ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    STORY OF } PLuT♡ *CLose

    ลำดับตอนที่ #3 : [3] 7罪と & 7美徳

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 59


    O W E N TM.

    Application

    [ The lady of Patientia]


    - หมายเหตุด้วยรักส์ (?) -

    สีปกติคือข้อมูลที่มีอยู่แล้ว

    สีส้มคือสีของข้อมูลที่เพิ่มมาใหม่

    [ She crying to you see ]

    [ Because she trusts you ]

    [ And she love you ]

              เธอร้องไห้ให้คุณเห็น ]

    [ เพราะเธอเชื่อใจคุณ                ]

              และเธอรักคุณ ]


     
     
     

    ชื่อ – นามสกุล :: หยาง สวี่หลิว [ Yang Xuliu ] - สวี่หลิว [ Xuliu ]

    ความหมายของชื่อ ::  สวี่หลิว - ผู้ให้สัญญาต่อสายน้ำ , หยาง - ต่างถิ่น มหาสมุทร [ ผู้ให้สัญญาต่อทั้งสายน้ำ และ มหาสมุทร ในต่างถิ่น ]

    #แอบแปะนิดๆ เป็นเกร็ดความรู้ค่---  ชื่อของสวี่หลิวอ่านว่า “ซุ่ย - หลิว” โน “สะ-วี่-หลิว” นะคะ

    สัญชาติ :: จีน [ เชื้อชาติ - จีนแท้ค่ะ ไม่มีผสม ฟฟฟ ]

    อายุ :: 21 ปี

    ลักษณะรูปร่างหน้าตาของตัวละคร :: เจ้าของใบหน้าสวยงามติดเย็นชาเลยเสียด้วยซ้ำ เธอคือผู้มีนัยน์ตาสีม่วงอ่อนเป็นประกายแต่ก็แฝงแววของความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดหรือตัวอักษรใดๆได้ แพขนตางามสวยชวนให้ใจของใครต่อใครล้วนสั่นไหว สวี่หลิวได้ถูกเรียกได้ว่า เบ็นไซเท็น สร้างดวงตาให้นางเกินกว่ามนุษย์หญิงคนไหนควรจะมี หากจะให้ตอบว่าจุดเด่นบนใบหน้าของสวี่หลิวคือสิ่งใด สวี่หลิวก็ขอตอบว่าคงจะเป็นดวงตา แต่น่าเสียดายที่ดวงตาคู่นี้ของเธอ มักจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ใดๆ ต้องเรียกว่า สวี่หลิว เป็นคนที่ใบหน้าไปทางติดไร้อารมณ์น่าจะเข้าใจง่ายกว่าแหะ เธอเป็นผู้หญิงที่มีเรือนผมตัดสั้น ผิดกับผู้หญิงหลายๆคนที่เห็นว่าการตัดผมไม่ได้ดึงดูดเสน่ห์อะไร สำหรับสวี่หลิวเองก็ไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอตัดผมสั้นเพียงเพื่อให้ง่ายต่อการดูแล เส้นผมสีอเมทิตย์อ่อนเป็นประกายเมื่อได้ต้องแสงอาทิตย์ กลับกันเมื่อได้ต้องแสงจันทร์ก็ดูเปี่ยมประกายความงาม เธอมีเรือนผิวสีเนื้อนั่นทำให้ทั้งสีผมและสีของดวงตาโดดเด่นขึ้นมา เล็บมือทั้งสองข้างถูกตัดไว้อย่างเป็นระเบียบ นิ้วถูกทาด้วยน้ำยาทาเล็บสีขาวบริสุทธิ์ นิ้วมือเรียวยาวสวย เธอมีรูปร่างงามสะคราญ เอวบางคอดอรชร ทุกสัดส่วนของร่างกายเหมือนถูกออกแบบมาให้เธออย่างที่สุด หากมองภายนอกรูปร่างของสวี่หลิวอาจดูราบเรียบเหมือนแผ่นกระดานไม้ แต่แท้จริงแล้วสวี่หลิว เป็นหญิงสาวที่รูปร่างจัดได้ว่า หากใครเห็นรูปร่างของเธอต้องบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ซ่อนรูปก็ว่าได้ อกเป็นอก เอวเป็นเอว

    ส่วนสูง/น้ำหนัก :: 173.1 / 53.3

    นิสัย :: ความเงียบสงัด คือ อาวุธที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์ หยาง สวี่หลิว เธอเองก็เป็นเช่นนั้น เธอคือเจ้าของใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆ นอกจากความนิ่ง ความสงบ ดุจธารน้ำแข็ง สวี่หลิวเป็นผู้หญิงหน้าตาสวยงดงามราวกับเทพีบนสรวงสวรรค์ ใบหน้าที่เงียบสงบ ไม่ค่อยแสดงอารมณ์จนดูเหมือนผู้หญิงที่ตายด้านไร้ความรู้สึก หรือ ไม่ชอบจะแสดงอารมณ์จากใบหน้าออกมาไม่ว่าจะเป็นทุกข์ สุข ก็ตาม สวี่หลิวจะยังคงแสดงสีหน้าแบบเดิม จนไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าเธอเองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าสวี่หลิวกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ภายใต้ใบหน้าอันเรียบนิ่งนั้น สวี่หลิวล้วนไม่มีใครอยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวเพราะบรรยากาศรอบตัวของสวี่หลิวนั้นดูมีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บราวความยะเยือกที่ถูกส่งผ่านมาจากรอบตัวของหญิงสาว เป็นปราการอันมโหฬารอยากที่ใครจะข้ามผ่านเข้ามาได้

        สวี่หลิว เป็นคนเรียบนิ่ง และ เย็นชา เย็นชาจนเรียกได้ว่า “เฉยชา” ได้ก็มิปาน ความเฉยชาทำให้ตัวของสวี่หลิว เป็นคนนิ่ง สงบ เธอเป็นผู้หญิงที่เฉยชากับทุกสิ่งทุกอย่าง สวี่หลิวเป็นคนเยือกเย็น และ มีนิสัยที่เด็ดเดี่ยว ตัดสินใจอะไรอย่างเด็ดขาด มักจะตัดสินใจอะไรด้วยตนเองได้ มีความเป็นตัวเองสูง สวี่หลิวคลับคล้ายพระอิฐพระปูน แทบจะไม่แสดงอารมณ์ หรือ รู้สึกร้อน รู้สึกหนาวอะไรในทั้งสิ้น

        โดยส่วนตัวสวี่หลิวเป็นคนที่ใจเย็นและยังอดทนอดกลั้นอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเก่งมากไม่ค่อยใช้อารมณ์อะไรมากมาย แต่หากเส้นของความอดทนขาดสะบั้น สาวเจ้าก็จะหงุดหงิดออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอคือผู้หญิงที่มีโลกส่วนตัวสูงและแบ่งแยกอย่างชัดเจนว่าอย่ามายุ่งกับเธอเลยจะดีกว่า เป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบการอยู่ร่วมสังคมกับคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่ว่าอยู่ไม่ได้เสียหน่อย สวี่หลิวสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นๆได้ เธอเป็นคนที่แค่รักสันโดษและชอบการอยู่คนเดียวมากกว่าก็แค่นั้น สวี่หลิวไม่ชอบให้ใครล้ำเส้นส่วนตัวของเธอเป็นอันขาด หากใครล้ำเส้นนั่น ก็ระวังเจ็บตัวนะเออ----

