คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เรื่องเล่ากับอดีต
เจสันเดินตามทางที่ปิดไฟมืดมิดของโรงเรียนอย่างรวดเร็ว คบไฟเล็กๆในมือเป็นเครื่องนำทางเพียงสิ่งเดียวที่ช่วยให้สายตาของเด็กชายมองเห็นในความมืด แต่ถึงแม้ไม่มีคบไฟเด็กชายก็เดินถูก เพราะเส้นทางไปห้องใต้ดินของรุ่นพี่คาเฟอีนถูกบันทึกไว้ในมันสมองของเด็กชายเรียบร้อยแล้ว
ระหว่างทางเจสันคิดถึงภาพที่รุ่นพี่ถูกเตะเข้าที่หน้าจนสลบ ภาพที่คอยตามหลอกหลอนเจสันอยู่ทุกคืน เสียงร้องของรุ่นพี่คาเฟอีนซึ่งยังคงดังอยู่ในโสตประสาท เป็นสิ่งทำให้เจสันต้องลงมาพบรุ่นพี่ในวันนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่วันที่ตนต้องลงมาเป็นผู้ช่วย
“รุ่นพี่จะเป็นยังไงบ้างนะ”เจสันพึมพัมกับตนเอง เพราะไม่เคยเห็นคาเฟอีนเจ็บช้ำขนาดนี้มาก่อน “ฉันก็เป็นห่วงรุ่นพี่เหมือนกัน”
เจสันหันกลับทันทีเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลัง พร้อมชูคบไฟในมือเพื่อส่องดูใบหน้าของเจ้าของเสียง
“เฮ้...แบบนี้อันตรายน้า” ดีโน่ยกมือขึ้นป้องหน้าตัวเองจากความร้อนของไฟ “รอดจากถูกมังกรเผามาได้ แต่ต้องถูกเพื่อนเผาแบบนี้ ไม่ตลกนะ”
เมื่อเจสันรู้ว่าคนที่ตามมาคือดีโน่คบไฟในมือจึงลดลงมา ดีโน่บอกว่าที่ตนตามเจสันมาเพราะเห็นว่าเจสันมีท่าทีแปลกๆ เจสันจึงเล่าให้ฟังว่าวันเสาร์ที่ผ่านมารุ่นพี่คาเฟอีนไม่ให้เข้าเขาไปช่วย ทั้งๆที่ปกติรุ่นพี่จะชอบแซวว่าเขามาสายเสมอ
“รุ่นพี่คงช็อคมั๊ง เพราะมังกรของเขาแพ้นี่”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้น” เจสันบอก “แต่พอตรึกตรองดูแล้ว ฉันว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น”
เจสันก้าวเดินต่อเพื่อไปยังห้องใต้ดิน แต่ดีโนกลับไม่เดินตามไป
“มาสิเพื่อน”
“นายไปเถอะ” ดีโน่ยิ้ม “รุ่นพี่คาเฟอีนเชื่อใจนายมากกว่าฉัน เรื่องบางเรื่องเขาอาจต้องการเล่าให้นายฟังเพียงคนเดียวก็ได้”
เจสันถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เมื่อแน่ใจว่าดีโน่ไม่ไปกับเขา เจสันจึงไปห้องใต้ดินเพียงคนเดียว เหลือเพียงดีโน่ที่ยืนส่งเพื่อนจนพ้นหัวเลี้ยวไป จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินกลับหอพัก
