คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เปลวไฟในป่า
แสงแดดสีทองส่องผ่านกระจกเข้ามาสู่ห้องอันใหญ่โต ซึ่งเป็นที่พำนักของอาจารย์ใหญ่ผู้เปี่ยมไปด้วยความน่าเกรงขามแห่งโรงเรียนดรากูน ชายวัยห้าสิบบรรจงตัดแต่งหนวดเรียวอย่างนุ่มนวลบนเก้าอี้นวมอย่างดีที่หันหน้าไปทางกระจกใส สายตาของเซอร์ไพธอนมองออกไปยังป่าต้องห้ามที่สามารถทะลุไปยังทะเลสาบทาลาปารัส แววตาของอาจารย์เฒ่าไม่สามารถบ่งบอกได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“โบเรล่าหรือ” เซอรไพธอนพูดขึ้นอย่างลอยๆ “เข้ามาสิ”
สิ้นคำสั่งของเซอร์ไพธอน ประตูห้องที่สร้างจากไม้อย่างดีก็เปิดออก ครูมาธาร์ค่อยๆเดินเข้ามาในห้องและมาหยุดทำความเคารพอาจารย์ใหญ่ตรงกลาง
“เป็นยังไงบ้าง” อาจารย์ใหญ่ถาม
ครูมาธาร์บอกว่าสถานการณ์รอบๆโรงเรียนไม่มีอะไรผิดสังเกต ครูทุกคนผลัดเปลี่ยนเวรกันเฝ้าระวังและตรวจตราตลอดเวลา ไม่มีวี่แววว่าครูจอร์จจะหวนกลับมาเลยแม้แต่น้อย แต่สีหน้าของอาจารย์ใหญ่กลับไม่ค่อยพอใจนักเมื่อได้ยินการายงานของครูที่เปรียบได้ดังเลขาและผู้คุมกฎ
“ไวเอรี่ไม่กลับมาสิเป็นเรื่องน่ากังวล” เซอร์ไพธอนพูดเบาๆ “อาจเป็นได้ว่ากลุ่มดราโกบลัดอาจส่งคนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนก็เป็นได้”
ข้อสันนิษฐานของอาจารย์ใหญ่ผู้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ทำให้ครูมาธาร์ถึงกับสะอึก เพราะการที่มีคนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน หมายความว่าทุกสิ่งที่โรงเรียนรู้เกี่ยวกับคนผู้นั้นต้องเริ่มจากศูนย์ใหม่
“ถ้าเช่นนั้นเราก็มีคนที่ต้องสงสัยเพิ่มมากขึ้นน่ะสิคะ”
อาจารย์ใหญ่พยักหน้า และให้ครูมาธาร์ระวังคนเข้าออกที่จะมีมากในช่วงงานตอนกลางเทอม เพราะช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่โรงเรียนมีงานเทศกาลและเปิดโอกาสให้คนนอกเข้าออกได้ตามใจชอบ
“แล้วอาลล่ะ”
“เขาไม่เข้าร่วมการตรวจตราค่ะ” ครูมาธาร์ตอบหลังจากถอนหายใจเล็กๆ “เขาบอกว่าต้องการทำตามวิธีของเขาเอง”
เซอร์ไพธอนยิ้มนิดๆกับนิสัยของลูกศิษย์ และขอให้ครูมาธาร์เว้นเรื่องระเบียบของครูให้กับอาลไว้สักคนหนึ่ง เพราะเขารู้ดีว่าอาลกำลังคิดอะไรอยู่ ครูมาธาร์บอกว่าเธอรู้สาเหตุที่ โรเจอร์ อาล มาเข้าสอนที่นี่เพราะต้องการค่าหัวของครูจอร์จ เพราะตอนนี้ทางสถาบันตรวจสอบผู้ใช้มังกรไปในทางที่ผิดได้ตั้งค่าหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“สิ่งที่ทำให้เขาตกลงใจเป็นครูที่นี่ไม่ใช่เรื่องไวเอรี่หรอก” เซอร์ไพธอนพูดพลางลุกขึ้นเพื่อให้มองบรรยากาศรอบโรงเรียนได้มากกว่าเดิม “เขามีสิ่งที่ต้องการค้นหามากกว่าเรื่องนั้น”
หลังน้ำตกของภูเขาลูกหนึ่งที่ปะปนอยู่กับภูเขาสูงชันหลายลูก ลึกเข้าไปภายในเป็นถ้ำขนาดใหญ่อันเป็นจุดนัดพบของสมาชิกกลุ่มดราโกบลัด ซึ่งตอนนี้ว่างเปล่าเพราะเหล่าสมาชิกต้องแยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เหลือไว้เพียงผู้ที่เปรียบเสมือนผู้ก่อตั้งกลุ่มดราโกบลัด ‘บารอนเปเทน’
