ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดรากูน โรงเรียนฝึกมังกร ภาค 2 ตอน : ดาบแห่งราชัน

    ลำดับตอนที่ #14 : เรื่องเล่ากับอดีต

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 50


                    เจสันเดินตามทางที่ปิดไฟมืดมิดของโรงเรียนอย่างรวดเร็ว คบไฟเล็กๆในมือเป็นเครื่องนำทางเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยให้สายตาของเด็กชายมองเห็นในความมืด แต่ถึงแม้ไม่มีคบไฟเด็กชายก็เดินถูก เพราะเส้นทางไปห้องใต้ดินของรุ่นพี่คาเฟอีนถูกบันทึกไว้ในมันสมองของเด็กชายเรียบร้อยแล้ว

                    ระหว่างทางเจสันคิดถึงภาพที่รุ่นพี่ถูกเตะเข้าที่หน้าจนสลบ ภาพที่คอยตามหลอกหลอนเจสันอยู่ทุกคืน เสียงร้องของรุ่นพี่คาเฟอีนซึ่งยังคงดังอยู่ในโสตประสาท เป็นสิ่งทำให้เจสันต้องลงมาพบรุ่นพี่ในวันนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่วันที่ตนต้องลงมาเป็นผู้ช่วย

                    รุ่นพี่จะเป็นยังไงบ้างนะเจสันพึมพัมกับตนเอง เพราะไม่เคยเห็นคาเฟอีนเจ็บช้ำขนาดนี้มาก่อน                 ฉันก็เป็นห่วงรุ่นพี่เหมือนกัน

                    เจสันหันกลับทันทีเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง พร้อมชูคบไฟในมือเพื่อส่องดูใบหน้าของเจ้าของเสียง

                    เฮ้...แบบนี้อันตรายน้า ดีโน่ยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเองจากความร้อนของไฟ รอดจากถูกมังกรเผามาได้ แต่ต้องถูกเพื่อนเผาแบบนี้ ไม่ตลกนะ

                    เมื่อเจสันรู้ว่าคนที่ตามมาคือดีโน่คบไฟในมือจึงลดลงมา ดีโน่บอกว่าที่ตนตามเจสันมาเพราะเห็นว่าเจสันมีท่าทีแปลกๆ เจสันจึงเล่าให้ฟังว่าวันเสาร์ที่ผ่านมารุ่นพี่คาเฟอีนไม่ให้เข้าเขาไปช่วย ทั้งๆที่ปกติรุ่นพี่จะชอบแซวว่าเขามาสายเสมอ

                    รุ่นพี่คงช็อคมั๊ง เพราะมังกรของเขาแพ้นี่

                    ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น เจสันบอก แต่พอตรึกตรองดูแล้ว ฉันว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น

                    เจสันก้าวเดินต่อเพื่อไปยังห้องใต้ดิน แต่ดีโนกลับไม่เดินตามไป

                    มาสิเพื่อน

                    นายไปเถอะ ดีโน่ยิ้ม รุ่นพี่คาเฟอีนเชื่อใจนายมากกว่าฉัน เรื่องบางเรื่องเขาอาจต้องการเล่าให้นายฟังเพียงคนเดียวก็ได้

                    เจสันถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อแน่ใจว่าดีโน่ไม่ไปกับเขา เจสันจึงไปห้องใต้ดินเพียงคนเดียว เหลือเพียงดีโน่ที่ยืนส่งเพื่อนจนพ้นหัวเลี้ยวไป จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินกลับหอพัก

                    เธอเข้าใจเพื่อนดีเหมือนกันนะ

                    ดีโน่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนอื่นทัก เพราะช่วงเวลานี้น่าจะเป็นเวลานอนของทุกคนแล้ว จากนั้นมือๆหนึ่งเอื้อมมาจับที่ข้อมือของเด็กชาย ยังไม่ทันที่ดีโน่จะส่งเสียงร้องมืออีกข้างก็เอื้อมมือมาปิดปากเขาไว้ก่อน

                    ดูก่อนสิ นี่พี่เอง

                    ดีโน่ลืมตามองเจ้าของเสียง จึงรู้ว่าคนที่พูดกับเขาคือรุ่นพี่ปีสาม ไลม์

     

                    ไลม์บอกว่าวันนี้เขาเป็นเวรตรวจตราตอนกลางคืน ดีโน่สังเกตเห็นรุ่นพี่ผมทองใส่เฝือกที่แขนขวา ไลม์จึงบอกว่าเขาสะเพร่าทำพลาดตอนเรียนวิชา ศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงทำให้แขนขวาหัก จากนั้นจึงถามดีโน่ว่าเพราะอะไรจึงมาเดินตอนกลางคืนแบบนี้

