คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ฝึกซ้อม
หลังจากวันเวลาแห่งการผจญภัยภายในถ้ำแซนกรีสที่เด็กชายดีโน่คิดว่ายาวนานจบลง เขาทิ้งตัวนอนบนเตียงเก่าๆในห้องนอนของเขา มือที่ก่ายหน้าผากบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังมีบางอย่างอยู่ในใจ บางครั้งเด็กชายก็ลุกขึ้นมามองลอดหน้าต่างบานเล็กเพื่อดูกรีสที่นอนหมอบอยู่ข้างนอก เพราะร่างกายของมังกรน้อยตอนนี้ใหญ่กว่าตอนแรกมาก เขาจึงไม่สามารถนำกรีสเข้ามานอนในห้องได้อีก พลางคิดถึงคำพูดของอาลที่บอกว่าเขาไม่สามารถทำอะไรเพียงลำพังได้ถ้าปราศจากมังกร
‘ก๊อก’
เสียงก้อนหินเล็กๆ ปาขึ้นมากระทบกับหน้าต่างบานเล็กของดีโน่ เด็กชายชะโงกหน้าออกไปเพื่อดูว่าใครมาแกล้ง แต่เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็นเจสัน ดีโน่จึงเดินลงมาข้างล่างเพื่อถามว่าเจสันมีธุระอะไร
“นายกำลังคิดอะไรอยู่” เจสันถามทันทีเมื่อเห็นหน้าเพื่อนรัก ยังไม่ทันที่ดีโน่จะตอบอะไร เจสันก็บอกว่าดีโน่กำลังกังวลและสับสนเรื่องคำพูดของอาล “นายคิดว่านายทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ใช่ไหม”
“แล้วนายว่ามันไม่ใช่หรือไง!” ดีโน่ถามกลับเสียงดัง
เจสันส่งดาบไม้ที่พ่อเขาเคยทำไว้ให้กับดีโน่ และบอกว่าพรุ่งนี้ให้มาที่ทุ่งหญ้าที่ดีโน่ชอบมานอนเล่น
“นั่งเฉยๆไม่เก่งขึ้นหรอก” เจสันพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะหันหลังเดินกลับไป
ความร้อนอันเนื่องจากมาจากดวงอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนฟ้า ยังเทียบไม่ได้กับความร้อนอันเกิดจากการฝึกฝนของเด็กชายสองคนบนทุ่งหญ้า ดีโน่และเจสันที่ถือดาบไม้คนละเล่มกำลังฝึกซ้อมกันอย่างเอาจริงเอาจัง ในสมองของเด็กชายคิดเพียงแต่ว่าต้องเก่งขึ้นๆ การโจมตีจึงค่อนข้างบ้าคลั่ง บ้างก็ฟาดดาบไม้เปะปะ
“โอ๊ย!” เจสันร้องและทิ้งดาบไม้ในมือลงพื้น เพราะดาบของดีโน่ฟาดถูกมือของเจสันพอดี
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ดีโน่ร้องถามและปราดเข้ามาดูเพื่อน
เจสันส่ายหน้าและบอกว่าขอพักสักครู่ จากนั้นทั้งสองจึงมั่งบนเนินเพื่อดูกรีสและทีฟ์เปอร์เล่นกัน ทั้งสองอดขำเมื่อเห็นมังกรสองตัวเล่นกันไม่ได้ สีหน้าของกรีสแปลกใจไม่ใช่น้อยเมื่อเห็นร่างของทีฟ์เปอร์กลายเป็นน้ำ
“นายว่าเราทำแบบนี้จะมีประโยชน์ไหม” ดีโน่ถามเจสัน
“ฉันว่าคงไม่...”