“เธอเข้าใจเพื่อนดีเหมือนกันนะ”
ดีโน่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคนอื่นทัก เพราะช่วงเวลานี้น่าจะเป็นเวลานอนของทุกคนแล้ว จากนั้นมือๆหนึ่งเอื้อมมาจับที่ข้อมือของเด็กชาย ยังไม่ทันที่ดีโน่จะส่งเสียงร้องมืออีกข้างก็เอื้อมมือมาปิดปากเขาไว้ก่อน
“ดูก่อนสิ นี่พี่เอง”
ดีโน่ลืมตามองเจ้าของเสียง จึงรู้ว่าคนที่พูดกับเขาคือรุ่นพี่ปีสาม ‘ไลม์’
ไลม์บอกว่าวันนี้เขาเป็นเวรตรวจตราตอนกลางคืน ดีโน่สังเกตเห็นรุ่นพี่ผมทองใส่เฝือกที่แขนขวา ไลม์จึงบอกว่าเขาสะเพร่าทำพลาดตอนเรียนวิชา ‘ศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง’ ทำให้แขนขวาหัก จากนั้นจึงถามดีโน่ว่าเพราะอะไรจึงมาเดินตอนกลางคืนแบบนี้
“ผะ...ผมละเมอครับ” ดีโน่ตอบอย่างอึกอัก
“น่าเสียดายนะ อีกนิดเดียวก็ละเมอถึงห้องใต้ดินแล้วแท้ๆ” ไลม์พูดยิ้มๆ
ดีโน่สะดุ้งและถามว่าไลม์มาอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไร ไลม์บอกว่าเขาตามดีโน่มาตั้งแต่ออกจากหอพักแล้ว ดีโน่ถึงกับสะอึกและคิดได้ว่าไลม์ต้องสามารถพรางจิตแบบครูอาลได้แน่ ทำให้เขาไม่รู้ตัวว่ามีใครตามมา ไลม์บอกว่าเขาได้ยินทั้งหมดถึงแม้ว่ายังไม่สามารถปะติดเรื่องราวเข้าด้วยกันได้ แต่พอจะรู้ว่าคาเฟอีนมีปัญหา
“รุ่นพี่รู้จักรุ่นพี่คาเฟอีนด้วยหรือครับ”
“นักเรียนเจ้าปัญหาพอๆกับโวสต์แหละ” ไลม์พูด “ตอนปีหนึ่งสองคนนั้นเกือบถูกไล่ออกแล้วนะ”
ไลม์มองตาดีโน่ก็พอเดาออกว่าเด็กชายต้องการรู้เรื่องที่รุ่นพี่ทั้งสองเกือบถูกไล่ออกแน่นอน ไลม์จึงบอกให้ดีโน่เดินตรวจตราไปพร้อมกับเขาแล้วเขาจะเล่าให้ฟังไปด้วย
เจสันเดินลงมาตามบันไดวนที่จะพาให้เขาลงไปสู่ห้องใต้ดิน เมื่อเปิดประตูเข้าไปเด็กชายแทบไม่เชื่อสายตาของตนเอง เศษกระดาษที่เคยทิ้งเกลื่อนเต็มห้องกลับมลายหายไปสิ้น โต๊ะเก้าอี้ที่วางเกะกะถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ จนเจสันคิดว่าตนเข้าห้องผิด
“รุ่นพี่ครับ! รุ่นพี่อยู่หรือเปล่าครับ” เจสันร้องถามเพื่อความแน่ใจ
“เจสันเหรอ...เข้ามาสิ”
