ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    00:00

    ลำดับตอนที่ #3 : 00:03

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 66


    APPLICATION

     


     


     


    "ขอโทษแล้วกันที่ไม่ใช่สิ่งของที่จะมาอยู่เฉยๆกับคำพูดลอยๆของใครบางคนที่เอามาใช้อ้างด่าใคร

    โดยมาบอกแค่ว่าพูดลอยๆทั้งๆที่เจตนาคือต้องการจะให้คำพูดที่บ่งบอกถึงนิสัยขี้แซะของตัวเองลอยไปกระแทกหน้าคนอื่นน่ะ"


     

     


     

    บท:: [9] Cat-Skin


     

    ชื่อ:: กลาดีส เคนซีย์ || Gladys Kensey


     

    ความหมายชื่อ::

    Gladys - ดอกไม้

    Kensey - ชัยชนะของกษัตริย์


     

    G L A D Y S KENSEY ' ; ดอกไม้งามผู้ถูกรักษาไว้โดยชัยชนะของกษัตริย์ '


     

    ชื่อเล่น::

    ☆; Gladys / กลาดีส - หลายๆคนชอบเรียกชื่อนี้ของเธอมากกว่านามสกุลอีก

    ☆; Gwen [สีขาว] / เกวน - ตั้งแต่หนีออกจากบ้านมา ชื่อนี้ก็กลายเป็นชื่อของเด็กหญิงในวันวานที่เคยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่เพียงเท่านั้น...ไม่มีใครเคยเอ่ยเรียกชื่อนี้ของเธออีกเลย


     


     

    ชั้นปี:: 1


     

    อายุ:: 15


     

    ฝั่ง:: เดสท์


     

    ระดับพลังเวทย์:: ต่ำ


     

    ส่วนสูง/น้ำหนัก:: 165.1/42.4


     

    รูปร่างลักษณะ::


     

          เด็กสาววัยรุ่นรูปร่างผอมบางท่าทางปราดเปรียว กระฉับกระเฉง อีกทั้งใบหน้าที่มักจะมีสีหน้าไม่สบอารมณ์หรือนิ่งเฉยสะท้อนออกมาให้กับผู้พบเห็น ดวงตาสีม่วงอเมทิตย์นั้นมักจะดูดุมากกว่าเป็นมิตร ยิ่งเข้าคู่กับคิ้วที่ขมวดเป็นปมแบบนั้น ทำให้หน้าของเธอดูดุเข้าไปอีก แต่หลายๆครั้งเจ้าดวงตาคู่นี้ก็มีความวูบไหวแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาบ้างเช่นเดียวกัน กลาดีส เคนซีย์ มีสีผิวออกไปทางขาวซีดเล็กน้อย เมื่อมันอยู่กับเรือนร่างเล็กผอมบางแบบนี้ มันทำให้ใครๆหลายๆคนคิดว่าเธอเป็นคน "อ่อนแอ" แต่ความจริงแล้วภายใต้ร่างเล็กผอมบางเหล่านี้ "แรงมหาศาล"ของเธอถูกซ่อนเอาไว้ ไม่เชื่อก็ลองโดนฝ่ามือนั้นฟาดดู..


     

         กลาดีสมีเส้นผมสีดำ เป็นเส้นผมบางไม่ได้หนาเท่าใดนัก ผมของเธอเรียบและมีกลิ่นหอมอ่อนๆของแชมพูกลิ่นอัลมอนด์ผสมน้ำผึ้ง ครั้งนึงเส้นผมของเธอเคยยาวสยายถึงกลางหลังและมัดรวบ ถักเปีย เป็นทรงต่างๆ แต่กลาดีสเลือกที่จะตัดมันให้สั้นเหลือเพียงระคนต้นคอเท่านั้น กลาดีสมีริมฝีปากหยักได้รูปที่มักไม่ค่อยขยับพูดจาใดๆเลยแม้แต่น้อยนิด


     


     

          ลักษณะการแต่งกายของเธอนั้นไม่ได้ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ใดๆ กลาดีสสวมใส่เสื้อยืดแบบลายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลายขวาง ลายตัวอักษร หรือแม้กระทั่งไม่มีลาย ในโทนสีขาวดำ คู่กับเสื้อคลุมผ้ายีนส์เข้มและกางเกงยีนส์ขายาว เพื่อการเคลื่อนไหวที่สะดวกสบาย กลาดีส เคนซีย์สวมรองเท้าผ้าใบ ใบหูซ้ายของกลาดิสนั้นมีการเจาะหู และเพ้นท์เป็นลายดอกไม้สีดำในหู เธอไม่ชอบการสวมเครื่องประดับมากมาย และสุดท้ายหากต้องออกไปจากห้องหรือบ้าน เธอมักจะพกกระเป๋าใบใหญ่ติดตัวไปด้วย


     

    อุปนิสัย::


     

          กลาดีส เคนซีย์ เป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าไม่สบอารมณ์ตลอดเวลา และมันก็สะท้อนนิสัยนึงของเธอออกมาก็คือการเป็นคนขี้รำคาญ ช่างหงุดหงิด กลาดีสเป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบความวุ่นวาย ความยุ่งยาก และสิ่งเหล่านั้นมันทำให้เธอหงุดหงิดอย่างง่ายดาย ผิดกับลุคที่ดูสุขุมและใบหน้าที่เรียบนิ่งของเธออย่างชัดเจน กลาดีส เคนซีย์ออกเป็นคนที่ไม่น่าคบหาเท่าไรนัก ส่วนนึงอาจเพราะเธอมีนิสัยหยาบคายค่อนข้างเยอะมาก เธอไม่ใช่คนเรียบร้อย พูดจาไพเราะอ่อนหวาน กลับกันเธอพูดจาตรงไปตรงมา มีความจิกกัด และความขี้แซะให้คนอื่นเจ็บเล่นในสิ่งที่ขัดหูขัดตาตัวเองน่ารำคาญ แม้จะพูดน้อยก็ตาม


     

          กลาดีสเรียกได้ว่าเป็นคนขวานผ่าซาก คิดอะไรไม่พอใจอะไรก็พูดออกมาตรงๆไม่ค่อยนึกถึงความรู้สึกของคนอื่นเท่าไรนัก เธอมักจะแคร์ตัวเอง แคร์ความรู้สึกของตัวเอง และมองว่า หากไม่รักตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก แล้วชีวิตนี้จะสำคัญได้ยังไง เป็นคนที่เชื่อในตัวเอง และแคร์ความรู้สึกของตัวเองมากกว่าการแคร์ความรู้สึกของคนอื่น เธอไม่ใช่คนละเอียดอ่อน ไม่ใช่คนช่างสังเกตว่าใครชอบอะไรไม่ชอบอะไร และไม่ได้มีสติสมาธิพอจะให้ฝึกเย็บปักถักร้อย ทำงานบ้านงานเรือนใดๆ เรียกได้ว่าสกิลงานบ้านงานเรือนของกลาดีสเข้าขั้นติดลบรวมไปถึง"หายนะ"


     

          ไม่ใช่คนใจเย็น เป็นคนเลือดร้อน กล้าได้กล้าเสีย กล้าเสี่ยง ไม่ชอบอยู่ในกรอบและรักความเป็นอิสระ ไม่ชอบอยู่ในกฎการถูกบังคับใดๆ ชอบทำอะไรตามใจตัวเอง และชอบที่จะทำอะไรนอกเหนือกฎเกณฑ์ข้อบังคับ เป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเอง แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เป็นคนที่อย่างน้อยหากสิ่งที่ทำจะกระทบกับคนอื่น เธอก็ไม่ทำ เธอเป็นตัวของตัวเอง และแสดงความเป็นตัวเองออกมาอย่างชัดเจน ถึงจุดยืน ถึงความคิดต่างๆ ด้วยความเป็นคนตรงไปตรงมา


     

