คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ไฟกับระเบิด
มังกรเพลิงลุกขึ้นยืนอย่างไม่ยากนัก เพราะแรงระเบิดเมื่อสักครู่ทำได้เพียงแค่เพิ่มชนวนความแค้นในตัวอากูลล์ขึ้นเท่านั้น จากนั้นมังกรสีแดงจึงจับจ้องมายังผู้ที่ทำร้ายมันและหมายมั่นว่าจะสังหารชายผู้นี้ให้จงได้
“ไหวหรือครับพี่” เจสันที่ได้รับการช่วยเหลือโดยการประคองของดีโน่ถามรุ่นพี่ด้วยความเป็นห่วง
“พวกนายออกไปนอกป่าก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันเสร็จธุระตรงนี้แล้วจะตามไป” คาเฟอีนตอบอย่างไม่มีทีท่าของคนที่กำลังเผชิญหน้ากับมังกรเลยแม้แต่นิดเดียว
ถึงแม้เด็กทั้งสองจะต้องการออกไปนอกป่า แต่ด้วยความเป็นห่วงรุ่นพี่ปนกับความต้องการใคร่รู้ว่ามังกรของคาเฟอีนเป็นอย่างไร จึงทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจอยู่ต่อ และคาเฟอีนก็ไม่ขัดข้อง
“ตามใจ” คาเฟอีนตอบเมื่อได้ยินว่ารุ่นน้องทั้งสองขออยู่ด้วย “แต่ดูแลตัวเองนะ เพราะความสามารถของมังกรท่ฉันจะใช้...ไม่เข้าใครออกใคร”
ห่างออกไปจากจุดที่เกิดการต่อสู้กันไม่ไกลนัก ชายสวมหน้ากากผู้เป็นเจ้าของมังกรเพลิงยืนมองการไล่ล่าของมังกรตนอย่างสบายอารมณ์ แต่ความรู้สึกนั้นกลับหมดลงเมื่อเห็นว่ามีคนมาช่วยเด็กชายทั้งสอง และถูกแทนที่ด้วยโทสะเมื่อเห็นว่าผู้ที่มาช่วยเหลือเป็นใคร
“เจ้าคาเฟย์...” ชายสวมหน้ากากเรียกชื่อผู้มาขัดขวาง “ทำไมแกต้องจองเวรฉันนักนะ”
ชายสวมหน้ากากชูสองนิ้วขึ้นมาจ่อตรงปากและร่ายคาถาด้วยภาษาดราโกเนธิก เพื่อสั่งการให้อากูลล์จัดการผู้ที่มาก่อกวนเสีย
‘โฟ่ววววววว’
เพลิงอันร้อนแรงพุ่งออกมาจากปากของอากูลล์ ตรงมายังนักเรียนทั้งสามที่ยืนเกาะกลุ่มกันอยู่ คาเฟอีนชำเลืองไปมองด้านหลังและรู้ว่าถ้าตนหลบ เปลวไฟนั้นต้องเผาร่างของรุ่นน้องทั้งสองอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นสีหน้าของคาเฟอีนไม่มีความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย กลับเกิดการระเบิดที่ต้นไม้ใหญ่สองต้นข้างหน้า ทำให้ต้นไม้หักโค่นลงมาเป็นกำแพงชั้นเลิศช่วยให้ทั้งสามคนรอดปลอดภัย
“พวกนายหลบไปก่อน เดี๋ยวฉันจะจัดการเจ้านี่ซะ” คาเฟอีนสั่ง ทำให้รุ่นน้องทั้งสองเขยิบไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง “ถึงเวลาแล้วมั๊งที่พวกนายจะเห็นความสามารถของมังกรที่ฉันภูมิใจ”