        โดยพื้นฐานส่วนประกอบทางจิตใจ สวี่หลิวเป็นคนเข้มแข็ง แข็งแกร่ง ใจของเธอเป็นใจของนักสู้อย่างแท้จริง สวี่หลิวมีใจอันแข็งแกร่ง เธอเป็นคนที่มีใจที่เรียกได้ว่าเข้มแข็ง มั่นคง เป็นคนหนักแน่น ไม่โลเล และ ไม่ลังเลในเรื่องต่างๆ เป็นคนที่หากตัดสินใจว่าจะทำอะไรแล้ว สวี่หลิวก็จะทำจนถึงที่สุด โดยไม่รู้สึกเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป เธอจึงเป็นคนเข้มแข็ง และ ดูแลตัวเองได้

        สวี่หลิวเป็นคนที่แม้จะดูสงบนิ่ง แต่เป็นคนเยือกเย็น คำพูดไม่ค่อยจะได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เธอเป็นคนที่พูดน้อย ต่อยหนักเอาเสียมาก สวี่หลิวเป็นคนมือหนัก แรงเยอะ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยพูด มีวิทยายุทธในการป้องกันตัวเอง ไม่ว่าจะกระบวนท่า ต่อย เตะ ตี อะไรได้หมด สามารถสู้ผู้ชายพวกอันธพาล ล้มพวกอันธพาลพวกนั้นให้หมอบลงได้แทบเท้า  สวี่หลิวมีความคิดอ่านที่ยากยิ่งต่อการที่ใครจะคาดเดา เธอเป็นคนที่มองภายนอกคล้ายจะบอบบาง เหมือนดอกไม้อันสวยงาม สมควรคู่แด่สตรีทั้งหลาย ไม่มีใครกล้าแตะต้องตัวของเธอ แม้แต่พ่อหรือแม่ของเธอเองก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องดอกไม้อันสวยงาม คู่ควรแก่ชายหนุ่ม แต่หากภายนอกสวยงาม ดูบอบบางอรชร ภายในกลับแตกต่าง สวี่หลิวคือหญิงงามที่ดูแลตัวเองได้ เผลอๆอาจดูแลคนอื่นได้ด้วยซ้ำ เป็นคนที่เหมือนผู้ใหญ่

        เพราะไม่พูดอะไรออกมาเลย แม้แต่น้อย มีไอความยะเยือก จึงทำให้ สวี่หลิวเป็นคนอันตราย อันตรายและยากที่จะต่อกรด้วยเสมอๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าตัวของสวี่หลิวคิดอะไรออกมา และเพราะไม่มีใครรู้นั่นเอง

        คือบุคลิกต่างๆ ส่งเสริมให้เธอเป็นผู้ใหญ่ดูน่าดึงดูด กิริยาท่าทางเงียบสงบ ไม่มีความโหวกเหวกโวยวาย สวี่หลิวเป็นคนรักในความสงบ และ ความเงียบ ไม่ชอบความวุ่นวายที่จะมาก่อกวนใจ เธอจึงมักจะสวมหูฟังสีขาวไว้พร้อมกับเปิดเพลงร็อกจังหวะดังๆให้ตัวเองได้ยินคนเดียวเพื่อจะไม่ได้สัมผัสถึงความวุ่นวายของโลกภายนอก

        เธอเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา เป็นคนที่เรียนรู้ได้ไว โดยไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย แม้ว่าสวี่หลิวจะมีเรื่องชกต่อยบ้างบางเวลา แต่เธอเป็นคนเคร่งครัดต่อกฎระเบียบต่างๆ ไม่ใช่ไม่สนใจในข้อบังคับอะไรแม้แต่น้อย เป็นคนที่เคร่งครัดเอาเสียมาก เธอมักจะทำอะไรตามระเบียบ  สวี่หลิวมองโลกในแบบที่โลกเป็น ไม่มองโลกในแง่ดี และ แง่ร้าย เธอมองโลกโดยมองจากความจริงต่างๆ มีนิสัยไม่ตัดสินใครก่อน เพราะ การตัดสินใครก่อนจะทำให้เรามองคนพลาด โดยส่วนใหญ่สวี่หลิวจะพยายามเอาข้อดี และ ไม่ดีของคนๆนั้นมาเปรียบเทียบเพื่อตัดสินคน

        ทำเหมือนไม่สนใจอะไรทั้งๆที่ในใจสนใจและคอยดูแล คอยห่วงใยคนอื่นๆเสมอ เป็นข้อดีของสวี่หลิว เธอเป็นคนที่คอยห่วงใยคนอื่นโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวเลยว่า ตัวเธอเป็นคนที่ช่างสังเกต และ สามารถจดจำรายละเอียดปลีกย่อยของคนอื่นได้หมด รู้ว่าคนนี้ต้องการอะไร คนนั้นต้องการอะไร สวี่หลิวแม้ทำเป็นไม่สนใจเพื่อน แต่เธอเป็นคนรักเพื่อนเอามาก หญิงสาวเป็นคนรักเพื่อน เพราะตัวเธอมีเพื่อนน้อย หากรู้ว่าเพื่อนของตัวเองถูกใครรังแกมา สวี่หลิวจะทำทุกวิถีทางให้คนๆนั้นต้องก้มลงกราบเพื่อนของเธอ

        สวี่หลิวรักเพื่อน และ เชื่อมั่นในมิตรภาพมากกว่าที่ใครจะรู้ หากเป็นเรื่องของเพื่อน นางพร้อมที่จะละทิ้งทุกสิ่งของตัวเองเพื่อไปหาเพื่อน หากรู้ว่าเพื่อนของตัวเองกำลังเศร้าหรือกระวลกระวายอะไรก็ตาม

        สำหรับสวี่หลิว เพื่อนคือสิ่งสำคัญที่สุดหนึ่งของชีวิตก็ว่าได้ เธอเป็นคนที่รักเพื่อนคนหนึ่ง แล้วเพราะเป็นเช่นนั้น สวี่หลิวจึงทำทุกอย่างที่จะทำเพื่อเพื่อนของตน แม้ว่าสวี่หลิวอาจไม่ใช่คนดีมากมายอะไรนัก แต่เธอเป็นคนที่มีความสัจจริงต่อเพื่อนของเธอทุกครั้ง

         แท้จริงเป็นคนขี้เหงามากกว่าที่ใครจะรู้ แต่พยายามปกปิดความเหงาของตัวเองเอาไว้ เนื่องจากด้วยนิสัยเงียบๆ ไม่ชอบไปป่าวประกาศให้ใครรู้ว่าตัวเองกำลังเหงา สวี่หลิวจึงเปลี่ยนความเหงาให้กลายเป็นความชินชาเมื่อชินชา สวี่หลิวคิดว่าตัวเองจะไม่รู้สึกถึงความอ้างว้างใดๆ อีกต่อไป ซึ่งอาจเป็นความคิดที่ผิด ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความเหงา ให้ตัวเองชินชาโดยไม่รู้สึกโหยหาอะไรได้หรอกนะ...