          กลาดีสห้าวหาญกว่าผู้หญิงทั่วไป และมีลักษณะท่าทางการแสดงออกคลับคลาเด็กหนุ่ม เธอไม่ชอบงานบ้านงานเรือน และก็ไม่ชอบการที่ต้องเรียบร้อยอ่อนหวานใดๆ กลับกันกลาดีสค่อนข้างจะแมนๆใจๆตรงไปตรงมา เป็นคนเลือดร้อน โผงผาง ไม่ยอมคนและความไม่ยอมคนเนี่ย ทำให้เธอมีความเป็นคนที่ชอบการแข่งขันคนนึง และกระหายชัยชนะ เป็นคนที่หากถูกใครมาท้าก่อน จะรู้สึกคันไม้คันมืออยากซัดเหลือเกิน จนต้องตอบรับคำท้า เพราะหมดคำอดทนกับคำยั่วยุ อนึ่งกลาดีส เคนซีย์ค่อนข้างความอดทนต่ำน่ะ


     

          รูปร่างสวนทางกับแรง ดูๆแล้วเธอเป็นผู้หญิงผอมบาง หากแต่น้ำหนักมือนั้นเรียกมหาศาล เป็นคนแรงเยอะ มือหนัก เท้าหนัก อีกทั้งยังเป็นคนอึดถึกและทนคนนึง ไม่ตายง่ายๆ อีกทั้งมีฝีไม้ลายมือในเรื่องการใช้กำลังอยู่ไม่น้อย เธอรู้จักการป้องกันตัวเอง ไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายง่ายๆ และค่อนข้างมีความไม่ใจในตัวเองสูงว่าตัวเองนั้น สามารถดูแลตัวเองให้ปลอดภัยได้ มีเลือดของนักสู้อยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยม แม้ในมือตอนนั้นจะไม่มีอาวุธ แต่สำหรับกลาดีสแล้วอาวุธมันมีรอบทิศ แล้วแต่ว่าอยากจะจับอะไรขึ้นมาเป็นอาวุธ


     

          เป็นคนไม่ฉลาด เรียนไม่เก่ง และไม่ค่อยอยากจะพยายามเข้าใจในเรื่องที่ไม่เข้าใจ เพราะขนาดเจ้าหนังสือเล่มใหญ่พวกนั้นยังไม่คิดจะเข้าใจอะไรเราเลย ไม่ใช่คนที่ชอบการเรียนหนังสือ ไม่ชอบการอ่านนานๆ เรียกได้ว่าถ้ามือจับหนังสือขึ้นมาอ่าน โดยไม่มีใครคุม เพียงสองประโยคแรก กลาดีสก็ล้มฟุ่บไปกับโต๊ะ สำหรับเธอ หนังสือคือยานอนหลับอย่างแท้จริง ไม่ชอบวิชาการ ปฏิบัติก็พอทำได้บ้าง เป็นคนถนัดการปฏิบัติทำอะไรๆได้มากกว่า เพราะรู้สึกว่ามันนำไปใช้ได้จริง กระนั้นกลาดีสนั้นมีพรสวรรค์เรื่องภาษา มันไม่ใช่แค่พูดได้ แต่เธอค่อนข้างมีไหวพริบในการตอบ และน้ำเสียงที่เธอใช้พูดคุย สำเนียงเหล่านั้น ดูเป็นพรสวรรค์ เธอสามารถพูดให้เหมือนเป็นเจ้าของภาษานั้นได้ถึง 60-80% จากสำเนียง


     

          ปกติเป็นคนลุยๆไปไหนไปกัน ด้วยความกล้าเสี่ยง เธอไม่ใช่คนชอบห่วงสวย ห่วงภาพลักษณ์ บุคคลที่มีสกิลในการเอาตัวรอดเก่ง บทจะมีไหวพริบเอาตัวรอดก็มีขึ้นมาเอง เป็นคนที่ใช้สัญชาตญาณนำทางชีวิตมากกว่าเหตุผลเป็นสายลุยและสายบู๊แหลกลาน พร้อมบู๊ พร้อมชนต่อทุกสิ่งพร้อมชนกับทุกๆเป้าหมาย กลาดีสนั้นถ้ามีเป้าหมายอะไรแล้วล่ะก็ เธอจะพยายามทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ เช่น เป้าหมายที่ว่าเธอใฝ่ฝันอยากจะเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่นกในกรงที่ถูกขังเอาไว้ให้ลืมโลกภายนอก เธอไม่ต้องการที่จะอยู่เหนือใครเพียงแค่คนเดียว


     

          เด็ดขาด เด็ดเดี่ยว หนักแน่น และ ไม่ถอยหลังกลับอะไรง่ายๆหากตัดสินใจลงไปแล้ว ทำให้เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังเท่าไรนัก ซึ่งมันก็จริงน่ะแหละ เนื่องด้วยความเป็นคนขี้หงุดหงิดง่าย และ เป็นคนใจร้อนไม่คิดหน้าคิดหลัง กลาดีสนั้นหัวเสียกับคำดูหมิ่น คำเหยียดหยามได้โดยง่าย หากอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเธอก็คงต่อยหน้าสักหมัด หากเป็นผู้หญิงก็เอื้อมมือไปตบหน้าอีกฝ่าย กลาดีส เคนซีย์ไม่ชอบให้ใครมาพูดจาดูหมิ่นตัวเอง เธอเองก็เป็นคนที่รักศักดิ์ศรี และ นอกจากจะลงไม้ลงมือ เธอก็อาจพูดจากรีดใจเขาไปเช่นกัน


     

          หลายๆครั้งก็เผลอมองโลกในแง่ร้าย เธอเป็นคนมองโลกแบบที่โลกเป็นอย่างตรงไปตรงมา และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองก็มีความไว้วางใจคนยาก มีกำแพงกับคนอื่น มีโลกส่วนตัวสูงไม่น้อย สำหรับกลาดีส เธอมีกำแพงกั้นคนอื่นไว้กับตัวเองบ่อยๆ เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงคนนึง จึงทำให้เธอนั้นไม่ค่อยสนิทใจกับกลุ่มเพื่อนเท่าไร และยังพูดไม่ได้เต็มปากว่าตัวเองมีเพื่อนสนิท กลาดีสมีนิสัยชอบจับผิด นั้นทำให้เธอเป็นคนที่จับคนโกหกหรือคนที่กำลังแสดงได้ และด้วยความไม่ค่อยชอบยุ่งของตัวเองเพราะไม่อยากวุ่นวาย หลายๆครั้งที่เห็นคนมาเฟคใส่ ก็เลือกที่จะยอมทำตามเกมไป ถ้าตัวเองไม่ได้เดือดร้อนหรือต้องอับอายอะไร


     

          กลาดีสเป็นคนเจ็บแล้วจำ ไม่ชอบการที่ต้องทนกับอะไรที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด เธอไม่ใช่คนที่ยอมทนอยู่เฉยๆส่วนนึงน่ะแหละ แถมยังเป็นโรคไม่ถูกกับน้ำตาของใคร เธอไม่ชอบเห็นใครร้องไห้เลยสักนิด เห็นแล้วทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดปลอบ ให้คำปรึกษายังไง ทำได้แค่เอ๋อๆบอกอีกฝ่ายไปว่า ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย กลาดีส เคนซีย์เลือกที่จะเป็นคนเข้มแข็ง แข็งแรงที่ไร้น้ำตา เธอเกลียดการร้องไห้ และทำให้เธอไม่ใช่คนบ่อน้ำตาตื้น เธอเป็นประเภทร้องไห้ยาก และไม่อยากอ่อนแอให้ใครต่อใครเห็น และปมในชีวิตของเธอก็คงจะเป็นการที่ผู้มีพระคุณพูดออกมาว่า "ไม่น่ามีเธอเป็นลูก"


     

