คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ผนึก
ภายในห้องของอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนดรากูน ชายสองคนนั่งอยู่บนโซฟามุมห้อง แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาภายในผ่านกระจกใสบานใหญ่ กระทบกับสีหน้าของชายทั้งสองที่ไม่ค่อยจะดีนัก เพราะกำลังคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเทอมที่แล้ว หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเริ่มถามคำถามเพื่อทำลายความเงียบหลังจากที่ทั้งคู่นั่งเงียบมานานพอสมควร
“ตกลงว่าเธอจะสอนที่นี่ไหม...อาล”
ชายอีกคนเป็นผู้ที่อาจารย์ใหญ่ให้ ‘ครูจอร์จ’ ไปตามหาเพื่อส่งจดหมายเชิญให้มาเป็นครูสอนที่โรงเรียน แต่สิ่งที่อาจารย์ใหญ่ให้ครจอร์จทำเป็นเพียงความต้องการรอง ความต้องการจริงคืออาจารย์ต้องการให้ครูจอร์จซึ่งตนเองสงสัยว่าเป็นสมาชิกของกลุ่มดราโกบลัด ออกห่างจาก ‘ดีโน่’ นักเรียนใหม่ซึ่งเป็นทายาทของราชันย์มังกรและมังกรเทพเจ้า
“ถ้าผมรู้ว่าไวเอรี่เป็นสมาชิกของกลุ่มดราโกบลัด” อาลพูดเมื่อนึกถึงครูจอร์จ “ผมจะตัดคอมันแบบไม่ให้มันเจ็บเลย ตอนที่มันเจอผมครั้งแรก”
อาลบอกว่าครูจอร์จเดินทางมาเจอตนเองที่เร่ร่อนไปทั่วโลก และขอตัวลากลับทันทีเมื่อส่งจดหมายเสร็จ โดยอ้างว่ามีธุระต้องรีบกลับมาสะสางงานที่โรงเรียน อาลเล่าพลางกำดาบคู่ของตนแน่น
“แล้วเรื่องที่เรามอบหมายให้ไปทำล่ะ” เซอร์ไพธอนเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าลูกศิษย์ของตนเริ่มเข้าสู่ด้านมืด
“ผมไม่ได้ไปร่วมงานครั้งสุดท้าย เพราะอยู่ในระหว่างเดินทางมายังดรากูน” อาลบอก “แต่เรื่องแฝงตัวผมทำสำเร็จไปนานแล้ว”
อาลอธิบายว่าตนแฝงตัวเข้าไปเป็นสมาชิกของกลุ่มดราโกบลัดเป็นผลสำเร็จตั้งแต่สี่ปีก่อน และสร้างผลงานต่างๆจนได้เลื่อนตำแหน่งมาอยู่ในชั้นสูง และได้รับความไว้วางใจจากบารอนเปเทนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มพอสมควร และรู้มาว่าตอนนี้แผนการใหม่ของดราโกบลัดเริ่มดำเนินการแล้ว
“เราถึงต้องการตัวเธอมาช่วยดูแลเจ้าชาย” เซอร์ไพธอนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมไปพบเจ้าชายมาแล้ว” อาลบอกรวมทั้งบอกว่าตนเองทำอะไรกับดีโน่มาบ้าง
อาลบอกว่าตนเองยอมรับตำแหน่งครูผู้สอนในโรงเรียน แต่มีข้อแม้ว่าจะขอสอนในวิชาที่ช่วยเพิ่มความสามารถของนักเรียน มากกว่าสอนการควบคุมมังกร
“นั่นแหละคือสิ่งที่เราต้องการ” เซอร์ไพธอนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเหมือนเดิมเมื่อได้ฟังคำตอบที่ต้องการแล้ว “งั้นเชิญเธอไปพักผ่อนเถอะ”