        สวี่หลิวพูดแทงใจคนอื่นเก่งเอาเสียมาก ๆ เธอเป็นคนที่ชอบพูดแทงใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัวเองเลยว่าพูดแทงใจใครต่อใครไปเท่าไร แม้ว่าตัวของสวี่หลิวจะพูดน้อย แต่คำพูดคำจาเรียกได้ว่าตรงไปตรงมาแล้วออกมาจากความคิด หัวใจจริงๆ ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองอะไร ไม่ได้ผ่านการแต่งคำที่สวยหรู จึงบอกได้ว่าสวี่หลิวมีนิสัยที่ตรงไปตรงมาอยู่ด้วยเช่นกัน ตรงไปตรงมาและจริงใจกับคนทุกคนไม่ได้เสแสร้งอะไรใด ๆ เธอจริงใจกับคนอื่นมากกว่าที่ใครคาดคิด

        สวี่หลิวไม่ชอบการโกหก แต่เธอก็ไม่ใช่ไม่เคยโกหก การโกหกในสายตาของนาง นางคิดว่า “หากโกหก 1 ครั้ง เราต้องโกหกเพิ่มอีกกว่า 100 ครั้ง เพื่อจะปกปิดความจริงในครั้งแรกที่เราโกหก” เพราะเช่นนี้ สวี่หลิวจึงไม่ค่อยพูดโกหกอะไร แต่หากสวี่หลิวโกหกแสดงว่าสวี่หลิวต้องคิดมาหลายคืนแล้วที่จะเลือกทำเช่นนี้ สวี่หลิวแม้จะไม่ชอบการโกหกแต่เวลาโกหกก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงได้เสมอ อาจเป็นเพราะท่าทางที่เดาไม่ออกของนางด้วย

        สวี่หลิวเป็นคนเก็บความลับเก่ง สามารถพูดความลับกับสวี่หลิวได้ สวี่หลิวจะไม่เอาไปพูดให้ใครฟังเด็ดขาด เพราะสวี่หลิวไม่ต้องการเห็นใครเจ็บปวดต่อการถูกเอาความลับไปมอบให้คนอื่นๆ

        แม้จิตใจดูเย็นชาแต่แท้จริงสวี่หลิวอ่อนโยนเอาเสียมาก เธอเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเธอเป็นคนที่กระทำอะไรมีเหตุผลเสมอ สวี่หลิวมักจะปลอบคนเก่งโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

        สวี่หลิวเป็นคนที่ไม่เคยเริ่มการทะเลาะก่อน แต่เป็นคนที่มักจะมีแต่เรื่องมาหาทั้งๆที่ไม่ต้องการ สวี่หลิวจึงกลายเป็นคนไม่ดี ทั้งๆที่ไม่เคยเริ่มในการทะเลาะครั้งใดก่อนแม้แต่น้อย สวี่หลิวเริ่มแรกมักจะมีผู้หญิงมารุมตบ เรียกได้ว่า มักจะถูกดักตบเสมอๆ ทำให้ตัวเธอเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน สวี่หลิวเป็นคนสู้คนและไม่ยอมให้ใครรังแก นางจึงทำกลับ โดยการจับหัวของคนๆนั้นโขกกับกำแพงบ้างหรืออะไรบ้าง สวี่หลิวอาจดูเป็นคนผิด แต่หากมองในนัยที่เป็นกลาง มันคือการป้องกันตัวไม่ใช่เหรอ ?

        สวี่หลิวไม่ชอบวิถีหมาลอบกัดแล้วเธอเองก็ไม่เคยรุมทำร้ายใครเลยนะ

        สวี่หลิวมีทักษะทางกีฬาที่ดีเยี่ยมคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่เก่งกีฬาทั้งทางบท ทั้งทางน้ำ หากได้ลองเล่น หรือ ลองฝึก เพราะ 1 เป็นคนที่เรียนรู้อะไรได้ไว 2 สภาพร่างกายพร้อมที่จะเล่นกีฬา เป็นเหมือนขวัญใจทางกีฬาในโรงเรียนก็ว่าได้ เป็นคนว่ายน้ำก็เป็น ฟุตบอลก็ได้ บาสโอเค ปิงปองพอไหว แบดมินตันก็ตีข้ามรัวๆ วอลเลย์เสิร์ฟลูกสวย เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟคทางกีฬาอย่างเห็นได้ชัด เป็นผู้หญิงที่จะพบได้ตามสวนสาธารณะจะเห็นนางไปวิ่งยามเช้าทุกๆวัน

        เป็นผู้หญิงที่รักสุขภาพ กินอาหารที่มีแต่ประโยชน์ ไม่ค่อยกินอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์หรอก เธอชอบกินพวกผักมากกว่ากินพวกเนื้อทั้งหลาย ชอบกินน้ำแร่เย็นๆมากกว่าการกินพวกน้ำอัดลมอะไรพวกนี้แบบคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่ว่าไม่กินพวกเนื้อน้าาา เธอเป็นคนที่เน้นการทานอาหารให้ครบทุกหมู่ ทุกมื้อ เพื่อจะเอามาใช้เป็นพลังงานเอาเสียมาก สวี่หลิวให้ความสำคัญกับการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ใน 3 มื้อ แต่เธอจะเน้นไปทางผักเสียมากกว่าล่ะนะ

        ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใคร ทำให้เจ้าตัวเป็นคนที่ค่อนข้างเรียกได้ว่ามีความหยิ่งในศักดิ์ศรี กลัวเสียศักดิ์ศรี กลัวเสียหน้า ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางเรื่องเจ้าตัวเองก็ทำไม่ได้เหมือนกัน แต่เพราะเป็นแบบนั้นทำให้สวี่หลิวจึงพยายามจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องก้มหัวขอร้องใคร พยายามจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองโตพอแล้ว โตพอที่จะไม่ต้องการใคร หรือ ความช่วยเหลือใดๆจากใครแม้แต่น้อย