เสียงที่สามดังขึ้น ทำให้เด็กทั้งสองหันไปดูและเห็นไทนี่นั่งอยู่บนรั้วเตี้ยๆที่กั้นระหว่างทุ่งหญ้ากับตัวเมือง
‘ไทนี่’ เด็กชายร่างสูงที่มีความสามารถสูงกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน เพราะเป็นหลานของผู้ก่อตั้งกลุ่มดราโกบลัด แต่ตอนนี้พ่อของเขาอยู่กับ ‘อังเดร’ ลูกชายของมหาเศรษฐีของหมู่บ้านในฐานะคนขับมังกร ไทนี่จึงต้องเป็นลูกน้องของอังเดรเหมือนกับ ‘ชิค’ และ ‘มินเนียน’
“นายหมายความยังไง” เจสันถาม
ไทนี่กระโดดลงมาจากจุดที่นั่งอยู่และเดินตรงมาหาเพื่อนร่วมชั้นเรียน จากนั้นจึงขอยืมดาบไม้ของเจสันและบอกให้ดีโน่ใช้ดาบไม้ในมือจู่โจมใส่เขา
“เชิญลงมือได้เต็มที่เลยนะ” ไทนี่พูดทั้งๆที่ถือดาบไม้ในท่าสบายๆไม่มีการเตรียมตัวใดๆ
ดีโน่มองหน้าเจสัน และกำดาบไม้ในมือแน่น จากนั้นเด็กชายผู้เป็นทายาทของวีรบุรุษผู้ช่วยโลกค่อยๆเดินวนรอบๆเพื่อหาโอกาส ดีโน่รู้ว่าการทำร้ายคนอื่นจากด้านหลังเป็นสิ่งที่ไม่สมควรกระทำ แต่ท่าทางของไทนี่ที่มีต่อดีโน่ทำให้ดีโน่ลืมความคิดนั้นเสียหมดสิ้น
เด็กชายร่างสูงยืนหาวทั้งๆที่ดีโน่ยืนถือดาบอยู่ด้านหลัง ทำให้ดีโน่ปราดเข้าใส่ไทนี่ทันที ดาบที่เคยพาดอยู่บนบ่าของไทนี่ตลอดเวลาพลิกกลับมาปะทะกับดาบของดีโน่อย่างจัง
“แรงของนายมีแค่นี้เหรอ” ไทนี่พูดช้าๆ และมองดีโน่ที่ฟาดดาบใส่เขาด้วยมือทั้งสองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผิดกับดีโน่กับเจสันที่มองไทนี่เหมือนตัวประหลาด เพราะไทนี่สามารถรับดาบที่ดีโน่ฟันลงมาอย่างง่ายดาย แต่สิ่งที่ทำให้เด็กทั้งสองแปลกใจมากยิ่งขึ้นคือไทนี่ใช้เพียงมือข้างเดียว
ดีโน่พยายามกดแรงลงไปอีก แต่ท่าทางของไทนี่ยังดูสบายเหมือนเดิม เมื่อไทนี่ออกแรงดันกลับทำให้ร่างของดีโน่เซออกไป
“นายยังมีแรงไม่พอนะ” ไทนี่แนะนำ “แต่การต่อสู้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้แรงเสมอไป”
ไทนี่พูดและให้ดีโน่บุกเข้ามาอีกครั้ง ดีโน่สูดหายใจอีกครั้งก่อนจะบุกเข้าไปซึ่งๆหน้า ดาบของเด็กชายทั้งสองปะปะกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ดาบของดีโน่คล้ายกับสัมผัสกับยอดไม้ที่ลู่โอนอ่อนไปตามสายลม ดาบของไทนี่พลิ้วผ่านดาบของดีโน่ไปอย่างสวยงาม ก่อนจะมาจ่อที่ศีรษะของเด็กชาย
“บิงโก...” ไทนี่พูดก่อนจะโยนดาบไม้คืนให้เจสัน “ฉันบอกแล้วว่าพวกนายฝึกแบบนั้นต่อไปก็ไม่เกิดประโยชน์”
ดีโน่กับเจสันถึงกับอึ้งในความสามารถที่แตกต่างกันของพวกตนกับไทนี่ ถึงแม้ว่าไทนี่จะสืบสายเลือดมาจากผู้ที่พลาดตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของดรากูนเพราะมีสายเลือดผสม แต่ความสามารถก็ไม่น่าจะแตกต่างกันถึงขนาดนี้
“ทำไมนายทำได้ขนาดนั้น!” เจสันอดทนเก็บความรู้สึกไว้ไม่ไหวจึงตะโกนถามไทนี่
“เรื่องแบบนี้ฉันฝึกมาตั้งแต่ห้าขวบแล้ว” ไทนี่พูดก่อนจะเดินกลับไปคว้าถังน้ำที่พ่อบ้านของอังเดรสั่งให้เขามาตักน้ำ
ก่อนที่เด็กชายร่างสูงจะเดินจากไปเขาหันมาทางดีโน่และบอกว่าการฝึกที่ดีควรมีคนสอน
“ฉันคิดว่าอดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนดรากูนคงเก่งพอจะสอนนายได้นะ”
