คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ศิลปะการต่อสู้สำหรับผู้ใช้มังกร
นักเรียนชั้นปีหนึ่งที่อาบน้ำชำระร่างกายอันเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาโรงเรียน ได้มารวมกันที่ห้องโถงกลางซึ่งอยู่ระหว่างห้องพักชายและห้องพักหญิง เพื่อรอพบครูมาธาร์ตามคำบอกของเจสันและซาร่าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายชายและหญิง
“นายรู้หรือเปล่าว่าครูมาธาร์เรียกให้เรารอพบเรื่องอะไร” กลาเลนถาม
“เห็นครูบอกว่าจะแจกตารางสอนน่ะ” เจสันตอบ และคิดว่าไม่ควรตอบเช่นนั้นเพราะเขาต้องเหนื่อยอย่างมากในการดึงรั้งเพื่อนร่วมกลุ่มให้รอพบครูมาธาร์ก่อน เนื่องจากทุกคนบอกว่าจะให้เจสันรับแทน
“แค่รับตารางสอนเอง นายช่วยหน่อยเถอะน่า วันนั้นเหนื่อยแล้วน้า” อับดุลวอนขอ แต่คำขอของตนไม่ได้ผลเพราะเจสันอธิบายว่าครูมาธาร์บอกว่าขอให้นักเรียนชั้นปีหนึ่งอยู่พร้อมหน้ากัน
ไม่นานนักครูผู้หญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าปี สวมเครื่องแบบครูของโรงเรียนถูกระเบียบทุกอย่างก็เปิดประตูเข้ามายังห้องโถงรวม
“สวัสดีครับ / ค่ะ ครูมาธาร์”
นักเรียนในห้องโถงรวมกล่าวสวัสดีคุณครูอย่างพร้อมเพรียง ทำให้อังเดรที่แอบหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้น ภาพที่เห็นสร้างความไม่พอใจให้ครูมาธารไม่น้อย แต่เนื่องจากเป็นวันแรกครูมาธาร์จึงทำเป็นไม่เห็น จากนั้นครูเจ้าระเบียบจึงยื่นปึกกระดาษตารางสอนส่งให้เจสันและซาร่าให้ช่วยแจกเพื่อนๆ
“อย่าบอกนะครับว่าครูให้เรารอแค่นี้” อังเดรพูดเสียงดังเมื่อทุกคนได้รับตารางสอนเสร็จ
“ครูก็อยากเห็นหน้าพวกเธอทุกคนนี่” ครูมาธาร์พูดยิ้มๆ “ไม่ใช่หรอก...ครูจะแจ้งให้พวกเธอทุกคนรู้เรื่องประกาศ”
อังเดรและเพื่อนบางคนทำหน้าแปลกใจเมื่อครูมาธาร์เอ่ยถึงประกาศ ทำให้ครูมาธาร์พูดแบบเดียวกับซาร่าว่าการมาถึงโรงเรียนครั้งแรกสิ่งแรกที่ต้องทำคือไปดูป้ายประกาศของโรงเรียน เพื่อไม่ให้ตกข่าวที่โรงเรียนประกาศออกไป
“งั้นครูจะแจ้งเรื่องประกาศให้ฟังพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
ครูมาธาร์ประกาศให้นักเรียนทุกคนทราบว่า การทดสอบเพื่อเป็นสมาชิกหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูนเมื่อเทอมที่แล้วถือว่าเป็นโมฆะ เนื่องจากมีเหตุขัดข้องบางประการ ดังนั้นจะมีการทดสอบเพื่อคัดเลือกอีกครั้งในภาคเรียนนี้
“หมายความพวกเราต้องประลองมังกรอีกแล้วหรือครับ” นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่หรอกจ้ะ” ครูมาธาร์ปฏิเสธรวมทั้งบอกว่าการทดสอบจะไม่ยืดเยื้อ ไม่มีการประลอง ไม่มีการสอบสัมภาษณ์ แต่ครูยังไม่บอกว่าจะใช้วิธีอะไร