ในตอนนี้ดีโน่และเจสันสงสัยในเรื่องเดียวกัน ว่าคาเฟอีนทำยังไงถึงทำให้เกิดการระเบิดขึ้นที่แผ่นหลังของอากูลล์และต้นไม้ใหญ่ได้ ทั้งๆที่พวกเขายังไม่เห็นมังกรของคาเฟอีนเสียด้วยซ้ำ
คาเฟอีนยืนนิ่งมองดูอากูลล์ที่ต้องคอยหลบระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ชายผมยาวยืนมองพลางกระดกกาแฟดื่มอย่างสบายอารมณ์ อีกทั้งยังบอกเกี่ยวกับคุณสมบัติของมังกรพันธุ์ผสมระหว่าง ‘กีต้า’ และ ‘แพร์ซัส’ ที่อยู่ตรงหน้าให้รุ่นน้องฟังได้อีกด้วย โดยบอกว่ามังกรพันธุ์ผสมนี้มีจุดเด่นที่ความเร็ว ดังนั้นต้องพยายามสกัดกั้นไม่ให้มันใช้ความเร็วได้
“ลองเจอระเบิดจำนวนมากขนาดนี้ไม่มีทางที่จะใช้ความสามารถนั้นได้แน่” คาเฟอีนพูด พลางคิดถึงความสามารถในการกลายร่างเป็นไฟของอากูลล์ที่จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร
“พี่ทำแบบนั้นได้ยังไงครับ” เจสันถามรุ่นพี่เมื่อเห็นว่าคาเฟอีนไม่ค่อยกังวลกับการต่อสู้นี้เท่าไร
คาเฟอีนโยนกระป๋องกาแฟเปล่าไปกลางอากาศอีกครั้ง และก็เกิดเหตุการณ์แบบเดิมคือกระป๋องระเบิดกลายเป็นฝุ่น คาเฟอีนบอกว่าเป็นความสามารถของมังกรที่เขาเลี้ยงไว้ แต่เด็กทั้งสองกลับบอกว่าเขาไม่เห็นมังกรของคาเฟอีนเลยแม้แต่น้อย
“มังกรของฉันพลังค่อนข้างน้อย ดังนั้นการให้ศัตรูเห็นตัวจึงเป็นเรื่องที่ไม่สมควร” คาเฟอีนบอก และสอนเจสันที่เป็นผู้ช่วยว่าการพยายามลบจุดด้อยของมังกรคืองานที่เขาและเจสันต้องทำ
“หมายความว่ามังกรนี้พี่เป็นคนผสมขึ้นมา” เจสันถาม
คาเฟอีนพยักหน้า และบอกว่ามังกรตัวนี้ไม่ใช่การผสมมังกรแค่สองสายพันธุ์ แต่ต้องใช้มังกรถึงสามสายพันธุ์
คำบอกเล่าของรุ่นพี่ทำให้เด็กชายทั้งสองตกใจว่าคนที่อายุมากกว่าเขาเพียงปีเดียว สามารถเพาะพันธุ์มังกรแบบนี้ได้ ถึงแม้ว่าทั้งสองจะไม่เห็นตัวของมังกรแต่ก็พอรู้ว่ามังกรตัวนี้เป็นหนึ่งในงานที่รุ่นพี่ภูมิใจ คาเฟอีนบอกว่าถ้ามีโอกาสจะสอนให้เจสันเรียนรู้เกี่ยวกับการผสมพันธุ์มังกรบ้าง เพราะเจสันเป็นผู้ช่วยที่เรียนรู้ได้ไวมาก
ทั้งสามคนคุยเล่นกันเหมือนกับอยู่กลางสนามหญ้าพักผ่อน แต่ในความเป็นจริงอากูลล์เริ่มหงุดหงิดกับระเบิดที่กวนใจตลอดเวลา จึงคิดทำอะไรบางอย่าง
“พี่แน่ใจหรือครับว่ามันจะใช้ความสามารถไม่ได้” ดีโน่ถามเพราะเห็นว่าอากูลล์ยังไม่มีทีท่าอ่อนแรงลง ถึงแม้ว่าจะถูกระเบิดเข้าไปหลายครั้งก็ตาม
“แน่นอน” คาเฟอีนตอบ “อาจต้องใช้เวลาหน่อย แต่คิดว่าคงอีกไม่นานนัก”
