bombombom
@bombombom
ตอนนี้ยังไม่มีคำขอเป็นเพื่อน
มีเพื่อนๆ เล่น My.iD อีกเยอะเลย ลองไปดูกันเถอะ
dummyaliasname
@dummyusername
dummymsg
ตอนนี้ยังไม่มีข้อความลับ
ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือน
เล่าเรื่องราวของคุณหรือสิ่งที่สนใจผ่านการตั้งกระทู้ ถ้ามีเพื่อนๆ มาตอบจะได้รับการแจ้งเตือนด้วยนะ
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อรับแจ้งเตือนบทความมาใหม่ในหมวดที่คุณสนใจ
ตอนนี้ได้ติดตามบทความเรียบร้อย
เมื่อบทความที่ติดตามอัปเดตจะแจ้งเตือนทันที ขอให้สนุกกับการอ่านบทความนะครับ
คุณยังไม่ได้ตั้งรหัสผ่านในบัญชีของคุณ
ตั้งรหัสผ่านตอนนี้เพื่อให้สามารถเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านได้
ค่าเริ่มต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 4
จิ๊บๆๆ จิ๊บๆๆ
“ องค์หญิง! “
“ องค์หญิงเพคะ! “
“ องค์หญิงอยู่ไหนเพคะ! “
เหล่าเสียงตะโกนเรียกหาบุคคลสำคัญจากเหล่านางกำนัลตั้งแต่ยามเช้าตรู่ เมื่อตื่นมาพบว่า เจ้านายตัวเอง ได้หายตัวไปจากตำหนักอย่างไร้ร่องรอย ทั้งยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเลยด้วยซ้ำ เหล่านางกำนัล ทหาร ขันที องค์รักษ์ เกือบร้อยต่างออกตามหาผู้เป็นนายแทบพลิกแผ่นดิน โดยหารู้ไม่ว่า บุคคลที่ตามหาอยู่กลับนอนหลับสบายในสวนดอกไม้เขตพระราชฐานอย่างสบายใจเฉิบ
“ ไท่ซาน...เกิดอะไรขึ้น? “ บุรุษในชุดสีทองอร่ามลายมังกรหรือองค์รัชทยาททรงตรัสขึ้นมากับองค์รักษ์คนสนิทเมื่อเห็นเหล่านางกำนัล ทหาร ขันที ต่างตะโกนเรียกชื่อใครสักคน และทั้งยังตามค้นหาทุกซอกมุมของวังหลวงตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำ
“ ทูลองค์รัชทายาท องค์หญิงใหญ่ ต้า เยว่หมิง หายตัวไปจากตำหนักตั้งแต่เมื่อเมื่อคืนแล้วพะยะค่ะ เหล่าข้ารับใช้จึงออกตามหาพะยะค่ะ “ องค์รักษ์คนสนิทเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ อ้อ! งั้นเหรอ... ไปสวนดอกไม้เขตพระราชฐานกันเถอะไท่ซาน “ องค์รัชทายาทคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างนึกอะไรออก ก่อนจะแปรเป็นใบหน้าเย็นชาเช่นเดิม
“ พะยะค่ะรัชทยาท “ ราชองค์รักษ์ไท่ซาน และองค์รัชทายาท พูดเสร็จต่างใช้วรยุทธตัวเบาปรี่ไปยังสวนดอกไม้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าศาลาภายในดอกไม้ แล้วสังเกตุเห็นหญิงสาวนอนหลับพิงเสาไม้ของศาลา ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในศาลา
“ เจอกันอีกครั้งจนได้นะแม่ตัวแสบ “ องค์รัชทายาทยืนมองหญิงสาวที่หลับอย่างหมดสภาพ อย่างเอือมระอา แล้วถอดผ้าคลุมกันแดดออกมาสวมทับหญิงสาว ก่อนจะเข้าไปช้อนตัวแม่ตัวแสบสาวเข้าไปในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน แล้วเดินออกมานอกศาลา
“ ไท่ซาน “
“ พะยะค่ะองค์รัชทยาท “
“ ไปแจ้งคนของนางว่าข้าเจอตัวนางแล้ว ให้กลับไปทำงานกันตามปกติ “