ภายในบ้านของดีโน่ เด็กชายสองคนที่ผิดหวังจากการฝึกซ้องเพื่อให้เก่งขึ้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะอเนกประสงค์กลางบ้าน เพื่อรอคอยใครบางคน โดยมีแม่ของดีโน่นำน้ำและขนมมาให้ระหว่างรอ จนกระทั่งชายสวมเสื้อคลุมเก่าๆเดินเข้ามาในบ้าน
“อ้าว...เจสัน วันนี้มาเที่ยวหรือ” ปู่ของดีโน่ทักทายเพื่อนของหลานชายอย่างเป็นกันเอง
ดีโน่มองหน้าปู่และเดินเข้าไปหาอดีตอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้ปู่ฟังยกเว้นเรื่องที่เขาเข้าไปในถ้ำแซนกรีสและพบโรเจอร์ อาล
“หลานของ โกลด์ เก่งขนาดนี้เชียวหรือ” ปู่พูดพึมพัม “หมายความว่าทั้งสองคนต้องการให้ปู่ฝึกให้เก่งขึ้นหรือ”
เด็กชายทั้งสองคนพยักหน้าพร้อมกันทันที แต่ปู่กลับหัวเราะเบาๆและบอกว่าการฝึกฝนให้เก่งไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งที่ยากคือการฝึกจิตใจไม่ให้หวั่นไหวไปกับกิเลสต่างๆ
“การฝึกไม่ให้ไขว้เขวไปกับความชั่วร้ายต่างหากที่พวกเธอในเวลานี้” ปู่พูดและบอกว่าจะขึ้นไปนอน เพราะวันนี้ไปช่วยงานในหมู่บ้านจนรู้สึกเหนื่อย และเดินไปโดยปล่อยให้หลานกับเพื่อนงงกับคำพูดของตนต่อไป
ดีโน่เดินมาส่งเจสันที่บ้าน เมื่อมาถึงหน้าบ้านไม้สองชั้น ซึ่งมีเสียงตัดและเลื่อยไม้ดังลั่น ถึงแม้ว่าเด็กชายจะเคยมาบ้านเพื่อนรักคนนี้หลายครั้ง แต่ส่วนมากมักมารับเจสันแล้วก็ออกไปข้างนอก แต่ครั้งนี้ดีโน่ยืนอยู่หน้าบ้านเจสันนานกว่าปกติ ทำให้เด็กชายรับรู้ได้ถึงเสียงการเลื่อยไม้ที่ดังตลอดเวลา
“หนวกหูหน่อยนะ” เจสันบอกดีโน่ด้วยเสียงที่ดังเหมือนตะโกน
ยังไม่ทันที่เจสันจะเดินผ่านรั้วบ้าน เสียงสนั่นหวั่นไหวเมื่อสักครู่ก็เงียบลง ทำให้ดีโน่แปลกใจมาก แต่ที่แปลกใจมากกว่าคือเจสันเพราะที่ผ่านมานอกจากเวลากลางคืนบ้านของเขาจะส่งเสียงตลอดเวลา ชายร่างใหญ่ผิวคล้ำเดินออกมาจากบ้าน กล้ามเนื้อเป็นมัดๆบ่งบอกถึงพลังกายอันเต็มเปี่ยม ผมสีดำขลับที่ถูกผ้าคาดศีรษะรัดไว้เพื่อให้ไม่เกะกะเวลาทำงาน ดีโน่ยกมือขึ้นไหว้ชายที่เดินออกมาทันที ถึงแม้ว่าดีโน่จะไม่ค่อยได้เห็นเขาเท่าไรเพราะส่วนมากเขาจะคลุกอยู่ในห้องทำงาน
“ทำไมหรือครับ...พ่อ” เจสันถามพ่อที่หยุดงานเพื่อเดินออกมาหาเขา
พ่อของเจสันเดินออกมาหาลูกชายสายตามองไปที่ดาบไม้ในมือของเจสัน
“เอาดาบไม้ของพ่อไปทำไม”
เจสันยังไม่ทันจะตอบอะไร พ่อก็คว้าดาบไม้ทั้งสองเล่มคืนและเดินกลับไปเริ่มการทำงานใหม่ เสียงอึกทึกเริ่มขึ้นอีกครั้ง ไม่นานนักเจสันจึงร้องอุทานเหมือนคิดอะไรสักอย่างออก
“จริงสิ! ขอโทษทีนะดีโน่” เจสันบอกเพื่อนและทำท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่ดีโน่ดึงแขนเขาไว้และถามว่าเกิดอะไรขึ้น “พอถึงช่วงนี้ของปีพ่อจะหงุดหงิดมาก เพราะต้องเตรียมตัวไปงานเทศกาลที่ไหนก็ไม่รู้”
เจสันอธิบายเพิ่มเติมว่าเขาต้องช่วยงานพ่อทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับออกไปกับดีโน่ อีกทั้งยังเอาสินค้าที่พ่อคิดจะเอาไปขายออกไปด้วย เจสันคิดว่าคงเป็นเพราะสาเหตุนี้ทำให้พ่อไม่พอใจ เจสันจึงขอตัวเพื่อเข้าไปช่วยงานพ่อ
“เอาไว้เราเริ่มกันใหม่ตอนเปิดเทอมก็แล้วกันนะ” เจสันชะโงกหน้าออกมาพูด “อีกแค่อาทิตย์เดียวเราก็ได้กลับไปดรากูนแล้วนี่”
