ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    retake resurrection

    ลำดับตอนที่ #8 : คอยก่อน

    • อัปเดตล่าสุด 20 มิ.ย. 54


      เขารู้สึกได้เสมอว่า สิ่งที่คนเรามีแต่ลืมสังเกตคือกลิ่น อาศัยกลิ่นเราสามารถบอกได้หลายๆอย่างทั้งคนคนนั้นกินอะไร ไปที่ไหน หรือผ่านสถานที่เช่นใด เช่นถ้ากินข้าวอาจได้กลิ่นเครื่องแกงหรือน้ำมันพืช ถ้าอยู่ในรถมาอาจได้กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศ หรือ ไปที่มีฝุ่นควันมาก็อาจจะได้กลิ่นเช่นเดียวกับสถานที่ที่ไป เช่นกลิ่นขนมปังจากร้านขนมปังสิ่งแตกต่างเล็กๆน้อยจะช่วยบอกรายละเอียด ได้ แต่ด้วยความเขลาของตัวไตรภูมิเองที่ แยกแยะข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ลำบากมาก

     

      มันมีนิทานเรื่องหนึ่งที่เป็นบทเรียนสอนใจไตรภูมิมาตลอดว่าเราควรระวังในสิ่งที่เราปรารถนา ให้ดีๆ เพราะเราอาจจะสมหวังจริงๆ เขาเคยหวังว่าตนเองบางครั้งจะได้อยู่ในฐานะแบบพระเอก และได้พูดอะไรแบบพระเอกกับเขาบ้าง แต่ไม่ใช่ในสภาพที่ไม่ได้แปรงฟันอย่างนี้เว๊ย  ไตรภูมิคิดในใจขณะที่คอยให้รัตติกาลหยุดร้องไห้ก่อน

     

     

          เหลือเวลาอีก 4ชั่วโมงกับอีก55นาที จนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น

     และเขายังทำการบ้านไม่เสร็จเลย

     

      หญิงสาวร้องไห้ แบบไม่มีเสียงออกมาอีกสักครู่หนึ่งเขาไม่เข้าใจความรู้สึกนี้เลย ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเขาแท้ๆแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเศร้าไปกับเธอด้วยในเวลาที่เธอเศร้ากันนะ

     

    ...บางทีอาจเป็นเพราะยิ่งเธอเศร้านานผมก็อาจเศร้าตามไปด้วย หรือบางทีเพราะเธอเศร้านาน ผมก็จะเสียเวลาตรงนี้นานขึ้นนั่นเอง

     

      กลิ่นจากร่างกายเธอเป็นกลิ่นหอมอ่อน เมล็ดงา  น้ำผึ้ง โลชั่น ยี่ห้อ a นี่เอง กับ สบู่ d  ไม่สิผสมด้วยน้ำยานวดผมด้วยสินะ แย่ๆจริง ทั้งที่มีกลิ่นประมาณ ห้าชนิดแท้ๆเราแยกออกได้แค่สองชนิดเองหรือนี่ เรานี่เรียนรู้มาเท่าไร ก็ยังโง่เขลาอยู่เสมอเลยจริงๆ

     

       ผมยาวสลวยของเธอ ดำขลับยาวถึงกลางหลังผ่านไหล่อันสวยงามของ เธอ แม้เห็นภายนอกบอบบางแต่ เขารู้ได้จากประสบการณ์การประเมินวิชาต่อสู้ของเขา เธอมีพื้นฐานร่างกายที่แข็งแรง เป็นรูปร่างของนักกีฬา ซ่อนอยู่ในรูปร่างที่มองผิวเผินเหมือนบอบบาง

     

      เขาได้ข่าวมาบ้างว่าเธอ เป็นที่นิยมชมชอบในหมู่นักเรียนชายที่ไม่ได้เป็นแต๋วมาก แต่เธอ ก็มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับคนทั่วไปมาก อยู่ในรูปแบบ แม้ไม่ได้ชอบใคร แต่ก็ไม่ทำให้คนที่คุยด้วยรู้สึกถูกตัดรอน เป็นคนที่จิตใจดีโดยช่วยเหลือกลุ่มกิจกรรมต่างๆในโรงเรียนอยู่เสมอ