“ใครมีสิทธิ์บ้างครับ” ดีโน่ยกมือถามในสิ่งที่ตนเองอยากรู้
ครูมาธาร์มองหน้านักเรียนแต่ละคนที่ตอนนี้เงียบกริบเพื่อรอฟังคำตอบจากตนเอง
“ทุกคนจ้ะ”
สิ้นเสียงของครูมาธาร์ เสียงเฮของนักเรียนแทบทุกคนก็ดังขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มของดีโน่ เพราะดีใจที่พวกเจสันและเพื่อนทั้งสามที่พลาดโอกาสไปกลับมีโอกาสอีกครั้ง แต่ก็มีกลุ่มของอังเดรที่ไมค่อยพอใจนัก เนื่องจากตนเองสอบผ่านแล้ว แต่ประกาศออกมาแบบนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
“ถ้างั้นก็เข้านอนได้แล้วจ้ะเด็กๆ” ครูมาธาร์บอกและให้เจสันกับซาร่านำเพื่อนๆแยกย้ายกันไปนอน เพราะพรุ่งนี้จะเริ่มการเรียนการสอนตามปกติ
นักเรียนชั้นปีหนึ่งในเครื่องแบบของโรงเรียน พากันมายืนเรียงแถวเพื่อรอการเดินทางไปยังห้องเรียนวิชาแรก บ้างก็กระตือรือร้นเพราะจะได้ความรู้ใหม่ บ้างกหาวเพราะความง่วงปนความขี้เกียจ
“นายตื่นเต้นไหมกับวิชาใหม่” อับดุลถามกลาเลนที่จัดเสื้อคลุมของตนเองให้เข้าที่
“ก็มีบ้างนะ” กลาเนตอบพลางมองอับดุลอย่างพินิจเพราะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเพื่อน ไม่นานนักเด็กชายผมยาวก็ยิ้มเพราะหาจุดแตกต่างพบ “นายนี่ขี้เห่อไม่เบาเลยนะ”
กลาเลนทำท่าจะหยิบสร้อยคอที่รุ่นพี่สาวแสนสวยให้อับดุลเป็นของขวัญ ทำให้อับดุลเบี่ยงคอหลบและอ้างว่าเดี๋ยวจะเป็นรอย ทำให้กลาเลนหัวเราะในความเป็นเอามากของเพื่อน
“วิชาแรกเป็นวิชาอะไรนะ เจสัน” ดีโน่ถามเพื่อนรักพลางค้นสิ่งของในกระเป๋าของตนเอง
“นายไม่ได้ดูตารางสอนเหรอ” เจสันถาม
ดีโน่เงยหน้าขึ้นมาจากกิจกรรมที่ตนเองกำลังกระทำอยู่ และบอกว่าตนหาตารางสอนไม่เจอ เจสันบอกว่าดีโน่ควรรีบหาให้เจอดีกว่าเพราะเทอมนี้ตารางสอนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พลางให้ดูตารางสอนของตนที่หนามาก
“คงไม่เป็นมั๊ง เพราะฉันกับนายก็เรียนเหมือนกัน” ดีโน่บอก “ตกลงว่าวิชาแรกเนวิชาอะไรล่ะ”
“ศิลปะการต่อสู้สำหรับผู้ใช้มังกร”
นักเรียนปีหนึ่งร่วมสามสิบคนนั่งมองรอบๆห้องขนาดใหญ่ที่พื้นเป็นพรมอ่อนๆคล้ายหญ้า แต่มีความนุ่มมากกว่า รอบห้องมีรูปภาพคนในอากัปกิริยาต่างๆมากมาย ซึ่งล้วนเป็นการเคลื่อนไหวในท่วงท่าต่างๆ
“ห้องนี้กว้างมากเลยเนอะ” ซูซานเอ่ยขึ้น
“นั่นสิ” กลาเลนสนับสนุน “ไม่อยากนึกเลยนะว่าห้องนี้จะอยู่ภายในโรงเรียน”
กลุ่มของดีโน่เองเห็นด้วยกับความคิดของกลาเลน เพราะประตูบานเล็กๆ ที่อยู่ตรงมุมหนึ่งของโรเรียน ไม่น่าจะเป็นทางเข้าออกของห้องขนาดใหญ่นี้ได้ เพราะถ้าไม่มีป้ายบอกใครเดินผ่านมาคงคิดว่าเป็นประตูห้องเก็บของใต้บันไดเท่านั้น
