ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลิขิตรักจอมนางมารสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 100%

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 58


    บทที่ 2

     ตุ๊บ!

     ร่างบางทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรง ทั้งยังหลับตาลงอย่างอ่อนล้ากับสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามา....

     เธอคือพัดจีนในโลกปัจจุบันที่เก่งกล้าสามารถ เป็นถึงนักฆ่ามือหนึ่ง แต่ก็ต้องถูกตามล่าจนตายอย่างอนาถ จนมีหญิงสาวนามไป๋เซียน ที่อ้างว่าเป็นเทพปรากฏตัวออกมา จนเธอรู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นองค์หญิงเยว่หมิงซ่ะแล้ว และความทรงจำในร่างนี้ค่อยๆฝุดออกมาทีละนิด...ทีละนิดจนครบทุกอย่าง ยัยองค์หญิงเป็นคนน่าสงสารสุดๆ ต้องดิ้นรนให้ตัวเองเป็นใหญ่ ต้องฆ่าฟันทุกคนที่ขัดขวางเพื่อให้ได้ตามต้องการ ต้องมีคนมากมายที่คิดจะฆ่าแม้กระทั่งน้องสาวตัวเอง ดีจริงๆ ดีมากๆ ดี...

     ดีกับผีเซ่ะ!!!

     ตายอย่างอนาถไม่พอ!! ยังต้องมายุ่งกับราชวงศ์อีกทีนี้แหละ ซวยอย่างเดียวเลย! อย่าให้รู้นะว่าใครให้ฉันมาเกิดเป็นยัยองค์หญิง แม่จะล่อไปอาละวาดถึงสวรรค์เลย!

     กรี๊ดดดดด!!

    องค์หญิงทรงเป็นอะไรเพคะ! “ เหล่านางกำนัล ขันที และทหารนับสิบ เรียกว่าแถบจะถลาเข้ามาเกาะเท้าเธอไว้ด้วยซ้ำ มันกลัวอะไรของมันเนี่ย!

     ฉันลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วสะบัดผ้าม่านที่บังเอาไว้ออกมาอย่างหงุดหงิด แล้วเดินออกไปคว้าแจกันที่อยู่ใกล้มือมาปาทิ้งอย่างไม่เสียดาย ดวงตาที่คมเฉี่ยวเหมือนเหยี่ยวตอนนี้เรียกว่าน่ากลัวที่สุดเลยก็ได้

     เพล้ง!

     หลางเฟยคลานเข่าเข้ามาฉัน แล้วก้มลงไปลูบเท้าฉันอย่างแผ่วเบา หยดน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาของหลางเฟยทำให้สงบลง(นิดเดียว)

     ออกไปให้หมด! “ ฉันสะบัดชายเสื้อประมาณว่าไล่พวกที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ยาวตัวโปรด หลางเฟยมาหาข้า

     เพคะ...องค์หญิง หลางเฟยคลานเข่ามาหาฉันทั้งๆที่ยังสะอื้นน้ำตานองหน้าอยู่

     ข้าหงุดหงิด

     เพคะ

     ข้ากลัว ฉันลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง ทอดสายตามองไปยังบริเวณรอบๆวังหลวงอันแสนโดดเดี่ยว ข้ากลัวที่จะโดนทอดทิ้ง ข้ากลัวว่าตัวเองจะตายในทุกๆนาที ชั่วโมง หรือทุกเวลา ตลอดเวลาที่ข้าเกิดมาข้ามักตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่าข้าเกิดมาเพื่ออะไร ข้าต้องฆ่าคนเพื่ออะไร หรือแค่ชัยชนะสู่เกียรติยศเท่านั้น “  ฉันหันหน้ากลับมายิ้มให้หลางเฟยอย่างหาที่พึ่ง แล้วเดินเข้าไปกอดหลางเฟยทั้งน้ำตา