“ น้อมรับคำสั่งพะยะค่ะ “ องค์รักษ์หนุ่มเมื่อได้รับคำสั่งก็รีบใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าไปแจ้งคนขององค์หญิงใหญ่ตามคำสั่งของเจ้านายตน
ทางด้านรัชทายาทก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักตน แล้วใช้เท้ายันประตูตำหนักเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้าไปยังห้องบรรทม แล้ววางหญิงสาวลงบนเตียงนอนอย่างอ่อนโยน แล้วปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าหวานที่หลับสนิท ที่มีเสียงหายใจสม่ำเสมอกัน แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหอบ เจือปนมากับลมหายใจ
ชายหนุ่มจับข้อมือหญิงสาวมาตรวจชีพจร แต่ปรากฏว่าเขาพบว่า หญิงสาวตรงหน้ามีอาการป่วยเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และเมื่อเข้าฤดูหนาวนั้นอาการป่วยก็จะเริ่มแสดงออกมาทีละนิด อย่างตอนนี้ที่เริ่มแสดงอาการออกมาแล้ว ชายหนุ่มครุ่นคิดด้วยความเครียด หากว่าแม่ตัวแสบของเขาเป็นอะไรไปเขาคงอยู่ไม่ได้เป็นแน่แท้
“ อู๋ฟาน... “ น้ำเสียงหวานที่แผ่วเบา ดังขึ้นมาเหมือนดั่งพิษไข้เริ่มทำงานลำดับแรกคือละเมอ
“ เยว่เอ๋อร์ ข้าอยู่นี่แล้ว พักผ่อนเถอะนะ “ องค์รัชทายาทหรือต้า อู๋ฟานกุมมือหญิงสาวตรงหน้าไว้ไม่ห่างก่อนจะลูบหัวอย่างแผ่วเบา
“ อู๋ฟาน อย่าทิ้งข้า... “ หญิงสาวที่เริ่มเพ้อ มีหยดน้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาที่ปิดสนิท “ อย่าไป...ได้โปรด อย่าทิ้งข้า อึก... ข้าไม่เหลือใครแล้ว อย่า...ทิ้ง...ข้า “ มือเรียวที่พยายามไขว่คว้าอากาศถูกมือแกร่งคว้าไว้แล้วรวบร่างบางเข้ามาสวมกอดด้วยความทรมานที่เห็นตัวแสบของเขาต้องทนทุกข์ทรมาน
“ เยว่เอ๋อร์ข้าจะอยู่กับเจ้าตลอดไป ข้าสัญญา...ข้าจะไม่ทิ้งเจ้าไปอีกแล้ว “ ต้า อู๋ฟานโอบกอดหญิงสาวไว้ไม่ห่างกาย ทั้งยังคอยปลอบโยนเมื่อหญิงสาวเพ้อเพราะพิษไข้ ทั้งยังคอยเช็ดตัวให้อย่างสม่ำเสมอ
“ ฮ่องเต้เสด็จจจ “ เสียงขันทีประจำตำหนักตะโกนเสียงดังฟังชัด
อู๋ฟานล่ะตัวจากหญิงสาว ก่อนจะลุกไปแต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วเดินออกไปรับหน้า หน้าตำหนัก
“ ถวายพระพรเสด็จพ่อ ขอให้เสด็จพ่ออายุยืนยาวเป็นหมื่นปี หมื่นๆปีพะยะค่ะ “
“ ลุกขึ้นได้ “
“ ขอบพระทัยเสด็จพ่อ เชิญเสด็จเข้าด้านก่อนดีกว่าพะยะค่ะ นี่ก็ใกล้ฤดูหนาวแล้ว ทรงรักษาพระวรกายด้วยสิพะยะค่ะ “
ฮ่องเต้ทรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักพระทัย ก่อนจะชำเลืองตาไปมองบุตรชาย “ ข้าแก่แล้วนะอู๋ฟาน ข้าเป็นฮ่องเต้ แข็งแรงจะตายไป เจ้านี่ก็ขี้บ่นเหมือนคนแก่ขึ้นไปทุกวันแล้ว “
“ โถ่เสด็จพ่อ นี่ข้าพูดด้วยความเป็นห่วงท่านนะ! อย่าทรงตำหนิข้าสิ “ ต้า อู๋ฟานพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะยามที่อยู่กับผู้เป็นพ่อและน้องสาวตัวแสบ
“ เจ้านี่นะอู๋ฟาน ทำยังไงเจ้าถึงจะโตบ้างเนี่ย หืม... “ ฮ่องเต้ทรงหยอกล้อกับบุตรชายที่ทำหน้าง้ำงอด้วยความเคืองพระทัย
“ ข้าก็เป็นอย่างนี้เฉพาะอยู่กับเสด็จพ่อและน้องสาวตัวแสบของข้าเท่านั้นแหล่ะ คนอื่นน่ะ...หมดสิทธิ์! “