อาลพยักหน้าก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป ส่วนเซอร์ไพธอนลุกเดินไปมองบรรยากาศยามเย็นของโรงเรียนก่อนจะถอนหายใจหนึ่งครั้ง
“เฮ้อ...ขอให้เรื่องจบลงโดยไม่มีการนองเลือดเถิด”
เวลาหนึ่งอาทิตย์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดีโน่แทบจะไม่เห็นหน้าเจสันอีกเลยนับตั้งแต่วันที่ซ้อมดาบด้วยกัน เพราะเจสันจะหมกตัวช่วยงานพ่ออยู่ในบ้านแทบทั้งวัน มีบางครั้งที่เจสันจะออกจากบ้านพร้อมพ่อเพื่อเข้าไปในป่าข้างหมู่บ้าน เหมือนเช่นวันนี้ที่เจสันเดินเข้ามาทักดีโน่ที่นอนมองท้องฟ้าเพื่อฆ่าเวลาไปวันๆ เพียงคนเดียว เพราะปู่ขอยืมกรีสช่วยงานที่บ้าน
“นายว่างไหมดีโน่” เจสันชะโงกหน้ามาถามเพื่อนรัก
“นายก็เห็นนี่ว่าฉันว่างขนาดไหน” ดีโน่ตอบยิ้มๆ “วันนี้ทำไมว่างมาคุยกับฉันได้ล่ะ ทุกวันนายจะรีบเดินตามพ่อเข้าป่าไปนี่”
เจสันหัวเราะเล็กน้อยที่ดีโน่แซว และอธิบายว่าปีนี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรพ่อถึงยุ่งมากเป็นพิเศษ ต้องเข้าไปหาไม้มาเป็นวัตถุดิบแทบทุกวัน วันนี้เขาอยากให้ดีโน่เห็นอะไรบางอย่างจึงขอพ่อให้พาดีโน่ไปด้วย
“แล้วพ่อนายว่ายังไงล่ะ” ดีโน่ถามอย่างตื่นเต้น
เจสันพยักหน้า ทำให้ดีโน่รีบลุกและเดินตามเจสันเข้าไปในป่าทันที
ป่าที่เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ที่สูงเรียงราย ผนวกกับน้ำตกสูงที่ไหลลงมาตามแนวหินเป็นชั้นๆ เสียงของน้ำตกดังกลบเสียงอื่นๆ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับดีโน่เป็นอย่างมาก ดีโน่ไม่ได้เข้ามาในป่าแห่งนี้เป็นเวลานานมาก เพราะตอนเด็กๆปู่บอกว่าในป่าแห่งนี้มีมังมังกรอันตรายอาศัยอยู่ แต่พ่อของเจสันบอกว่าในป่าแห่งนี้มีแต่มังกรกินพืชเท่านั้น โดยบอกสาเหตุที่ปู่หลอกดีโน่คงเป็นเพราะกลัวว่าดีโน่จะแอบหนีเข้ามาเล่นและเกิดอันตราย เจสันสะกิดให้ดีโน่หยุดประทับใจในธรรมชาติไว้ก่อน เพราะมีสิ่งอื่นที่ดีโน่จะต้องสนใจมากกว่า
“เอาล่ะ! วันนี้เอาที่นี่แล้วกัน” พ่อของดีโน่เดินมาหยุดที่ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง จากนั้นจึงหันมาทางเด็กทั้งสองคน “เจสันวันนี้พร้อมไหม”
เด็กชายขยับแว่นให้เข้าที่พร้อมบอกให้ดีโน่จับตามองในสิ่งที่พ่อของเขาจะทำต่อไปให้ดี เพราะทุกวันที่พ่อพาเขามาในป่านอกจากพามาหาวัตถุดิบยังพามาเพื่อสอนในสิ่งต่อไปนี้
พ่อของเจสันถอดเสื้อที่ใส่มาวางไว้บนขอนไม้ข้างๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ และขยับผ้าคาดผมให้เรียบร้อย จากนั้นจึงหยิบขวานที่เตรียมมายื่นไปข้างหน้า