     องค์หญิง...เพคะ หลางเฟยยืนนิ่งในอ้อมกอดฉัน

     เจ้าจะไม่ทิ้งข้าใช่มั้ย...หลางเอ๋อร์ ฉันกระชับกอดนางกำนัลคนสนิทอย่างหลางเฟย ความทรงจำที่เลือนรางกลับมาอีกครั้ง

     คนที่รักข้าและข้าเองก็รักมากที่สุด คือเจ้า หลางเอ๋อร์ ของข้า

     คำถามของข้าที่ถามเจ้ายังก้องอยู่ในสมองตลอดเวลา ข้าไม่เคยจะลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเจ้าเลยสักนิด

     หลางเอ๋อร์...เจ้าจะไม่ทรยศข้าเหมือนคนอื่นๆใช่มั้ย? หลางเอ๋อร์...เจ้าจะไม่ทอดทิ้งข้าให้เดียวดายใช่มั้ย? หลางเอ๋อร์...เจ้าจะรักข้าตลอดไปมั้ย?

     ‘ ข้า หลางเฟย ขอสาบานแก่ฟ้าดินว่า จะไม่ผิดต่อวาจาตนเองสักคำพูดหนึ่ง ขอสาบานว่าจะรักและจงรักภักดีแด่ หลิน หมิงเยว่ ตลอดไป

    ข้ารักเจ้านะ หลางเอ๋อร์

    ข้าจะไม่ทอดทิ้งท่าน และจะรักท่านตลอดไป นางกระชับอ้อมกอดของคนที่นางรักไว้อย่างแน่นหนาราวกับว่า เยว่หมิง ของนางจะจางหายไปอีกครั้ง รักของนางกับเยว่หมิงคือรักต้องห้าม รักที่แสนวิปลาส...น่าอดสู

     ความทรงจำของข้าที่เลือนราง มันกลับเด่นชัดขึ้นมาข้าเจอกับเจ้า ข้าจะรักแต่เจ้า งานอภิเสษของเราจะต้องเกิดขึ้น ฉันจำได้แล้ว..ความทรงจำที่หายไปเนิ่นนาน หลางเอ๋อร์ข้าจะรักแต่เจ้าคนเดียว

     เยว่หมิง...หลางเอ๋อร์ยกนิ้วมาปิดปากฉันไว้ ด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ไม่ต้องหรอก...งานอภิเสษน่ะ ข้าดีใจที่สุดที่เจ้าจำข้าได้ ความทรงจำที่หายไปเนิ่นนาน จนข้าหวั่นใจว่าเจ้าจะจำข้าไม่อีกแล้ว

    ฉันยกยิ้มอ่อนๆก่อนจะจับแก้มหลางเอ๋อร์ก้มลงมา...

    เพี๊ยะ!

    ดีดหน้าผากไง...คิดอะไรกันนนน คิดว่าจะจูบไงคะ? เสียใจย๊ะ! ฉันยังเป็นผู้หญิงอยู่...

     เด็กน้อย...เจ้าถูกข้าแกล้งอีกแล้วนะ ฮ่าๆๆ ฉันหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข แต่ภายในใจยังคงสับสนอยู่

     เยว่หมิง เจ้าหลอกข้า! “ เจ้ามันโหดร้าย! ไร้ความรู้สึก! จอมทัพหญิงผู้เย็นชา...รักใคร่ผู้ใดมิเป็น เจ้ามันชอบล้อเล่นกับความรู้สึกผู้อื่น ข้าช่างโง่เขลาอย่างที่เจ้าเคยกล่าวไว้จริงๆ

    ข้าเปล่าหลอกเจ้าหลางเอ๋อร์ ฉันคว้าข้อมือหลางเอ๋อร์ไว้

     ข้าไม่เชื่อ! ทุกๆครั้งเจ้าพูด เจ้ามักจะทำไม่ได้เสมอ เมื่อห้าปีก่อนตอนเจ้าสิบสี่ เจ้าบอกกับข้าว่าเจ้าจะกลับมาในวันเกิดข้า! ข้ารอเจ้าที่จะมาฉลองจนแล้วจนเล่า เจ้าก็ไม่มา! รู้ข่าวอีกทีเจ้าก็ไปรบเสียแล้ว

    เช่นนี้...เจ้าจะให้เชื่อเจ้าได้อย่างไร

    หลางเอ๋อร์ ข้าหลอกเจ้าในทุกๆเรื่อง ยกเว้นเรื่องข้ารักเจ้า ไม่รู้ง่า... ปากมันไปเองงง เค้าไม่ได้พูดดด!