เจสันเดินไปตามคำเรียกของรุ่นพี่เข้าไปในห้องก็เห็นคาเฟอีนนั่งดื่มกาแฟอยู่บนเก้าอี้ รุ่นพี่เรียกให้ผู้ช่วยของตนเข้าไปนั่งด้วย และถามว่ามาทำไมเพราะยังไม่ถึงวันที่เจสันต้องลงมาช่วยเขา
“รุ่นพี่มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ” เจสันไม่ตอบคำถามของคาเฟอีน และถามกลับในสิ่งที่ตนสงสัย
คาเฟอีนกระดกกาแฟในแก้วรวดเดียวหมด และบอกว่าไม่มี
“แต่ผมว่าต้องมีนะครับ ผมไม่เคยเห็นรุ่นพี่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย” เจสันเร้า
“ฉันเคยเป็นแบบนี้มาครั้งหนึ่งนะ” คาเฟอีนบอก “เมื่อปีที่แล้วตอนฉันเกือบถูกไล่ออกจากโรงเรียน”
ไลม์เล่าให้รุ่นน้องฟังว่าปีที่แล้ว โวสต์และคาเฟอีนเป็นนักเรียนใหม่ที่ร้ายมากๆ วันๆไม่ค่อยเข้าเรียน แต่พรสวรรค์ของทั้งสองถือได้ว่าสามารถเป็นดรากอนมาสเตอร์ชั้นเยี่ยมได้ทีเดียว วิชายากๆที่รุ่นพี่ปีสองไม่เข้าใจคาเฟอีนสามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาไม่นาน มังกรที่ดุร้ายก็ถูกโวสต์สยบได้ในพริบตา ส่วนสาเหตุที่โวสต์และคาเฟอีนเกือบถูกไล่ออกเพราะทั้งสองฝ่าฝืนกฏข้อห้ามที่สำคัญของโรงเรียนคือ...การทำร้ายครู
“ทำไมทั้งสองคนถึงทำแบบนั้นล่ะครับ”
“ครูคนนั้นมันกวนประสาทพวกฉันน่าดูเลย” คาเฟอีนตอบคำถามที่เจสันถามว่าทำไมตนและโวสต์ต้องทำร้ายครู “เหมือนกับมันอาฆาตฉันมาตั้งแต่ชาติก่อน มันดูถูกพวกฉันทุกเรื่อง ตั้งแต่ทรงผมจนถึงการกินเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ บางวันมันก็เอาเรื่องที่พวกฉันโดดเรียนไปเล่าประจานในชั้นเรียน”
คาเฟอีนเล่าอธิบายถึงครูคนนั้นว่าเป็นครูฝึกสอน ที่มีนิสัยชอบพูดจาดูถูกคนอื่น จนวันหนึ่งไปพูดดูถูกปมด้อยของโวสต์เข้า จึงถูกโวสต์กับตนรุมทำร้ายจนต้องลาออกไป
“ถ้าสองคนนั้นไม่รีบร้อน พวกเรากำลังรวบรวมรายชื่อเพื่อขอให้พักงานครูคนนั้นอยู่เหมือนกัน” ไลม์บอกกับดีโน่ขณะดึงเก้าอี้ที่ล้มอยู่ให้ตั้งคืนที่เดิม
“แล้วทำไมรุ่นพี่สองคนนั้นถึงยังได้เรียนอยู่ล่ะครับ”
ไลม์นิ่งไปสักพักหนึ่งก่อนจะบอกว่าทั้งสองคนใช้ความสามารถของตนให้ได้เรียนต่อ มีการลงโทษย่อมมีการละเว้นโทษ แต่การละเว้นโทษของโรงเรียนนี้มีอยู่อย่างเดียวคือ...