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามความคาดคิดของคาเฟอีน รอบๆตัวของอากูลล์เกิดการระเบิดขึ้นพร้อมกัน และเป็นการระเบิดที่รุนแรงมาก จนทำให้ต้นไม้หรือก้อนหินแถวนั้นปลิวกระจัดกระจาย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
คาเฟอีนตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นว่าการโจมตีต่อเนื่องของตนหยุดชะงักลง และพยายามตั้งสติอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอากูลล์เป็นอิสระจากฝูงระเบิดที่ตนเตรียมไว้
เมื่อฝุ่นควันอันเกิดจาการระเบิดจางลง ก็ปรากฏร่างของมังกรเพลิงที่ไม่มีบาดแผลอันใด และชายสวมหน้ากากผู้เป็นเจ้าของยืนอยู่ข้างๆ สายตาที่มองผ่านช่องว่างของหน้ากากบ่งบอกถึงความพอใจที่มังกรของตนสามารถประยุกต์ใช้ความสามารถตามที่ตนสอนให้
“ครูจอร์จ” ดีโน่อุทานเมื่อเห็นชายสวมชุดขาวและหน้ากากอันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มดราโกบลัด
“จุ๊ๆ อย่านำตัวข้าไปเปรียบกับคนไร้ความสามารถเช่นมัน” ชายสวมหน้ากากพูดจากนั้น
เจสันเล่าให้คาเฟอีนฟังอย่างคร่าวๆว่าครูจอร์จเป็นคนที่ก่อเรื่องลักพาตัวดีโน่ในเทอมที่แล้ว
“หมายความว่าหมอนี่คือคนที่คิดร้ายกับนาย” คาเฟอีนถามพลางยกกาแฟดื่ม “งั้นก็ง่าย...”
เสียงคำรามของมังกรแดงดังกึกก้อง แทนที่มันจะถาโถมเข้ามาอีกกลับถูกระเบิดจำนวนหนึ่งสกัดกั้นการพุ่งเข้ามา จนทำให้อากูลล์เซถอยหลังไปเกือบชนกับผู้เป็นนาย แต่เพียงชายสวมหน้ากากร่ายภาษาดราโกเนธิกไม่กี่คำ เกล็ดสีแดงตามร่างกายของอากูลล์ก็เผยอขึ้น จากนั้นจึงการการระเบิดเหมือนเมื่อสักครู่
“วิธีเดิมใช้กับอากูลล์ไม่ได้หรอก” เจ้าของมังกรเพลิงพูด
“การเผาไหม้อากาศรอบๆตัว” คาเฟอีนพูดพึมพัม
ชายสวมหน้ากากชมว่าคาเฟอีนเก่งที่ดูความสามารถประยุกต์ของอากูลล์ออก และแบสิ่งหนึ่งออกมาให้เจ้าของคำพูดเมื่อสักครู่ชม
“มังกรจิ๋วแค่นี้จะทำอะไรอากูลล์ได้”
มังกรที่มีขนาดเท่ากับแมลงวันนอนดิ้นอยู่ในมือของสมาชิกกลุ่มดราโกบลัด ดีโน่และเจสันถึงรู้ว่าการระเบิดที่ทำร้ายอากูลล์คือการระเบิดตนเองของมังกรขนาดจิ๋ว
“มากับข้าดีๆเถอะ องค์ชาย” ชายสวมหน้ากากพูด “มิฉะนั้นข้าคงต้องเชือดไก่ให้ลิงดูสักเล็กน้อย”
ชายสวมหน้ากากตรงเข้ามาหาเด็กชายใส่แว่นด้วยความเร็วราวกับหายตัวได้ มือของเขาเกือบคว้าเข้าที่คอของเจสันได้ ถ้าไม่มีมือๆหนึ่งมาจับไว้เสียก่อน