        สวี่หลิวเป็นคนที่ร้องไห้ยาก และ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่แสดงท่าทีอ่อนแอใดๆออกมาให้ใครเห็น เมื่อเป็นคนร้องไห้ยาก สวี่หลิวจึงไม่ยอมร้องไห้ออกมา เด็ดขาด เพราะไม่ต้องการให้ใครเห็นน้ำตาของเธอ แต่ถ้าหากร้องไห้ออกมา สวี่หลิวกลับเป็นผู้หญิงธรรมดาที่ร้องไห้เพราะความเสียใจ เธอก็มีมุมอ่อนแอเหมือนกัน เพียงแต่ไม่รู้จะไปร้องไห้กับใคร ไม่รู้ว่าควรจะพูดหรืออธิบายความรู้สึกของตัวเองอย่างไร สิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเห็นสวี่หลิวร้องไห้ คือต้องอยู่เงียบๆ ให้สวี่หลิวได้ร้องไห้ ได้ร้องไห้ให้หมดจนกว่าเธอจะพอใจ จนกว่าเธอจะสงบ เพราะสวี่หลิวร้องไห้ เพราะต้องการให้คนตระหนักรู้ถึงความรู้สึกของเธอ อย่าปลอบเธอเด็ดขาด เพราะนั่นหมายความคุณไม่เข้าใจในสิ่งที่เธออึดอัดใจอยู่เลย

        ชอบการฟังเพลงร็อก เธอเป็นสายร็อกตัวจริง ชอบฟังเพลงที่ให้จังหวะมันส์ๆ มากกว่าเพลงจังหวะภาคเหนือทำให้ง่วงนอนมาก เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่ชอบที่จะฟังเพลงเหนือ หรือ เพลงช้าชวนง่วงนอนให้ตายสิ เธอชอบออกกำลังกาย และ เล่นกีฬาเอาเสียมาก เพราะ ว่ามันทำให้เธอแข็งแรงขึ้น เมื่อเธอแข็งแรงขึ้นก็จะไม่ป่วยนั่นเอง ! เป็นผู้หญิงที่ชอบทานพวกผัก เพราะ เรียนสุขศึกษามาว่าผักมีประโยชน์ (เหตุผล(?)) ชอบที่จะทานอาหารให้ครบห้าหมู่ และครบสามมื้อ สวี่หลิวชอบความสงบเนื่องจากเธอสังเกตมาตลอดว่าเวลาที่เธอมีเรื่องทุกอย่างมันมักไม่เคยได้ดั่งใจอะไรสักอย่าง เป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องที่ยุติธรรมเธอจึงไม่ชอบวิถีของหมาลอบกัดสักเท่าไรนัก

        ไม่ชอบเริ่มแรกเลย เธอไม่ชอบเพลงที่ฟังช้าๆให้อารมณ์ง่วงนอนเอาเสียมาก คือฟังแล้วอยากจะหลับได้ตลอดเวลาเลยสิให้ตาย… เธอเป็นคนที่ไม่ชอบแมว เพราะ ว่าตัวเองเป็นโรคแพ้ขนแมว ทำให้มีโรคไม่ถูกกับแมวเหลือหลาย  เธอเป็นคนไม่ค่อยชอบทานเนื้ออะไรมากมาย มีความรู้สึกว่าพอทานเนื้อแล้วจะทำให้ตัวเองดูอืดๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทานไม่ได้เนื่องจากเจ้าตัวต้องใช้พลังงานในการเล่นกีฬาทำให้ต้องทานเพื่อมาเป็นพลังงาน ไม่ชอบทานของจุกจิกและไม่ถูกหลักโภชนาการเอาเสียมาก ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เป็นคนไม่ชอบวิถีหมาลอบกัดแบบชาวบ้านชาวช่องเขาเสียเท่าไรนัก เป็นคนที่ไม่ชอบการถูกโดนรุม มีคติไม่หาเรื่องใครก่อนจึงไม่น่าแปลกใจ หากสวี่หลิวจะไม่ชอบการไปหาเรื่องใครก่อน

        สวี่หลิวไม่ชอบการโกหกและการถูกหลอกเป็นอันขาด เพราะการถูกหลอกหรือการโกหก เป็นการทำลายความเชื่อใจอย่างหนึ่ง

        แพ้ขนแมวเข้าขั้นรุนแรง! จามจะเป็นจะตายกันเลยทีเดียวเชียวล่ะค่ะ สำหรับแม่นางสวี่หลิวคือชาตินี้เจ้าตัวแทบจะประกาศกร้าวว่า  ขอไม่ญาติดีกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าแมวเด็ดขาด ! อ่า โธ่ถัง ชีวิตแม่นางหลิว

        สวี่หลิวไม่ได้กลัวพวกตะขาบ แมลงสาป หรือ สิ่งน่าขยะแขยงแบบผู้หญิงส่วนใหญ่หวาดกลัว ไม่ได้กลัวเสียงของฟ้าผ่าที่กระหน่ำแบบที่ผู้หญิงคนอื่นๆกลัวอีกเช่นกัน แต่หากความเข้มแข็งนั้น มีความกลัวที่ใครต่อใครต่างไม่เข้าใจ สิ่งที่หยาง สวี่หลิว กลัวที่สุดในชีวิตก็คือ “แม่” ของตัวเอง

        ทั้งกลัวทั้งรังเกียจผู้หญิงผู้มีความโสมเช่นนี้…………

        เกลียดและกลัว…….

        เพราะเช่นนั้นความรักในแบบฉบับของครอบครัว สวี่หลิวไม่เคยได้สัมผัสแบบที่ใครๆเขาได้สัมผัส ครอบครัวคืออะไร สวี่หลิวไม่เคยรู้จัก ความรัก ความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่ไม่เคยได้สัมผัสเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่มีชีวิตอยู่ยังไม่รู้ว่าชีวิตจะทำอย่างไรต่อไปเลยด้วยซ้ำ สวี่หลิวไม่เคยได้สัมผัสเลยแม้แต่น้อย บางทีเพราะเช่นนี้ทำให้สวี่หลิวเคยคิดว่าครอบครัวไม่เห็นจำเป็นเลย

        เป็นคนปิดกั้นใจของตัวเอง จนดูเหมือนผู้หญิงใจแคบ

        แต่เพราะความคิดเช่นนี้ ทำให้สวี่หลิวกลายเป็นคนปิดกั้นตัวเองจากความรัก ไม่กล้าที่จะมีความรัก หวาดกลัวในสิ่งที่เรียกว่าความรัก และ ไม่อยากที่จะรักใคร ไม่กล้าที่จะรักใครเลยแม้แต่น้อย เกลียดชังที่จะมีความรัก เพราะเพียงความรู้สึกเดียวคือความกลัว กลัวที่จะมีความรัก สวี่หลิวกลัว จึงปิดกั้นใจตัวเองไว้ ปิดกั้นใจด้วยหัวใจเย็นชาของตน

        ปิดกั้นจนเหมือนตัวเองกลายเป็นผู้หญิงตายด้าน แทบไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้ชาย เรียกว่าแทบจะตายด้านในความรู้สึก ไม่รู้สึกอะไรกับผู้ชายมากมายเลยก็ว่าได้ แต่หากวันใดที่น้ำแข็งกลับกลายเป็นสายน้ำขึ้นมา น้ำแข็งเป็นปราการอันยิ่งใหญ่ เป็นกำแพงที่จะกั้นไม่ให้ใครมาทรมานนางในความรักของตนเอง แต่หากเมื่อไร น้ำแข็งกลายเป็นสายน้ำ เช่นนั่น สายน้ำจะนำพาท่านไปสู่หัวใจของเธอที่ไม่ไกลเกินเอื้อมคว้า

