คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : เจ้าชายกับดินแดนแห่งทองคำ
นักเรียนชั้นปีหนึ่งที่เข้ามาภายในโรงเก็บมังกรของนักเรียนชั้นปีสองตามคำชวนของ ‘เรแวน’ รุ่นพี่ที่อายุมากกว่าพวกเขาหนึ่งปี เริ่มถอยออกห่างจากรุ่นพี่ที่ไว้หนวดเครารุงรัง ยกเว้นกลาเลนที่มีปากเสียงกับเรแวนเมื่อสักครู่ เด็กชายผมทองดันซูซานแฟนสาวให้ถอยออกไปโดยไม่ฟังคำห้ามปรามของเธอ เรแวนถามว่ากลาเลนจะถอนคำพูดที่พูดเมื่อครู่หรือไม่
“ไม่” กลาเลนยืนยัน
สิ้นเสียงของกลาเลนหมัดของรุ่นพี่ปีสองก็พุ่งตรงมาด้วยความรวดเร็ว โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ใบหน้าของรุ่นน้องผมทอง ซูซานถึงกับยกมือขึ้นปิดตาเพราะไม่อยากเห็นแฟนถูกชก แต่เมื่อเธอมองผ่านง่ามนิ้วก็พบว่าคนที่ล้มลงไปนอนคือ...เรแวน
“แก!”
เรแวนแยกเขี้ยวและลุกขึ้นมาพร้อมทั้งชกไปที่กลาเลนอีก แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเหมือนเดิม กลาเลนหลบหมัดของเรแวนราวกับกระดาษที่พริ้วไหวยามต้องแรงลม มือของเด็กชายสัมผัสกับข้อมือของรุ่นพี่ จากนั้นเรแวนก็รู้สึกเหมือนกับโลกหมุนกลับด้าน และตามมาด้วยอาการเจ็บหลังเมื่อหลังของตนสัมผัสกับพื้นดิน ภาพที่เห็นสะกิดใจดีโน่และเจสันขึ้นมาทันที เพราะเหมือนกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ผมขอให้รุ่นพี่ถอนคำพูดที่บอกว่าเพื่อนผมไร้พรสวรค์” กลาเลนขู่และเหยียบที่หัวไหล่ของรุ่นพี่ โดยที่มือยังจับที่ข้อมือของเรแวนไว้ “ถ้ารุ่นพี่ไม่อยากกินข้าวด้วยแขนข้างเดียวไปสามอาทิตย์”
“กลาเลน! พอได้แล้ว!” ดีโน่และเจสันร้องขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้กลาเลนตกใจปล่อยมือ เพราะดีโน่กับเจสันนึกถึงเรื่องที่ได้ฟังมา และเกรงว่ากลาเลนจะได้รับอันตรายจากกฏของโรงเรียน
“แก! แกทำร้ายรุ่นพี่” เรแวนตะโกน “ไว้ฉันจะบอกโวสต์ที่หลัง แต่ตอนนี้แกกับฉันต้องได้เห็นดีกัน”
เรแวนตะคอกและล้วงบางอย่างที่เหมือนกับปืนออกมาจากเสื้อคลุม อัญมณีที่ประดับตรงกระบอกปืนช่างแวววาวจนไม่อยากเชื่อว่าคนที่สกปรกขนาดเรแวนจะมีปืนที่งดงามราวกับปืนของราชา
“แกรู้ไหมว่าทำไมคนธรรมดาถึงกลัวคนที่เป็นดราโกบลัด” เรแวนถามและมองมายังดีโน่ “เพราะดราโกบลัดคือสายเลือดที่เปรียบเสมือนสื่อกลางระหว่าง...”
“หยุดได้แล้ว เรแวน!”