“พวกนายรีบไปตามโวสต์มา!” เจ้าของมือซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสองบอกเสียงดัง และหันมามงชายสวมหน้ากากซึ่งอยู่ห่างจากเข้าไม่ถึงสามคืบ “ฉันจะถ่วงเวลาหมอนี่เอง”
หมัดและเท้าของคาเฟอีนยกขึ้นมารับการโจมตีของชายสวมหน้ากากได้อย่างทันท่วงที แต่พลาดถูกเข่าที่สอดเข้ามาจนเซออกไป ชายสวมเสื้อคลุมเห็นว่าคงไม่ดีแน่หากปล่อยให้เด็กชายทั้งสองไปตามคนมาช่วย จึงหมายจัดการเป้าหมายที่อ่อนแอก่อน
“บอกแล้วไงว่าแกต้องเจอกับฉัน” คาเฟอีนพุ่งมารับหมัดที่เจ้าของมังกรเพลิงชกออกได้ทันก่อนหมัดนั้นจะโดนหน้าของรุ่นน้องใส่แว่น
ถึงแม้ว่าคาเฟอีนจะจับหมัดของชายสวมหน้ากากไว้ แต่เพียงแค่เจ้าของหมัดหมุนท่อนแขนเบาๆ คาเฟอีนก็คล้ายกับถูกเหวี่ยงจนล้มลงไป
“นี่มัน...อุ๊บ...” คาเฟอีนอุทานก่อนจะเจ็บหลังเพราะความปวด
‘ผลัก’
“หลับไปสักพักเถอะ!” ชายสวมหน้ากากเตะเข้าที่หน้าของคาเฟอีนอย่างแรง ทำให้รุ่นพี่ปีสองถึงกับสลบ จากนั้นจึงหันมามองเด็กชายทั้งสองคน “บอกแล้วใช้ไหมองค์ชาย...ไปกับข้าเถอะ...”
“คาเฟอีน นายอยู่แถวนั้นหรือเปล่า” เสียงที่เด็กทั้งสองจำได้ว่าเป็นเสียงของโวสต์ดังขึ้นไม่ไกลนัก ทำให้เด็กทั้งคู่รู้ว่าโวสต์คงมาตามหาคาเฟอีน จึงร้องบอกว่าพวกตนอยู่ตรงนี้
เสียงฝีเท้าที่วิ่งมาบ่งบอกได้ว่ามีไม่น้อยกว่าสามคน ส่งผลให้ชายสวมหน้ากากตัดสินใจกระโจนหายเข้าไปในพุ่มไม้พร้อมกับมังกรเพลิงคู่ใจและหายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้เด็กชายทั้งสองถอนหายใจเพราะโล่งอกที่สามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้
รุ่นพี่โวสต์และพรรคพวกประมาณห้าคนนำทั้งสามคนกลับมายังโรงเรียนซึ่งเป็นเวลามืดแล้ว โวสต์บอกจะพาคาเฟอีนกลับห้องใต้ดินเองและให้รุ่นน้องทั้งสองไปพักผ่อน เจสันบอกว่าอยากลงไปเฝ้ารุ่นพี่คาเฟอีนด้วย แต่สีหน้าของโวสต์ บ่งบอกได้ว่าไม่ค่อยพอใจนัก ดีโน่จึงดึงเจสันกลับห้องและบอกว่าจะลงไปหารุ่นพี่คาเฟอีนตอนหลัง
นักเรียนปีหนึ่งที่เวียนหัวเนื่องจากกลิ่นที่ได้รับจากวิชา ‘ยาสำหรับรักษาโรคของมังกร’ ทยอยเดินออกมาจากห้องที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นต่างๆ มีเพียงคนเดียวที่สามารถทนต่อกลิ่นอันไม่น่าพิสมัยนี้ได้ ครูผู้หญิงอายุมากกว่าหกสิบปี สวมแว่นตาและผ้าปิดปาก นั่งอยู่บนรถเข็นที่มีปารัสตัวหนึ่งเป็นผู้เข็นให้ ‘ครูปาร์เนีย พาร์กิ้น’ ที่พวกนักเรียนรู้มาว่าเป็นครูที่อายุมากที่สุดในดรากูน
