คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ปู่
บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ นอกจากหมู่เมฆที่ล่องลอยอย่างอิสะ ยังมีนกและมังกรป่าที่บินไปมา รวมทั้งมังกรที่เป็นพาหนะในการรับส่งเด็กนักเรียน ซึ่งรูปร่างเหมือนปลาวาฬแต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายสิบเท่า ค่อยๆลงจอดตรงลานกว้างประจำหมู่บ้านอย่างช้าๆ ตรงสถานที่เดียวกับตอนที่มารับเด็กๆในหมู่บ้านไป ผู้ปกครองหลายคนมายืนรอเพื่อรับลูกหลานตนเองกลับบ้าน บางคนเมื่อเห็นลูกของตนผ่านเยื่อบางๆที่ทำหน้าที่เสมือนหน้าต่างของมังกรยักษ์ ‘อลัน’ โบกมือให้ ก็ยิ้มพร้อมโบกมือตอบ
“เหลือพวกเธอเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วใช่ไหมจ๊ะ” ครูสาวผมสั้นสวมแว่นตากันลมถามนักเรียนที่เหลืออยู่ภายในท้องของมังกรยักษ์ ที่มีสภาพโดยรอบเป็นห้องรับรอง
“ใช่ค่ะ ครูแคทเธอรีน”
ครูแคทเธอรีน บาบาร่า พยักหน้าและยิ้มด้วยความดีใจ เพราะเธอเริ่มรู้สึกมึนหัวเนื่องจากปกติไม่เคยต้องบินวนส่งนักเรียนนานและไกลขนาดนี้ ทุกครั้งหน้าที่นี้จะเป็นของครูจอร์จ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ลักพาตัวดีโน่ที่เกิดขึ้น ทำให้ครูจอร์จถูกไล่ออก ครูแคทเธอรีนที่เคยทำงานร่วมกันมาก็รู้สึกเสียใจบ้าง แต่สิ่งที่เขาตั้งใจทำกับลูกศิษย์ที่ไม่รู้เรื่อง ทำให้เธอรู้สึกโกรธมากกว่า
หมู่บ้านสุดท้ายที่เธอนำอลันร่อนลงคือ ‘หมู่บ้านอินเมส’ ซึ่งเป็นหมู่บ้านของดีโน่ ครูสาวไม่ลืมที่จะเตือนเด็กชายวัยสิบสามปี ที่ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มลูกครึ่งมนุษย์กับมังกรที่เรียกตนเองว่า ‘กลุ่มดราโกบลัด’ แต่เด็กชายดีโน่เหมือนกับจะไม่รู้สึกใดๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความสนุกสนานที่เขาได้รับจากการไปเรียนในโรงเรียนที่เขาใฝ่ฝัน ทำให้เขาไม่ค่อยกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ขอบคุณครับ ครูแคทเธอรีน” เด็กชายผมดำที่ใส่เสื้อกั๊กสีเหลืองทับเสื้อกล้ามสีดำบอก “แล้วอีกสองอาทิตย์เจอกันนะครับ”
ครูสาวยืนมองดีโน่กับเจสันเพื่อนรัก รวมทั้งนักเรียนคนอื่นอีกสองสามคนวิ่งไปหาผู้ปกครอง เมื่อทุกคนกลับหมดแล้ว เธอจึงควบคุมให้อลันบินกลับโรงเรียน
เจสันขอตัวแยกกับดีโน่เมื่อถึงหน้าบ้านของตนเอง เด็กชายใส่แว่นวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปหาพ่อแม่ที่ไม่ได้ไปรับเขาที่ลานกว้าง เจสันรู้ว่าพ่อของเขาคงยุ่งกับงานไม้ที่ลูกค้าทั้งในหมู่บ้านและต่างเมืองมาใช้บริการ เนื่องจากฝีมือของพ่อเจสันถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของหมู่บ้านและอันดับต้นๆของทวีปเลยก็ว่าได้
“แล้วพรุ่งนี้เจอกันตามที่ตกลงนะ” เจสันร้องบอกก่อนวิ่งเข้าบ้านไปพร้อม ‘ทีฟ์เปอร์’ มังกรสีฟ้าของเจสัน ที่ตอนนี้โตขึ้นกว่าตอนที่เขาพามันไปยังดรากูนพอสมควร ลำตัวที่เคยผอมแห้ง บัดนี้เริ่มปรากฏมัดกล้ามขึ้นบ้าง อีกทั้งยังมีลำตัวที่สูงและยาวกว่า ‘กรีส’ มังกรของดีโน่เสียด้วยซ้ำ