          เป็นคนแข็งกร้าวที่แทบจะไม่มีมุมอ่อนไหวอะไรให้เห็น กระนั้นสิ่งซ่อนอยู่อาจเป็นความอ่อนแอที่หวาดกลัวต่อโลกใบนี้ จริงๆเธอก็เป็นคนที่พูดไม่เก่ง และเข้าสังคมไม่เก่งเสียเท่าไรนัก อาจเพราะความไม่ไว้วางใจโลกใบนี้เท่าไร และเป็นคนที่การกระทำมักสำคัญกว่าคำพูด ไม่ให้ค่าอะไรกับคำพูดมากมายนัก ถ้ามันไม่มาจากคนที่สำคัญสำหรับเธอจริงๆ (แต่ที่เห็นการโต้เถียงและเผลอชกเผลอตบไปมันก็มาจากนิสัยเลือดร้อน ความอดทนต่ำน่ะแหละ) และเธอเป็นผู้หญิงใจแข็ง เป็นคนเจ็บและจำในสิ่งที่คนที่เธอรักกระทำกับเธอมา เธอไม่ใช่คนที่ให้อภัยใครง่ายๆ เป็นคนฝังใจดีๆคนนึง


     

          เธอค่อนข้างไม่ถูกใจกับความคิดที่ว่าการเป็นผู้หญิง...มันแย่กว่าการเป็นผู้ชาย เธอทั้งรักในศักดิ์ศรีและการดูถูกดูหมิ่นและข่มขู่ด้วยความเป็นผู้ชายนั้น กลาดีสนั้นแสนเกลียด แต่กระนั้นกลาดีส เคนซีย์ไม่ได้รังเกียจผู้ชายทั้งโลก แต่เธอแค่ไม่ชอบและไม่โอเคกับการวางกรอบว่าผู้หญิงที่ดีไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ซึ่งมันทำให้เธอมีความคิดต่อต้านในรูปแบบของชายเป็นใหญ่กว่าหญิง เธอเกลียดชุดความคิดแบบนี้ แต่กระนั้นก็เป็นคนที่จะไม่เอาความเป็นผู้หญิงมาเรียกร้องอะไรให้เกิดความไม่เท่าเทียมกัน



          พอรู้จักจริงๆไม่ใช่คนเลวร้าย เธอเป็นคนที่มีทัศนคติความคิดอะไรหลายๆอย่างอยู่นอกกรอบ เป็นคนที่ไม่ได้มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้น เธอมีความเด๋อด๋าพอสมควร มีมุมเด๋อๆในบางที และเมื่อเผลอแสดงมันออกมา ก็จะคีพลุคทำหน้านิ่งๆ ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น กลาดีสเป็นคนตลกหน้าตาย เป็นคนเล่นมุกทั้งๆที่หน้าไร้อารมณ์ได้ จนทำให้คนอื่นขำออกมาแบบแปลกๆได้ และเมื่อสนิทกับใคร เธอก็มีมุมต่างๆออกมาให้เห็นกับแค่คนสนิท ส่วนนึงเพราะเป็นคนไว้ใจคนยาก เมื่อไว้ใจใครแล้ว คนนั้นก็ไม่ต่างจากเซฟโซนของตัวเองเลยสักนิด คนที่ตัวเองพร้อมจะกอด จะร้องไห้จะเล่าอะไรให้ฟัง 


          สนิทกับใครชอบแกล้ง ชอบแหย่คนนั้นเล่น เพราะรู้ลิมิตในการเล่นน่ะแหละ แต่กับคนบางคนถ้าทนไม่ไหวก็เผลอกวนประสาทไปจริงๆ ก็ยอมรับว่ามีความกวนประสาทอยู่ไม่มากก็น้อย เป็นคนมีคติบุญคุณต้องทนแทนความแค้นต้องชำระ ใครดีมาส่วนใหญ่ก็ดีกลับ ไม่ได้ไปยุ่งไปข้องแวะอะไร ใครร้ายมาก็ร้ายกลับไปไม่ได้ยอม เธอเป็นคนที่ใครมาทำดีด้วยตัวเองก็จะทดแทนบุญคุณด้วยเหตุผลว่ามันเป็นบุญคุณต่อกันน่ะแหละ และมันทำให้เธอเป็นคนรักษาสัญญา รักษาคำพูด พูดอะไรก็ทำตามที่พูด


          กลาดีสซื่อจนเรียกได้ว่าบื้อกับเรื่องหัวใจ เธอไม่ได้มีความคิดเชื่อเรื่องความรักหรือเพ้อฝันในรักแท้ และความรักเป็นเรื่องไกลตัวกว่าที่กลาดีสจะคิดฝัน ความรักสำหรับกลาดีสเป็นเพียงความรู้สึกแบบนึง แต่กระนั้นเธอยังคงชอบทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพราะเธอไม่ได้ใช้หัวใจรู้สึกกับเขาเพราะว่าเขาคนนั้นเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ความรู้สึกของเธอมันเลือกใครสักคนเพราะคนๆนั้นก็คือคนนั้นๆ



    ลักษณะการพูด:: 


          โดยปกติน้ำเสียงของกลาดีส เคนซีย์นั้นเป็นเสียงทุ้มติดแหบพร่าเล็กน้อยแตกต่างจากเสียงของเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ และด้วยน้ำเสียงแบบนั้นบวกกับดวงตายิ่งทำให้เธอเป็นคนที่ไม่น่าคบหาเท่าไรนักในสายตาของใครหลายๆคน โดยปกติกลาดีสจะไม่ค่อยชอบพูดอะไรมากมายนัก และเมื่อพูดอะไรออกมาน้ำเสียงทุ้มติดพร่าก็มีความเสียงดังฟังชัดถ้อยชัดคำ 

          กลาดีสมักจะแทนตัวเองว่า "ฉัน" และหากไม่แทนตัวเองว่าฉันในบทสนาเธอก็เลือกที่จะไม่เรียกแทนตัวเองไป เธอมักจะแทนคนอื่นๆด้วย "นามสกุล หรือชื่อที่เรียกแล้วชินปากถ้าเจ้าตัวเขาโอเคให้เรียก" แต่กับคนอายุมากกว่าหากต่อหน้าก็ "คุณ(นามสกุล)" ซึ่งลับหลังจะไปแทนว่าอะไรก็ขึ้นกะนิสัยของเขา และความสุภาพในการลงท้ายหางเสียง ขึ้นอยู่กับความ "น่าเคารพ"


    เหตุการณ์ที่ 1 ; ยียวนกวนประสาทหน้าตาย

          "นี่ เคนซีย์ ช่วยเขยิบไปนั่งตรงอื่นได้ไหม ตรงนี้มีคนจองแล้วนะ"

          กลาดีสขมวดคิ้ว ปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าที่เข้ามาวุ่นวายหลังจากเธอนั่งตรงที่นี้มาสักพักเพราะดูๆมาว่าตรงนี้ไม่มีเครื่องหมายข้าวของใดวางไว้เป็นสัญลักษณ์ของการจอง

          "โทษนะ แต่เธอจองตอนไหนไว้ไม่ทราบเหรอ?"

          น้ำเสียงแหบพร่าถามออกไป ท้ายเสียงมีความกวนออกไป พร้อมด้วยหน้าตายๆของตัวเองที่ยียวนกวนประสาทไม่เบา

          "แต่นี่มันที่ประจำของพวกเรานะ"

          "โอ๊ะโอ งั้นเหรอ"กลาดีสทำเสียงยียวนออกไปอีกครั้ง "แล้วมันมีกฎที่ไหนว่า ห้ามนั่งที่ของพวกคุณเหรอคะ หือ?"

          "มันจะมากไปแล้วนะ!"