“ครูปาร์เนียทนกลิ่นพวกนั้นได้ยังไงนะ” กลาเลนพูดหลังจากวิ่งออกมาสูดหายใจข้างนอกทันทีหลังกริ่งบอกว่าหมดเวลาดัง “นายทนกับกลิ่นนั้นได้ไหมอับดุล”
เพื่อนผิวหมึกที่สนิทกับกลาเลนส่ายหน้า ถึงแม้ว่าเขาจะชินกับการปรุงอาหารต่างๆให้มังกร แต่เรื่องยาและสมุนไพรเป็นสิ่งที่ตัวเขาไม่สันทัด ผิดกับท่าทางของพัฟพ์เด็กหญิงที่มักไปไหนมาไหนกับแมรี่ดูจะไม่ค่อยทรมานกับกลิ่นยานัก เด็กหญิงบอกว่าเธอกลับรู้สึกชินและคุ้นเคยเสียอีก เพราะบ้านของเธอเป็นร้านยาสำหรับมังกร ทำให้เธอชอบวิ่งเล่นเข้าไปในห้องปรุงยาที่พ่อกับแม่เธอทำงานเป็นประจำ
“มิน่าล่ะ” อับดุลเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นวิชานี้พวกเราคงต้องฝากคะแนนไว้กับเธอแล้วนะ”
พัฟพ์ยิ้มและพยักหน้า เธอรู้สึกดีใจที่เป็นประโยชน์กับคนอื่นขึ้นมาบ้าง เพราะเดิมทีเธอเป็นคนเงียบๆไม่กล้าแสดงออก มักหลบอยู่หลังแมรี่และแอบปลิ้มซาร่านิดๆ เพราะซาร่าเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน จนกระทั่งเธอเปลี่ยนลุคใหม่ตามคำแนะนำของแมรี่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจขึ้น
“เธอยังเวียนหัวอยู่เหรอ” พัฟพ์ถามดีโน่ที่ต้องอาศัยเจสันเป็นที่พยุงตัว จากนั้นจึงยื่นขวดแก้วเล็กๆให้ “ลองนี่ดูสิ ฉันเคยใช้ตอนเด็กๆ”
ดีโน่พยักหน้าแล้วรับขวดแก้วมาดม จากนั้นจึงรู้สึกดีขึ้น พัฟพ์บอกว่าคือ ‘ลาโบ’ สมุนไพรชนิดหนึ่งช่วยให้หายเวียนหัวสามารถใช้ได้ทั้งคนและมังกร เมื่อทุกคนสบายดีแล้วจึงเตรียมตัวไปเรียนวิชาผนึกมังกรที่ทุกคนรอคอยต่อ
การเรียนวิชาผนึกมังกรในวันนี้ ครูมาธาร์เปิดโอกาสให้นักเรียนฝึกหัดการผนึกมังกรกันตามสบาย โดยมังกรที่ผนึกไม่ใช่มังกรของตนเอง แต่เป็นปารัสมังกรพื้นฐานที่สามารถผนึกได้ง่ายๆ ทำให้นักเรียนหลายคนต้องส่งเสียงร้องดีใจออกมาเพราะสามารถผนึกมังกรได้เป็นครั้งแรก
“ฉันทำได้แล้ว!” อับดุลตะโกนดังลั่นเมื่อปารัสน้อยถูกดูดเข้าไปในอัญมณีสีเขียวในมือ
“นายเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มเรานะที่ทำได้” ดีโน่แซว
หน้าของอับดุลเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงเพราะความอาย เมื่อครูมาธาร์เห็นว่านักเรียนส่วนมากสามารถผนึกมังกรได้แล้ว จึงประกาศให้นักเรียนนั่งที่เพราะมีเรื่องจะแจ้งให้ทุกคนทราบ