        กระนั้นสวี่หลิวมีความปากแข็ง และ ปากไม่ตรงกับใจอยู่เล็กน้อย (?) เป็นคนที่ปากบอกพูดไม่สนใจนะ แต่ก็พูดถึงอีกฝ่ายตลอดแหล่ะ ปากบอกไม่เป็นห่วง แต่ก็เป็นห่วงอยู่เต็มหัวใจ แต่แค่ไม่ชอบยอมรับความจริงกับตัวเองในเรื่องเช่นนี้ ทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นคนตรงไปตรงมาแท้ ๆ

    ประวัติ ::    สวี่หลิวเป็นลูกสาวคนเดียวและคนสุดท้าย จากแม่ของเธอ หากจะกล่าวถึงอดีตอันแสนขมขื่นนั่น คงต้องเริ่มจากชีวิตมารดาเธอเสียแล้วล่ะ เริ่มแรกเดิมทีแม่ของเธอขึ้นชื่อถึงรูปโฉมงดงามจับตาใครหลายคน แต่หากว่าแม่ของเธอนั่น ถูกการกระทำจากผู้มีอำนาจ ทำร้ายล่ามไปถึงในขั้นเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง แม่ของเธอถูกจับให้ไปเป็นโสเภณีในย่านหนึ่ง แม่ของเธอถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง เป็นเพียงโสเภณีที่ต้องคอยเป็นเครื่องระบายความใคร่ของชายหนุ่มที่หลงในความงามของแม่ “หง หนิงเทียน” ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโสเภณีที่มีรูปโฉมงดงามที่สุด

            แม่ของเธอจึงมีความน่าสงสาร อยากจะกลับไปหาครอบครัว แต่ไม่มีทางที่จะกลับไปได้ เมื่อไม่มีทาง แม่ของเธอจึงต้องคอยอยู่จมปรักกับสิ่งเหล่านี้ เธอถูกกระชำทำราวกับตัวของเธอมิใช่มนุษย์ ถูกกระทำจนไม่อาจรู้ได้เลยว่า ใครคือ “พ่อ” ของเด็กในท้องใส้คนนี้ เด็กที่จะเกิดขึ้นมาในอีกเก้าเดือนข้างหน้า ของผู้หญิงวัย 16 ปี อย่างหนิงเทียนนั่นเอง

            เพราะถูกทำร้ายถึงขั้นจิตใจ เอ่ยขอร้องให้ใครต่อใครได้โปรดหยุดทรมาน นางเสียที หนิงเทียนรู้สึกทนไม่ไหว แม้นางตั้งครรถ์ก็ไม่มีผู้ใดสงสาร หนิงเทียนจึงกรีดร้อง แผดเสียงออกมา แต่ก็ไม่มีผู้ใดหยุดการกระทำเช่นนั้น

            เรียกได้ว่าเป็นโชคดีของเด็กในท้องที่ดวงแข็งพอที่จะยังมีชีวิต ทุกความเจ็บปวด หนิงเทียนจดจำเอาไว้ในสมองของนางเสมอๆ จนกระทั่งเด็กหญิงทารกตัวน้อยนาม “สวี่หลิว” เกิดมามองโลกอันแสนจะโหดร้ายนี่ได้เต็มสองตา

            สวี่หลิวเห็นหนิงเทียนเปรียบดั่งนางฟ้า แต่หนิงเทียนมองสวี่หลิวราวเศษขยะ ผู้เป็นแม่เกลียดลูกของตนมากกว่าสิ่งใด สวี่หลิวต้องการได้รับความรักจากผู้เป็นมารดาแทบทุกอย่าง

            “ไปให้พ้นๆไป”แรงผลักจากมารดาทำให้ร่างของเด็กอายุ 6 ขวบต้องมองผู้เป็นแม่อย่างงุนงงและไม่เข้าใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

            “แม่ค่ะ”สวี่หลิวเรียกแม่ของตน

            “ฉันบอกให้แกไปให้พ้นๆไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึยังไงห่ะ !?”

            หนิงเทียนยังคงไล่สวี่หลิว นางปิดประตูห้องนอนของนางอย่างแรงเพื่อเป็นการไล่สวี่หลิว

            สวี่หลิวไม่เคยคิดโกรธเคืองผู้เป็นแม่เลยแม้แต่น้อย

            อายุอานามเริ่มขึ้นมา เด็กหญิงเริ่มอายุแปรเปลี่ยน 12 ปี สวี่หลิวเก็บตังค์จากการไปหางาน เป็นแรงงานในการทำงานต่างๆ แล้วได้ซื้อหูฟังสีขาวที่ซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง หนิงเทียนเห็นก็กระชากหูฟังนั่น แล้วปาลงพื้น นางด่าทอสวี่หลิวอย่างรุนแรง

            พร้อมกับใช้ส้นสูงของนางทุบหูฟังข้างซ้ายของสวี่หลิว ทั้งกระทืบ… ทำให้สวี่หลิวรู้สึกโกรธผู้เป็นแม่ สวี่หลิวผลักให้ผู้เป็นมารดาไปกระแทกกับกำแพง ผู้เป็นแม่ตบหน้านางหนึ่งฉาด พร้อมชี้หน้า

            “แกกำลังทำร้ายผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้าของแกนะ !”

            “สารเลว !”

            สวี่หลิวเบิกตากว้าง….

            คำพูดนั้นซึมซับสู่หัวใจของสวี่หลิว

            แม้สวี่หลิวจะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เป็นแม่ถึงชอบกลับบ้านในยามดึกตั้งแต่เธอยังเด็ก ทั้งยังมีนิสัยที่โหดร้ายเกรงกว่าแม่คนไหนจะมีต่อลูก โดยเฉพาะกับลูกสาวของตัวเอง

            สวี่หลิวหนีออกจากบ้านเมื่ออายุย่างเข้า 15 ปี

            เธอไปรับงานทำในย่านโสเภณีโดยมีหน้าที่ในการซักผ้า ซักผ้าที่เปื้อนความคาว ความใคร่ ของคนอื่น แม้จะขยะแขยง สวี่หลิวก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอด สวี่หลิวซักล้าง จวบจนกระทั่ง เห็นแม่ของตัวเองกำลังพาผู้ชายคนหนึ่งเข้าไปในห้อง เสียงของผู้หญิงคนอื่นที่ทำงานต่างกระซิบกระซาบ

            “อีกแล้วสินะ แขกคนนี้อีกแล้ว”

            “นางหนิงเทียนพยายามอ่อยสะขนาดนั้น คงต้องการตัวอีกฝ่ายมากเลยสินะ”

            แม้จะเหมือนเสียงกระซิบแต่มันคือเสียงนินทาที่ก้องอยู่ในอก แค่นี้สวี่หลิวก็ไม่ต้องถามแล้วนึกว่าแม่ของเธอประกอบอาชีพอะไรอีกต่อไป ก็เป็นโสเภณีอย่างไรเล่า… แม้อยากจะร้องไห้แทบบ้า แต่สวี่หลิวก็ไม่ร้องออกมา

            ผู้หญิงสารเลว……

            ใครกันนะ……………..