          "เอ้า! ก็จริงนี่"เธอทำหน้านิ่งๆลุกขึ้นยืนกอดอกประจันหน้ากับคนตรงหน้า "ถ้าพ่อแม่พวกเธอไม่ได้ออกเงินสร้างโรงเรียนมา ก็ไม่ต้องมาทำเป็นว่านี่ที่ของตัวเองนะ จำไว้"

          พูดจบกลาดีสก็ยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นอย่างไม่ยี่หระก่อนจะเดินออกมา ปล่อยให้อีกฝ่ายคับแค้นใจไป


     
    เหตุการณ์ที่ 2 ; รำคาญ จะนอน อย่าพึ่งเรียก ไม่พร้อมคุย
          "เคนซีย์"
          "ว่า"
          "เธอเข้าใจตรงนี้ไหม?"
          "โทษนะ หน้าฉันดูฉลาดเหรอ"
          เธอพูดด้วยน้ำเสียงพร่าที่ดูสะลึมสะลือ ปนไม่สบอารมณ์คล้ายรำคาญอย่างชัดเจน หมายถึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารำคาญเลยแหละ
          "แต่ฉันคิดว่าเธอเก่งภาษามากๆเลยนะ ตรงนี้ต้องเข้าใจแน่ๆ!"
          กลาดีสถอนหายใจ "พอ"
          "เคนซีย์ ช่วยหน่อยสิ ช่วยหน่อย"
          คิ้วของเธอเริ่มกระตุกบ่งบอกว่าความอดทนเส้นสุดท้ายกำลังจะขาด
          "รำคาญนะ พอสักทีได้ไหม คนมันจะนอน"
          "......"
          กลาดีสฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะก่อนที่เธอจะหายใจสม่ำเสมอเป็นอาการบอกว่าหลับไปเรียบร้อย
          "โอเค เคนซีย์หลับฝันดีนะ"


    เหตุการณ์ที่ 3 ; ความรุนแรงมันไม่ดี ความหยาบคายก็เช่นกัน แต่มันก็แล้วแต่กรณีเหมือนกัน
          "พวกแกว่ายัยเคนซีย์นั้นเป็นทอมเปล่าวะ!?"
          "โห เสียงแบบนั้นท่าทางแบบนั้น จะเหลือเหรอวะ?!"
          พูดกันแล้วก็หัวเราะกันจนดูเป็นเรื่องปกติ แถมพอเห็นเธอก็ยิ่งหัวเราะคิกคัก มันเป็นบ้าไรกันวะ
          "เห เคนซีย์ นมเธอเล็กจังเลยนะ แบนเป็นกระดานเลย ทีหลังเสริมด้วยฟองน้ำหน่อยนะ"
          ชักจะเริ่มไม่ทนละ
          "ว่ายังไงนะ" คิ้วกระตุกถี่ๆเลยแหละ
          "นมเล็กจังน้องสาว ไว้ว่างๆพี่ไปนวดนมให้-- อั่ก"
          เสียงเงียบหายไป หลังจากที่ความอดทนของเธอหมดลง กลาดีสเป็นคนไม่ได้มีความอดทนขนาดจะฟังให้จบหรอกนะ รู้ตัวอีกทีขาก็เตะผ่าหมากอีกคนไปเสียแล้ว
          "เงียบปากไปไอ้พวกเวร สถุนมากขนาดนี้ เดี๋ยวแม่งก็ทำให้สูญพันธ์ให้หมดแม่ง"


    เหตุการณ์ที่ 4 ; เห็นน้ำตาแล้วทนไม่ไหวทุกที
          "ร้องไห้เหรอ...ไหวไหม?"
          เธอปลอบคนไม่เก่งหรอก 
          "เปล่า...ฮึก ไม่ได้เป็นอะไร"
          จะให้ทิ้งคนที่ร้องไห้แบบนี้ก็แย่น่ะสิ
          "ถ้าโลกมันเฮงซวยนักก็ตะโกนด่าออกมาดังๆก็ได้"
          "มัน...."
          "เอาเถอะ เชื่อสิ"
          กลาดีสว่า แม้จะเป็นน้ำเสียงแหบพร่าแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลยในสถานการณ์แบบนี้ "ตอนนี้มันไม่มีอะไรเฮงซวยกว่านี้แล้วนี่ สู้ระบายออกมาให้หมดไม่ดีกว่ารึไง?"


    เหตุการณ์ที่ 5 ; ให้พูดเรื่องความเท่าเทียม เสรีภาพ ความแตกต่าง การเมือง
          "เฮงซวย"พูดออกมาอย่างเหลืออดหลังอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ที่นำเสนอข่าวต่างๆออกมาได้ชวนน่าละอาย
          แม่งเอ้ย
          เธอพูดประโยคนั้นซ้ำๆในใจ หลังอ่านข้อความของข่าวการเมืองในเมืองหนึ่งและวิธีการต่างๆที่ชวนให้อยากจะถามถึงเซลล์สมองของผู้นำที่มีเพียง84,000เซลล์
          "ผู้นำโง่จะทำเราตายกันหมดน่ะแหละ"




    ประวัติความเป็นมา::


    "ป้า คุณหนูเกวนนี่เขาผิดปกติอะไรรึเปล่า

    ป้าเห็นไหมที่คุณท่านพยายามสอนให้คุณหนูร่ายเวทย์

    แต่คุณหนูไม่สามารถทำได้เลย"

    "เงียบปากไปเลย ซาร่า เดี๋ยวคุณท่านมาได้ยินเจ้าว่าคุณหนูเกวนแบบนั้นก็เป็นเรื่องพอดี"

    "โหหห ก็มันจริงนี่ป้า"


           กลาดีสได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นหลังยืนแอบฟังอยู่มาสักพัก เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ มือของเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบสั่น เธอโกรธ โกรธเอามากๆจนแทบจะทนไม่ไหว คำพูดดูถูกดูแคลนของสาวใช้ที่ชื่อซาร่ามันทำให้เธอโกรธจนเลือดแทบขึ้นหน้า


           สุดท้ายเธอก้าวเข้าไปต่อหน้าหญิงรับใช้สองคน ดวงตาสีอเมทิตย์เต็มไปด้วยความโกรธ "เมื่อกี้เธอพูดอะไร!"


           ความวุ่นวาย อิรุงตุงนังเกิดขึ้นมา หลังจากที่คุณหนูของคฤหาสน์อาละวาดเข้าทำร้ายสาวใช้ด้วยความโกรธ เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือจากสาวใช้ผู้เป็นฝ่ายนินทานั้นส่งเสียงดังไปทั่วคฤหาสน์ ทุกคนรีบวิ่งมามุงดูเหตุการณ์สภาพที่ทุกคนเห็นคือผมที่ยุ่งเหยิงของสาวใช้เจ้าของเสียงร้องที่ล้มไปกองกับพื้น พร้อมเด็กเจ็ดขวบที่เข้าทำร้ายเธอ


           เสียงฝีเท้าจากส้นสูงที่กระทบพื้นดังมาตามทาง หญิงสาวในชุดหรูหราสวยงามพุ่งฝ่าบรรดาคนรับใช้ที่ไม่กล้าเข้าไปห้ามเข้ามา เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต้มไปด้วยอำนาจ "หยุดเดี๋ยวนี้นะ เกวน แม่บอกให้หยุดไง หยุด!!"


           คุณนายลูเธอร์ หรือ อิวานเจลีน ลูเธอร์ นายหญิงของตระกูลเข้าไปดึงลูกสาววัยเจ็ดขวบที่กำลังคลุ้มคลั่งออกท่าทางคล้ายไม่ยอมหยุด ปากของเด็กสาวโหวกเหวกโวยวาย พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบหน้าไม่หยุด และเพราะแบบนั้นผู้คนที่มุงอยู่บางคนก็สลายตัวไปทำอย่างอื่น บางคนก็ปรี่เข้าไปดูแลสาวใช้ที่ถูกทำร้าย


           กลาดีสถูกผู้เป็นแม่ลากเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง เสียงร้องไห้ของกลาดีสพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด เธอพูดประโยคเดียววนซ้ำๆ "เธอบอกว่าหนูประหลาด เธอบอกว่าหนูผิดปกติ ผิดปกติที่เกิดมาเป็นคนที่พลังเวทย์ต่ำแบบนี้!"


           ตอนนั้นกลาดีสถูกคนเป็นแม่กอดด้วยความรัก เป็นอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นและมีความหมายที่กำลังปลอบโยนเด็กหญิงที่ทั้งโกรธ อับอาย และเสียใจกับสิ่งที่เธอทำไม่ได้ 


           "เดี๋ยวแม่ต้องไปงานเลี้ยงเย็นนี้แล้ว พ่อของลูกเขาน่าจะกลับมาหลังจากแม่ไปสักพัก ลูกอยู่ได้ใช่ไหมคะ?"