“เรื่องที่ครูจะแจ้งให้พวกเธอรู้ในวันนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพวกเธอโดยตรง” ครูมาธาร์พูด “โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการจะเป็นสมาชิกของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูน”
สิ้นเสียงของครูมาธาร์นักเรียนทุกคนภายในห้องพากันเงียบกริบ เพื่อฟังข่าวที่ครูจะบอก เมื่อเห็นว่านักเรียนพร้อมที่จะรับฟังแล้ว ครูผู้สอนจึงบอกว่าสิ่งที่ครูจะแจ้งคือการคัดเลือกนักเรียนที่จะได้เป็นสมาชิกของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูน
“นักเรียนห้าคนแรกที่สามารถผนึกมังกรของตนได้ คือนักเรียนชั้นปีหนึ่งที่มีสิทธิ์เป็นสมาชิกของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียนแห่งดรากูน”
เสียงพูดคุยดังขึ้นทันทีตามมาด้วยคำถามมากมายเพื่อถามถึงจุดประสงค์ในการใช้วิธีคัดเลือกเช่นนี้ ครูมาธาร์บอกว่ามติของผู้คุมสอบคือต้องการให้การคัดเลือกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุดคือใช้วิชาที่นักเรียนกำลังศึกษาอยู่ ซึ่งวิชาผนึกมังกรเป็นวิชาที่จัดได้ว่าเป็นพื้นฐาน นักเรียนที่สามารถเรียนรู้และนำไปปฏิบัติได้เร็วจึงมีคุณสมบัติที่จะเป็นสมาชิกของหน่วยควบคุมเด็กนักเรียน
หลังจากทุกคนเสร็จสิ้นการเรียนต่างพากันกลับหอและแยกย้ายกันไปตามห้องของตนเอง ดีโน่และเพื่อนร่วมห้องอีกสามคนก็เช่นเดียวกัน เด็กชายผิวดำเอนตัวลงบนเตียงพลางถอนหายใจทำลายบรรยากาศอันอึมครึมภายในห้อง
“ฉันไม่ชอบวิธีแบบนี้เลย”
“ฉันด้วย” กลาเลนเสริม “วิธีแบบนี้ทำให้พวกเราแตกความสามัคคีกันชัดๆ”
ดีโน่คิดถึงเทอมที่แล้วที่ทุกคนช่วยกันติวเกี่ยวกับกฎของโรงเรียนเพื่อทดสอบ แต่ครั้งนี้จำกัดผู้มีสิทธิ์เพียงห้าคน เท่ากับทุกคนที่เคยช่วยเหลือกันจึงเปรียบเสมือนเป็นศัตรูกันโดยปริยาย
“นายจะไปไหนน่ะ” กลาเลนถามเจสันที่หยิบเสื้อคลุมมาสวม
“ไปข้างนอกหน่อยน่ะ”
“วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์นี่ นายจะไปห้องใต้ดินเหรอ” อับดุลถาม “ฉันล่ะอยากเห็นหน้ารุ่นพี่ที่สามารถค้นคว้ามังกรพันธุ์ใหม่ๆได้จัง”
ไม่ใช่ดีโน่คนเดียวที่รู้ถึงการมีตัวตนของรุ่นพี่คาเฟอีน แต่อับดุล กลาเลน และกลุ่มซาร่าก็รู้ด้วย เนื่องจากเจสันถูกจับได้ตอนลงไปช่วยรุ่นพี่ในวันเสาร์หนึ่ง แต่ทุกคนยังไม่เคยได้พบเห็นหรือไปห้องของรุ่นพี่คาเฟอีนยกเว้นดีโน่ เพราะเจสันกลัวว่ารุ่นพี่จะไม่พอใจเรื่องที่เขานำเรื่องของตนไปบอกคนอื่น
ความคิดเห็น