    เยว่หมิง

     ฉันระบายยิ้มอ่อนๆก่อนจะตบบ่าของหลางเอ๋อร์เบาๆ แล้วสะบัดชายเสื้อเดินออกไปนอกห้อง ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีนางกำนัลคนสนิทอย่างหลางเอ๋อร์ติดตามไปด้วยแน่นอน

     ฉันกำลังจะก้าวออกจากประตูตำหนัก แต่ก็มีมารมาขวางจนได้ ไอ้ทหารเวรรร!!

     “ ขออภัยพะยะค่ะองค์หญิง กระหม่อมได้รับคำสั่งจากฮองเฮาว่าห้ามพระองค์ออกจากตำหนักเด็ดขาด

     เอาจริงเด่ะ!

     จงถอยไปซ่ะ! ข้าจะไปเยี่ยมชมสวนดอกไม้มิได้หรือ ฉันกดเสียงพูดให้ต่ำขึ้น ทั้งยังจิกตามองนายทหารด้วยสายตาดุดัน

     แต่องค์หญิงพะยะค่ะ

     งั้นเราต้องใชกำลังหรือไม่

     มะ ไม่ต้องพะยะค่ะองค์หญิง กระหม่อมมิบังอาจ

     ฉันแสยะยิ้มเพียงแวบเดียวแล้วหน้านิ่งเหมือนเดิม แล้วก้าวออกจากตำหนักไปอย่างไม่สนใจใคร แต่ปิดท้ายด้วยการ ปิดการโยนด้วยเงิน ห้าตำลึง ให้กับทหารนายนั้น แหมะรีบรับเชียวนะ

     เยว่หมิง จะดีหระ...

     อยู่ด้านนอกเรียกข้า องค์หญิง อยู่เพียงลำพังเจ้าจะเรียกอะไรก็ได้ ฉันหยุดเดินแล้วพูดกับหลางเอ่อร์ด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามเดิม โดยไม่หันหลังกลับไปมอง ขืนกลับไปมองล่ะก็...เดี๋ยวเจ๊ได้แต่งเมียแน่ๆ ฮึ่ยยย! ยัยตัวจริงนะยัยตัวจริง ทิ้งภาระให้ฉันอีกแล้ว

     เพคะองค์หญิง เยว่หมิง

     ฉันยกยิ้มอ่อนๆก่อนจะล้วงหน้ากากออกมาจากชายเสื้อเข้ามาสวมปกปิดไว้ แหม! ก็เค้าขี้เกียจใส่ผ้าผืนบางๆมาปิดหน้านี่ ใส่หน้ากากดีกว่า เท่ห์กว่าเยอะ อุ๊ต๊ะ! หน้ากากทองลายดอกหมู๋ตันซ่ะด้วย ถูกใจใส่เลยย><

     ฉันเดินไปตามทางเรื่อยๆด้วยใบหน้าเฉยชาภายใต้หน้ากากทอง จนกระทั่งไปหยุดที่ตำหนักๆหนึ่ง ตำหนักร้าง อันอ้างว้าง เงียบสงัด บรรยากาศร่มรื่น น่าแปลก...ที่มันไม่รู้สึกโด่ดเดี่ยวแต่กลับรู้สึกอบอุ่น

     ฉันผลักบานประตู แล้วเดินเข้าไปภายในตำหนักอย่างหลงใหล ดวงตาเรียวกวาดสายตามองไปรอบๆกาย อย่างเหม่อลอย ก่อนจะเดินไปยังห้องๆหนึ่ง

     ข้ายินดีต้อนรับผู้มาเยือน...เช่นพระองค์เสมอ น้ำเสียงยานครางชวนขนลุก ดังขึ้นเรียกสติเธอขึ้นมา