โวสต์เดินเข้ามาในโรงเก็บมังกรพร้อมเพื่อนในกลุ่มอีกจำนวนหนึ่ง สายตาอันเย็นชาของโวสต์มองมายังกลุ่มรุ่นน้องทำให้รุ่นน้องยืนแข็งทื่อเหมือนกบถูกงูจ้อง เรแวนเดินตรงไปหาโวสต์เพื่อเล่าให้หัวหน้าของตนฟัง ยังไม่ทันที่เรแวนจะอ้าปากเล่าอะไร ฝ่ามือของโวสต์กลับตบปากเรแวนจนเลือดกลบ
“ลูกพี่! ลูกพี่ทำผมทำไม”
“แกเป็นคนเริ่มก่อนไม่ใช่เหรอ” โวสต์พูดทำให้เรแวนถึงกับสะอึก
“สมน้ำหน้า” กลาเลนพูดพึมพัม
โวสต์มองมายังกลาเลนด้วยแววตาที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ทำให้เด็กชายเจ้าของคำพูดเมื่อสักครู่ถึงกับเสียวสันหลัง
“อย่าได้ใจไปนักนะเจ้าหนู...” เสียงเย็นชาของโวสต์ดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้าฉันมาไม่ทัน เรแวนคงถูกไล่ออกเพราะฆ่าเด็กรุ่นน้องไปแล้ว”
กลาเลนแสร้งกลืนน้ำลายด้วยความกลัว ทั้งๆที่รู้ว่าปืนกระบอกเดียวทำอะไรเขาไม่ได้ แต่คล้ายกับว่าโวสต์อ่านใจรุ่นน้องออก จึงบอกว่าปืนของเรแวนไม่ใช่ปืนธรรมดา แต่เป็นปืนที่ผนึกมังกรไว้
“อย่างมากก็แค่ส่งมังกรออกมา” กลาเลนยังไม่วายหาเรื่อง
“เรแวนเป็นดราโกบลัด” โวสต์ส่งเสียงออกมาจากลำคอ
ยังไม่มีทีท่าตกใจมาจากกลาเลน จนกระทั่งไทนี่บอกว่าดราโกบลัดเป็นสายเลือดต้องคำสาป เพราะสายเลือดของมังกรที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของดราโกบลัด ทำให้ดราโกบลัดสามารถใช้ความสามารถของมังกรที่ผนึกไว้ได้โดยไม่ต้องปลดปล่อยมังกรออกมา
“ฉันคงไม่บอกว่ามังกรที่เรแวนผนึกไว้เป็นสายพันธุ์อะไร” โวสต์พูด “แต่มันเป็นความสามารถที่ทำให้นายตายได้โดยที่ยังไม่รู้สึกเจ็บ”
คราวนี้คำบอกเล่าของรุ่นพี่ทำให้เด็กชายผมทองกลืนน้ำลายได้จริงๆ สรุปว่าการทะเลาะข้ามชั้นปีของรุ่นน้องปีหนึ่งและรุ่นพี่ปีสองจบลงแต่เพียงเท่านี้
“ฉันไม่คิดว่ารุ่นน้องพวกนี้จะไร้พรสวรรค์” โวสต์พูดพลางเดินไปรอบๆรุ่นน้อง จนมาหยุดตรงอับดุล “อย่างน้อยก็หมอนี่”
“ทำไมลูกพี่คิดว่าหมอนี่มีพรสวรรค์” เรแวนพูดอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“มีคนบอกฉันก็แล้วกัน” โวสต์บอกและสั่งให้ทุกคนกลับ ก่อนออกจากห้องโวสต์หันมาบอกกับอับดุลว่า “นายอย่าคิดนะว่าสร้อยเส้นนั้นมีค่าแค่เครื่องประดับ”
หลายวันต่อมาหลังจากการทะเลาะข้ามชั้นปีจบลง หัวค่ำของวันหนึ่งภายในห้องพักของนักเรียนชั้นปีหนึ่ง ดีโน่ เจสัน และอับดุลนั่งอยู่บนเตียงและเก้าอี้ภายในห้องของตน เพื่อปรึกษาเรื่องบางอย่าง
“นายหาข้อมูลได้มากแค่ไหน” ดีโน่ถาม
“ก็พอสมควร” เจสันตอบและหันไปทางอับดุล “นายล่ะ”
“อะไรที่รู้ฉันก็บอกนายหมดแล้ว” อับดุลพูดทั้งๆที่สีหน้าไม่ดีนัก “ทำไมนายถึงสงสัยหมอนั่น”
ดีโน่กับเจสันไม่พูดอะไรไม่ไปกว่าบอกอับดุลว่ารอได้ฟังจากปากเจ้าตัวจะดีกว่า
ไม่นานนักกลาเลนก็เปิดประตูเข้ามาในห้อง สีหน้าของกลาเลนดูมีความสุขมากกว่าทุกวันเพราะซูซานเพิ่งติววิชายารักษาโรคสำหรับมังกรให้
“นายมีอะไรก็ว่ามา” กลาเลนถามเมื่อเจสันเรียกให้มานั่งคุยด้วยกันพลางดูเวลาเพราะใกล้ถึงเวลาที่เขานัดกินของว่างกับซูซานแล้ว