“อย่าบอกนะว่าพ่อนายจะใช้ขวานเล่มเล็กนั่นโค่นต้นไม้ต้นนี้” ดีโน่ถามแต่ยังไม่ละสายตาจากพ่อของเจสัน
“ดูไปเถอะ แล้วนายจะตกใจ”
ดีโน่คิดไม่ออกว่าเจสันจะให้ตนดูอะไร เด็กชายพยายามสำรวจว่าขวานที่พ่อของเจสันถือพิเศษกว่าขวานอื่นๆอย่างไร แต่ก็ไม่พบสิ่งอื่นนอกจากอัญมณีสีน้ำตาลที่เป็นเครื่องประดับบนด้ามขวานเท่านั้น ก่อนที่เด็กชายจะละสายตาไปทางอื่น ก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงคำรามของมังกรดังขึ้น ทั้งๆที่บริเวณนั้นไม่มีมังกรขนาดใหญ่ที่สามารถร้องเสียงดังขนาดนั้นอยู่แน่นอน
“ออกมาได้แล้ว โกร่า”
ขวานในมือของพ่อเริ่มสั่นหลังจากได้ยินเสียงของผู้เป็นเจ้านาย ดีโน่จะไม่เชื่อแน่นอนถ้าไม่ได้เห็นภาพที่ปรากฏขึ้นในตอนนี้ มังกรขนาดใหญ่สีน้ำตาลพุ่งทะยานออกมาจากอัญมณีบนขวาน และบินวนบนอากาศหนึ่งรอบก่อนจะลงมาสู่พื้น
“นี่คือ โกร่า มังกรของลุง” พ่อของเจสันแนะนำให้ดีโน่ที่นั่งอ้าปากค้างรู้จักมังกรของตน
เจสันอดขำในท่าทางของดีโน่ไม่ได้ เพราะดีโน่ทำท่าเหมือนตนเองตอนที่เห็นโกร่าครั้งแรก ดีโน่มองมังกรยักษ์สีน้ำตาลที่มีนอสามอันบนใบหน้า ตรงมุมปากมีเขี้ยวยาวออกมา อุ้งมืออันใหญ่โตกว่ามังกรทั่วไปดูราวกับว่าสามารถโค่นต้นไม้ยักษ์ได้ในคราเดียว หางที่ยาวเกือบเป็นหนึ่งเท่าของตัวถึงแม้จะดูเรียวแต่แฝงได้ด้วยความรู้สึกทรงพลัง
“เอาไว้ลุงจะอธิบายทีหลังนะ” พ่อของเจสันพูดก่อนจะสั่งให้โกร่าโค่นไม้เพื่อนำไปเป็นวัตถุดิบ
มังกรยักษ์ใช้แค่มือเดียวก็ถอนต้นไม้ขนาดใหญ่ออกมาได้ทั้งต้น จากนั้นจึงใช้เล็บอันแหลมคมทั้งสี่ลอกเปลือกไม้ออก และวางให้เป็นระเบียบ เพียงเวลาไม่นานก็ได้ไม้หลายต้นซึ่งเพียงพอสำหรับการทำงานของผู้เป็นเจ้านาย เมื่อเสร็จงานทั้งสามคนจึงเดินย้อนกลับมานั่งพักกลางวันตรงน้ำตกที่ดีโน่สนใจเมื่อสักครู่
“ลุงทำได้ยังไงครับ” ดีโน่ถาม
พ่อของเจสันบอกว่าเป็นการผนึกมังกรไว้ในสิ่งของ เพื่อให้ผู้ใช้มังกรสามารถเรียกใช้มังกรได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมังกรที่โตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่มาก ยากแก่การพาไปยังที่ต่างๆ ซึ่งหลักสูตรนี้มีสอนในดรากูนเหมือนกัน ดีโน่นึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นครูมาธาร์ผนึกเหล่ามังกรรับใช้ ‘ปารัส’ ไว้ในกล่อง
“พ่อบอกว่าน่าจะเป็นเทอมหน้าที่เราจะได้เรียนการผนึกมังกร” เจสันบอก
ดีโน่นึกถึงกรีสที่ต้องนอนหนาวอยู่ข้างนอกเพราะร่างกายที่ใหญ่โต และสัญญากับตัวเองว่าจะขยันเรียนการผนึกมังกรให้ได้เร็วๆ เพื่อให้กรีสไม่ต้องทรมานอยู่ข้างนอก