“ เอาล่ะๆวันนี้ข้ามาก็มีเรื่องปรึกษากับเจ้านะสิอู๋ฟาน “
“ เรื่องอันใดพะยะค่ะเสด็จพ่อ “
“ เยว่หมิง “
“ นางทำไมหรือพะยะค่ะ “
“ เยว่หมิงตอนนี้เหมือนไม่ใช่นาง นางเหมือนไม่ใช่ลูกสาวที่แสนน่ารักของข้า เยว่หมิงนั้นเมื่อก่อนแม้นางจะเงียบขรึมแต่นางอ่อนโยน และใจดี ไม่คิดโกรธเคืองอันใดใคร ถึงแม้โกรธนางก็จะเก็บมันไว้ ต่างกับตอนนี้...นางเปิดเผยมากขึ้น นางไม่เงียบขรึ้มดั่งแต่ก่อน แต่นางกลับอำมหิต เหี้ยมโหด ฆ่าฟันผู้คนอย่างเลือดเย็น ความอ่อนโยนของนาง แม้แต่ข้าผู้เป็นพ่อยังไม่เคยเห็น ใบหน้านางข้ายังแทบจำไม่ได้ว่าเป็นเช่นไร ตลอดเวลานางจะใส่แต่หน้ากาก หากไม่ใส่หน้ากาก นางก็จะคลุมหน้า หนำซ้ำตอนนี้ นางยังพยายามที่จะบั่นทอนอำนาจข้า ข้าคิดไม่ออกจริงๆว่านางคิดจะทำอะไร “ องค์ฮ่องเต้ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเครียดหนักกับลูกสาวสุดที่รัก ถึงกับมาปรึกษาลูกชายคนโปรดถึงที่ด้วยสีหน้าที่มีแต่ความกังวล
“ เสด็จพ่อ ข้าว่าท่านต้องปรับความเข้าใจกับเยว่หมิงใหม่ เยว่หมิงนางมีปมในใจอย่างหนึ่งนะพะยะค่ะ คือนางไม่ใช่บุตรชาย แต่นางเป็นสตรี นางอยากให้ท่านหายกังวลกับตัวนาง บางครั้งนางอาจจะน้อยใจได้ที่ท่านทรงหวงแหนลูกชายมากกว่านาง “
“ อู๋ฟานเอ๋ย...คนที่เจ้าสมควรตำหนิคือฮองเฮา นางทรงลำเอียงที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาว ข้าเองก็จนปัญญาที่จะรั้งนางไม่ให้ทำอะไรผิดพลาดไป “
“ เสด็จพ่อทรงอย่ากังวลไปเลย เยว่หมิงนางเอาตัวรอดเก่ง ข้าเชื่อว่านางรู้อะไรผิด อะไรถูก “
“ งั้นข้ากลับก่อนนะรัชทายาท ไว้จะมาหาบ่อยๆ “ ฮ่องเต้ทรงตรัสด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังเจือความกังวลอยู่
“ ลูกไม่ส่งนะพะยะค่ะ “
“ แล้วแต่เจ้าเลยอู๋ฟาน ฮ่าๆๆ “ ฮ่องเต้ทรงหัวเราะออกมาราวกับระบายความในใจ
หลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับ เขาก็มุ่งหน้าไปยังเตียงนอน แต่กลับไม่พบหญิงสาวดั่งที่ควรจะเป็น เหลือแต่เพียงเตียงนอนว่างเปล่า
อู๋ฟานทรุดนั่งลงบนเตียงนอนด้วยความหมดแรง จนกระทั่งความทรงจำในอดีตทะลักย้อนกลับมา สมัยที่เขาเป็นเพียงองค์ชายน้อย บุคคลที่สนิทด้วยที่สุดคือ เยว่เอ๋อร์ นางเป็นสหายที่ดีที่สุดของเขา แต่ความผิดพลาดของเขาคือการที่ทำให้รัชทายาทพระองค์ก่อนถูกปลดและประหาร โดยการนำเสด็จพ่อไปหารัชทายาทที่ตำหนักเย็นของพระสนมที่ถูกเรียกว่า กบฏ จนถูกพบและปลดจากตำแหน่งกลายเป็นนักโทษประหารอีกคน หลังจากนั้นมาเยว่เอ๋อร์ก็จงเกลียดจงชังเขามาตลอด
ตุ๊บ!
ฉันทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยสภาพอันอนาถเพราะว่าฉันเดินโซซัดโซเซมาจากตำหนักรัชทายาทองค์ปัจจุบันหรือตำหนักอู๋ฟานหลง ด้วยสภาพไม่สมบูรณ์สักเท่าไหร่ ด้วยเฉพาะขาที่เป๋ไปข้างนึง เพราะตกต้นไม้ที่ปีนออกมาจากตำหนัก ใบหน้าซีดเซียวของฉันทำให้เหล่านางกำนัลหลายที่คนที่เห็นสภาพฉันตอนนี้ ถึงกับเรียกหมอหลวงมานับสิบเพื่อที่จะมาตรวจร่างกายฉัน โห่วววว!