ระหว่างทางที่เด็กชายเดินกลับบ้าน ที่อยู่บนเนินไกลจากตัวหมู่บ้านไม่เท่าไรนัก สายตาของเขาเหลือบไปเห็นถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งนั่นคือ ‘ถ้ำแซนกรีส’ ดีโน่นึกถึงสถานที่ซึ่งเขาได้พบกับกรีส เด็กชายเอื้อมมือไปลูบหัวมังกรสีขาวที่ตอนนี้ตัวโตขึ้นพอสมควร จากมังกรตัวเล็กไม่ถึงหนึ่งคานาตอนนี้ร่างกายของกรีสเติบโตเป็นมังกรรูปร่างสูงใหญ่ราวหนึ่งคานาครึ่ง ดวงตาสีเขียวของกรีสมองมายังเจ้านาย และเอนคอที่ยาวของมันมาคลอเคลีย ไม่ว่ากรีสจะโตขึ้นเพียงใด นิสัยชอบอ้อนของมังกรขาวก็ไม่น้อยลงเลย
“พรุ่งนี้ฉันจะพาเจ้าไปดูบ้านเกิดของเจ้านะ” ดีโน่พูดและเดินตรงกลับบ้านของตนเอง
บ้านหินทรายราคาถูกที่ตั้งอยู่บนเนินเตี้ยๆ เวลาเกือบครึ่งปีที่เด็กชายจากบ้านไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย หากมีสิ่งใดที่จะเปลี่ยนสิ่งนั้นคงเป็นความรู้สึกต่างๆที่ดีโน่มีต่อแม่กับปู่เท่านั้น เซอร์ไพธอน เวสเทร่า อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนดรากูนที่ดีโน่ไปเรียน เล่าให้ฟังว่าเขาคือทายาทของ ‘ ดาเวนย์ เรย์แกน’ วีรบุรุษผู้ช่วยมวลมนุษย์ให้รอดพ้นจากการสังหารล้างเผ่าพันธุ์ของ ‘ราชันย์มังกร’ ส่วนแม่ของเขาคือ ‘ธิดามังกร’ ลูกสาวคนสุดท้องของราชันย์มังกร อีกทั้งปู่ของเขาคือ ‘มังกรเทพเจ้า’ พี่ชายของราชันย์มังกร ดีโน่แทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเขามีสายเลือดที่ยิ่งใหญ่ไหลเวียนอยู่ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเรียนมาว่ามังกรที่มีเวทมนต์และอาคมที่เก่งกล้าจะสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ ยิ่งเป็นมังกรชั้นสูงด้วยแล้ว แทบจะไม่สามารถแยกแยะระหว่างมังกรจำแลงกับมนุษย์ได้เลย แต่ตลอดเวลาที่แม่และปู่เลี้ยงดูเขามา ไม่มีวี่แววว่าทั้งสองจะเป็นมังกรเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าว่าฉันจะทำหน้ายังไงดี หือ...กรีส” เด็กชายยืนพูดกับมังกรของตนอยู่หน้าบ้าน ความกังวลที่ไม่เคยปรากฏในห้วงความคิดของเขาตลอดการเดินทาง กลับเกิดขึ้นเมื่อเขายืนอยู่หน้าบ้านตนเอง
ไม่รู้ว่ากรีสต้องการให้ดีโน่สู้กับความจริงหรือเป็นเพราะไม่ได้คิดอะไร มังกรขาวใช้หัวดันประตูไม้ให้เปิดอ้าออก และเดินนำเข้าไปในบ้านก่อน ทำให้ดีโน่ต้องเดินตามเข้าไป
“กลับมาแล้วเหรอ ดีโน่!” ผู้หญิงผมทองอายุสามสิบกว่าหันหน้ามาทักทายลูกชาย เธอวางมือจากงานในครัวเดินตรงมาดึงตัวลูกชายเข้าไปกอดและหอมแก้มทั้งสองข้าง “เป็นยังไงบ้างจ๊ะ อืม...ดูลูกเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะเนี่ย”