เมื่อพักผ่อนกันเสร็จเรียบร้อย โกร่าจึงออกมาจากขวานอีกครั้งเพื่อนำวัตถุดิบที่หาได้กลับบ้าน เท้าทั้งสี่ของโกร่าเพียงพอที่จะหยิบต้นไม้ใหญ่เพื่อบินล่วงหน้ากลับไปบ้าน ส่วนมนุษย์ทั้งสามก็ค่อยๆเดินทางกลับเข้ามาในหมู่บ้าน เจสันและพ่อขอตัวกลับไปทำงานเพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่เจสันต้องไปโรงเรียน ทำให้พ่อต้องทำงานเพียงคนเดียว เจสันจึงต้องการช่วยพ่อให้มากที่สุด
“แล้วเจอกันวันไปโรงเรียนนะเพื่อน” ดีโน่ร้องบอกเจสันก่อนที่เด็กชายใส่แว่นจะยกมือขึ้นแทนการบอกลา
ในที่สุดวันแห่งการลาจากหมู่บ้านก็มาถึงอีกครั้ง เด็กนักเรียนที่กลับมาบ้านถึงเวลาแล้วที่ต้องเดินทางกลับโรงเรียนเพื่อเรียนต่อในเทอมที่สอง เด็กนักเรียนในหมู่บ้านอินเมสเองก็เช่นกัน ดีโน่ เจสัน รวมทั้งซูซานมายืนรออลันที่ทุ่งหญ้าเหมือนเคย ดีโน่รู้สึกว่าการรอครั้งนี้ต่างจากครั้งที่แล้วเป็นอย่างมากเพระครั้งที่แล้วเขายังไม่สิทธิ์ที่จะเข้าเรียที่ดรากูนด้วยซ้ำ แต่เพราะปู่ไปคุยกับครูจอร์จทำให้เขาได้เดินทางไปกับอลันและได้เป็นนักเรียนของดรากูน แต่ครั้งนี้เขาคือนักเรียนของดรากูนเต็มตัว ไม่มีใครมาดูถูกเขาได้อีกแล้ว
“อ้าว! ว่ายังไงเจ้าชายตกยาก”
คำทักทายที่ไม่มีความคิดนี้ไม่ใช่ใครนอกจาก ‘อังเดร’ ลูกชายของมหาเศรษฐีประจำหมู่บ้าน ที่เดินมาพร้อมลูกสมุนอีกสามคน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีไทนี่ที่มีท่าทีสงบเสงี่ยมเหมือนปกติ ผิดกับอังเดรที่เดินกร่างมากกว่าเดิม เนื่องจากต้องการอวด ‘เหรียญตรารองชนะเลิศรางวัลการประกวดการแต่งกายด้วยเสื้อผ้ามียี่ห้อ’ ที่จัดขึ้น ณ เมืองใกล้เคียง
“นายคงไม่เคยเห็นเหรียญนี้สินะ” อังเดรถามดีโน่กับเจสัน “ถ้าขอร้องดีๆ ฉันอาจยอมให้นายจับนิดหน่อยก็ได้นะ”
ดีโน่และเจสันบอกปฏิเสธ และรู้ทันทีว่าตลอดช่วงปิดเทอมอังเดรไปไหนมา แต่อังเดรยังไม่ยอมเลิกรา เด็กอ้วนเดินตัดหน้าดีโน่เพื่อโชว์เหรียญอีกครั้ง
“ทำไมนายได้แค่เหรียญเงินล่ะ” ดีโน่ถามเมื่อเห็นว่าอังเดรพยายามโชว์
“ฉันแพ้คนๆหนึ่ง” อังเดรตอบด้วยท่าทีที่โกรธแค้นมาก “ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใคร รู้แค่ว่ามันเป็นเจ้าชายของเมืองไหนสักเมือง”
อังเดรรู้สึกหงุดหงิดที่ดีโน่ถามจี้ใจดำ จึงเดินไปนั่งรอในเต็นท์ที่พ่อของตนกางให้เมื่อวาน เพื่อรอการมาของมังกรยักษ์
ไม่นานนักมังกรรูปร่างคล้ายปลาวาฬก็บินลงสู่ทุ่งหญ้าและรับนักเรียนของโรงเรียนเข้าไปสู่ร่างกาย ก่อนที่จะทะยานขึ้นท้องฟ้าเพื่อมุ่งสู่โรงเรียน
ความคิดเห็น