“คืออะไรล่ะครับ” ดีโน่ถามเมื่อเห็นว่าไลม์เงียบไปนานพอสมควร
“ชนะตัวแทนของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูน”
เจสันอึ้งไปพักใหญ่เมื่อได้ยินที่คาเฟอีนบอกว่าพวกเขาต้องสู้เพื่อให้ได้เรียนต่อ โดยตอนนั้นคนที่สู้กับพวกเขาทั้งสองคนคือ ‘อัจฉริยะ’ ของสมาชิกหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนซึ่งเป็นนักเรียนปีสอง
“ใครหรือครับ ผมเคยเห็นหน้าหรือเปล่า แล้วเก่งไหมครับ” เจสันระดมคำถามเป็นชุด
คาเฟอีนยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เจสันเงียบ แล้วเล่าว่าตอนนั้นพวกเขาทั้งคู่มั่นใจในฝีมือของตนมาก และเชื่อว่าไม่มีใครในหน่วยควบคุมสามารถชนะพวกเขาได้ แต่การต่อสู้ในครั้งนั้นเหมือนกับความฝัน พวกเขาทั้งสองคนไม่สามารถทำอะไรอัจฉริยะคนนั้นได้เลย
“แต่พวกพี่ก็ได้เรียนต่อ หมายความว่าพวกพี่ชนะเขาได้นี่ครับ”
“แพ้...” ไลม์นั่งพักหลังจากเหนื่อยจากการเดินตรวจตราและบอกถึงผลการต่อสู้ที่ดีโน่ถามเมื่อสักครู่ “แพ้อย่างไม่มีข้อแก้ตัว”
ไลม์บอกว่าสาเหตุที่ทำให้ทั้งสองคนได้เรียนต่อคือเซอร์ไพธอนพอใจในทักษะและไหวพริบในการควบคุมมังกรของทั้งสองคน จนยอมให้ทั้งสองคนเรียนต่อได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องห้ามก่อปัญหาและต้องทำความดีชดใช้
“พี่เลยต้องมาทำงานค้นคว้าเกี่ยวกับมังกร จนสามารถคิดค้น ลุคปารัส ได้ใช่ไหมครับ” เจสันสรุป
“นายนี่สมกับเป็นผู้ช่วยของฉันจริงๆ” คาเฟอีนยิ้ม “รู้ใจฉันไปหมดทุกเรื่อง”
คาเฟอีนบอกด้วยว่าโวสต์ลงคัดเลือกเป็นสมาชิกของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูน และสามารถผ่านการคัดเลือกและได้เป็นหนึ่งในสมาชิก
“แล้วอัจฉริยะคนนั้นล่ะครับ”
ไลม์บอกว่าคนที่ชนะคาเฟอีนและโวสต์ได้ก็ยังเป็นสมาชิกหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนอยู่ และอยู่ปีสามเหมือนกับตน แต่ไลม์ไม่ยอมบอกว่าเป็นใคร และบอกให้ดีโน่กลับไปนอนเพราะดึกมากแล้ว พร้อมทั้งอาสาจะเดินเป็นเพื่อนไปจนถึงหน้าหอ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ดีโน่ปฏิเสธพร้อมขอบคุณในความมีน้ำใจของรุ่นพี่ “ผมว่าพี่น่าจะพักผ่อนบ้างนะครับ สีหน้าพี่ดูไม่ดีเลย”
ไลม์พยักหน้าและบอกว่าเขาไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว เพราะครูมาธาร์เพิ่มการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น
“พี่คิดว่าพรุ่งนี้จะตื่นสายเสียหน่อย แต่เพื่อนพี่คงปลุกพี่ตั้งแต่เช้าแน่เลย” ไลม์บ่น “จะบอกมันก็คงไม่ทันแล้ว”
ไลม์มองนาฬิกาและคิดว่าเพื่อนคงหลับไปแล้ว จะเขียนหนังสือบอกก็ไม่สะดวกเพราะมือที่ถนัดของเขาเจ็บ
“เดี๋ยวผมเขียนให้ก็ได้ครับ” ดีโน่บอก
ไลม์จึงยื่นกระดาษกับปากกาที่พกติดตัวเสมอให้ดีโน่ เด็กชายรับมาเขียนตามคำบอกของรุ่นพี่และส่งคืนให้จากนั้นจึงขอตัวกลับไปห้องพัก