ภายในห้องทำงานที่ประดับด้วยของมีค่าต่างๆมากมาย กะโหลกมังกรที่ประดับไว้ตรงมุมหนึ่งของผนังดูเหมือนจะสร้างบารมีให้กับเจ้าของห้องพอสมควร กระจกใสขนาดใหญ่ด้านหลังช่วยให้เจ้าของห้องสามารถมองอาณาบริเวณที่เขาปกครองได้อย่างทั่วถึง เหมือนอย่างที่เขากำลังทำอยู่ในขณะนี้
ชายวัยห้าสิบปีสวมเสื้อคลุมเกล็ดมังกร ถือไม้เท้าที่ประดับด้วยหัวมังกร ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนดรากูน สายตาอันเฉียบคมของอาจารย์ใหญ่มองลงไปยังอาณาเขตของโรงเรียนคล้ายกับรออะไรบางอย่าง
“มาตั้งนานแล้วทำไมไม่ออกมาเสียทีล่ะ”
เซอร์ไพธอน อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนพูดทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง แต่กลับมีชายที่สวมหน้ากากอันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดราโกบลัดทิ้งตัวลงมาจากโคมไฟด้านบน ชายสวมเสื้อคลุมเกล็ดมังกรยังคงยืนนิ่ง ผิดกับแขกผู้มาเยือนที่ชักดาบออกจากฝักช้าๆ
แสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในห้องสะท้อนกับผิวดาบ ชายสวมหน้ากากเดินเข้าหาเป้าหมายช้าๆ เมื่อถึงจุดที่ลงตัวก็กระโจนเข้าใส่ชายวัยห้าสิบราวกับสัตว์ร้ายที่หมายมั่นจะปลิดชีพเหยื่อภายในดาบเดียว
ความตั้งใจของผู้มาเยือนถูกตอบรับด้วยไม้เท้าหัวมังกรของอาจารย์ใหญ่อย่างรวดเร็ว ดาบของชายสวมหน้ากากปะทะกับไม้เท้าหัวมังกรเสียงดัง เพียงแค่อาจารย์ใหญ่ออกแรงเบาๆก็สามารถผลักร่างของดราโกบลัดคนหนึ่งถอยออกมาได้
ท่าทีที่แสดงออกมาของดราโกบลัดคนนั้น บ่งบอกได้ถึงความไม่พอใจที่ชายชราสามารถรับการโจมตีของตนได้ ชายสวมหน้ากากจับดาบด้วยมือทั้งสองและพุ่งเข้ามาอีกครั้ง แต่สิ่งที่แตกต่างจากการจมตีครั้งแรกคือร่างที่พุ่งเข้ามาของชายสวมหน้ากากแทนที่จะมีหนึ่งกลับมีถึงสอง
สีหน้าของอาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนฝึกมังกรชื่อดังไม่มีท่าทีหวาดกังวลเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังสามารถรับมือการจู่โจมพร้อมกันสองทิศทางได้อย่างสวยงาม แต่อาจเป็นเพราะความชราทำให้เซอร์ไพธอนพลาดท่าถูกดาบของชายสวมหน้ากากฟันเข้ากลางหลัง ขณะใช้ไม้เท้าแทงทะลุร่างที่เป็นเพียงเงาของดราโกบลัดคนนั้นเท่านั้น แต่เมื่อดาบของดราโกบลัดคนนั้นสัมผัสกับร่างของอาจารย์ใหญ่ เขาจึงรู้ว่าตนเองก็กำลังสู้กับเงาเหมือนกันเพราะร่างที่เขาฟันไปค่อยๆจางหายไป
“แหม...อาจารย์ยังเก่งเหมือนเดิมนะครับ” ชายสวมหน้ากากพูด
“อยู่ที่นี่อย่าสวมหน้ากากแบบนั้นดีกว่านะ” เซอร์ไพธอนที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างห้องบอก
“อาจารย์นั่งอยู่ตรงนี้ตลอดเลยหรือครับ” ชายสวมหน้าถาม
อาจารย์ใหญ่พยักหน้าและบอกลูกศิษย์ที่มาเยี่ยมว่าถ้าฝึกต่อไปสักวันก็จะทำได้แบบตน ลูกศิษย์ที่สวมหน้ากากอดชื่นชมกับความสามารถของอาจารย์ตนเองไม่ได้ และบอกว่าต้องการฝึกให้ได้แม้เพียงเสี้ยวเดียวของอาจารย์ก็ยังได้ จากนั้นชายสวมหน้ากากจึงปลดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง รวมทั้งจึงรวบผมสีทองที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่
“แบบนี้สิถึงสมกับเป็นครูของดรากูนหน่อย” เซอร์ไพธอนชมเมื่อเห็นภาพลักษณ์ใหม่ของชายเบื้องหน้า “ยินดีต้อนรับกลับมานะ...อาล...”
ความคิดเห็น