“งั้นฉันถามนายตรงๆเลยนะ” เจสันเข้าเรื่องทันที “นายเป็นใครกันแน่กลาเลน”
กลาเลนนิ่งไปสักพักเมื่อได้ยินคำถามของเจสัน จากนั้นเด็กชายผมทองจึงระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น
“นายนี่ถามพึลึก” กลาเลนบอก “นายอยู่กับฉันมาจะหนึ่งปีแล้ว นายก็รู้นี่ว่าฉันคือใคร”
“นายเป็นใครกันแน่...” ดีโน่ถามซ้ำคำถามของเจสัน
“โอเคๆ กลาเลน เบียนอาฟเพอร์ พ่อเป็นคนขับมังกรของราชวงศ์ดีเรรัส แคว้นมาราร่า ทวีปโฟร์ลูห์” กลาเลนเริ่มสาธยาย “แม่เปิดร้านขายดอกไม้เล็กๆ”
กลาเลนเล่าถึงประวัติของตนเองพอสังเขปคล้ายกับตอนแนะนำตัวหน้าชั้นเรียน จากนั้นจึงถามเพื่อนว่าพอใจหรือยัง
“นายก็รู้จักฉันนี่” กลาเลนถามอับดุลที่มาจากทวีปเดียวกัน
“ฉันรู้จักนายตอนที่นายมาเที่ยวที่เมืองดารากอน และแวะพามังกรมาทานอาหารที่บ้าน แต่เรื่องก่อนหน้านั้นฉันไม่รู้เรื่องของนายเลย”
“พวกนายหมายความว่ายังไง พวกนายสงสัยอะไรฉัน” กลาเลนเริ่มโวยวาย
ดีโน่กับเจสันมองหน้ากันและบอกว่ามีบางเรื่องที่เขาสงสัยในตัวกลาเลน และเล่าให้ฟังเรื่องที่เขาพบคนทำร้ายในป่า แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นชายสวมหน้ากาก เพราะยังไม่อยากพูดถึงสายเลือดในตัวดีโน่ ซึ่งทักษะการต่อสู้ที่เล่นงานรุ่นพี่คาเฟอีนจนหมดสภาพคล้ายกับสิ่งที่กลาเลนทำกับรุ่นพี่เรแวนมาก
“ก็...ก็...คนรู้จักของพ่อที่เป็นครูฝึกภายในวังเคยสอนฉันน่ะ” กลาเลนตอบแบบอึกอัก
“นายอยู่ที่ทวีปโฟร์ลูห์ใช่ไหม ลองเล่ามาสิว่าทวีปนั้นเป็นยังไง” เจสันบอก “บอกไว้ก่อนนะว่าฉันยอมทรมานไปนั่งฟังเรื่องทวีปโฟร์ลูห์มาจากครูพีเดียเลยเชียว”
กลาเลนส่ายหน้าและเล่าให้เพื่อนทั้งสามที่ไม่เชื่อใจเขาฟังว่า ทวีปโฟร์ลูห์เป็นทวีปที่เจริญทั้งทางวัตถุและจิตใจ เพราะมีพระราชาที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม อาศัยในแคว้นมาราร่า ภูมิประเทศโดยรวมของทวีปเป็นภูเขาและมีเมืองต่างๆตั้งอยู่ทั่วดินแดน เช่น เมืองหน้าด่านวีโทร์ ซึ่งทำหน้าที่เสมือนปราการที่จะคัดผู้ที่มีสิทธิ์เข้าไปในโฟร์ลูห์
สถานที่ขึ้นชื่ออีกแห่งที่เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามายังโฟร์ลูห์คือ “แหลมทองคำ” ซึ่งเป็นจุดสุดของทวีปซึ่งเป็นแหลมยื่นออกไป การเดินทางไปยังแหลมทองคำต้องใช้การเดินเท้าเท่านั้นไม่อนุญาตให้นำพาหนะใดๆ รวมทั้งเครื่องประดับที่เป็นสิ่งผนึกมังกรเข้าไป เพราะแหลมทองคำเป็นจุดเดียวที่เป็นหลักฐานสำคัญว่าทวีปโฟร์ลูห์เคยเป็นทองคำมาก่อน
“เคยเป็นทองคำ...” ดีโน่ทวนคำ
กลาเลนพยักหน้าและเล่าต่อว่าทวีปโฟร์ลูห์ได้รับการขนานนามจากทุกคนว่าเป็น “ดินแดนแห่งทองคำ” เพราะมีเรื่องเล่าว่ามีโจรสลัดผู้เปี่ยมด้วยพลัง ปัญญา และคุณธรรม หนีการตามล่าจากผู้ไม่หวังดีจนมาถึงเกาะแห่งหนึ่ง เมื่อถูกตามล่าจนหมดหนทาง โจรสลัดคนนั้นจึงใช้อำนาจของมังกรถมผู้ที่ตามล่าตนด้วยทองคำ ผู้ติดตามมาถูกถมด้วยทองคำอันเป็นสิ่งที่คนพวกนั้นปรารถนา แต่ความสามารถนี้เมื่อใช้แล้วมิอาจหยุดได้ทองคำจึงแพร่กระจายไปทั่ว เมื่อแข็งตัวจึงกลายเป็นทวีป...โฟร์ลูห์