‘ฉันขอตื่นสายหน่อย ไม่ต้องปลุกนะ’
ไลม์อ่านทวนข้อความที่วานให้รุ่นน้องเขียน จากนั้นจึงเก็บกระดาษที่ดีโน่เขียนให้เข้ากระเป๋า และเดินจากไปพร้อมรอยยิ้ม
“หมายความว่าพี่แพ้ให้กับ...” เจสันอึ้งไปเมื่อรู้ว่าอัจฉริยะที่โวสต์และคาเฟอีนพ่ายแพ้คือใคร
“ใช่...ฉันแพ้จริงๆ” คาเฟอีนย้ำและซดกาแฟเข้าปาก “แต่นายอย่าไปบอกใครล่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
คาเฟอีนบอกว่าการแพ้ครั้งนั้นทำให้เขากับโวสต์ซึมไปหลายวัน เมื่อทำใจได้จึงสัญญาว่าจะลืมเรื่องการพ่ายแพ้ครั้งนั้น และจะไม่ยอมแพ้ใครอีกเป็นครั้งที่สอง
“งั้นที่พี่เศร้าก็เพราะแพ้ใช่ไหมครับ”
เจสันโล่งอกที่ตนคิดมากไปเอง จากนั้นจึงบอกว่าเขาเองก็เคยแพ้ให้กับครูตอนทดสอบเป็นสมาชิกหน่วยควบคุมเมื่อเทอมที่แล้ว ทุกคนมีสิทธิ์จะแพ้ทั้งนั้น ดังนั้นเจสันจึงขอให้รุ่นพี่ทำใจให้สบาย ไม่ต้องกังวล คาเฟอีนยิ้มและถามว่าสาเหตุที่เจสันมาหาเขาเพราะเรื่องนี้เพียงอย่างเดียวหรือ เจสันจึงเล่าเรื่องประกาศที่ครูมาธาร์แจ้งมาให้คาเฟอีนฟัง คาเฟอีนหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเมื่อฟังที่เจสันเล่าจบ ทำให้เด็กชายต้องถามเพราะความสงสัย
“เรื่องของนายคล้ายกับเรื่องของฉันเลยนะ” คาเฟอีนบอก และเล่าให้ฟังว่าตอนที่เขาและโวสต์ต้องตัดสินใจทำบางอย่างให้กับโรงเรียน เป็นช่วงเดียวกับมีการประกาศคัดเลือกสมาชิกหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนพอดี และมีการรับจำนวนจำกัด แทนที่ทุกคนภายในชั้นปีจะแย่งกันกลับช่วยกับผลักดันให้โวสต์ได้เป็นตัวแทน
“ทำไมล่ะครับ การเป็นสมาชิกหน่วยน่าจะเป็นที่ต้องการของทุกคนนี่ครับ”
คาเฟอีนซดกาแฟอึกหนึ่งก่อนจะอธิบายให้เจสันฟังว่า เขาเป็นคนบอกกับเพื่อนๆว่าทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกย่อมมีบางอย่างที่ตรงข้ามกันเสมอ หน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูนเองก็เช่นกัน ถ้ามีเพียงคนที่รักษากฎเป็นสมาชิก ในอนาคตจะไม่มีใครที่มีความคิดแหวกกฎสามารถแย้งหรือขัดขืนหน่วยนี้ได้อีกต่อไป เพียงเท่านี้ทุกคนแทบจะไม่ลงสมัครเลยทีเดียว
“ฉันว่าที่โรงเรียนบอกเงื่อนไขมาแบบนี้ คงเพราะต้องการดูว่าชั้นของนายจะทำยังไงมากกว่า” คาเฟอีนสรุป “จำไว้เถอะ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ อยู่ที่ว่าเราจะสามารถพลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้หรือเปล่า”
เมื่อการสนทนาจบลง คาเฟอีนบอกให้เจสันกลับไปนอน เจสันบอกว่ายิ่งเขาได้ฟังเรื่องอดีตของคาเฟอีนทำให้เขาภาคภูมิใจในตัวรุ่นพี่ และอยากเรียนรู้เรื่องต่างๆจากคาเฟอีนให้มากยิ่งขึ้น เมื่อเจสันเดินออกจากห้องไปคาเฟอีนจึงพูดเบาๆ
“ฉันจะอยู่สอนนายได้อีกนานแค่ไหนกันนะ...เจสัน”
ความคิดเห็น