     นั่นใคร! “ ฉันตะโกนออกไป

     ใครสักคนที่ถูกพระองค์กักขัง

     อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า! ออกมาเดี๋ยวนี้นะ! “

     ก็ได้ๆ ข้าออกไปก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่กันเลยนี่ จากน้ำเสียงยานครางกลายเป็นน้ำเสียงเช่นบุรุษ

     เซี่ยซาน! “ ให้ตายเถอะ! ไอ้พี่เวรตะไลเล่นตลกอะไรกับเธอเนี่ย

     ก็ข้าไง อะไรของเจ้าเนี่ยเยว่หมิง

     เจ้ามาทำอะไรที่นี่เซี่ยซาน

     “ ข้าต่างหากเล่าที่ต้องถามเจ้าเยว่หมิง ข้าเดินของข้าอยู่ดีๆเจ้าก็เดินชนแล้วไม่ขอโทษ ข้าก็เลยตามเจ้ามาเนี่ยแหล่ะ

     ห๋า! ข้าเนี่ยนะ! “ ให้ตายเถอะ! นี่ฉันโดนผีหลอกเหรอวะเนี่ย แม่จ๋าหนูกลัวว

     ใช่น่ะสิ! อีกอย่างนี่มันตำหนักอดีตพระสนมเฉินที่สิ้นพระชนมพร้อมกับพระโอรสเมื่อห้าปีที่แล้ว ใครๆต่างก็ล่ำลือว่าเป็นตำหนักผีสิงทั้งนั้น เจ้าไม่กลัวรึไง

     จะกลัวทำไม เหอะ! ไร้สาระน่าเซี่ยซาน ตำหนักออกจะสวยดีนี่ ข้าสนใจตำหนักหลังนี้

      งั้นก็เรื่องของเจ้าเยว่หมิง แต่อันดับแรกเจ้ากับข้าออกไปจากตำหนักนี้ก่อนเถอะ เซี่ยซานฉุดข้อมือฉันอย่างเร็ว จะกลัวอะไรของมันนักหนาเนี่ย!

     โอ๊ย! “ ฮึ่ย! ไอ้หน้ากากเวร ทำฉันล้มจนได้ ซ้ำมันยังกระเด็นหลุดไปอีก

     เยว่หมิงเจ้าเป็นอะไร! “ ทันทีที่ข้าได้ยินเสียงร้องน้องสาวแสนรักก็รีบหันหลังกลับไปดู สิ่งที่เห็นคือนางล้มลงไปกองที่พื้นด้วยสีหน้าหงุดหงิด ข้าเลยรีบเข้าไปพยุงนางขึ้นแต่กลับพลาดล้มทับนางเต็มๆ

     จุ๊บ!

     ริมฝีปากของข้ากับนางประกบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มันกลับชาวาบไปทั้งตัว ตัวข้ารู้สึกเหมือนหายใจติดขัด แต่เหมือนสวรรค์จะ(ไม่)เป็นใจทำให้มีนางกำนัลของเสด็จพ่อมาพบเข้า

     อะ องค์ชายหก! ว๊ายยย! “

     เหอะ! ไร้ประโยชน์จริง! เซี่ย... ฉันนอนแผ่บนพื้นหน้าตำหนักอย่างหมดอาลัยตายอยาก ทั้งยังกลอกตามองฟ้า ที่มองนกไปมาอย่างเป้นคู่มีอิสระ ต่างกับฉันในตอนนี้ที่สับสน ไม่รู้จะเป็นฉันหรือองค์หญิง คิดแล้วเพลียจิต! ให้ตายเหอะสวรรค์! ท่านช่าง...บัดสบ!

     เซี่ยซานลุกขึ้น ฉันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเพื่อที่จะเรียกสติไอ้พี่ชายพี่มันยังคงช็อกกับจูบของฉัน

    ...

    มีแต่ความเงียบ...