“ ท่านหมอ องค์หญิงทรงประชวรเป็นอะไร? “ หลางเฟยที่มีหน้าที่คอยดูแลฉันห่างๆอย่างห่วง เอ่ยถามท่านหมอด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ องค์หญิงทรงไม่เป็นอะไรมาก แค่ไข้หวัดธรรมดาพะยะค่ะ อาจจะเป็นเพราะฤดูหนาวเริ่มมาเยือน ร่างกายเลยปรับสภาพไม่ทัน ทำให้อุณหภูมิธาตุไฟเข้าแทรกได้พะยะค่ะ “
“ อืม... ออกไปได้แล้ว หลางเฟย...” ฉันพลิกตัวอันหลังนอนด้วยสีหน้าอิดโรย
“ เพคะ “
“ ส่งท่านหมอให้ดี แล้ววันนี้ทั้งวันไม่ต้องให้ใครเข้ามายุ่งกับข้า ห้ามทุกคนเข้ามาด้านใน ใครมีหน้าที่อะไรก็ทำไป อ้อ! จัดหานางกำนัลมาห้าคน คอยจุดไฟกำยานกลิ่นบัวห้าทิศของตำหนักไว้ด้วย ส่วนเจ้าหลางเฟย วันนี้เจ้าไปพักผ่อนเถอะตามหาข้าทั้งคืนไม่ใช่เหรอ ไปนอนเถอะ “ ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย แล้วให้ไปฉีกยิ้มเล็กๆอย่างหมดแรงให้กับหลางเฟย ก่อนจะสะบัดมือให้ออกไปได้
“ องค์หญิง แต่ข้าเป็นห่วงท่าน “
“ หลางเฟย “
“ แต่... “
“ ข้าบอกว่าออกไปได้แล้ว! “ ฉันลุกคว้าหมอนมาใบนึงปาไปหาหลางเฟยด้วยอารมณ์โมโห หงุดหงิด ก่อนจะล้มตัวลงไปนอนบนเตียงอย่างแรง
เพล้ง!
ฉันลุกขึ้นไปหยิบแจกันใกล้มือมาปาเพื่อระบายอารมณ์ แต่ดูเหมือนยิ่งหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิม เลยทำให้อาละวาดไปทั้งวัน ทั้งฟัดข้าวของเงินทองทุกสิ่งที่ขวางหน้าเรียกว่าอาวุธชั้นดี ยิ่งวันนี้ไม่ต้องพูดถึงในตำหนักเลย มีแต่เสียงข้าวของแตกดังทั้งวัน จนปัจจุบันหกโมงเย็นแล้วถึงจะหยุดเพราะไม่มีของให้ทำลายอีกต่อไปแล้ว
ฉันหยุดหอบทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างเหนื่อยล้า จนมีความทรงจำที่เรียกว่า ไม่คิดลืม ผุดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
อดีตรัชทายาท...ข้าคิดถึงเจ้า เจ้ากล้าดียังไงทิ้งข้าไป...เจ้าผู้ชายปลิ้นปล้อน
“ หมิงเอ๋อร์ ข้ามาแล้ว... “ น้ำเสียงร่าเริง ดั่งพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างดังก้องไปทั้งหัวสมอง ราวกับความฝันเป็นจริงอีกครั้ง ข้ารักเจ้ารัชทายาท
“ รัชทายาท... รัชทายาท! เจ้าอยู่ไหน! “ ฉันลุกขึ้นมาวิ่งตามหาเสียงเรียกที่ดังก้องไปทุกทิศ ตอนนี้สมองฉันสั่งการอย่างเดียวคือ หารัชทายาทให้เจอ
“ หมิงเอ๋อร์ข้าอยู่นี่! มาเร็วๆมาจับข้าให้ได้ ฮ่าๆๆ “ ใบหน้าอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มกว้างอย้างมีความสุขสกาวราวดวงอาทิตย์ยามเช้า รัชทายาทใยเจ้าถึงดูมีความสุข ชีวิตชีวากว่าข้าเล่าเจ้าคนบ้า!
