดตายเด๊ะๆ แล้วหลังจากนั้นดาบก็มาพาดคอพี่ใหญ่เด๊ะๆเหมือนกัน

         ชวี๋เจี๋ยพูดด้วยสีหน้าขำขันทั้งยังกลั้นหัวเราะเอาไว้ จนกระทั่งระเบิดหัวเราะออกมาไม่เกรงใจใครทั้งนั้น แม้เขาจะเป็นองค์รักษ์คู่ใจของรัชทายาท  แต่จริงๆแล้วเขาเป็นดั่งสหายคนสนิท ดังนั้นเวลาพูดคุยกันจึงไม่ใช้คำราชาศัพท์

         บุรุษหน้าหยกหรือพี่ใหญ่หน้าแดงก้ำไปด้วยความโกรธ(?) หรืออาย(!) จากบุรุษผู้เป็นน้องชายคนเล็กร่วมสาบานหรือชวี๋เจี๋ยนั่นเอง แม้กระทั่งน้องรองของเขาก็ยังกลั้นหัวเราะเอาไว้ แม้จะไม่พูดจาหรือแสดงท่าทางอะไร แต่ไอ้แววตาระริกระรี้นั่นมันคืออะไรกัน!! นี่เรื่องเฉียดตายเขากลายเป้นเรื่องตลกแล้วงั้นหรือนี่!!

         บัดสบเถอะสวรรค์! ท่านจะแกล้งอะไรข้าอีกหรือเนี่ย!?

         เอาน่าพี่ใหญ่ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงข้า แต่ว่าท่านเก็บมันไว้เถอะ ยังไงหากนางจะฆ่าข้าจริงๆล่ะก็ยังไงนางก็ต้องเห็นแก่หน้าเสด็จแม่บ้างที่เป็นถึงเสด็จอาหญิงของนาง อีกอย่างนี่ก็ดึกมากแล้วนอนเถอะ...ข้าง่วง!  เหวินอี้หันหลังให้ผู้ที่เปรียบดั่งพี่ชายแท้ๆของตัวเองอย่างรำคาญ ก่อนจะใช้นิ้วอุดหูตัวเองประมาณว่า ท่านพูดมาข้าก็ไม่ได้ยินอยู่ดี

         ไอหย๋าเหวินอี้! ฟังข้าบ้างซี้!! “ บุรุษหน้าหยกร้องโอดโอยอย่างน่าสงสารเมื่อชายหนุ่มไม่ยอมสนใจเขาเลยแม้สักนิดเดียว หนำซ้ำยังกล้าเอานิ้วอุดหูอีกด้วย! เห้ย! นี่ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้านะ!!

         เหวินอี้! ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่าแม่องค์หญิงใหญ่ เยว่หมิง  นางเป็นพวกเงามืด! นางชอบทำอะไรด้วยตัวเองเสมอ นางเป็นดั่งมารสวรรค์ ชอบขัดขวางทุกสิ่งอย่างของคนอื่นทำ!  หากนางอยากได้อะไรก็ตาม...ต่อให้ต้องฆ่าคนเป็นพันเป็นหมื่นแค่คนๆเดียวนางก็ทำได้ เจ้ายังไม่รู้จักความน่ากลัวของนางดีพอเหวินอี้ ข้าในฐานะพี่ใหญ่อยากจะเตือนเจ้าไว้! หึ! “ บุรุษหน้าหยกถึงคราวโกรธจัดเมื่อความหวังดีของเขากลายเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับน้องชายคนกลาง หากไม่ใช่เรื่องด่วนหรือเรื่องใหญ่อะไรเขาจะไม่ยุ่ง! แต่นี่มันคือเกมส์ชีวิตที่ต้องสังเวยชีวิตคนมากมายเพื่อเป้าหมายของเจ้าตัว ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นต้องการอะไร นางเป็นเหมือนมารสวรรค์ที่คอยจะขัดอะไรก็ตามที่นางไม่พอใจ เหมือนตอนเขาอายุสิบสี่เพียงแค่เขาล่าจิ้งจอกนาง นางถึงกับจะฆ่าเขาให้ตายตามจิ้งจอกหิมะนั่น บัดสบจริงๆ!