                    ผะ...ผมละเมอครับ ดีโน่ตอบอย่างอึกอัก

                    น่าเสียดายนะ อีกนิดเดียวก็ละเมอถึงห้องใต้ดินแล้วแท้ๆ ไลม์พูดยิ้มๆ

                    ดีโน่สะดุ้งและถามว่าไลม์มาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไร ไลม์บอกว่าเขาตามดีโน่มาตั้งแต่ออกจากหอพักแล้ว ดีโน่ถึงกับสะอึกและคิดได้ว่าไลม์ต้องสามารถพรางจิตแบบครูอาลได้แน่ ทำให้เขาไม่รู้ตัวว่ามีใครตามมา ไลม์บอกว่าเขาได้ยินทั้งหมดถึงแม้ว่ายังไม่สามารถปะติดเรื่องราวเข้าด้วยกันได้ แต่พอจะรู้ว่าคาเฟอีนมีปัญหา

                    รุ่นพี่รู้จักรุ่นพี่คาเฟอีนด้วยหรือครับ

                    นักเรียนเจ้าปัญหาพอๆกับโวสต์แหละ ไลม์พูด ตอนปีหนึ่งสองคนนั้นเกือบถูกไล่ออกแล้วนะ

                    ไลม์มองตาดีโน่ก็พอเดาออกว่าเด็กชายต้องการรู้เรื่องที่รุ่นพี่ทั้งสองเกือบถูกไล่ออกแน่นอน ไลม์จึงบอกให้ดีโน่เดินตรวจตราไปพร้อมกับเขาแล้วเขาจะเล่าให้ฟังไปด้วย

     

                   

                    เจสันเดินลงมาตามบันไดวนที่จะพาให้เขาลงไปสู่ห้องใต้ดิน เมื่อเปิดประตูเข้าไปเด็กชายแทบไม่เชื่อสายตาของตนเอง เศษกระดาษที่เคยทิ้งเกลื่อนเต็มห้องกลับมลายหายไปสิ้น โต๊ะเก้าอี้ที่วางเกะกะถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ จนเจสันคิดว่าตนเข้าห้องผิด

                    รุ่นพี่ครับ! รุ่นพี่อยู่หรือเปล่าครับ เจสันร้องถามเพื่อความแน่ใจ

                    เจสันเหรอ...เข้ามาสิ

                    เจสันเดินไปตามคำเรียกของรุ่นพี่เข้าไปในห้องก็เห็นคาเฟอีนนั่งดื่มกาแฟอยู่บนเก้าอี้ รุ่นพี่เรียกให้ผู้ช่วยของตนเข้าไปนั่งด้วย และถามว่ามาทำไมเพราะยังไม่ถึงวันที่เจสันต้องลงมาช่วยเขา

                    รุ่นพี่มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ เจสันไม่ตอบคำถามของคาเฟอีน และถามกลับในสิ่งที่ตนสงสัย

                    คาเฟอีนกระดกกาแฟในแก้วรวดเดียวหมด และบอกว่าไม่มี

                    แต่ผมว่าต้องมีนะครับ ผมไม่เคยเห็นรุ่นพี่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย เจสันเร้า

                    ฉันเคยเป็นแบบนี้มาครั้งหนึ่งนะ คาเฟอีนบอก เมื่อปีที่แล้วตอนฉันเกือบถูกไล่ออกจากโรงเรียน

                   

     

                    ไลม์เล่าให้รุ่นน้องฟังว่าปีที่แล้ว โวสต์และคาเฟอีนเป็นนักเรียนใหม่ที่ร้ายมากๆ วันๆไม่ค่อยเข้าเรียน แต่พรสวรรค์ของทั้งสองถือได้ว่าสามารถเป็นดรากอนมาสเตอร์ชั้นเยี่ยมได้ทีเดียว วิชายากๆที่รุ่นพี่ปีสองไม่เข้าใจคาเฟอีนสามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาไม่นาน มังกรที่ดุร้ายก็ถูกโวสต์สยบได้ในพริบตา ส่วนสาเหตุที่โวสต์และคาเฟอีนเกือบถูกไล่ออกเพราะทั้งสองฝ่าฝืนกฏข้อห้ามที่สำคัญของโรงเรียนคือ...การทำร้ายครู

                    ทำไมทั้งสองคนถึงทำแบบนั้นล่ะครับ

     

     

                    ครูคนนั้นมันกวนประสาทพวกฉันน่าดูเลย คาเฟอีนตอบคำถามที่เจสันถามว่าทำไมตนและโวสต์ต้องทำร้ายครู เหมือนกับมันอาฆาตฉันมาตั้งแต่ชาติก่อน มันดูถูกพวกฉันทุกเรื่อง ตั้งแต่ทรงผมจนถึงการกินเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ บางวันมันก็เอาเรื่องที่พวกฉันโดดเรียนไปเล่าประจานในชั้นเรียน