“ ได้ ได้! ข้าจะจับเจ้ารัชทายาท! “ ฉันพูดไปทั้งน้ำตา ก่อนจะวิ่งไปกอดร่างสูงแต่กลับคว้าได้เพียงลม ก่อนร่างสูงสง่าที่เคยเห็นจะหายไปเหมือนเพียงฝัน... หากนี่เป็นฝัน คงเป็นฝันที่มีความสุขที่สุด เจ้าคนปลิ้นปล้อน เจ้าชอบหลอกข้าจริงๆ
“ ฮ่าๆๆๆ หยางหมิงเจ้าหลอกข้าอีกแล้ววว!! อึก! เจ้าหลอกข้าอีกแล้ว “ ฉันเงยหน้าขึ้นไปเพื่อสกัดกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนจะตัดสินใจไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และแต่งหน้าแต่งตัวใหม่ให้งดงาม
หลังจากที่ฉันแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็ออกมาส่องกระจกเช็คความเรียบร้อยของตัวเอง ก่อนจะยกยิ้มอ่อนๆ ใบหน้าที่สวมใส่หน้ากากตลอดเวลา คงถึงเวลาที่จะถอดมันแล้ว แค้นครั้งนั้นข้าจะไม่มีวันอภัย! ข้าจะแก้แค้นจนชีพสลายตายไป
ฉันปลดหน้ากากออกมาอย่างแผ่วเบา เผยให้เห้นใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าอายุ ดวงตาราวพญาหงส์ ริมฝีปากราวกับลูกพีช ใบหน้าดูมีน้ำมีนวล จริงสินะหยางหมิง...เจ้าชอบมาขอดูใบหน้าข้าประจำนี่
ฉันลุกขึ้นอย่างเต็มตัว เสื้อผ้าอาภรล้วนป็นของชั้นดีจริงๆ หึ! ชุดสีแดงเพลิงปักลายดอกหมู่ตัน เผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน เครื่องประดับบอกยศ ถึงเวลาเริ่มเดินหมากของเราแล้ว
ฉันเดินออกไปหน้าตำหนักก่อนจะเหาะไปยังสวนดอกไม้เขตพระราชฐานอย่างรวดเร็ว พอถึงที่หมายฉันเลือกที่จะหยุดตรงสวนกุหลาบของอดีตรัชทายาทที่ชอบที่สุด ฉันเลือกที่จะร่ายรำท่ามกลางดอกไม้
“ .... ถึงแม้จะสูญเสียไปแล้ว แต่ท่านยังคงไม่ลืม
หัวใจที่งดงามได้เริ่มเต้นเป็นครั้งแรก
รอยยิ้มของท่านแพรวพราวดั่งหิ่งห้อยในความฝัน
เปี่ยมเต็มไปด้วยความรักที่มีต่อข้า
น่าเสียดายที่กระแสธารแห่งเวลาทำให้เราต้องแยกจากกัน
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ในวันที่พรากจากกันวันนั้นคงมีเพียงแต่ความเฉยชา
คำสัญญาของท่านเป็นเพียงภาพลวงตา
ความอ้างว้างเดียวดายทวีขึ้นอีกครา.... “
ฉันใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงเหาะขึ้นไปร่ายรำบนอากาศอย่างสวยงามซึ่งมีเหล่าผีเสื้อนับร้อยมาบินล้อมฉันไว้ ทั้งกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมา นั้นทำให้ดูเหมือนกับว่าฉันเป็นเทพธิดาลงมาร่ายรำเล่น
“ ชวี๋เจี๋ยแม่นางคนนั้นเป็นใคร “ บุรุษรูปสง่างามในชุดเกราะหยุดมองหญิงสาวที่ร่ายรำและขับร้องด้วยท่าทางสง่างามราวเทพธิดา จนเขาไม่อาจจะนิ่งเฉยได้ แม้เขาจะไม่ค่อยชอบสตรีสักเท่าไหร่ แต่ทำไมเห้นนางแล้วเหทมือนหัวใจจะหยุดเต้นลง
“ ทูลท่านแม่ทัพหลี่เหวินอี้ แม่นางผู้นั้นคงจะเป็นนางสนมของฮ่องเต้ก็ได้พะยะค่ะ “ ชวี๋เจี๋ยหรือองค์รักษ์คนสนิทของแม่ทัพใหญ่แคว้นหลี่
“ งั้นเหรอชวี๋เจี๋ย น่าเสียดายจริงที่บุปผางามต้องมาร่ายรำเพียงลำพังในกรงทองอันงดงาม “ นางเองคงจะเป็นเช่นเขาที่ถูกเรียกตัวให้มาคัดเลือกเป็นของราชวงศ์ เขาเดิมทีเป็นรัชทายาทแคว้นหลี่และยังเป็นแม่ทัพของแคว้น จนวันหนึ่งได้รับราชโองการจากเสด็จลุงหรือฮ่องเต้นั่นแหล่ะ เนื้อความว่าให้มาคัดเลือกเป็นราชบุตรเขยหรือสามีขององค์หญิงใหญ่