ดีโน่มองแม่ที่เลี้ยงเขามา จนแม่ต้องถามดีโน่ว่าเป็นอะไรหรือเปล่าเด็กชายส่ายหน้าและขอตัวขึ้นไปบนห้อง เมื่อเด็กชายหันหน้ากลับมาก็พบชายชราสวมเสื้อคลุมสีขาวที่เก่าจนแทบจะเป็นสีเทายืนอยู่ เด็กชายมองปู่ที่เดิมทีสนิทกับเขาจนเหมือนกับเป็นเพื่อนกันมากกว่า แต่ตอนนี้ปู่ที่เขาเห็นคล้ายกับมีไอของมังกรที่ยิ่งใหญ่ปกคลุมอยู่ทั่วร่าง นัยน์ตาสีฟ้าของปู่ที่เคยมองเขาอย่างอ่อนโยน ตอนนี้คล้ายกับนัยน์ตาของมังกรอันเข็มแข็ง
“เอ...เจ้านี่ใช่กรีสหรือเปล่านะ” ปู่พูดพลางเดินมาลูบหัวที่ใหญ่เกินฝ่ามือของตนเองมาก “โตขึ้นจนจำไม่ได้เลยนะเนี่ย”
ดีโน่สูดหายใจเพื่อให้หัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะผ่อนคลายลงเมื่อปู่เดินเข้ามาใกล้ เด็กชายตอบคำถามของปู่สั้นๆก่อนจะบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายเพราะการเดินทาง และขอตัวกลับห้อง
“ดีโน่...” ปู่เรียกชื่อหลานชายด้วยเสียงอันแผ่นเบา “แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรปิดบังปู่”
เด็กชายหน้าซีดทันทีเมื่อได้ยินคำถามของปู่ ทำให้กระเป๋าที่ถืออยู่ตกลงกับพื้น เสื้อผ้าและของใช้หล่นออกมา เด็กชายรีบเก็บของใส่กระเป๋าอย่างลวกๆโดยมีแม่เป็นผู้ช่วย ระหว่างที่เด็กชายเก็บข้าวของที่กระจายอยู่บนพื้น สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแววตาที่ปู่มองมายังเขา สายตาของปู่เปรียบได้กับมีดอันแหลมคมที่พยายามผ่าหัวใจของดีโน่ออกมาดูว่าปิดบังอะไรอยู่ ดีโน่บอกว่าขอตัวไปหาเจสัน และรีบออกจากบ้านไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ดีโน่นอนหนุนแขนตัวเองอยู่บนทุ่งหญ้าสีเขียวขจี สถานที่แห่งนี้เป็นจุดที่เด็กชายชอบมานอนฝันถึงโรงเรียนฝึกมังกรบ่อยๆ เขาฝันเสมอว่าสักว่าจะได้มีโอกาสเข้าไปเรียนที่โรงเรียนแห่งนั้น แต่ความฝันนั้นคงไม่มีทางเป็นจริง เพราะฐานะที่ยากจนของเขาไม่มีเงินที่จะไปซื้อมังกรมาได้ จนกระทั่งปู่พาเขาไปพบกับกรีสที่ถ้ำแซนกรีส จึงทำให้ฝันของเขาเป็นจริงขึ้นมา
“งั้นนายจะคิดมากไปทำไม ยังไงปู่ก็ยังเป็นปู่ของนาย” เจสันบอกพลางตักข้าวที่แม่ของเขาทำให้เข้าปาก ชามข้าวที่ทำจากไม้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เด็กชายใส่แว่นถือติดตัวมาได้ หลังจากที่เขาออกมาเปิดประตูและถูกดีโน่ดึงมายังทุ่งหญ้าแห่งนี้เพื่อรับฟังความในใจของเพื่อนรัก
ดีโน่ไม่รู้ว่าเพื่อนคนไหนรู้บ้างว่าตัวเขาเป็นใคร และครอบครัวของเขาคือใคร แต่เด็กชายรู้ว่าเจสันเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่รู้เรื่องทั้งหมดแน่นอน เพราะเขาเป็นคนเล่าให้เจสันฟังระหว่างการเดินทางกลับ ตอนแรกเด็กชายใส่แว่นก็เงียบไป แต่สักพักทุกอย่างก็กลับสู่สภาพเดิม การปฏิบัติตัวของเจสันไม่ต่างไปจากเดิม เจสันบอกว่าไม่ว่าดีโน่จะเป็นใคร แต่สำหรับเขาดีโน่คือเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน
“นายก็พูดได้นี่” ดีโน่พูดพลางพลิกตัวไปอีกทาง “นายไม่มีญาติเป็นมังกรแบบฉันนี่”