“ไม่มีใครบอกว่าห้องนี้อยู่ในโรงเรียนนี่นา” เสียงที่ดีโน่และเจสันรู้สึกคุ้นเคยดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เมื่อเหล่านักเรียนหันไปก็พบกับครูผู้สอนวิชานี้นั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ การใส่เครื่องแบบครูของเขาต่างจากครูมาธาร์ราวกับสอนกันคนละโรงเรียน เสื้อคลุมยาวสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของครูถูกผูกไว้รอบเอวอย่างหลวมๆ ผมสีทองที่รวบไว้อย่างลวกๆ ทำให้เจสันและดีโน่จำได้ว่าชายคนนี้คือ ‘โรเจอร์ อาล’
“อาล!” ดีโน่ตะโกนเพราะความโมโหที่ถูกอาลดูถูกในถ้ำแซนกรีสยังไม่จางหาย
“อ๊ะๆ” อาลยกมือสองข้างขึ้นทำนองว่าให้ดีโน่ใจเย็น
อาลสปริงตัวลงมาจากก้อนหินและเดินผ่ากลางวงนักเรียนมาอยู่ด้านหน้า พลางบอกว่าห้องนี้เป็นห้องพิเศษที่เชื่อมกับดินแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งอาจารย์ใหญ่สร้างขึ้นเพื่อเรียนวิชานี้โดยเฉพาะ จากนั้นจึงแนะนำตัวพร้อมบอกว่าเขามีหน้าที่สอนวิชา ‘ศิลปะการต่อสู้สำหรับผู้ใช้มังกร’ แทนครูคนเก่าที่ประสพอุบัติเหตุทำให้ไม่สามารถสอนได้ ยังไม่ทันที่ดีโน่จะแย้งว่าเขาเป็นสมาชิกกลุ่มดราโกบลัดที่หมายปองชีวิตของตน อาลก็ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งส่งให้ดีโน่ ซึ่งภายในจดหมายมีใจความรับรองจากอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนว่าอาลไม่ใช่ผู้ประสงค์ร้าย ทำให้ดีโน่และเจสันพอใจคลายความกังวลลงได้บ้าง
“พวกเธอคิดว่าอะไรสำคัญที่สุดสำหรับผู้ใช้มังกร”
ครูผู้สอนถามคำถามแรกเพื่อทดสอบภูมิของนักเรียน
“มังกรครับ!” อังเดรตอบเสียงดังเพราะมั่นใจในคำตอบของตน
อาลส่ายหน้า ดีโน่จึงตอบว่าความสามารถของผู้ใช้มังกร เพราะเป็นสิ่งที่อาลบอกให้เขารู้ตอนอยู่ภายในถ้ำแซนกรีส
“ถูกต้อง!” อาลตอบเสียงดัง และให้เพื่อนๆปรบมือให้กับดีโน่ ทำให้เด็กชายรู้สึกอายและไม่ค่อยชอบใจนักที่อาลแกล้งเขา ทั้งที่รู้ว่าคำตอบนั้นอาลเป็นคนสอนเขาเอง
อาลอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเหมือนกับตอนที่สอนดีโน่ว่าผู้ใช้มังกรต้องสามารถเอาตัวรอดได้ เมื่อห่างจากมังกร ดังนั้นวิชานี้จึงจะเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกายของตนเองมากกว่าการควบคุมมังกร
“พวกเธอรู้หรือเปล่าว่าครูอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
นักเรียนหลายคนตอบว่าอาลเพิ่งเข้ามาในห้อง เพราะตอนที่พวกเขาเข้ามาและมองไปรอบๆ พวกเขาแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แน่นอน แต่อาลบอกว่าเขาอยู่ในห้องก่อนที่พวกนักเรียนจะเข้ามาเสียอีก
“แล้วทำไมพวกเรามองไม่เห็นครูล่ะครับ” อับดุลยกมือถาม เพราะเขาแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องแน่นอน