           เด็กหญิงพยักหน้า คนเป็นแม่คลี่ยิ้ม "ลูกไม่ได้ผิดปกติหรอกนะ เกวน...บนโลกนี้มีคนมากมายเยอะแยะที่แตกต่างกันนะ"


           แต่คนมากมายพวกนั้น...เธอก็ไม่เคยเจอ


           บางทีคนพลังเวทย์ต่ำๆแบบเธอ


           ที่ที่สมควรอยู่คงไม่ใช่คฤหาสน์หลังใหญ่ของขุนนางเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่ตระกูลนึงหลังนี้


           มันทำให้เธอเผลอคิดไปว่า เธอควรจะเกิดเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา


           และเธอก็ยอมรับว่ามันทำให้เธอเฝ้าฝันถึงโลกภายนอกที่เธอสามารถมีชีวิตธรรมดาโดยไม่ต้องแคร์สายตาใคร




    "คุณคะ ตอนนี้เกวน...ลูกของเราก็อายุ 8 ขวบแล้วนะคะ"

    "คุณ...ไม่คิดอยากจะให้ลูกไปร่วมงานกับเราบ้างเหรอคะ"

    "ให้ลูกมีตัวตนในสายตาของคนอื่นๆบ้าง..."

    "จะบ้ารึไง ให้เด็กไร้พลัง พลังต่ำเตี้ยที่คอยแต่จะสร้างปัญหาให้เราแบบนั้นไปออกงานสังคมในฐานะของผู้สืบทอดตระกูลของเรางั้นเหรอ คุณคิดบ้างรึเปล่าว่าเราจะถูกมองเป็นตัวตลก!"

    "แต่เกวนเป็นลูกของเรานะคะ"

    "ผมไม่ได้ต้องการลูกสาว จำไว้อิวานเจลีน ตระกูลของเราไม่เคยต้องการให้ลูกสาวอย่างเกวนเป็นผู้สืบทอด ถ้าจะให้เธอแสดงตัว สู้ให้เธอไม่มีตัวตนไปเลยเสียยังจะดีกว่า!!!!"


           กลาดีสเกลียดพ่อ เกลียดพ่อที่ดูถูกตัวเองมาตลอด และเกลียดที่ตัวเองต้องร้องไห้หลังได้ยินคำพูดแบบนั้นมาตลอด เกลียดที่ตัวเองไม่สามารถปิดกั้นอารมณ์เหล่านี้เอาไว้ได้ และทำได้แค่กอดเข่าร้องไห้ในห้องนอนบนเตียงของตัวเอง


           ทำไม...เป็นเด็กผู้หญิงมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ...


           เด็กผู้หญิงแบบเธอมันไม่มีหัวใจหรือไง ถึงพูดจาราวกลับเราไม่ใช่พ่อลูกกันเลยแบบนั้น เพราะไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำตระกูลต่อไป เพราะพลังเวทย์ต่ำ หรทอ เพราะไม่ใช่เด็กผู้ชาย


           เธอ...เธออยากจะออกจากบ้าน อยากจะเป็นแค่คนธรรมดา


           และกลาดีสก็รู้ว่าสิ่งเดียวที่รั้งเธอไว้อยู่ในบ้านหลังนี้คืออิวานเจลีนผู้เป็นแม่ และสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดในการอยู่บ้านหลังนี้คือนิคาซิโอ้ ลูเธอร์..ผู้เป็นพ่อของตัวเอง


           มันทำให้หลายๆครั้ง กลาดีสเฝ้าฝันว่าตัวเองจะเป็นเพียงเด็กหญิงสามัญชนธรรมดา พลังเวทย์ต่ำต้อยคนนึงที่ไม่ต้องถูกใครต่อว่า

           และเห็นค่าความรู้สึกของเธอจริงๆ




    "เกวนเก่งมากเลยลูก"
    "ถ้าพ่อเขาเห็นนะ พ่อเขาต้องชอบแน่ๆ"
    "คุณหนูเรียนรู้เร็วมากครับ ถ้าเทียบกับคนที่ไม่มีประสบการณ์ทางภาษามาก่อนเลย"


           พรสวรรค์เพียงอย่างเดียวของกลาดีสคงจะเป็นภาษาที่เธอสามารถเลียนแบบเสียงสำเนียงตามครูสอนภาษาอดีตนักเดินทางรอบโลกที่ถูกจ้างเข้ามาสอนเธอเรียนรู้ในบทเรียนต่างๆ เหมือนครูคนอื่นๆที่ถูกจ้างเข้ามา พวกเขาได้รับค่าจ้างในการสอนตอบแทนสูง แลกกับการไม่พูดถึงความเป็นอยู่ของกลาดีสในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ปกปิดเธอจากโลกภายนอก กลาดีสในชุดกระโปรงฟูฟ่องเหมือนตุ๊กตานั่งเงียบ เส้นผมสีดำยาวสยายที่ถูกจับดัดลอนให้ม้วนปลาย ไม่ได้ฟังในบทสนทนาเหล่านั้น

           คนเป็นแม่ขอตัวลาครูสอนภาษาของเธอออกไป กลาดีสยังคงนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มตรงหน้าปิดหนังสือเล่มที่เธอใช้สอนเด็กสาววัยสิบปี "คุณหนูมีอะไรจะถามหรือมีข้อสงสัยอะไรหรือเปล่าครับ"

           บัลธาซาร์ อดีตนักเดินทางนักท่องเที่ยวรอบโลก พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายแตกต่างจากการสอนเมื่อครู่ก่อนแม่เธอจะอยู่ กระนั้นเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกไป เธอเพียงแค่มองเขาที่สวมชุดเครื่องแต่งกายที่แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นๆ ...แตกต่างมากจริงๆ 


            "มองทำไมแบบนั้นกัน"

           คนเป็นครูถาม "การแต่งตัวแบบนี้..มันเรียกว่า unisex ไม่รู้จักเหรอ?"เขาพูดแล้วคลี่ยิ้ม "แฟชั่นสมัยนี้มันเดินไปเรื่อยๆแล้วนะ เราทุกคนมีสิทธิ์มีเสรีภาพที่จะคิดจะใส่อะไรก็ได้ตามใจของตัวเอง ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราจะเป็นเพศอะไรกัน..."เขาเว้นช่วงเสียงเอาไว้

           "เพราะโลกใบนี้ ทุกคนล้วนเท่าเทียมกันในฐานะของมนุษย์ไง"

           บัลธาซาร์พูดประโยคนั้นออกมาโดยที่เขาคงไม่รู้ว่ามันได้ไปปลดล็อกอะไรในใจของเธอเพราะคำพูดประโยคเดียวนี้ มันทำให้เธอฉุกคิดอะไรสักอย่างขึ้นมา

           ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน

           การเป็นตัวของตัวเองก็เช่นกัน




    "ว้ายย!!! คุณหนู!!! ผมของคุณหนู!!!!"
    "คุณหนูทำแบบนี้ทำไมกันคะ คุณหนูเกวน!!"
    "เอะอะอะไรกัน มารี"
    "คุณหญิงคะ คือ คุณหนูเกวน..."
    "เกวน! นั่นลูกทำอะไรกับผมของลูกกัน!!"


           เสียงโหวกเหวกโวยวายของพวกผู้ใหญ่หลังเห็นกองเส้นผมสีดำกองกับพื้น กลาดีสหันสายตาไปมองพวกเขาที่มองมาที่เธอ คนเป็นแม่ที่ตาเบิกกว้างเดินฝ่าประตูเข้ามา แล้วแย่งกรรไกรสีแดงแสนคมให้มันหลุดออกมาจากมือของเด็กหญิงสิบขวบ "ลูกทำอะไรของลูกกัน! เกวน! นี่มัน....นี่มันบ้าอะไรกัน!!"

           "หนูก็แค่อยากจะเป็นตัวของตัวเอง! นี่มันชีวิตของหนูนะแม่!"

           "ลูกไม่ใช่พวกสามัญชนพวกนั้นนะ! อย่าทำตัวงี่เง่าไม่มีเหตุผลสิ จะเรียกร้องความสนใจอะไรแบบนี้กัน!"