“ฉันเล่ามาถึงขนาดนี้แล้วนะ พวกนายยังไม่เชื่ออีกเหรอว่าฉันเกิดและโตมาที่โฟร์ลูห์” กลาเลนร้องและหันมาทางอับดุล
“พวกฉันเชื่อแล้วว่านายเกิดที่โฟร์ลูห์จริงๆ” เจสันพูด “แต่ตอนนี้อยากรู้แล้วว่านายถูกเลี้ยงดูมายังไงมากกว่า”
กลาเลนแปลกใจกับคำถามของเจสัน เด็กชายใส่แว่นจึงถามอับดุลว่ารู้เรื่องที่ทวีปโฟร์ลูห์เคยเป็นทองคำมาก่อนหรือไม่ เด็กชายผิวดำพยักหน้าและบอกว่าเป็นคำบอกเล่าต่อๆกันมาของผู้ใหญ่ในแต่ละหมู่บ้านเพื่อให้เด็กๆทุกคนที่เกิดในโฟร์ลูห์รู้และภาคภูมิใจในบ้านเกิดของตนเอง
“เห็นไหมล่ะ”
“แต่ฉันก็เพิ่งเคยได้ยินตำนานของทวีปโฟร์ลูห์จากปากนายนี่แหละ”
กลาเลนนิ่งเงียบเหงื่อเริ่มไหลออกมาบนใบหน้า และอ้างว่าเคยได้ยินมาเพราะมีหลายคนในแคว้นเคยเล่าให้เขาฟัง แต่เจสันบอกว่าแม้แต่ครูพีเดียที่ทุ่มเทค่อนชีวิตให้กับประวัติศาสตร์ยังไม่รู้เลยว่าทวีปมีวูเรซและทวีปโฟร์ลูห์เกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่กลาเลนยังไม่ยอมรับและบอกว่าได้ยินมาจากคนในแคว้นจริงๆ เจสันจึงถามถึงตอนที่เรียนวิชาสายพันธุ์แห่งมังกรในเทอมที่แล้วครั้งแรก มีดอกทาเมลตั้งอยู่บนโต๊ะ และกลาเลนก็รู้จักดอกไม้ชนิดนี้
“ใช่! แล้วยังไง ตอนนั้นนายก็ช่วยฉันอธิบายด้วยนี่”
เจสันพยักหน้าและบอกว่ามีดอกไม้ดอกหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าเป็นดอกไม้อะไร แต่กลาเลนรู้
“ดอกกัลลิร์” เจสันพูดพลางหลับตาเพื่อนึกภาพดอกไม้ดอกนั้น “ดอกไม้ที่มีกลีบคล้ายเกล็ดน้ำแข็ง กลีบดอกนั้นทำให้ห้องเย็นสบายเพราะมีไอเย็นบางๆแผ่ออกมา”
“เป็นดอกไม้ที่กษัตริย์เท่านั้นจะสามารถครอบครองได้ เพราะดอกไม้ชนิดนี้มักจะงอกได้ในห้องบรรทมของพระราชาหรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น” กลาเลนเริ่มคุยจ้อในสิ่งที่ตนรู้ และเงียบไปเมื่อคิดอะไรได้บางอย่าง
“ตอนนั้นนายก็พูดแบบนี้ ถึงแม่นายจะเปิดร้านขายดอกไม้ แต่ก็ไม่น่ารู้ถึงดอกกัลลิร์ได้เลยนี่นา” อับดุลพูดทำลายความเงียบภายในห้อง
“ก็...เอ่อ...แม่...แม่...”
“เอาล่ะๆ ฉันเชื่อนาย” เจสันสรุป “แต่ฉันมีคำถามอีกข้อเดียว”
กลาเลนเตรียมตัวฟังคำถามของเพื่อนสวมแว่นตา เพื่อที่พิสูจน์ตนเอง แต่คำถามนั้นกลับทำให้เขาพูดไม่ออก
“พระราชาของโฟร์ลูห์ชื่อว่าอะไร”
เด็กชายผมทองล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทั้งๆที่เขาเพิ่งอาบน้ำแต่เหงื่อกลับไหลราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งรอบสนามมาไม่มีผิด
“เอ่อ...เอ่อ...”
“โกลโดม เบียนอาฟเพอร์ที่สี่” เจสันตอบแทนเมื่อเห็นว่ากลาเลนไม่ยอมพูด “ตอนแรกฉันสงสัยเรื่องนายเป็นคนร้าย แต่พออ่านหนังสือเกี่ยวกับทวีปโฟร์ลูร์ฉันถึงรู้ความจริง”
“เอ้า...พวกเราทำความเคารพเจ้าชายกันหน่อย” ดีโน่แซวและทำท่าแสดงความเคารพกลาเลนที่ยืนนิ่งเหมือนถูกสาบให้กลายเป็นหิน
ความคิดเห็น