    องค์ชายหก เซี่ยซานเพคะ! “ ฉันตะโกนลั่นด้วยความรำคาญ

     ห๊ะ! เอ่อ ข้าขอโทษ

     ลุกขึ้นก่อนมันหนัก! ไม่ต้องขอโทษหรอก อุบัติเหตุไม่ใช่หรือไงเพคะ ฉันผลักอกแกร่งขององค์ชายหกหรือพี่ชายฉันออกไปอย่างเอือมๆ ก่อนจะลุกขึ้นปัดฝุ่นตามตัวแล้วก้มลงไปเก็บหน้ากากเจ้าปัญหาอย่างเบื่อหน่ายที่ไม่มีอะไรทำ

      ก็...ใช่

     งั้นก็ไปกันเถอะ

    ไปไหนล่ะเยว่หมิง

     ไปที่ชอบๆมั้ง ถุยยย! ไอพี่โง่...ขืนอยู่ที่นี่เสด็จพ่อเสด็จมาจับไปเข้าหออ่ะดิ!

     ฉันคิดในใจอย่างเซ็งๆไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่

     

     ตัดฉับมายังห้องทรงอักษรฮ่องเต้...

     ฝาบาท! ฝ่าบาทเพคะ แฮ่กๆ

    อะไรกันอี้ฟาง เจ้ามีอะไรค่อยๆพูดๆ

    องค์ชายหก กับ กับ เสียงหอบดังเป็นระยะสลับกับพูด องค์หญิงใหญ่ อะ เอ่อ จูบกัน เพคะ! “

    ปัง!

    บัดสบ! ถ่ายทอดคำสั่งของข้าเดี่ยวนี้! ตามหาองค์ชายหกและองค์หญิงใหญ่ให้พบ ใครหาพบข้าจะให้รางวัลอย่างงาม ไอ้ลูกเวรร! นั่นมันน้องสาวเจ้านะเว๊ย! ลูกสาวข้าใครอย่าแอ้ม! ใครคิดจะแอ้มมันตายย..

     เพคะฝ่าบาท

    นางกำนัลที่มารายงานรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งวิ่งผ่านฮองเฮาโดยไม่ได้สนใจแม้แต่สักนิด

     ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้นเพคะ ฮองเฮาเดินไปถามผู้เป็นสามีด้วยความสงสัย

     เซี่ยซานกับเยว่หมิงจูบกัน เฮ้ออ ข้ายังคิดๆอยู่เลยว่าเซี่ยซานจะจูบกับเยว่หมิงยังไงในเมื่อนางมักใส่หน้ากากตลอดเวลา ฮ่องเต้ถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ ทั้งยังขบคิดด้วยความงวยงงว่าบุตรชายตนจะจูบกับลูกสาวคนโปรดอย่างไรเมื่อนางมักใส่หน้ากากตลอดเวลา นอกเสียจากว่าจะเป็นหน้ากากครึ่งเสี้ยวที่นางจะใส่เฉพาะเวลาร้อนๆเท่านั้น

     หืม... ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮาที่เริ่มจะมีน้ำโหพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเชียบ เยว่หมิงถูกหม่อมฉันสั่งขังอยู่นะ...เพคะ! “

     ฮ่องเต้ถึงกับหน้าซีดเมื่อเมียรักเกิดน้ำโหโกรธจัดเช่นนี้ อะ ฮองเฮาเมีย จะ จ๋าาา จากฮ่องเต้ผู้ไม่เคยกลัวใคร แม้แต่ความตาย ยังต้องหน้าซีดถอยร่นเข้าไปหลบหลังเก้าอี้อย่างกลัวตาย ทั้งยังพูดติดอ่างอย่างกับเท่งเถิดเทิงอีกด้วย

     อภัยให้ไม่ได้! นี่ข้าไม่น่าเกรงกลัวขนาดนี้เชียวหรือ! “ ฮองเฮาที่บัดนี้โกรธจัด ทั้งยังพึมพำกับตัวเองอย่างหมดศรัทธา