ร่างอันถูกปกปิดด้วยเสื้อคลุมสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม นั่งนิ่งอยู่บนพื้นภายในห้องห้องหนึ่ง ดวงตาใต้หน้ากากที่ต่างจากสมาชิกคนอื่นเล็กน้อยหลับสนิทไม่มีการตอบสนองต่อสิ่งใดๆ แม้แต่เสียงของมังกรที่ดังก้องกังวานอยู่ภายใน แสงไฟจากคบเพลิงภายในห้องส่องแสงพอให้เห็นว่าบนพื้นรอบๆตัวบารอนเปเทนมีการวาดเป็นวงกลมสัญลักษณ์แปลกๆไว้
“ได้ยินข้าหรือเปล่า” บารอนเปเทนพูดโดยไม่ลืมตาทั้งๆที่ไม่มีใครอยู่ในห้อง
‘ครับ บารอน’ เสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาในห้วงความคิดของบารอนเฒ่า
“งานที่ข้าให้เจ้าทำเป็นยังไงบ้าง” บารอนถามผ่านการคุยกันทางโทรจิต
คู่สนทนาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบว่า กำลังหาจังหวะที่เหมาะๆอยู่ เพราะตอนนี้โรงเรียนมีการควบคุมที่หนาแน่นมาก แต่เขารับรองว่าจะไม่ให้บารอนต้องผิดหวังแบบครูจอร์จแน่นอน
“ดี...ดีมาก...” บารอนเอ่ย “สมแล้วที่ข้าวางใจให้เจ้าเป็นผู้จัดการเรื่องนี้”
การสนทนาเป็นไปอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามเงียบไปสักพัก บารอนเปเทนจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น
‘ผมขอตัวก่อนนะครับบารอน’ คู่สนทนาตอบกลับมาอย่างแผ่วเบา บ่งบอกได้ถึงสมาธิที่ไม่คงที่นัก ‘ไม่อยากเชื่อเลยว่าเป้าหมายที่เราต้องการจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาเอง’
สิ้นเสียงที่ดังอยู่ในห้วงความคิด ดวงตาของบารอนเฒ่าก็เปิดขึ้น จากนั้นบารอนเปเทนจึงลุกขึ้นเดินมาช้าๆเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ เพราะการสนทนาเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่มีอายุมากแล้วเช่นเขา
“คิดไม่ผิดจริงๆที่ส่งเจ้าไปยังโรงเรียนนั้น ข้าอยากรู้นักว่าองค์ชายจะทำหน้ายังไง ถ้ารู้ว่าคนที่คิดร้ายกับเขาเป็น...เจ้า”
เด็กนักเรียนปีหนึ่งที่มาพร้อมรุ่นพี่ปีสอง เพื่อหาตัวอย่างเลือดไปเป็นวัตถุดิบในการทดลอง เดินตามรุ่นพี่คาเฟอีนแบบไม่ให้ห่างนัก เพราะไม่ไว้วางใจกับบรรยากาศที่อยู่รอบๆตัว ถึงแม้ว่าดีโน่ จะเคยมายังป่าที่สามารถทะลุไปทะเลสาบทาลาปารัสมาแล้ว แต่ก็ยังตกใจเมื่อได้ยินเสียงมังกรคำราม หรือสะดุ้งเมื่อเสียงไหวของใบไม้ เพราะยังฝังใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเกรงว่าจะมีใครมาทำร้ายเขาอีก
“พวกนายนี่ทำไมขี้กลัวกันจังนะ” คาเฟอีนหันมาถามเพราะรำคาญเสียงอุทานของรุ่นน้องที่ได้ยินมาร่วมยี่สิบครั้งแล้ว “รู้อย่างนี้ฉันไม่ชวนมาด้วยก็ดี”
“ผมว่าเราได้ตัวอย่างเลือดมาพอสมควรแล้วนะครับ” เจสันบอกพลางมองหลอดทดลองที่ผนึกเลือดของมังกรสายพันธุ์ต่างๆมาพอสมควร ซึ่งเขาได้รับมอบหมายให้เก็บไว้
“ยัง! ฉันยังไม่ได้ตัวอย่างที่ต้องการเลย” คาเฟอีนบอกและตั้งหน้าตั้งตาเดินต่อไป
“แต่พวกผมเหนื่อยแล้วนะครับ” ดีโน่และเจสันครวญ
คาเฟอีนกระดกกาแฟที่เตรียมมาก่อนจะบอกให้ทั้งสองคนรออยู่ที่นี่ เพราะถ้าไม่มีพวกเจสัน เขาสามารถหามังกรที่ต้องการและเก็บตัวอย่างเลือดมาได้ภายในเวลาไม่นานนัก จากนั้นจึงเดินทางต่อโดยไม่สนใจว่าทั้งสองคนจะร้องให้รอยังไง เพียงพริบตาเดียวเด็กชายทั้งสองก็ไม่เห็นรุ่นพี่ปีสองเสียแล้ว