“ หืม...ท่านแม่ทัพปกติพระองค์ไม่สนใจอิสตรีไม่หรือพะยะค่ะ “ ชวี๋เจี๋ยเอ่ยมาอย่างสนใจ หากจะดีไม่น้อยว่าแม่นางที่ร่ายรำอยู่ไม่ใช่ผู้หญิงของฮ่องเต้เช่นนั้นเขาคงวางแผนจับคู่กับแม่ทัพของเขาแล้วก็ได้
“ ไม่รู้สิ หัวใจข้าเหมือนใจหยุดต้น “
“ ท่านแม่ทัพข้าว่าท่านคงจะหลงรักนางเข้าเต็มๆแล้ว “
“ งั้นหรือชวี๋เจี๋ย “
ร่างบางหยุดร่ายรำและทยานลงมายืนบนพื้นดินด้วยท่าทางสง่างามเช่นเคย ดวงตากลมตาที่ดูเหมือนมีมนต์สะกดค่อยๆชำเลืองมายังจุดกำเนิดเสียงอย่างช้าๆ
“ มาหาข้ามีอะไรงั้นรึ... “ ฉันคลี่ยิ้มอย่างแผ่วเบา “ หรือพวกเจ้าจะมาให้คำตอบกับข้า “
บุรุษและอิสตรีทั้งคู่ต่างมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ยังคงสงวนท่าทีไว้เช่นเคย หากกระทำการบุ่มบ่ามไปคงไม่เป็นผลดี คงรั้นแต่จะมีสิ่งแย่ๆเข้ามาอีกมากมายก่ายกอง
“ พวกเราสองพี่น้องตอบตกลง “ องค์หญิงห้าต้าไป๋หูพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แม้ว่าภายในใจอยากจะตะปปคอหญิงสาวตรงหน้าแล้วฆ่าทิ้งอย่างเลือดเย็นก็ตาม
“ โอ๊ะ! พวกเจ้ามาให้คำตอบข้าเร็วเสียจริง ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงไม่ลูกไม้กับข้าหรอกนะ หากเป็นเช่นนั้นจริงข้าคง...” ฉันเว้นคำพูดก่อนจะใช้วิธีเท้ามารเพียงก้าวเดียวไปหาสองพี่น้องเลขห้า แล้วบีบคอทั้งสองคนจนเท้าลอยไม่ติดพื้น
“ ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมดทิ้งตั้งแต่ตอนนี้! “ จิตสังหารรุนแรงถูกขับออกมาเพียงชั่วพริบตา เหล่านักฆ่าชุดดำหล่นร่วงลงมาจากต้นไม้นับสิบคนราวกับเศษใบไม้
แค่กๆ
“ ปะ ปล่อยข้า! เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำกับพวกเราอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องฮ่องเต้! “ องค์ชายห้าถึงกับหน้าซีดขาวราวกระดาษเมื่อรู้ว่าเท้าตัวเองได้อยู่สูงขึ้นเรื่อยๆกว่าน้องสาว ทั้งน้ำหนักการบีบยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆราวกับว่าหากยังไม่ยอมอีก พวกเขาคงได้ตายเป็นผีเฝ้าสวนดอกไม้นี่แน่!
“ เหิมเกริมยิ่งนักพวกเจ้าสองพี่น้อง! คิดเหรอว่าข้าจะกลัวฮ่องเต้! ขนาดเจ้าที่เป็นถึงแม่ทัพผู้เกรียงไกรข้ายังไม่กลัว! หากพวกเจ้าสองพี่น้องเลขห้าไม่มีประโยชน์ต่อข้า ข้าคงไม่ปล่อยพวกเจ้าลอยนวลถึงวันนี้หรอกนะ! อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ว่าพวกเจ้าคิดจะทำอะไรกันอยู่ หากพวกเจ้าตายขึ้นมา ข้าก็สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้ ฉะนั้นสำนึกเอาไว้ว่าข้าเว้นชีวิตพวกเจ้าไว้! “
“ พะ พี่หญิงใหญ่ ปล่อยพี่ฟานเฉียนเถิด ขะ ข้า อึก! ข้าขอร้อง! “ องค์หญิงห้าที่ถูกคลายแรงบีบออกจากคอ แต่ยังคงไม่มากนัก เอ่ยขอร้องผู้เป็นพี่สาวด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นให้ไว้ชีวิตพี่ชายที่รักที่สุด
ฉันหรี่ตามองแววตาของไป๋หู แค่ดูเพียงแวบเดียวก็รู้ว่ารักพี่ชายมากแค่ไหน แต่(ไอ้)พี่ชายนี่สิ หยิ่งผยอง โอหัง เห็นแก่ตัว ไม่ทราบว่ามันมีค่าตรงไหนวะ?!
ฉันปลดมืออกจากรอบคอทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว แต่เลือกที่จะคว้าเอวของไป๋หูมาแทน ดูก็รู้ว่าแม่องค์หญิงห้านี่มีดีแค่เท้าไว ข่าวไวที่เหลือย่ำแย่ วรยุทธยังอ่อนหัดนักต่อให้ซ่อนเร้นเท่าใดก็รู้
อั่ก!
“ แค่นี่ถึงกับกระอั่กเลือดแล้วหรือองค์ชายฟานเฉียน อ่อนหัดจริงๆข้านึกไม่ออกจริงๆว่าท่านได้รับประทานฉายาจากฮ่องเต้ได้ยังไง หึ! “
“ เจ้า! “ ร่างสูงปรี่เข้ามาหวังจะฆ่าหญิงสาว แต่กลับมีดาบมาสกัดเอาไว้
เคร้ง!
“ ท่านเป็นบุรุษมิควรรังแกสตรี “ ทางด้านหลี่เหวินอี้ที่ทนดูไม่ได้จึงรีบเข้ามาสกัดเอาไว้
“ เจ้าเป้นใครช่างกล้าหาญยิ่งนัก! เจอหน้าข้าที่เป็นองค์ชายห้ายังไม่ทำความเคารพอีก “
“ ข้าองค์รัชทายาทแคว้นหลี่ มีนามว่าหลี่ เหวินอี้พะยะค่ะองค์ชายห้า “
“ จะ เจ้า “ องค์ชายห้าฟานเฉียนเบิ่งตาค้างกว้าง
พรึ่บ!
ชั่วพริบตาร่างสูงใหญ่ขององค์ชายลงไปสลบแน่นิ่งในอ้อมกอดของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง นั่นคือหลางเฟยนั่นเอง
“ ขออภัยเพคะองค์หญิงที่หม่อมฉันมาช้า พระองค์ทรงมาไม่บอกกล่าวกันเลย ทั้งยังทรงลืมหน้ากากไว้ที่ตำหนักด้วยเพคะ “ หลางเฟยย่อกายถวายพระพรหญิงสาวก่อนจะยืนหน้ากากทองที่ปิดทั้งใบหน้าให้หญิงสาว ในวันนี้นางใส่ผ้าคลุมหน้าสีแดงเลือดตามคำสั่งผู้เป้นนายก่อนออกจากตำหนัก ทั้งยังกำชับให้นางกำนัลทุกคนใส่เช่นกัน
ฉันหยิบหน้ากากมาสวมด้วยความเบื่อหน่าย ในเมื่อเกมส์จบก็คงพอรู้ผลแล้ว ฉันคลี่ยิ้มก่อนหันไปย่อกายถวายพระพรแด่ผู้มาใหม่อย่างรัชทายาทแคว้นหลี่อย่างนอบน้อม
ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะช็อกเมื่อจับใจความได้ว่า หญิงสาวที่เขาคิดว่าเป็นสนมกลับกลายเป็นผู้ที่เขาต้องมาคัดเลือกเป็นราชบุตรเขยหรือสามีให้ ทั้งคำเล่าลือต่างๆนาๆยังเป็นจริงดั่งตาเห็น นางเหี้ยมโหด อำมหิต ฆ่าได้กระทั่งพี่น้องหากขัดผลประโยชน์นาง แม้เขาจะแสนเกลียดชังยามได้ยินคำเล่าลือ แต่เมื่อเจอตัวจริงเขากลับคิดว่านางกำลังเล่นละครเป็นตัวร้าย ทั้งๆที่แววตาลึกๆของนางยังคงสั่นไหวอยู่ นางยังคงรักพี่น้องเพียงแต่นางทำไปเพื่ออะไรกัน นางทำอะไรกันแน่นะ
“ ถวายพระพรองค์รัชทายาทแคว้นหลี่ หม่อมฉันต้า เยว่หมิง พระธิดาลำดับที่หนึ่งเพคะ “
“ ลุกขึ้นเถอะ “ เขาสั่งหญิงสาวทั้งยังเข้าไปพยุง “ เจ้าเป็นใครกันแน่ “ เขากระซิบกับหญิงสาว
“ ขอบพระทัยองค์รัชทายาท หม่อมนั้นโง่เขลา ไม่เข้าใจคำถามของพระองค์ที่ถามว่าหม่อมฉันเป็นใคร หม่อมฉันคงตอบได้แต่ว่า หม่อมฉันเป็นองค์หญิงใหญ่เพียงเท่านั้น ขอบพระทัยที่กรุณา หม่อมฉันทูลเพคะ “ นางพูดรัวแล้วถวายพระพรออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินถอยหลังออกไปช้าๆ