     ต้า ไป๋หลง! ถ่ายถอดคำสั่งไปเดี๋ยวนี้ว่า ปิดวังหลวง ตามหาองค์หญิงให้เจอ ใครจับได้ข้าให้เลื่อนตำแหน่ง 2 ขั้น! “ คำสั่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าฮ่องเต้ก็ฮองเฮานี่แหละ ขนาดฮ่องเต้ยังแทบฉี่ราด แล้วคนอื่นล่ะจะขนาดไหนนน

     จ๋าจ๊ะเมียจ๋าฮ่องเต้ที่ตอนนี้แทบอยากจะสละบัลลังค์มาเป็นอากาศได้แต่พยักหน้าด้วยความกลัวเมีย

     เจ้าได้ยินแล้วใช่มั้ย! ไปประกาศเดี่ยวนี้เลย! “

     

    ฮัดชิ่ววว!!

     อะไรกันเนี่ย ข้าไม่สบายรึไงกันนะ วกกลับมาทางด้านหญิงสาวผู้สร้างเรื่องอย่างองค์หญิงใหญ่ต้า เยว่หมิงที่ทำให้วังหลวงลุกเป้นไฟ โดยไม่รู้อะไรกับชาวบ้านเค้า

     นี่ๆเซี่ย เจ้าว่าคนเยอะแปลกๆม่ะ อีกอย่างนะ... ฉันบุ๊ยปากไปทางด้านนางกำนัลตำหนักฉันที่พยายามปิดประตูไม่ต้อนรับชาวบ้าน ทำไมต้องบุกตำหนักข้าด้วยเนี่ยยย!! “

     อืม..ข้าว่าเจ้าแปลกกว่านะ

     ข้าแปลกยังไง

     แปลกที่เจ้าพาข้าขึ้นมานั่งบนหลังคาตำหนักเจ้าเนี่ย! เหวยย องค์ชายเซี่ยซานที่นอนๆมองฟ้าอยู่ดีๆ ดันทะลึ่งลุกพรวดขึ้นมาอย่างหัวเสีย

     เจ้าบ้าเอ๊ย! ดีนะคราวนี้ข้าจับเจ้าทัน ไม่งั้นได้ตายจริงๆแน่ ฉันบ่นในใจอย่างเอือมระอากับผู้พี่(ที่ไม่น่าเคารพ)

     เซี่ย... เดี่ยวข้าจะลงไปถามนางกำนัลลสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันพูดเสร็จก็รีบปีนต้นไม้สุงกว่าสิบเมตรลงไปอย่างชำนาญ จนถึงครึ่งต้นซึ่งมันดันตรงกับหน้าตรงตำหนักฉันพอดีเลยหย่อนตัวเข้าไป

     ตุ๊บ!

     “ อะ องค์หญิง

     ชู่วว เกิดอะไรขึ้น ทำไมมีแต่คนพยายามบุกเข้าตำหนักข้า ฉันรีบจุ๊ปาก แล้วยิงคำถาม

    องค์หญิงเพคะ แย่แล้วๆ ฮองเอาทรงประกาศจับตัวองค์หญิงเพคะ ส่วนฮ่องเต้ก็ทรงเรียกตัวองค์หญิงและองค์ชายหกเช่นกันเพคะ ทั้งยังประกาศรางวัลด้วยการเลื่อนตำแหน่ง 2 ขั้นด้วยเพคะ

     เวรล่ะ! ทีนี้ข้าจะหนีไปไหนล่ะเนี่ย แล้วเจ้าไม่คิดจะจับข้ารึไง เลื่อนขั้นเชียวนะ

     พวกเราไม่คิดจะจับองค์หญิงหรอกเพคะ องค์หญิงทรงมีเมตตากับพวกเราเป็นอย่างมาก พวกเราจึงอยากจะทดแทนบุญคุณ

     อืมๆขอบใจพวกเจ้ามาก ฉันพูดเสร้จจึงตั้งท่าจะหนีอีกรอบ แต่ถูกนางกำนัลคนเมื่อกี้เรียกไว้อีกรอบ