                    คาเฟอีนเล่าอธิบายถึงครูคนนั้นว่าเป็นครูฝึกสอน ที่มีนิสัยชอบพูดจาดูถูกคนอื่น จนวันหนึ่งไปพูดดูถูกปมด้อยของโวสต์เข้า จึงถูกโวสต์กับตนรุมทำร้ายจนต้องลาออกไป

     

     

                    ถ้าสองคนนั้นไม่รีบร้อน พวกเรากำลังรวบรวมรายชื่อเพื่อขอให้พักงานครูคนนั้นอยู่เหมือนกันไลม์บอกกับดีโน่ขณะดึงเก้าอี้ที่ล้มอยู่ให้ตั้งคืนที่เดิม

                    แล้วทำไมรุ่นพี่สองคนนั้นถึงยังได้เรียนอยู่ล่ะครับ

                    ไลม์นิ่งไปสักพักหนึ่งก่อนจะบอกว่าทั้งสองคนใช้ความสามารถของตนให้ได้เรียนต่อ มีการลงโทษย่อมมีการละเว้นโทษ แต่การละเว้นโทษของโรงเรียนนี้มีอยู่อย่างเดียวคือ...

                    คืออะไรล่ะครับ ดีโน่ถามเมื่อเห็นว่าไลม์เงียบไปนานพอสมควร

                    ชนะตัวแทนของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูน

                   

                   

                    เจสันอึ้งไปพักใหญ่เมื่อได้ยินที่คาเฟอีนบอกว่าพวกเขาต้องสู้เพื่อให้ได้เรียนต่อ โดยตอนนั้นคนที่สู้กับพวกเขาทั้งสองคนคือ อัจฉริยะของสมาชิกหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนซึ่งเป็นนักเรียนปีสอง

                    ใครหรือครับ ผมเคยเห็นหน้าหรือเปล่า แล้วเก่งไหมครับ เจสันระดมคำถามเป็นชุด

                    คาเฟอีนยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เจสันเงียบ แล้วเล่าว่าตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่มั่นใจในฝีมือของตนมาก และเชื่อว่าไม่มีใครในหน่วยควบคุมสามารถชนะพวกเขาได้ แต่การต่อสู้ในครั้งนั้นเหมือนกับความฝัน พวกเขาทั้งสองคนไม่สามารถทำอะไรอัจฉริยะคนนั้นได้เลย

                    แต่พวกพี่ก็ได้เรียนต่อ หมายความว่าพวกพี่ชนะเขาได้นี่ครับ

     

     

                    แพ้... ไลม์นั่งพักหลังจากเหนื่อยจากการเดินตรวจตราและบอกถึงผลการต่อสู้ที่ดีโน่ถามเมื่อสักครู่ แพ้อย่างไม่มีข้อแก้ตัว

                    ไลม์บอกว่าสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนได้เรียนต่อคือเซอร์ไพธอนพอใจในทักษะและไหวพริบในการควบคุมมังกรของทั้งสองคน จนยอมให้ทั้งสองคนเรียนต่อได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องห้ามก่อปัญหาและต้องทำความดีชดใช้

     

     

                    พี่เลยต้องมาทำงานค้นคว้าเกี่ยวกับมังกร จนสามารถคิดค้น ลุคปารัส ได้ใช่ไหมครับ เจสันสรุป

                    นายนี่สมกับเป็นผู้ช่วยของฉันจริงๆ คาเฟอีนยิ้ม รู้ใจฉันไปหมดทุกเรื่อง

                    คาเฟอีนบอกด้วยว่าโวสต์ลงคัดเลือกเป็นสมาชิกของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูน และสามารถผ่านการคัดเลือกและได้เป็นหนึ่งในสมาชิก

                    แล้วอัจฉริยะคนนั้นล่ะครับ

     

     

                    ไลม์บอกว่าคนที่ชนะคาเฟอีนและโวสต์ได้ก็ยังเป็นสมาชิกหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนอยู่ และอยู่ปีสามเหมือนกับตน แต่ไลม์ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร และบอกให้ดีโน่กลับไปนอนเพราะดึกมากแล้ว พร้อมทั้งอาสาจะเดินเป็นเพื่อนไปจนถึงหน้าหอ

                    ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีโน่ปฏิเสธพร้อมขอบคุณในความมีน้ำใจของรุ่นพี่ ผมว่าพี่น่าจะพักผ่อนบ้างนะครับ สีหน้าพี่ดูไม่ดีเลย

                    ไลม์พยักหน้าและบอกว่าเขาไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว เพราะครูมาธาร์เพิ่มการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น

                    พี่คิดว่าพรุ่งนี้จะตื่นสายเสียหน่อย แต่เพื่อนพี่คงปลุกพี่ตั้งแต่เช้าแน่เลย ไลม์บ่น จะบอกมันก็คงไม่ทันแล้ว