          ชายหนุ่มผละจากเก้าอี้ แล้วคลี่พัดออกมาพัดเบาก่อนจะเดินออกจากห้องนอนช้าๆ แต่ทว่ามีเสียงเรียกรั้งไว้ เป็นดังที่คาดไว้เด๊ะ! ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเปลี่ยนใบหน้าเป็นเคร่งขรึมแทน แล้วหันหน้าไปหาน้องชายร่วมสาบาน

          พี่จินหู่ ที่ท่านพูดมาหมายความว่ายังไง! “ เหวินอี้เด้งตัวจากเตียงก่อนจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

          โอ๊ะ! บังเอิญว่าข้าง่วงซ่ะแล้ว ไว้พรุ่งนี้ข้าจะเล่าให้ฟังนะเด็กน้อย   ซ่ะใจโว้ยยย>.<! ฮ่าๆๆ ในที่สุดเขาก็แก้แค้นเจ้าเด็กนิสัยเสียนี่ได้แล้ว ฮ่าๆ พี่ใหญ่หน้าหยกหรือจินหู่หันหลังทยานออกจากตำหนักไปอย่างรวดเร้วเมื่อเขาสามารถจัดการกับน้องชายคนรองได้อย่างแจ่มแจ้ง เพราะว่าหลี่เหวินอี้นั้นหากข้างคาใจอะไรสักอย่าง จะต้องนอนไม่หลับกระวนกระวายเป็นเวลานับสิบวัน อุ๊บ๊ะ! นี่เขาทำเสร้จแล้วสิน่ะ ฝันของเขาเป็นจริงแล้ว ตลอดเวลานับสิบปีที่อยู่กับเจ้าพวกนั้นมาแม้เขาจะเป้นพี่ใหญ่แต่หลับหลังใครจะรู้ว่าเขาโดนแกล้งมาตลอด โอ้ยย! คิดกี่ทีเขาก็...ซ่ะใจโว้ยยย!!! 


    **********************************************************************

    มาต่อกับตอนที่ 5 แล้วจ้าาา ช่วงนี้ไม่ค่อยอัพนิยายเลย ฮืออ เพราะว่าไรต์เตรียมตัวไปแข่งคอมพิวเตอร์ที่จังหวัดพัทลุงอยู่ เป็นเวลา 2 วันเลยไม่ค่อยอัพเท่าไหร่ และเหตุผลส่วนตัวนับร้อย แง่ววว อย่างที่แจ้งไว้ตอนที่ 4 ล่ะเน้อะว่าจะรีไรท์ใหม่ทั้งเรื่องเพราะว่าแต่งไปๆมาๆผิดพล็อตที่ตั้งใจ  ดังนั้นเม้นกันหน่อยล่ะเด้อออ 

    1 มิ.ย. 2558 เวลา 19:48 น.

    สวัสดีมิตรรักสนิท และเหล่ารีดเดอร์ผู้น่ารักที่อ่านนิยายเรื่องนี้>< ขอให้ทุกคนเปรมปรีกับหนุ่มๆเหล่าว่าที่ฮาเร้มมฮาเร็มในอนาคตข้างหน้าด้วยเจ้าค่าาา ตอนนี้ไรท์กลับมาอัพแล้วล่ะเน้ออ^^ พอไปแข่งกลับมาก็มาอัพเลย มีของฝากด้วนคือเหรียญทองที่แข่งชนะจ๊ะจ๋าา เย้!! ตอนนี้ 50% ก่อนเน้ออ เนื่องจากกลับมาอย่างเดียวไม่หนำใจเลยมีอาการเมารถค้างมาด้วย ดังนั้นหากแต่งติดขัดตรงไหนต้องขออภัยด้วยค่าา สามารถเม้นติชม กดให้กำลังใจด้วยการติดตามนิยายเรื่องนี้ได้เน้ออ หากตรงไหนไม่เวิร์คสามารถแอดไลน์ไรท์มาคุยกันได้เพราะว่าตอนนี้เค้ามีกลุ่มนิยายให้ด้วยย อยากเข้าไปคุยให้แอดไลน์นี้เยยย LINE ID : 0612634675 แอดแล้วบอกว่า " ขอเข้ากลุ่มนิยายหน่อยน้าา " แค่นี้ก็โอเชคั้บป๋มมม

    6 มิ.ย. 2558 เวลา 0:04 น.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×