     องค์หญิงเพคะ มุ่งหน้าไปตำหนักชินหยางขององค์ชายสามเถอะเพคะ ตอนนี้องค์ชายสามไปทำศึกของอีกนานที่จะกลับ คงซ่อนตัวไปได้อีกสักพัก หม่อมฉันขอตัวลาเพคะ

     ขอบใจเจ้ามาก ฉันพูดเสร็จแล้วหันหลังจะปีนต้นไม้ แต่นึกได้ว่าลืมถามชื่อนางกำนัลคนเมื่อกี้ จึงจะหันไปถามอีกรอบแต่ก็ว่างเปล่า

     คนตำหนักฉันมัน...คนหรือผีฟร่ะเนี่ยยย!

     เฮ้อออ ข้าว่าเราหนีด่วนเลยแหละเซี่ย ฉันปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างเร็วใช้ขาเกี่ยวกิ่งไม้ไว้ แล้วห้อยหัวเหมือนข้างคาว ทั้งยังกอดอกอย่างสบายๆ อ้อ! ลืมบอกฉันแอบวิ่งไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดดำสนิทที่ใช้สืบราชการลับด้วย อีกอย่างฉันไม่ได้ใส่หน้ากากเพราะขืนใส่จำได้เด่ะว่าเป็นองค์หญิง ทุกคนในวังหลวงไม่มีใครเคยเห้นหน้าฉันจริงงๆตั้งแต่เด็กแล้ว ขนาดนอนยังใส่หน้ากากเลย เชื่อมั้ยล่ะ -o-!

     แล้วคงจะถามว่าพวกพ่อแม่พี่น้องเคยเห็นหน้าฉันมั้ย? ตอบเลยว่าเคยเห็นแค่ตอนเกิดจนอายุห้าขวบเท่านั้นแหล่ะ หลังจากนั้นฉันก็ถูกลุงสามจับไปเลี้ยงที่เขาไท่ซานจนอายุสิบขวบ ซ้ำร้ายยังถูกบังคับใส่หน้ากากตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ใครจำได้ นี่แหล่ะข้อดีที่ฉันอยากจะกราบอกลุงสามงามๆสักทีสองที

      ทำไมอีกล่ะทีนี้ ถามควายๆอีกพี่ฉัน

      หนีไปเล่าไปแล้วกัน ไปที่ตำหนักชินหยางนะ

     ตะ ตำหนักพี่สามเนี่ยนะ! ละ แล้วทำไมเจ้ายังห้อยหัวเป็นมนุษย์ค้างคาวอีกล่ะเนี่ยเยว่หมิง

     เอ้า! ติดอ่างอีก

     ฉันพลิกตัวอย่างรวดเร็วจากขาที่เกี่ยวห้อยหัว กลายเป็นมือที่คว้ากิ่งไม้ไว้ แล้วพยายามแกว่งตัวขึ้นไปยืนบนกิ่งอีกรอบจนได้ โหว่ จบงานนี้ฉันผอมแน่

      พูดมากจริงเจ้า ไปเร็วๆ ฉันพูดเสร็จกก็รีบออกตัวแรง แหกโค้งเอี๊ยดดด... แล้วก็วิ่งบนต้นไม้อย่างรวดเร็ว เพื่อทำเวลากับการหนีท่านแม่สุดโฉด เอ๊ย โหด

     ทำไมเราต้องหนีล่ะเนี่ย

     “  ท่านแม่ ท่านพ่อ ส่งคนตามล่าเราไปลงโทษ แถมรางวัลยังสุดๆอีกต่างหาก ใครจับเราสองคนได้เลื่อนขั้น 2 ตำแหน่ง

    งานนี้พวกเราหนีตาเหลือกแน่

     เห้ยๆๆไอ้พี่บ้าจะวิ่งก็อย่ามาเบียดข้าเด่ะ เดี่ยวตกต้นไม้! “

     

     “ รายงานนายท่าน ตอนนี้เหยื่อติดกับดักเราแล้วเพคะ ร่างดำร่างหนึ่งห้อยตัวอยู่บนต้นท้อพันปีอย่างสบายๆราวกับปีศาจ