“รุ่นพี่นะรุ่นพี่! ทิ้งพวกเราไว้ในที่แบบนี้ได้ไงเนี่ย”
พฤติกรรมทุกอย่างของทั้งสามคนล้วนอยู่ในสายตาของชายในชุดคลุมสีขาว ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการสนทนากับหัวหน้ากลุ่มดราโกลัดมาเมื่อสักครู่ เนื่องจากภายในป่ามีต้นไม้สูงใหญ่อยู่หลายต้น จึงไม่แปลกที่ชายคนนั้นจะอาศัยเงาไม้เป็นที่พรางตัว จากนั้นจึงหยิบหน้ากากมาสวมเพื่อปิดบังตัวจริง
“ไม่นึกเลยนะว่านายจะมาที่นี่” ชายคนนั้นพูดกับตัวเอง “นักเรียนสามคนหลงหายไปในป่า...เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก”
สมาชิกผู้ได้รับมอบหมายมาให้พาตัวองค์ชายมาตัดสินใจ ใช้แผนการที่เพิ่งคิดขึ้นได้ทันที เขานำสร้อยคอออกมาจากเสื้อคลุมและร่ายคาถาเพื่อเรียกมังกรที่ผนึกไว้ออกมา เมื่อสิ้นเสียงของผู้เป็นนาย มังกรสีแดงดุจเพลิงก็พุ่งทะยานออกมาจากอัญมณีที่ประดับไว้บนสร้อย ดวงตาของมันคล้ายกับมีดวงไฟลุกโชนตลอดเวลา ยามที่หายใจก็คล้ายกับลมหายใจนั้นเป็นเปลวไฟ ขนาดของมังกรตัวนี้ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่ามังกรยักษ์ตัวอื่นๆ แต่ขนาดก็พอๆกับม้าตัวใหญ่ได้
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อากูลล์” ชายในหน้ากากเอ่ยกับมังกรพร้อมลูบศีรษะเบาๆ “ไปซะ...เป้าหมายของเจ้าคือเด็กพวกนั้น”
เด็กชายทั้งสองคนนั่งรอรุ่นพี่อยู่บนก้อนหิน พลางคุยกันเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลาและลดความกลัวลงไปบ้าง ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังหัวเราะกันอยู่ ดีโน่เกิดได้ยินเสียงบางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่หลังพุ่มไม้
“รุ่นพี่คาเฟอีนหรือเปล่าครับ” เจสันร้องถามเมื่อดีโน่บอกว่าได้ยินเสียง “อย่าเล่นแบบนี้น่า”
สีหน้าของทั้งสองเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยูหลังพุ่มไม้ไม่ใช่รุ่นพี่ แต่เป็นมังกรตัวใหญ่ที่จ้องมองมายังพวกเขาคล้ายกับว่าเห็นเป็นอาหารอันโอชะ
“นายว่ามังกรตัวนี้กินพืชหรือกินเนื้อ” ดีโน่ถามเจสันด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฉันว่านายไม่ต้องถามก็ได้” เจสันตอบและเอื้อมมือมาสะกิดดีโน่ “วิ่ง! ถ้าไม่อยากเป็นเนื้อย่าง!”
เจสันคว้าข้อมือดีโน่และกระโจนออกจากที่ยืนเมื่อสักครู่ทันทีเป็นจังหวะเดียวกับอากูลล์พ่นไฟออกจากปาก ทำให้ทั้งสองรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ระหว่างที่ทั้งสองกำลังวิ่งหนีสัตว์ร้ายที่วิ่งตามมา เจสันบอกว่ามังกรตัวนี้เป็นมังกรพันธุ์ผสมระหว่าง ‘กีต้า’ และ ‘แพร์ซัส’ ซึ่งเป็นมังกรที่เหมาะกับการเป็นสู้รบเพราะมีความสมดุลในด้านต่างๆ โดยมีถิ่นที่อยู่แถบภูเขาไฟหรือทะเลทราย แต่ไม่มีใครเคยได้เจอในป่า
“แล้วทำไมเจ้าตัวนี้ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ดีโน่ร้องถามพลางหลบไฟที่อากูลล์พ่นใส่
“ไม่รู้สิ! ถ้าไม่หลงมากคงมีใครคลายผนึกมันที่นี่!”