            ที่ขึ้นชื่อสมควรกับคำว่า “สารเลว”

            สวี่หลิวดักรอแม่ของเธออยู่หน้าห้องนั้นนานกว่าสามวันสามคืน แม่ของเธอออกมาพร้อมมองเธอด้วยสายตาที่เหมือนจะโกรธ

            “แกมาที่นี้ทำไม!?”

            สวี่หลิวเผยรอยยิ้มออกมา  แต่เป็นรอยยิ้มหยัน

            “ก็มาดูผู้หญิงสารเลว”

            หลุบตาลงเพียงชั่วครู่

            “ผู้หญิงที่ด่าว่าลูกตัวเองว่าสารเลว”

            สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

            “มันสารเลวกว่าอีกด้วยซ้ำ!!!”

            ความรักที่มีให้มันจบสิ้นไปหมดแล้วนะ

            เหลือเพียงความเกลียดชัง

            ความเกลียดชัง พยายามที่จะปิดบังความกลัว

     

            แต่หากทุกสิ่งมันเด่นชัด ในจิตใจของสวี่หลิว

            ทั้งเกลียด ทั้งกลัว

            ความรัก… แท้จริงมันไม่เคยมีอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว

     

            ถ้ามันเป็นความฝัน สวี่หลิวคงจะฝันร้ายอย่างมากที่สุด แต่สิ่งที่ตอกย้ำคือ มันไม่เคยมีเรื่องไหนที่ไม่ใช่เรื่องจริง

     

            มันคือฝันร้ายยิ่งกว่าการถูกล่ามโซ่ เฆี่ยนตีจริงๆนะ

            สวี่หลิวผู้นี้ยืนยัน ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น

     

    สวี่หลิวกลับมาอยู่กับแม่ในบ้านของตนเอง แต่หากไร้การพูดคุยกันแม้แต่ก่อน…

    ไม่มีคำพูด…….

    มีแต่ระยะห่างและความชิงชัง

    ชอบ ::

    • ผัก ผลไม้ และ การทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ 3 มื้อ ! - เนื่องจากการได้รับประทานอาหารเหล่านี้จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและทำให้มีแรงในการเล่นกีฬา !

    • การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย - ทำให้เธอสมองปลอดโปร่งได้ แถมยังแข็งแรง !

    • เพลงร็อก - ทั้งจังหวะ และ เสียงร้องที่มีพลัง ทำให้รู้สึกฮึดขึ้นมา

    • ความสงบ - ทำให้เธอมีความรู้สึกที่เรียกได้ว่าจิตใจจะมั่นคงโดยง่าย

    • ความยุติธรรม - เธอค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องที่ต้องยุติธรรม

    • ชอบสวมหูฟัง - เพื่อไม่ต้องการได้ยินอะไรจากคนอื่นมากๆ

    • เพื่อน - จัดในขั้นที่เรียกว่ารักเลยจะดีกว่านะ ยอมเพื่อเพื่อนตนเองได้หมดแทบทุกอย่างและเพราะแม่ไม่เคยที่จะให้ความรักแก่สวี่หลิว สวี่หลิวจึงต้องโหยหาในความรักของเพื่อนเพื่อเอามาทดแทนความรักที่แม่ไม่เคยมีให้

    ไม่ชอบ/เกลียด ::

    • ไม่ชอบการทานเนื้อมากๆ - มันทำให้สวี่หลิวรู้สึกอืดแต่ถ้ากินเพื่อให้ครบห้าหมู่ก็ได้อยู่ เต็มใจ (?)

    • การกินอะไรจุกจิก - ไม่ชอบกินจุกจิก หรือ กินอะไรที่ดูไม่เป็นประโยชน์

    • การอยู่เฉยๆ โดยไม่ออกกำลังกาย - รู้สึกแย่มาก เฟลมาก บอกได้แค่นี้---

    • เพลงเหนือ เพลงช้า - จังหวะชวนหลับมาก---

    • ความวุ่นวาย - มันทำให้ตัวเธออยู่ไม่สุขแม้แต่น้อยค่ะ

    • การหาเรื่องใครก่อน - สวี่หลิวค่อนข้างจะรักสงบการถูกหาเรื่องก่อนมันไม่รู้สึกดี เธอจึงไม่ชอบที่จะไปหาเรื่องใคร

    • แม่ - ทุกสิ่งทุกอย่างของแม่มันตอกย้ำให้เกิดความเกลียดชังในใจของสวี่หลิวเอาเสียมาก

    • พ่อ - เกลียดกว่าแม่ก็คือพ่อ แม้จะไม่รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใคร แต่สวี่หลิวมั่นใจว่าพ่อของเธอต้องเป็นคนเลวในหัวมีแต่เรื่องของตัณหา มักมากในกาม และ ยังไม่รับผิดชอบในชีวิตของเธอเลยแม้แต่น้อย

    • ส้นสูงทุกประเภท - เพราะเหตุการณ์ในวัยเด็กปลูกฝังทำให้มองส้นสูงในแง่ร้ายมาตลอด

    กลัว ::

    • แม่ - ตั้งแต่เด็กสวี่หลิวรักแม่เอาเสียมาก ๆ รักมากเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะรักแม่ของตนได้ เมื่อวันหนึ่งในวันที่เธอผลักผู้เป็นแม่ หนิงเทียนได้แสดงให้เห็นว่าสวี่หลิวคิดผิดมาตลอด สวี่หลิวกลัวแม่ของตัวเองมาตลอด แต่ปิดบังความกลัวด้วยความเกลียดชังที่มี แต่หากมองเข้าไปแล้ว ในความเกลียดชังของสวี่หลิว มีความกลัวอัดแน่น และ ในความกลัวไร้ความรัก

    แพ้/ภูมิแพ้ ::

    • ขนแมว - ไม่น่าแปลกใจสำหรับสวี่หลิว แม้ร่างกายจะแข็งแรง แต่ก็มีโรคประจำตัวคือโรคภูมิแพ้ และ เป็นโรคภูมิแพ้ขนแมว ทำให้เวลาเจอขนแมวจะจามแล้วจามอีกอย่างหยุดไม่อยู่ [ อาการของภูมิแพ้เกิดขึ้นครั้งแรกในฤดูร้อนในวัยสองขวบของเธอ เริ่มมีอาการจามที่หนิงเทียนรับแมวของเจ้านายที่ฝากเลี้ยง มาเลี้ยงให้ในบ้าน ]

    งานอดิเรก ::

    • ออกกำลังกาย เช่น ไปวิ่งที่สวนสาธารณะตอนเช้าเสมอๆ [ มันเริ่มตั้งแต่สวี่หลิวมีความคิดว่าควรจะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองแล้ว ]

    • ฟังเพลงร็อกจากหูฟังข้างเดียวของตัวเอง [ มันทำให้สวี่หลิวคลายเครียดจากความเครียดที่จะกัดกินสมองเจียนตายได้ ]