           "แล้วหนูต่างจากพวกเขายังไง!"กลาดีสสุดกลั้นถามออกไป "ทุกครั้งที่แม่ไปงานเลี้ยง...ทุกครั้งที่พ่อออกไปทำงาน แต่หนูต้องอยู่ในบ้านบ้าๆไม่ได้ออกไปไหนเลย หนูต่างจากพวกเขายังไง หนูต่างเพราะหนูทำอะไรไม่ได้เลย แค่อยากจะตัดผม อยากจะถอดชุดกระโปรงฟูฟ่องบ้าๆที่แม่ซื้อให้ อยากจะสบถคำหยาบคายหนักหนาก็พูดไม่ได้"

           "หนูอยากจะทำทุกอย่างแบบที่พวกเขาทำได้บ้าง ถ้าหนูเป็นแค่สามัญชนธรรมดาคงดีใช่ไหม ถ้าไม่มีคำว่าลูเธอร์ต่อท้ายชื่อหนูมา หนูคงไม่ต้องรู้สึกเหมือนตกนรกแบบนี้หรอก!"

           เพี๊ยะ!

           ฝ่ามือที่คอยโอบกอดเอาไว้ปะทะกับแก้มของเด็กหญิง และหลังที่ปะทะไป มือของคนเป็นแม่ก็สั่นคล้ายรู้สึกผิด กลาดีสค่อยๆหันหน้ากลับมา ดวงตาสีอเมทิตย์คลอไปด้วยน้ำตาก่อนที่น้ำใสๆจะไหลออกมาไม่มีแม้แต่เสียงร้องไห้ มันมีเพียงน้ำตาที่ปรากฎให้เห็น ริมฝีปากที่กำลังขยับนั้นสร้างความหนักอึ้ง "แม่อดทนมามากพอกับหนูแล้วใช่ไหม....หนูขอโทษที่ทำให้แม่ต้องโกหกทุกคนมาตลอด"

           "เกวน....แม่ขอโทษ"

           "หนูสิต้องขอโทษ"เธอแค่นเสียงออกมา "หนูรู้มาตลอดเวลาที่แม่ไปงานเลี้ยงที่ไหนต่อไหนทุกคนก็จะถามถึงหนู...และหนูก็ทำให้แม่ต้องโกหกทุกครั้งว่าหนูร่างกายอ่อนแอ แต่ความจริงคือหนูผิดเองที่หนูเกิดมาเป็นเด็กผู้หญิง ไม่สมควรจะอยู่ตรงนี้... และนอกจากเป็นผู้หญิง พลังเวทย์ของหนูมันก็ไม่คู่ควรกับที่นี้"

           "เกวน! เกวน! แม่ขอโทษ"

           "ถูกแล้วที่พ่อพูดมาตลอด หนูมันไม่สมควรเกิดมาจริงๆ"

           "แม่ออกไปก่อนเถอะ หนูอยากอยู่คนเดียว"

           และตอนนี้ฟางเส้นสุดท้ายของเธอมันก็ขาดผึงเสียแล้ว



    "หัวใจของคนเราเหมือนถนนที่เปิดกว้าง"
    "และเพลงทุกเพลงบนโลกมันก็ไม่ใช่ของคนที่อกหักหรอกนะ เพลงบางเพลงก็แค่บอกเล่าชีวิต"
    "ถ้าไม่ใช่ตอนนี้...มันก็ไม่มีโอกาสแล้ว"
    "คนเราไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปตลอดกาลหรอก"


           บัลธาซาร์พูดแบบนั้นสอนเธอ ซึ่งมันก็จริงแบบที่อีกฝ่ายพูดทุกประการ ถ้าเธอไม่ทำตามใจตัวเองชีวิตนี้จะเป็นของเธอยังไง เธอไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปตลอดกาลหรอก อยากทำอะไรๆก่อนที่มันจะสายไปเลยดีกว่า เส้นผมที่กองอยู่กับพื้น

           และการตัดสินใจครั้งนี้มันก็อาจดีจริงๆ

           เธอไม่ต้องมัดผม ไม่ต้องสวมชุดกระโปรงบ้าๆเดินไปมาในบ้าน

           มันอาจดี...แต่มันก็เพียงชั่วคราวก่อนพ่อของเธอจะกลับบ้านมาเท่านั้นแหละ เพราะพ่อของเธอ นิคาซิโอ้ ลูเธอร์ไม่ยอมรับในความเป็นตัวตนแบบนี้ของเธอหรอก 

           เด็กหญิงสิบขวบไม่ได้คุยกับแม่ของตนเองเป็นอาทิตย์แล้ว คนเป็นแม่ไม่ได้เข้ามาคุมการเรียนการสอนของครูสอนภาษาอีก บัลธาซาร์ยังคงสอนเธอและพูดโต้ตอบในภาษาต่างๆ 

           เธอก้มเขียนตัวหนังสือหลังสนทนากันเสร็จ

           ไม่นานนักการเรียนก็จบลง เขายิ้มให้เธอแล้วบอกกับเธอว่าถ้าเดือดร้อนอะไร เขาพร้อมยินดีช่วยเหลือลูกศิษย์ของเขาเสมอ

           และหลังจากนั้น เมื่อพ่อของเธอกลับมาถึงบ้าน... เขาก็กระชากตัวเธอเข้าหาตัว เขย่าตัวเธอจนร่างทั้งร่างแทบจะสลาย

           "ทำบ้าอะไรของแก แกจะให้ฉันรู้สึกอับอายไปมากกว่านี้อีกรึไง!"

           "ทรงผมบ้าๆ การแต่งตัวบ้าๆของแก แกต้องการอะไรกันแน่"

           "แกไม่น่าเกิดมาเลยจริงๆ!!"

           พ่อไม่เคยเห็นเธอเป็นลูกหรอก...

           "แกเกิดเป็นผู้หญิงนะ ทำไมต้องทำตัวเป็นพวกวิปริตผิดเพศที่ไม่สมกับเพศของตัวเองด้วย!!!"

           กลาดีสขยะแขยง และมือที่จากจับแขนเปลี่ยนมาจิกเส้นผมสีดำของเธอ กลาดีสเจ็บ....เจ็บจนน้ำตาคลอไปหมด เธอทนไม่ไหวแล้ว ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เจ็บไปหมด


           และมันก็ทำให้เธอร้องไห้ เพราะคำต่อว่าซ้ำๆว่าเธอไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้





           และคืนนั้นเธอก็หนีออกมาจากบ้าน ทิ้งไว้เพียงจดหมายที่มีเนื้อความถึงพ่อและแม่ว่าขอโทษที่เป็นเด็กดีของพวกเขาไม่ได้ และขอโทษที่เธอต้องขอชีวิตของตัวเองคืน

           เธอเร่ร่อนไปเรื่อยๆ หลังหลบหนีออกมาจากบ้าน เธอออกแรงปีนรั้วปีนกำแพงผ่านออกไปอย่างที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ 

           เด็กหญิงหยิบกระดาษในกระเป๋าเสื้อออกมา มันเป็นกระดาษที่บัลธาซาร์เคยให้เธอไว้ กลาดีสพยายามเดินทางไปตามที่ๆเขาน่าจะอยู่

           เธอใช้เวลาเกือบทั้งคืนในการเดินทางมาหยุดอยู่ที่ร้านหนังสือตรงหน้า เด็กหญิงล้มลงนอนอยู่ที่หน้าประตูของร้าน



    "ต่อจากนี้หนูจะไม่ใช่คุณหนูเกวนอีกต่อไปแล้วนะคะ"
    "ถ้าหนูเลือกทางนี้ หนูจะเป็นแค่กลาดีส เคนซีย์"
    "เป็นเด็กหญิงที่น้าพาออกมาจากสถานกำพร้า"



           มันเป็นข้อตกลงแลกกับอิสรภาพ ว่าเธอจะไม่ใช่คุณหนูเกวนในคฤหาสน์หลังใหญ่อีกต่อไป เธอจะเป็นแค่กลาดีส เคนซีย์ที่น้องสาวของบัลธาซาร์ หรือ น้าบริอันน่าเลี้ยงไว้เป็นลูกสาวของตัวเองหลังจากสูญเสียลูกสาวอายุวัยไล่เลี่ยกันไป

           ร้านหนังสือของบัลธาซาร์ คือสถานที่ที่เขาอยู่กับน้องสาวอย่างบริอันน่า เคนซีย์ เธอผู้เสียสามีและลูกจากอุบัติเหตุไป จึงไม่แปลกนักหากนามสกุลของบัลธาซาร์จะไม่เหมือนกับนามสกุลของน้องสาว

           "ตกลง"

           "หนังสือพิมพ์มาส่งครับ!!!!!"