“มีสัตว์หลายชนิดที่อาศัยการพรางตัวในการกลบเลี่ยงจากศัตรู” อาลอธิบาย “แต่สิ่งที่ครูทำไม่ใช่พรางตัวและเป็นการพรางจิต”
อาลสอนให้นักเรียนรู้ว่าจิตหมายถึงความรู้สึกทุกอย่างที่กำลังคิดถึงอยู่ในขณะนั้น ถ้าสามารถลบความคิดทุกอย่างลงได้ จะทำให้หายไปจากโลกแห่งความเป็นจริงได้ขณะหนึ่ง
มีหลายคนที่คิดว่าอาลโกหก เพราะคนจะสามารถหายตัวได้อย่างไร แต่เพียงพริบตาเดียวอาลก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่ ทำให้นักเรียนหลายคนตื่นเต้นปนตกตะลึง
“นอกจากการพรางจิตจะช่วยให้หลบเลี่ยงจากศัตรูแล้ว...” เสียงของอาลดังขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่มีใครพบเห็นร่างของครูผู้สอนเลยแม้แต่น้อย “ยังมีประโยชน์มากในการ...ลอบสังหาร”
มือของอาลวางลงบนไหล่ของดีโน่ ทำให้เด็กชายถึงกับร้องเสียงหลง จากนั้นทุกคนจึงเห็นครูประจำวิชาอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆ ขอโทษนะ ขอโทษ” อาลพูดพลางยื่นมือมาช่วยดีโน่ให้ลุกขึ้น “ถ้าพวกเธอขยันฝึก ไม่นานก็ทำได้แบบนี้แหละ”
เพื่อให้ทุกคนสามารถพรางจิตได้ อาลจึงแนะนำว่าการฝึกจิตให้ว่างไม่คิดเรื่องต่างๆได้ดีที่สุดคือการนั่งสมาธิ ดังนั้นอาลจึงสั่งการบ้านให้ทุกคนนั่งสมาธิก่อนนอนทุกวันอย่างน้อยวันละสามสิบนาที จากนั้นอาจจึงต้องการทดสอบว่านักเรียนแต่ละคนมีฝีมือมากน้อยแค่ไหน ครูผมทองชี้ไปทางมุมหนึ่งของห้องที่มีดาบไม้เสียบอยู่ในตะกร้า
“ไปเลือกเอามาคนละด้าม”
คำสั่งของอาลทำให้เหล่านักเรียนชายกรูกันไปหยิบดาบไม้มาคนละด้าม โดยมีอังเดรเป็นแกนนำ ต่างจากฝ่ายหญิงที่ไม่ค่อยกล้าหยิบนัก
“ไม่ต้องกลัวนะ...” อาลเอ่ยกับนักเรียนหญิงเบาๆ ทำให้นักเรียนหญิงผ่อนคลายความกลัวลง “พวกเธอจะค่อยๆคุ้นเคยกับมัน”
ดูจากการจับดาบ อาลพอจะรู้ว่าความสามารถของนักเรียนอยู่ในระดับใด การฝึกแรกของอาลจึงให้นักเรียนหญิงฟาดดาบใส่เป้าที่ขึงอยู่ระหว่างต้นไม้สองต้น
“แล้วพวกเราล่ะครับ” อังเดรถามพลางมองดูนักเรียนหญิงที่กล้าๆกลัวในการนำดาบไปตีกับเป้าหมาย
“สำหรับพวกเธอ” อาลยิ้มเล็กน้อยและหยิบสิ่งที่เจสันและดีโน่เคยเห็นมาแล้วออกมา “เข้ามาพร้อมกันเลย”
ดาบที่มีปลอกสีทองสองเล่มในมือครูผู้สอน เป็นจุดสนใจของนักเรียนชายประมาณเกือบยี่สิบคน อาลรับรองว่าดาบจะไม่ออกมาจากฝักแน่นอน เพราะเป็นการทดสอบ ดีโน่และเจสันที่เคยเห็นฝีมือของอาลมาแล้วจับดาบไม้ในมือมั่น และคิดว่าคนยี่สิบคนจะสามารถทำร้ายอาลได้หรือไม่
“นายว่าไหวไหม” เจสันถามดีโน่
เด็กชายไม่ตอบแต่สายตาของเขาจับจ้องไปยังเพื่อนนักเรียนคนหนึ่ง ที่เขาคิดว่าน่าจะช่วยได้พอสมควร...
ความคิดเห็น