    • การอยู่คนเดียวเงียบๆ [ เพราะนิสัยที่เงียบๆ มาตั้งแต่เด็ก ทำให้แม้เหงา แต่เมื่อเริ่มนานเข้า ก็รู้วิธีที่ทำให้ตัวเองไม่เหงา นั่นก็คือการพึงพอใจกับการอยู่คนเดียวมาเรื่อยๆ ]

    • มีเรื่องให้ทะเลาะวิวาทมาหา (?) [ อย่างที่ได้กล่าวไว้ว่าสวี่หลิวมักถูกคนส่วนใหญ่เข้ามาหาเรื่องก่อน ]

    จุดอ่อน ::

    • เพื่อน [ ทำให้พลาดพลั้งโดยการไม่คิดถึงอะไรก่อนเลยก็ได้ ]

    • กลัวเสียศักดิ์ศรี ไม่กล้าที่จะขอร้องใคร [ และเพราะไม่ขอร้อง จึงอาจสูญเสียอะไรไปมากมาย ]

    • แม่ ครอบครัว [ ปมที่ทำให้ชีวิตของสวี่หลิวไม่สมบูรณ์ ]

    • ปิดกั้นตัวเอง [ เมื่อปิดกั้นตัวเองก็ไม่คิดจะรับรู้อะไรจากภายนอก ]

    • เป็นคนขี้เหงาง่าย แต่พยายามที่จะเปลี่ยนความเหงาให้กลายเป็นความชินชา [ การจะทำในสิ่งที่ตัวของเธอคิดนั่นหากพูดมันก็ง่ายอยู่ แต่ถ้าหากทำจริงมันยากนะ ยากที่จะเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้น่ะ ]

    จุดแข็ง ::

    • ศักยภาพทางร่างกายนับได้ว่าโอเค เป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง แรงเยอะ (?) [ มาจากการออกกำลังกายล้วนๆ ]

    • สภาพจิตใจมั่นคง [ เพราะอดีตเกลาจิตใจให้มั่นคงยิ่งกว่าที่ใครจะคิด ]

    • เก็บความลับเก่ง [ เป็นคนที่รู้ว่าการเอาความลับของคนอื่นไปเผยแพร่ ใครก็จะรู้สึกแย่ทั้งนั้นแหล่ะ ไม่มีใครรู้สึกดีขึ้นมาได้หรอก ]

    • ความเย็นชา ความนิ่งสงบ [ ด้วยท่าทางทำให้เธอดูเป็นคนที่นิ่งสงบ และ มีความเย็นชาจนเกือบจะเฉยชา ]

    • มีทักษะการป้องกันตัวเอง [ ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอ และ เป็นผู้หญิงที่สามารถเอาตัวรอดต่อพวกผู้ชายหรือนักเลงบางคนได้ เพราะการที่เจ้าตัวท่องไว้เสมอว่าฉันต้องไม่อ่อนแอนะ ฉันต้องเข้มแข็งในทุกด้าน มันปลูกฝังตัวเธอขึ้นมา ]

    • เรียนรู้เร็ว และ มีหัวสมองที่จัดอยู่ในขั้นที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะ [ เรื่องนี้คาดว่าน่าจะเป็นส่วนหนึ่งจากพันธุกรรมด้วยส่วนหนึ่ง และ ประสบการณ์ชีวิตของสวี่หลิวด้วยส่วนหนึ่ง แต่เดิมหนิงเทียนมารดาของสวี่หลิวไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นผู้หญิงที่ฉลาด และ ประสบการณ์ชีวิตสั่งสอนให้สวี่หลิวเติบโตและเรียนรู้ในทุกเรื่อง ]

    • โกหกได้แนบเนียน [ อาจเป็นความสามารถอย่างหนึ่งที่สวี่หลิวสามารถโกหกใครต่อใครสามารถเชื่อถือได้ ]

    ของพกติดตัว ::

    • หูฟังสีขาว หูข้างซ้ายมีรอยถูกเหยียบและกระทืบซ้ำ จนไม่อาจเอามาสวมฟังได้  เธอจึงฟังจากข้างขวาข้างเดียว นับจากนั้นเป็นต้นมา

    • กระเป๋าสะพายข้าง ดูเหมาะกับบุคลิกของเธอดีอยู่แล้วมั้ง ข้างในก็ใส่พวกเงิน พวกมือถือเอาไว้ เรียกได้ว่าใส่พวกของจำเป็นน่ะแหล่ะ

    สถานที่ที่อยากไป :: ตอนนี้สถานที่ที่เธออยากไปมากที่สุดคือที่ไหนก็ได้ที่จะไปให้ไกลจากย่านของโสเภณี หรือ บ้านของแม่ตัวเอง หนีไปให้ได้นานที่สุด นานที่สุด แล้วไม่มีวันจะกลับมาเหยียบสถานที่แห่งความโสมเช่นนี้อีก

                                       แต่ถ้าเอาแบบไม่พูดแบบไม่มีเป้าหมายแบบนี้ สถานที่ที่เธออยากไปคงจะเป็นเมืองบอนน์ ของ เยอรมันกระมัง เนื่องจากเป็นบ้านเกิดของบีโธเฟนคนนั้นนี่... คนที่แม้จะหูหนวกแต่ก็ยังสามารถแต่งเพลงออกมาได้ เป็นคนที่มีความพยายามขนาดไหน ต้องสู้ชีวิตขนาดไหน เรียกได้ว่าสวี่หลิวชอบคนประเภทนี้ คนที่สู้ไม่ถอยในชีวิตน่ะ

    ลักษณะการพูด พร้อมตัวอย่าง :: ลักษณะคำพูดคำจาของสวี่หลิวจะไม่ค่อยพูดอะไรมากมายนัก สวี่หลิวจะเป็นคนพูดน้อย เธอจะพูดในเรื่องที่ดูเหมือนจะมีสาระมากในบางที น้อยครั้งที่จะมาพูดพร่ำเพื่ออะไรมากมาย สวี่หลิวเป็นคนที่มีน้ำเสียงออกไปทางเย็นชา ลักษณะคำพูดที่สวี่หลิวใช้จะแตกต่างกันไปกับแต่ละคน เธอแทนตัวเองว่า “ฉัน” และแทนคนอื่นๆว่า “นาย / เธอ” โดยที่ไม่ต้องการเรียกชื่อในสำหรับคนทั่วไป ไม่มีหางเสียงต่อท้าย แต่หากกับคนที่เรียกได้ว่าเพื่อนก็จะแทนตัวเองด้วยสรรพนามเดียวกับที่ใช้กับคนทั่วไป แต่หากสรรพนามที่เรียกแตกต่างไป ไม่ได้เรียก “นาย / เธอ” แต่เรียกด้วย “ชื่อเล่น” อย่างเหมาะสม หางเสียงกับเพื่อนใครเขาจะมีกัน----

        ยกตัวอย่างสถาการณ์ 5 ประการได้ดังนี้ (?)