“แล้วใครว่าปู่เป็นมังกรล่ะ”
เสียงอันแผ่วเบาของปู่ดังขึ้น เมื่อเด็กทั้งสองหันไปก็พบว่าปู่กับกรีสยืนอยู่บนเนินเตี้ยๆ ปู่ของดีโน่เดินลงมานั่งข้างๆหลานชายจากนั้นจึงเอื้อมมือที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นไปลูบหัวหลานชายเบาๆ
“เจ้าไพธอนนี่ก็เหลือเกิน...” ปู่บ่น “เล่าทั้งทีก็ไม่เล่าให้กระจ่าง”
ดีโน่กับเจสันนั่งฟังเรื่องราวจากปู่ของดีโน่ ที่บอกว่าจะไขข้อข้องใจของดีโน่ให้กระจ่างอย่างใจจดใจจ่อ ปู่ของดีโน่บอกว่าตนเองเคยเป็นอาจารย์ใหญ่รุ่นที่สามของโรงเรียนดรากูน ซึ่งนับว่าเพียงพอแล้วที่จะเป็นหลักฐานว่าตนเป็นมนุษย์ไม่ใช่ดราโกบลัดหรือมังกรทั้งสิ้น
“แต่ปู่ของผมคือมังกรเทพเจ้านะครับ” ดีโน่แย้ง
ปู่ถอนหายใจช้าๆก่อนจะเอื้อมมือมาจับบ่าของดีโน่ไว้ และบอกว่าตนเองไม่ใช่ปู่ที่แท้จริงของดีโน่ สาเหตุที่เขาลาออกจากตำแหน่งอาจารย์ใหญ่เพราะเหนื่อยและไม่ชอบที่ต้องรับผิดชอบเรื่องต่างๆ จากนั้นจึงมาอาศัยอยู่กับคนที่เป็นทั้งลูกศิษย์และเพื่อนร่วมรบ ‘ดาเวนย์ เรย์แกน’ หรือพ่อของดีโน่ ซึ่งอายุเพียงยี่สิบปี ซึ่งตอนนั้นดาเวนย์อยู่กับ ‘เลโอน่า’ ลูกสาวของราชันย์มังกรมาเป็นเวลาสามปีแล้ว ชั่วเวลาในตอนนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของป่เลยก็ว่าได้ จนกระทั่งได้ข่าวว่าราชันย์มังกรสามารถคลายผนึกที่ดาเวนย์ผนึกไว้ได้ ดาเวนย์ที่ตอนนั้นอายุได้สามสิบสี่ปีจึงตัดสินใจออกไปผนึกราชันย์มังกรอีกครั้ง แต่ดาเวนย์ปฏิเสธไม่ให้ตนเองกับเลโอน่าตามไปด้วย เพราะรู้ว่าเลโอน่ากำลังตั้งครรภ์ ปีต่อมาเลโอน่าก็ให้กำเนิดลูกชายคนหนึ่ง และมอบเด็กคนนั้นให้ตน แล้วออกเดินทางไปตามหาดาเวนย์ ตนเห็นว่าเด็กจำเป็นต้องมีแม่ จึงให้หลานสาวของตนมาเป็นแม่ให้กับเด็กคนนั้น
“ปู่หมายความว่า...”
ปู่พยักหน้าก่อนจะบอกว่าแม่ที่อยู่กับดีโน่ในตอนนี้เป็นแม่เลี้ยง ปู่มองหน้าหลานชายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ลวงหลอกเด็กคนหนึ่งมาถึงสิบสามปี
“ช่วงเวลาที่อยู่กับดาเวนย์เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข...” ปู่พูดและเบือนหน้าหลบน้ำตาที่เริ่มเอ่อล้นออกมาไม่ให้หลานชายเห็น “แต่ช่วงที่มีความสุขกว่าช่วงที่ปู่ได้อยู่กับเจ้า”
“แล้วตอนนี้พ่อกับแม่ของผม...”
ชายชราส่ายหน้า แต่คิดว่าเขาทั้งสองยังไม่ตาย น้ำตาของเด็กชายค่อยๆไหลออกมา ดีโน่ก้มลงกราบที่เท้าของชายชราที่เขาสงสัยว่าเป็นมังกร ทั้งๆที่คนผู้นี้คือผู้ให้การเลี้ยงดูตนเองมาโดยตลอด
“ปู่ต่างหากที่ต้องขอโทษเจ้า” ปู่พูดและดึงหลานชายขึ้นมากอด
เจสันรู้ว่าปู่กับหลานต้องการอยู่กันตามลำพัง จึงเดินมาลูบที่คออันเรียวยาวของกรีสเพื่อบอกให้มังกรขาวเดินออกมากับตน ตอนนี้ไม่มีความกลัวหรือความสับสนใดๆ อยู่ในความคิดของดีโน่อีกแล้ว จะมีก็แต่ความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขาเรียกได้เต็มปากว่า...ปู่
ความคิดเห็น