     ดวงตาหวานราวน้ำผึ้ง คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจกับแผนตนเองที่สำเร็จลุล่วงไปอย่างง่ายดาย ทั้งยังยืนห้อยหัวบนต้นท้ออย่างง่ายดาย มือเรียวคลี่พัดที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมาพัดอย่างสุดแสนสบายอารมณ์ ก่อนจะกระโดดลงมายืนที่พื้นดิน แล้วร่ายรำเพลงดาบไปมาอย่างบ้าคลั่ง แล้วหยุดหัวเราะราวกับคนเสียสติ

     หมิงเอ๋อร์ของข้า นางลูบไล้ต่างหูตนเองอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสบถคำด่ามากมายนับไม่ถ้วนอย่างแค้นเคืองผู้ให้

     เจ้าต้องชดใช้กับทุกสิ่งที่เจ้าทำกับข้า! ฮ่าๆๆแววตามาดร้ายเปิดเผยออกมา ทั้งยังส่งเสียงหัวเราะราวกับคนคลั่งหรืออัดอั้นกับสิ่งใดมาเนิ่นนาน

     เปี้ยงงง!

     จากฟ้าสว่างสดใสกลับกลายเป้นฟ้ามืดครึ้ม สายฟ้าฟาดไปทั่วเขตแดน เสียงฟ้าร้องคำรามราวกับผืนแผ่นนภาวิปลาศอย่างไรอย่างนั้น เสียงสยวดมนต์ดังก้องทั่วแคว้น เหล่าพระจากทุกวัดวาอารามต่างออกมาสวดมนต์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปให้สิ้น

      ยกเว้นเพียงสตรีเพียงหนึ่งเดียวยืนตากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักอย่างหมดอาลัย ทั้งยังกรีดร้องอย่างเสียสติเพียงคนเดียวท่ามกลางป่าลึก

      ข้าได้แต่ฝืนหัวเราะราวกับคนเสียสติ เพราะใจท่านช่างลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ข้ามิอาจหยั่งรู้สิ่งใดที่เกี่ยวกับท่านได้เลยจริงๆ “ 

     ***************************************************************************

    ฮะโหล่วฮ่าาาา^^ กลับมาอัพต่อแย้วจร้าาาา มีคนบ่นว่าเค้าอัพช้าชิมิล่ะ บอกเยยยเค้าตันนง่าา คิดไม่ออกว่าจะอัพไงดี พอฝืนตัวเองอัพนะ เนื้อเรื่องจะมาแบบมึนๆง่ะ ใครเคยเป็นบ้าง?? บทนี้เค้าจะเปิดบทให้ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อน นิยายเรื่องนี้ปมเยอะนะตัววว 55555 อีกอย่างนางเอกเรา she ไม่ใช่สาววายน้าา อ้อๆ เค้ามีคำถามอยากจะถาม ระหว่างจะให้นางเอกเป็นตัวตนใครดีระหว่าง ตัวตนของพัดจีน หรือ ตัวตนขององค์หญิงเยว่หมิง หรือจะเอามารวมกันดี แง่มๆๆ อ่านแล้วเม้นบอกด้วยน้าา ฝันดีค่าา 


    แก้ไข 28.04.58 เวลา 01.24

    ปาดเหงื่อจร้าา ในที่สุดก้จบตอนนี้ไปได้สักที รู้สึกว่าเวลาอัพนิยายนี่ต้องฟังเพลงไปด้วย ไม่งั้นไม่ได้ฟิวแต่ง 5555
    เอาล่ะมาอัพแย้วววน้าาา ครบ 100% แล้วด้วยย ใครอ่านไม่เม้น ไม่อัพล่ะ อ่อนใจTOT ฮือออ เม้นหน่อยเต๊อะพลีสสสส 
    เดี๋ยวสามทุ่มมาอัพตอนที่ 3 จร้าาา 

    แก้ไข 30.04.58 เวลา 18.01

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×