           เสียงจากข้างนอกดังออกมา บริอันน่ากอดเธอที่นั่งอยู่บนเตียง ขณะที่บัลธาซาร์ออกไปรับหนังสือพิมพ์ที่มาส่ง เขาทำสีหน้าเครียดขณะเดินมาหา แล้วยื่นหนังสือพิมพ์นั้นให้เธอ

           หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์จั่วหัว ซึ่งเป็นคำที่รุนแรงอย่างมาก

           สำหรับจิตใจของเธอ


    'คฤหาสน์ลูเธอร์ ได้เปิดเผยว่าลูกสาวของพวกเขาเสียชีวิตแล้ว'


           ที่นั้น ไม่เคยคิดจะออกตามหาเธอเลยสักนิด

           พวกเขาเลือกที่จะตัดหางปล่อยวัด และทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้
           
           บริอันน่ากอดกลาดีสไว้แน่น พวกเขาพยายามให้กำลังใจเด็กหญิงวัยสิบขวบที่พึ่งหนีออกจากบ้านมา และน้ำตาที่ไหลออกมามันเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต กลาดีสบอกตัวเองแบบนั้นว่ามันจะเป็นน้ำตาครั้งสุดท้ายต่อไปนี้จะได้ทำอะไรตามหัวใจตัวเอง ทำทุกสิ่งทุกอย่างแบบไม่ต้องแคร์ใครต่อใครแล้ว

           แค่แคร์ความรู้สึกของตัวเองเพียงอย่างเดียว



    "น้าอันนา พาไปส่งหน่อยสิ"
    "แปบนะๆ มาแล้วๆ ทำไมอยู่ดีๆถึงนึกครึ้มอยากเรียนที่นี้กัน หือ?"
    "ก็แค่อยากพิสูจน์ตัวเอง ชีวิตมันต้องลองผิดลองถูกนี่"
    "ดีแล้วที่คิดได้แบบนั้น"
    "เรื่องมันก็ผ่านมาสี่ห้าปีแล้ว บ้านนั้น...พ่อก็เปิดตัวทายาทใหม่ไปแล้ว"
    "เด็กที่เก็บมาจากสถานรับเลี้ยงใช่ไหม? ในข่าวบอกมา"
    "อือ"
    "เอาน่าาาา นี่ๆ ที่นี้เขามีชมรมด้วยนะ เราเก่งภาษานี้ ได้ครูสอนภาษาที่สุดสอนมา จะเข้าชมรมเกี่ยวกับพวกห้องสมุดไหม"
    "โห ไม่เอาหรอก ได้หลับอย่างเดียวแน่"
    "แล้วจะเข้าชมรมอะไร?"
    "ชกมวย"
    "........"
    "..........."
    "น้าว่าเรารีบไปกันเถอะ"


    ตอนนี้ชีวิตมันเป็นของเธอแล้วนะ :)

           

    ชอบ:: 

          • ภาษา เพราะมันเกิดจากการสร้างทัศนคติของครูผู้สอนคนแรกที่สอนเข้าใจง่ายไม่ต้องคิดอะไรซับซ้อนแค่พูดเพราะกลัวความอดตาย ไม่ได้มีท่าทีอะไรออกมาชัดเจนว่าชอบ

          • ต่อยมวย เป็นกีฬาที่ทำให้มีทักษะการป้องกันตัวไม่มากก็น้อย อีกทั้งได้ออกกำลัง ได้ระบายอารมณ์ต่างๆตามแรงที่ต่อยคู่แข่งหรือกระสอบทราย ท่าทางของเธอก็คงไม่ได้มีอะไรมากนอกจากความผ่อนคลาย
          • ตีกลอง เธอค้นพบพรสวรรค์อีกอย่างของตัวเองว่าตัวเองนั้นแยกประสาทเก่งแค่ไหนในการตีกลอง และค่อนข้างมั่นหน้าในเรื่องนี้พอสมควร คนมันเท่อ่ะเนอะ
          • ของเผ็ด กลาดีสเป็นคนกินเผ็ดระดับปริญญาเอก เธอชอบกินของเผ็ดๆ และกินได้โดยที่หน้าตาของตัวเองไม่สะทกสะท้านใดๆออกมาให้เห็นเลยสักนิด
          
     

    ไม่ชอบ:: 

          • กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนเกินไป เพราะมันทำให้เวียนหัวจนรู้สึกคลื่นไส้ ได้กลิ่นทีไรก็เผลอเบะปากออกมาทุกที

          •อ่านหนังสือ อ่านเพียงสองสามหน้า คอก็พับหลับไปทุกที เพราะมันน่าเบื่อน่ะแหละ

          •น้ำตา..เห็นแล้วชวนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ท่าทางก็มีความหงุดหงิดน่ะแหละเวลาเห็นน้ำตาเนี่ย

          • ของหวาน เธอไม่ชอบการทานของหวานมากๆ เพราะรู้สึกเลี่ยนๆแบบแปลกๆและมันทำให้หลายๆครั้งก็ปฏิเสธของหวาน

          

     

    เกลียด::

          •ฝนตกตอนกลางคืนแล้วกระทบกับหลังคาเสียงดัง เธอนอนไม่หลับ และมันทำให้ตัวเธอรู้สึกหงุดหงิดเอาเสียมากๆ

          •คนกร่างที่ชวนให้หมดความอดทน ทั้งชอบดูถูก ชอบคิดว่าตัวเองใหญ่ เธอจะสูดลมหายใจเข้าสักพักก่อนจะหมดความอดทนสั่งสอนไปสักทีสองที

          •ความพ่ายแพ้ ยิ่งแพ้ในสิ่งที่ตัวเองถนัดนะ ยิ่งโคตรเกลียดเลย รู้สึกเสียศักดิ์ศรีเอามากๆ และทำให้รู้สึกแย่จนกำมือแน่นเวลาแพ้

          •การถูกบังคับ เธอเกลียดการถูกบังคับให้ทำตาม ส่วนนึงก็เพราะมีนิสัยรักอิสระ ทำให้เกลียดเวลาต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
     

    กลัว::

          • ตุ๊กตา หุ่นหน้าตาคล้ายคน เห็นแล้วรู้สึกขนหัวลุกพิกล รู้สึกไม่ดี มองนานๆมากไม่ได้ ขาอ่อนแทบหมดแรงไม่มีแรงเดินไม่มีแรงลุกต่อเลยแหละ  สาเหตุอาจเพราะถูกบัลธาซาร์แกล้งเอามาไว้ข้างหัวเตียง พอตื่นขึ้นมาก็เลยเจอตุ๊กตาจ้องหน้า....

          •ที่แคบ อึดอัด รู้สึกกลัว แย่มาก จะรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วด้วยความกลัว ทำให้ต้องกอดขาเอาไว้แล้วเอาหน้าซบไม่กล้าทำอะไรด้วยความกลัว สาเหตุมันอาจเพราะเวลาอยู่ในที่แคบๆเธอจะเริ่มคิดมากเรื่องเก่าๆหรืออะไรที่ไม่ชอบมันจะประดังประเดเข้ามาในความคิดแหละ
     

    แพ้:: -


     

    งานอดิเรก:: 

          • ฟังเพลง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเพลงร็อค หรือเพลงที่มีจังหวะกลองดีๆชวนให้ตีตามและโยกหัว
          • ต่อยมวย เดินเข้าชมรมไปต่อยมวย ยืดเส้นยืดสาย
          • เรียนภาษาด้วยตัวเอง ทำไม่บ่อย แต่ก็ทำบ้างก่อนนอนน่ะ แค่เปิดดูหนังสือเรียนภาษาที่บัลธาซาร์ให้มาสิบนาทีก่อนนอนแค่นั้นเลย
          • หลับคาหนังสือที่อ่าน หลับแบบหลับไปเลย...