     

      เขาไม่แปลกใจ ที่เธอเสียใจจนร้องไห้ ถึงแม้ว่าในสถานการณ์ต่างๆที่ผ่านมาจะไม่เคยได้ยินว่าเธอเคยร้องไห้ให้ใครเห็นมาก่อนก็ตาม เพราะไม่ว่าใครก็ต้องมีเรื่องกลุ้มใจกันทั้งนั้น แต่จะแปลกใจก็มีอยู่บ้างที่ ทำไมต้องเป็นผมเท่านั้นแหละ

     

       จากร้องไห้แบบไม่มีเสียงก็เริ่มมีเสียงสะอื้นออกมาบ้าง ไตรภูมิมองไม่เห็นสีหน้าของเธอจากตรงนี้ แต่ก็พอเดาได้จากแผ่นหลังที่สั่นระริก เขาลูบปลายผมของเธอเบาๆ แบบเดียวกับที่ญาติผู้ใหญ่ ลูบหัวตอนเขาตกไปในบ่องู หลังป่าเขียว  การสัมผัสอย่างอ่อนโยนจากญาติผู้ใหญ่มีผลกว่าคำพูดปลอบใจนับสิบคำเสียอีก

     

     

       ฮึก ฮึก ฮึก เสียงสะอื้นยังไม่หยุด ซึ่งเขารู้ดีถึงวิธีแก้ คอยเวลาให้ผ่านไป เขาก็ได้แต่หวังว่า เธอคงไม่ร้องไห้นานเท่าตัวเขาเคยร้องนานที่สุดหรอกนะ (สามวันกับอีกสองคืน)

     ไม่อย่างนั้นคนที่อยากร้องไห้ซะเองคงเป็นตัวเขานี่แหละ

     

       คอยอีกประมาณ ยี่สิบนาทีผ่านไป

    ............................

     

       รู้สึกเหมือนเธอ จะเริ่มพูดได้อีกครั้งแล้ว เขาต้องระวังเป็นอย่างดีไม่อย่างนั้นถ้าสื่อสารกันได้ไม่ดี เขาอาจจะต้องกลับไปคอยเป็นอย่างต่ำอีกยี่สิบนาทีแน่ๆ

      “เอ่อ..อย่าเศร้าไปเลยครับต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแน่นอน”

     

           ผมลองพูดประโยคมาตรฐานไป แต่ ท่าทางจะพลาดแฮะ

     เธอที่เริ่มหายจากอาการสะอื้นแล้ว กลับสะอื้นหนักกว่าเก่า เวรกรรม

    ......................15นาทีผ่านไป.............

     เอาละคราวนี้ตูไม่พลาดอีกครั้งแน่ๆ 

    ....

     เงียบครับ เขาใช้ยุทธวิธีเดียวกับปรัชญาเซน เงียบถึงที่สุดจนกว่าอีกฝ่ายจะหมดความอดทนและพูดออกมาเอง เป็นวิธีที่เหมือนง่ายแต่ยากที่สุด  ถึงจะรู้วิธีแต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้  เขาไม่ใช่คนที่มีความอดทนมากแต่ตอนนี้มันไม่มีทางเลือกจริงๆนอกจากคอยเธอบอกกล่าวปัญหาออกมาเอง

     

     

       เธอ ...รู้ไหมว่าเอกน่ะ...เขา เธอพูดเสียงสั่นเล็กน้อย แต่นับเป็นสัญญาณที่ดีที่เขาจะได้จบเรื่องนี้เสียที