    • สถาการณ์ที่ 1 หากมีคนทำให้สวี่หลิวรำคาญขึ้นมา

        “หยุดสักทีได้ไหม...มันน่ารำคาญมากเลยด้วย”

    • สถาการณ์ที่ 2 หากสวี่หลิวทะเลาะกับแม่

    “แม่มันสารเลวที่สุด !”

    • สถาการณ์ที่ 3 สวี่หลิวกำลังเมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้

    “ไม่เป็นอะไรนะ มีอะไร ใจเย็นๆค่อยๆพูด บอกมา ฉันจะไปจัดการมันเอง”

    • สถาการณ์ที่ 4 เวลามีคนมาทำเหมือนกับว่าเข้าใจตัวเธอมาก

    “แบบนายมันจะเข้าใจอะไร!”

    • สถาการณ์ที่ 5

    “เคยได้รู้สึกไหม กับ เรื่องที่ทำให้ล้มทั้งยืนน่ะ”

    คู่ :: อาโอมิเนะ ไดกิ

    เพิ่มเติม ::

    • เพื่อให้เข้าใจตรงกันนะคะ ชื่อของสวี่หลิวอ่านว่า “ซุ่ย - หลิว” โน “สะ-วี่-หลิว” น้า--- #แปะอีกรอบเพื่อความเข้าใจตรงกัน แค่ก

    • สวี่หลิวเป็นสาวราศีพฤษภค่ะ เธอเกิดในวันที่ 4 พฤษภาคม 

    • สวี่หลิวเป็นสาวกรุ๊ปเลือด AB ค่ะ

    • สวี่หลิวเป็นคนถนัดมือทั้งสองข้าง สามารถเขียนหนังสือได้ทั้งสองข้างอย่างไม่มีปัญหาอะไรมากมายมากวนใจแบบชาวบ้านเขาค่ะ นับได้ว่าเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของเธอเลยก็ว่าได้

    • สวี่หลิวเรียนระดับมหาลัยอยู่ในปัจจุบันค่ะ เธอเป็นสาววิศวะ ! เรียนในสาขาคอมพิวเตอร์ อนึ่งสวี่หลิวเรียนปีสามแล้ว หากกล่าวถึงความฝันของสวี่หลิว สวี่หลิวตั้งความฝันไว้ว่าเมื่อเธอเรียนจบ เธอจะคว้าเกียรตินิยมมาให้ได้ นอกจากนี้ สวี่หลิวจึงต้องการจะเข้าไปทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับประเทศแล้วทิ้งแม่ของตนเอาไว้คนเดียว แม้ตัวเธอจะส่งเงินให้อีกฝ่าย นี้คือความฝันของหยาง สวี่หลิวค่ะ

    • สวี่หลิวในประวัติอาจดูไม่มีมูลเหตุมูลผลในเรื่องของหูฟังนะคะ เอาล่ะค่ะ ขออนุญาตยืมพื้นที่ตรงนี้อธิบายน้า.. ก็ ความรู้สึกของสวี่หลิวก็เหมือนอารมณ์ของเด็กมัธยมต้นอย่างเราๆ เวลาจะโดนผปค.ยึดมือถือ หรือ  ผปค.จะเอาของรักของเราไปทิ้งน่ะแหล่ะค่ะ เรายังรู้สึกโกรธเลย แต่สำหรับหลิวคือมันเสียความรู้สึกไปหมดแล้ว ยึดยังเจ็บน้อยกว่าที่สวี่หลิวเจอ เมื่อเธอเจอแบบนี้ หัวใจที่ผปค.ไม่เคยใส่ใจ แม้เธอจะรักมากแค่ไหน ความรักมันทำให้เธอจำฝังใจ จำฝังใจว่าเธอเจ็บและเธอกลัว เหมือนตอนเด็กๆที่เรากลัวไม้เรียวของพ่อแม่น่ะแหล่ะค่ะ มันจำมาจนฝังใจ 

    • หูฟังในวันนั้นที่แม่ของเธอทำร้าย (?) เธอยังเก็บไว้อยู่นะคะ แล้วปัจจุบันก็ใส่อยู่ด้วย

    • สวี่หลิวเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบการสวมกระโปรงทุกชนิด เธอชอบสวมกางเกงขายาว แล้วสวมเสื้อหลวมๆ พร้อมรองเท้าผ้าใบ นี่แหล่ะมั้ง จึงไม่ค่อยมีใครเห็นหุ่นจริงๆของเธอ ฟฟฟ

     

    บทสัมภาษณ์ผู้ปกครอง

    -สวัสดีค่ะ ไรท์ชื่ออัสเตรียนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

    (ตอบ) แมวน้ำค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ

    -ทำไมถึงมาสมัครเรื่องนี้เหรอคะ?

    (ตอบ) ชอบแนวดาร์กค่ะ เหตุผลเหมือนตอนตัวแรกเลย 55555

    -อยากส่งมากี่คนกันคะ?

    (ตอบ) มีสามคน คู่อากิฮิโกะซัง คู่อาโอมิเนะ แล้วคู่อัตสึชิ ค่ะ------ เพราะฉะนั้นคนนี้คนสุดท้าย ปิดจ็อบแล้วค่ะ แฮร่ !

    -ทำไมถึงส่งคู่กับคนนี้กันคะ? (คนที่คู่ด้วย)

    (ตอบ) สำหรับอาโอมิเนะ ทางนี้คือ ก็นะ บอกไม่ถูกเหมือนกันค่ะ 555 อาจเป็นเพราะเราชอบเฮียแกค่ะ เป็นคนที่ดูแล้วแอบหมั่นไส้เล็กๆ ฟฟฟฟ

    -เรื่องนี้มีความดาร์ก โหดและส่อเสียดสังคมนะคะ พอรับได้ไหมหากเรื่องนี้มีความดราม่าและความดาร์กเต็มพิกัด

    (ตอบ) รับได้ค่ะ 555 ไม่คิดมาก

    -อาจมีการดองยาวเกิดขึ้นเพราะฟิคนิยายอีกเรื่องของไรท์นะคะ แต่ไรท์อัพแน่นอนแต่อาจช้าไปหน่อยน้าาา

    (ตอบ) ติดตามตลอดค่ะ !

    -ถ้าติดอาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลตัวละครนิดๆหน่อยๆนะคะ อนุญาติไหมค้าาาา?

    (ตอบ) อนุญาตค่ะ ไม่ว่าอะไร แค่ยังคงเหลือความเป็นตัวละครของเราอยู่ก็พอ

    -ถ้าไม่ติด จะว่าไรท์ไหมคะเนี่ย ToT?

    (ตอบ) ทางนี้รับได้ค่ะ แต่ก็มีเสียใจเล็กๆ ไม่ได้ว่าไรท์อัสเตรียแน่นอนค่ะ ฟฟ

    -ขอให้ผ่านนะค้าาาาาา

    (ตอบ) เอ็นดูเราสักนิดนะคะ ! นะคะ...นะคะ (?)

     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×