คำตอบของเจสันทำให้ดีโน่คิดถึงเรื่องราวเมื่อเทอมที่แล้วขึ้นมาทันที และรู้ว่าตอนนี้มีใครบางคนจ้องเล่นงานเขาอยู่
“เจสัน รีบหนีไป! เป้าหมายของมันอยู่ที่ฉัน”
เจสันปฏิเสธและเข้ามาผลักดีโน่ไป ก่อนจะถูกต้นไม้ที่โค่นเพราะแรงกระแทกของอากูลล์ล้มทับ พร้อมบอกว่าเขาจะไม่หนีถ้าไม่มีดีโน่ไปด้วย เด็กชายทั้งสองพยายามคิดวิธีที่จะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จนดีโน่บอกให้เจสันพาเขาไปยังทะเลสาบทาลาปารัส
“เร็วเถอะ! เอโลดาร์ น่าจะช่วยเราได้”
ในความคิดของดีโน่ตอนนี้คิดถึงมังกรผู้พิทักษ์ทะเลสาบ ที่เคยทำร้ายเขาเนื่องจากเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ที่หมายปองสมบัติมาครั้งหนึ่ง ซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลสาบทาลาปารัส ดังนั้นจึงให้เจสันที่ช่ำชองสถานที่เนื่องจากหมั่นดูแผนที่ของโรงเรียนบ่อยๆ จนดีโน่มั่นใจว่าต้องรู้เส้นทางที่จะไปยังทะเลสาบทาลาปารัสแน่นอน
“นายแน่ใจนะ” เจสันถามอย่างรวดเร็ว และเมื่อเห็นดีโน่พยักหน้าจึงหันหลังและบอกให้ดีโน่ตามเขามา
เด็กชายทั้งสองวิ่งอย่างสุดแรงเกิดเพื่อให้ไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่ไกล แต่ทั้งคู่ต้องพุ่งหลบไปคนละทางเมื่อเปลวไฟสายหนึ่งพุ่งมาขวางหน้าไว้ ดีโน่และเจสันค่อยๆลดมือที่ยกขึ้นมากันหน้าลง และพบว่าเปลวไฟเมื่อสักครู่คืออากูลล์ที่กลายร่างมาดักหน้าพวกเขาไว้นี่เอง
มังกรสีแดงยกหนึ่งในเท้าทั้งสี่กระแทกลงไปที่พื้นเพื่อให้ไฟที่ห้อมล้อมร่างของตนหายไป จากนั้นจึงย่างก้าวเข้ามาหาเจสันเพื่อเผาให้มอดไหม้
“หนีไปสิเจสัน! หนีไป!” ดีโน่พยายามจะลุกขึ้นไปช่วยพื้นแต่พบว่าขาตนเองแพลงเนื่องจากหกล้มเมื่อสักครู่
แต่เจสันเองก็ถูกกิ่งไม้บาดจนเป็นแผลยาวทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวได้ เด็กชายใส่แว่นหันมายิ้มให้กับเพื่อนรักพร้อมบอกว่าเขาจะเป็นเหยื่อล่อให้ และให้ดีโน่ไปขอความช่วยเหลือจากเอโลดาร์
เด็กชายใส่แว่นเอื้อมมือหยิบก้อนหินและเขวี้ยงใส่อากูลล์เพื่อดึงความสนใจ ทำให้มังกรเพลิงจ้องมองมายังเจสัน ดวงตาที่ลุกโชนด้วยเพลิงแห่งโทสะ ทำให้อาดูลล์คิดจะใช้เท้าอันกำยำเหยียบเจสันให้จมธรณีแทนที่จะใช้เพลิงอย่างที่ตนเองถนัด แต่แล้วกลับเกิดระเบิดขึ้นที่แผ่นหลังของอากูลล์ทำให้มันเซล้มลง
“ท่าทางกำลังสนุกเลยนะ” เสียงที่ทำให้เด็กทั้งสองใจชื้นดังขึ้น
คาเฟอีนยืนกระดกกาแฟกระป๋องอยู่ข้างต้นไม้ต้นหนึ่ง เด็กทั้งสองพยายามพยุงตัวขึ้นมาหารุ่นพี่และเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น
“มังกรตัวนี้จะเป็นของใครฉันไม่สนหรอกนะ” คาเฟอีนพูดและโยนกระป๋องกาแฟทิ้ง แต่ยังไม่ทันที่กระป๋องจะตกถึงพื้นก็เกิดระเบิดขึ้น ทำให้กระป๋องสลายกลายเป็นฝุ่น “ฉันจะไม่อภัยให้คนที่มาทำร้ายรุ่นน้องและผู้ช่วยฉันเด็ดขาด”
ความคิดเห็น