เหวินอี้ด้วยความยังค้างคาใจเขาจึงใช้วิชาตัวเบาเข้าไปคว้าตัวหญิงสาวมา จนหมุนไปรอบๆทั้งสองจ้องตากัน ด้วยสายตาต่างความหมาย คนหนึ่งหัวใจเหมือนจะหยุดเต้น อีกคนมีเพียงความเฉยชา
ราวกับเวลาถูกหยุดไว้เพียงเท่านี้ หัวใจที่ด้านชาต่อความรักถูกกระตุ้นให้เต้นอย่างรุนแรง หัวสมองที่คิดแต่เรื่องรบ ฆ่าฟัน และอื่นๆ กลับกลายเป็นภาพบุรุษซ้อนทับกัน รอยยิ้มสดใส ร่าเริง ของเขาทั้งสองชั่งเหมือนกันจริง
หน้ากากหลุดร่วงสู่พื้นเกิดเสียง เรียกสติทั้งสองคน เยว่หมิงได้สติก็ดันตัวออกห่างจากชายหนุ่ม แล้วก้มไปหยิบหน้ากาก แต่บังเอิญความคิดนี้ดันตรงกันกับชายหนุ่ม และหลางเฟย จนเกิดสงครามประสาทขนาดย่อมๆ
ทั้งสามคนต่างเงยหน้าขึ้นมาดูโฉมหน้าผู้ที่หยิบหน้ากากทอง คนแรกเยว่หมิง แววตาปรากฏแต่เพียงความแปลกใจ ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์อย่างรัชทายาทเหวินอี้ ปรากฏแต่เพียงรอยยิ้มบางเบา ส่วนหลางเฟยนั้นละมือออกจากหน้ากากแล้วกลับไปยืนด้านหลังหญิงสาว
“ ขอบพระทัยรัชทายาทเพคะ หากพระองค์ยังคงค้างคาใจ งั้นหากพระองค์ทรงว่างก็สามารถไปที่ตำหนักหม่อมฉันได้เพคะ “ ฉันพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เพียงแค่ยิ้มอ่อนๆตามมารยาทเท่านั้น
“ เจ้าแย่งคำพูดข้าไปเสียแล้วองค์หญิง “ เหวินอี้พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ
“ หึ! หม่อมฉันไม่บังอาจหรอกรัชทายาท “
“ นี่หน้ากากของเจ้า.... องค์หญิงใหญ่ต้า เยว่หมิง “ เขานำกากไปสวมที่ใบหน้าหญิงสาวอย่างแผ่วบา ทั้งยังล้อเลียนนางด้วยน้ำเสียงขำขันอีกด้วย
*************************************************
สวัสดีค่าา มาอัพให้แล้วน้าาา ดองไว้นานเกิน 555 ที่จริงตอนนี้แต่งค้างไว้ที่ 90% เป้นอาทิตย์แล้ว แต่ไม่ได้อัพสักที เห็นว่าเหลืออีก 10% เลยคิดว่ามาอัพให้จบเลยดีกว่า>< ตอนนี้ไรต์ใส่เพลงไปด้วยนะค้าา อย่ารำคาญเพลงน้าา เพราะว่าเพลงมีความหมายกับเนื้อร้องท่อนหนึ่งที่นางเอกเราร้อง ต้องฟังเพื่ออรรถรสด้วยน้ะเออ^^ เดียวไรตืมาอัพเพิ่มอีกน้าา รักรีดเดอร์ทุกคนจ้าา
29 พ.ค. 2558 เวลา 24:12 น.
มาต่อจนครบ 100% แล้วล่ะน้อออ อ่านกันแล้วงงใช่มั้ยล่ะ อันนี้ไรต์แต่งยังงงเองเลยย ???????? ไรต์โคตรพลาดเลยที่ไม่ได้วางพล็อตเรื่องให้มั่นคงวตั้งแต่แรก ไรต์คิดว่าหลังจบตอนที่ 5 จะรีไรท์ดีมั้ยอ่า ถามความคิดคนอ่านหน่อยกลัวว่าถ้าเปลี่ยนเนื้อเรื่องแล้วพอมาอ่านใหม่แล้วมันจะสะดุดอ้ะ ถ้ายังไงก็ช่วยๆกันติชมคอมเม้นได้น้า เพราะว่าไรต์เองต้องการคอมเม้นไปปรับปรุงนิยายเหมือนกัน นักอ่านีบกวนออกจากเงามาสู่แสงสว่างหน่อยน้าาา????????????????????
1 มิ.ย. 2558 เวลา 19:20 น.
ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด
อีบุ๊ก ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น