                    ไลม์มองนาฬิกาและคิดว่าเพื่อนคงหลับไปแล้ว จะเขียนหนังสือบอกก็ไม่สะดวกเพราะมือที่ถนัดของเขาเจ็บ

                    เดี๋ยวผมเขียนให้ก็ได้ครับ ดีโน่บอก

                    ไลม์จึงยื่นกระดาษกับปากกาที่พกติดตัวเสมอให้ดีโน่ เด็กชายรับมาเขียนตามคำบอกของรุ่นพี่และส่งคืนให้จากนั้นจึงขอตัวกลับไปห้องพัก

                    ฉันขอตื่นสายหน่อย ไม่ต้องปลุกนะ

                    ไลม์อ่านทวนข้อความที่วานให้รุ่นน้องเขียน จากนั้นจึงเก็บกระดาษที่ดีโน่เขียนให้เข้ากระเป๋า และเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม

     

     

                    หมายความว่าพี่แพ้ให้กับ... เจสันอึ้งไปเมื่อรู้ว่าอัจฉริยะที่โวสต์และคาเฟอีนพ่ายแพ้คือใคร

                    ใช่...ฉันแพ้จริงๆ คาเฟอีนย้ำและซดกาแฟเข้าปาก แต่นายอย่าไปบอกใครล่ะ

                    ทำไมล่ะครับ

                    คาเฟอีนบอกว่าการแพ้ครั้งนั้นทำให้เขากับโวสต์ซึมไปหลายวัน เมื่อทำใจได้จึงสัญญาว่าจะลืมเรื่องการพ่ายแพ้ครั้งนั้น และจะไม่ยอมแพ้ใครอีกเป็นครั้งที่สอง

                    งั้นที่พี่เศร้าก็เพราะแพ้ใช่ไหมครับ

                    เจสันโล่งอกที่ตนคิดมากไปเอง จากนั้นจึงบอกว่าเขาเองก็เคยแพ้ให้กับครูตอนทดสอบเป็นสมาชิกหน่วยควบคุมเมื่อเทอมที่แล้ว ทุกคนมีสิทธิ์จะแพ้ทั้งนั้น ดังนั้นเจสันจึงขอให้รุ่นพี่ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกังวล  คาเฟอีนยิ้มและถามว่าสาเหตุที่เจสันมาหาเขาเพราะเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวหรือ เจสันจึงเล่าเรื่องประกาศที่ครูมาธาร์แจ้งมาให้คาเฟอีนฟัง คาเฟอีนหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อฟังที่เจสันเล่าจบ ทำให้เด็กชายต้องถามเพราะความสงสัย

    เรื่องของนายคล้ายกับเรื่องของฉันเลยนะ คาเฟอีนบอก และเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาและโวสต์ต้องตัดสินใจทำบางอย่างให้กับโรงเรียน เป็นช่วงเดียวกับมีการประกาศคัดเลือกสมาชิกหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนพอดี และมีการรับจำนวนจำกัด แทนที่ทุกคนภายในชั้นปีจะแย่งกันกลับช่วยกับผลักดันให้โวสต์ได้เป็นตัวแทน

    ทำไมล่ะครับ การเป็นสมาชิกหน่วยน่าจะเป็นที่ต้องการของทุกคนนี่ครับ

    คาเฟอีนซดกาแฟอึกหนึ่งก่อนจะอธิบายให้เจสันฟังว่า เขาเป็นคนบอกกับเพื่อนๆว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกย่อมมีบางอย่างที่ตรงข้ามกันเสมอ หน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูนเองก็เช่นกัน ถ้ามีเพียงคนที่รักษากฎเป็นสมาชิก ในอนาคตจะไม่มีใครที่มีความคิดแหวกกฎสามารถแย้งหรือขัดขืนหน่วยนี้ได้อีกต่อไป เพียงเท่านี้ทุกคนแทบจะไม่ลงสมัครเลยทีเดียว

    ฉันว่าที่โรงเรียนบอกเงื่อนไขมาแบบนี้ คงเพราะต้องการดูว่าชั้นของนายจะทำยังไงมากกว่า คาเฟอีนสรุป จำไว้เถอะ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ อยู่ที่ว่าเราจะสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้หรือเปล่า

    เมื่อการสนทนาจบลง คาเฟอีนบอกให้เจสันกลับไปนอน เจสันบอกว่ายิ่งเขาได้ฟังเรื่องอดีตของคาเฟอีนทำให้เขาภาคภูมิใจในตัวรุ่นพี่ และอยากเรียนรู้เรื่องต่างๆจากคาเฟอีนให้มากยิ่งขึ้น เมื่อเจสันเดินออกจากห้องไปคาเฟอีนจึงพูดเบาๆ

                    ฉันจะอยู่สอนนายได้อีกนานแค่ไหนกันนะ...เจสัน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×