     

    ชมรมที่สังกัด:: ชกมวย


     

    ความสามารถพิเศษ:: 

    ¤ ประสาทสัมผัสไว จมูกไว ตาไว มือไว

    ¤ มือเท้าหนักเป็นพิเศษ

    ¤ ชกมวย

    ¤ ตีกลอง

    ¤ สำเนียงภาษา การใช้ภาษาต่างๆ (ตอนนี้เธอสามารถพูด ฟัง อ่านออกเขียนได้ ในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน รัสเซีย สเปน ซึ่งค่อนข้างจะชำนาญใช้เอาตัวรอดได้ และล่าสุดก็เริ่มจะเรียนภาษาทางเอเชียก้คือภาษาจีนด้วยตนเอง)

    ¤ ไหวพริบ หัวไว


     

    อาวุธ:: ปกติจะสามารถสู้ได้ด้วยมือเปล่าและปรับอย่างิ่นมาเป็นอาวุธป้องกันตัวได้ แต่กระนั้นอาวุธของเธอที่ทำให้ต่อยถนัดขึ้นก็คือ นวมต่อยมวย


     

    เพิ่มเติม:: 

    ▪กลาดีส เคนซีย์ เธอมีชื่อเก่าว่า "กลาดีส แคทริโอน่า ลูเธอร์" (Gladys Catriona Luther)  [บุปผางามที่แสนสดใสซึ่งควรค่าแก่นักรบผู้มีชื่อเสียง]

    ▪เรียนไม่เก่ง ไม่ขยัน ซ่อมบ่อย แต่ก็ดีกว่าไม่ซ่อมแหละ หนังสือมันชวนง่วงและหลับตลอดเลย

    ▪ นิคาซิโอ้ ลูเธอร์ และ อิวานเจลีน ลูเธอร์ เป็นพ่อแม่ของเธอ พ่อของเธอไม่ได้อยากได้ลูกสาว และร่างกายของแม่ก็สามารถมีลูกได้แค่คนเดียวเท่านั้น นั่นทำให้มีเธอที่เป็นลูกสาว ตลอดชีวิตพวกเขาไม่เคยพาเธอออกนอกคฤหาสน์เลย เพราะอาจอับอายในความเป็นลูกสาวและพลังเวทย์ต่ำอย่างเธอ จึงปล่อยข่าวว่าเธอฆ่าตัวตายในทันทีเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าพวกเขาไม่ได้แคร์เธอเลยสักนิด จากนั้นสองสามปีต่อมาพวกเขาก็รับเลี้ยงเด็กผู้ชายจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ชื่อ "การเร็ธ ลูเธอร์"
    ▪ ในขณะที่หนีออกจากบ้าน เด็กหญิงอาศัยช่วงเวลากลางคืนหลบหนีอย่างเงียบๆ และปีนรั้วปีนกำแพงตรงจุดที่ต่ำที่สุด และมีล้มกระแทกตอนลงบ้าง ไมได้หลบหนีอย่างง่ายดายขนาดนั้น


    ▪บัลธาซาร์ แร็กนาร์ / Balthazar  Ragna (33) เป็นครูสอนภาษาของเธอ เป็นอดีตนักเดินทางรอบโลก อีกทั้งยังส่งเสริมให้พรสวรรค์ทางภาษาของเธอนั้นดีขึ้นไปอีก ปัจจุบันรับสอนภาษาและเปิดร้านหนังสือ
    ▪บริอันน่า เคนซีย์ | Brianna Kensey (30) เธอแต่งงานกับสามีและมีลูกสาวและสูญเสียทั้งคู่ไป จนย้ายมาอยู่กับพี่ชายของตัวเองช่วยดูแลร้านหนังสือของพี่ชาย รวมทั้งเป็นผู้ปกครองคนปัจจุบันของกลาดีส
     

    ______________________________________________________________________________

    R O L E P L A Y


     

    ไม่ทราบว่าคุณรู้สึกอย่างไรที่ได้เข้ามาในรั้วโรงเรียน แปง เด ปีส คะ?

    ::

          กลาดีส เคนซีย์มองไปรอบๆ รวมทั้งมองคู่สนทนา เธอทำหน้านิ่งๆไม่ได้ดูมีอารมณ์ร่วมตามคำพูดของอีกฝ่ายเท่ายใดนัก เด็กสาววัยรุ่นยังไม่ได้ตอบคำถามในทันที 

          "ก็...ไม่เลว"

          เป็นคำตอบสั้นๆที่บ่งบอกอะไรหลายๆอย่างได้อยู่เหมือนกันกับโอกาสที่ได้รับในครั้งนี้ แม้การแสดงออกจะดูนิ่งไปหน่อย...ก็เถอะ
     

    มีความเห็นอย่างไรกับฝั่งตรงกันข้ามกับตนเองคะ?

    ::

          กลาดีสเดาะลิ้นเบาๆหลังฟังคำถามจบ กับ คำถามที่ดูชวนแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายไม่น้อย "ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเท่าไร"


          "ฉันไม่ได้มีปัญหาหรอก แต่ฝ่ายนู้นเขาวอนรึเปล่า อันนี้ก็อีกเรื่อง"


     

    ไม่ทราบว่าคุณได้คาดหวังอะไรจากการเข้ามาศึกษาหรือเข้ามาสอนในโรงเรียนแห่งนี้รึเปล่าคะ?

    ::

          "จริงๆทุกคนที่เข้ามาก็หวังไม่ใช่เหรอ?"เธอถามกลับออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มแหบพร่า ก่อนจะค่อยๆตอบคำถามออกไป "มันไม่มีใครไม่หวังหรอกนะ อย่างตัวฉันก็คงพิสูจน์อะไรในตัวเองเหมือนกัน"


          "เราไม่ได้มีชีวิตอยู่ไปตลอดกาลนี่นา เราก็ควรจะลองทำอะไรก่อนที่จะไม่ได้ทำ ก็แค่นั้นแหละ"


     

    คำถามสุดท้ายแล้วนะคะ คุณคิดว่าตนเองเป็นคนอย่างไรคะ?

    ::

          "ก็ไม่รู้สินะ"ท้ายเสียงเริ่มตอบด้วยความยียวนเล็กน้อย "แต่คนอื่นก็ชอบบอกว่าเราเป็นคนชอบทำอะไรตามใจตัวเอง ก็คงจะประมาณเป็นตัวของตัวเองดีมั้ง?"


     

    ______________________________________________________________________________

    P A R E N T M E E T I N G


     

    สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ทางนี้ชื่อเครสค่ะ ขอทราบชื่อคุณผู้ปกครองหน่อยนะคะ

    :: แมวน้ำค่า


     

    เรื่องนี้ค่อนข้างดาร์กแต่ก็มีโรแมนซ์บ้างเล็กน้อย ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครองโอเคกับพวก LGBT+ มั๊ยคะ? ถ้าน้องที่ส่งมาไม่มีคู่หรือไม่ได้เป็นนอร์มอลจะพอรับได้มั๊ยคะ?

    :: เราโอเคกับทุกสายเลยค่ะะะ


     

    ข้อนี้อาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องโรแมนซ์เล็กๆน้อยๆในเรื่องอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้ปกครองอยากให้น้องมีคู่หรือโสดคะ?

    :: อยากไหมก็อยากค่ะ แต่อันนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและพล็อตที่คุณเครสวางไว้ด้วยค่ะ <3


     

    ถ้าลูกคุณติดเข้าไปในเรื่องก็มีโอกาสที่จะตายหรือเสียชีวิตอยู่นะ โอเคกับแบบนั้นรึเปล่าคะ? (แต่ถ้ารับไม่ได้ก็คงต้องรับให้ได้อยู่แล้วน่ะนะ //เหงื่อตก)

    :: แค่ติดก็โอเคแล้วค่า จากนั้นคุณเครสคิดเห็นอย่างไรก้ไปโลดเลยยยย


     

    ขอบคุณสำหรับตัวละครนะคะ ขอให้โชคดีติดบทกันนะ! ไว้เจอกันในคอมเม้นท์ค่ะ 3



    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×