         หยุดอยู่แค่นั้นเลยครับ ไตรภูมิ ชี้นิ้วปิดริมฝีปากของตนแสดงความหมายว่าไม่อยากพูด

      ถ้าต้องการปรึกษาเรื่องแฟนอย่ามาพูดกับผมครับ นั่นคือ นโยบายของผม ไตรภูมิ เอ่ยอย่างหนักแน่น สายตาจ้องไปที่ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาเล็กน้อยของรัตติกาล  ก่อนจะใช้มือประคองเธอออกไป หันหน้ามาพูดคุยกับไตรภูมิตรงๆไม่อย่างนั้นการพูดคุยคงเป็นสภาพที่เธอ ซบอกเขาแล้วปรึกษาเรื่องราวแน่ๆ ไม่ใช่สิ่งที่เขาปรารถนาเลยแม้แต่น้อย

     

      ใบหน้าของเธอ แสดงอาการแปลกใจ เธอนี่เป็นคนแปลกจังนะ เธอเอ่ยด้วยเสียงที่มั่นคงขึ้น

     

     เขากัดริมฝีปาก เทพารักษ์ ปากมาก พูดอย่างร่าเริงเห็นไหมข้าบอกแล้วว่าเอ็งน่ะแปลก

     

      ผมเป็นคนปกติที่พยายามแก้ปัญหาด้วยเหตุผลครับ ถ้านั่นแปลกก็ขออภัยด้วย ไตรภูมิ เอ่ยอย่างสุภาพ เหมือนกับตอบรัตติกาล แต่ก็เหมือนกับตอบเทพารักษ์ไปด้วย

     

      เธอนี่เป็นคนดีกว่าที่คิดนะ

     

    (กว่าที่คิด แปลว่าเธอ คิดว่าเราเป็นคนอย่างไหนกันล่ะ)

    เอ่อขอบคุณที่ชมครับ

     

    ถ้าเป็นคนอื่น คงพยายามปลอบใจฉัน และแสดงตนเองว่าเป็นคนดีไปแล้ว คิดอีกที เธอว่าตัวเองงั่งหรือเปล่า ไม่เคยได้ยินหรือว่าผู้หญิงที่อกหักจีบง่ายที่สุดนะ

     

    (อะไรกันเดี๋ยวก็ชมเดี๋ยวก็ด่า จะว่าไปแล้วเราก็แค่ทำสิ่งที่เป็นตัวเราทำไม ถึงว่าเรางั่งกันนักนะ ไม่เข้าใจจริงๆ)

      เอ่อ ก็คงจะจริงน่ะ ครับ แต่ผมทำทุกอย่างโดยไม่ได้คิดว่าจะทำร้ายใครถ้า นั่น เป็นความงั่งละก็ ก็คงจะจริงล่ะครับ  ไตรภูมิกล่าวอย่างครุ่นคิด

     

       หรือ จริงๆแล้วเธอ อาจคิดว่าฉันไม่น่าจีบก็ได้

     

      ก็คงจะอย่างนั้นล่ะครับ (ชิบ ซวยแล้วดันเผลอติดนิสัยเออออ ตอบไปกับคนพูด)

     แต่ก็อย่างที่ไตรภูมิรู้ดี ของบางอย่างพูดไปแล้วมันย้อนกลับมาไม่ได้

      หา ว่าไงนะนายอยากตายใช่ไหมนี่ถึงพูดกับฉันอย่างนี้ไตรภูมิโดนกระชากคอเสื้อไปมาอีกครั้ง เวรกรรมซวยจริงตู

     

      เอ่อ ขอโทษครับ พอดีผมโกหกใครไม่เป็น ไตรภูมิเอยอย่างกล้าๆกลัวๆ

    หา ว่าอีกทีสิคะ ฉันได้ยินไม่ค่อยชัดเลย เล็บที่ตัดแต่งอย่างดี บนนิ้วมือที่ขาวนวลแต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแรงขนาดนี้ ให้ไตรภูมิต้องพิจารณา คำตอบที่ตนเองจะตอบต่อไปดีๆกว่านี้ ซะแล้ว เห็นอย่างนี้แล้วเราก็เป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความขัดแย้งจบลงนะ แต่การโกหกอยากจะเลือกไว้เป็นหนทางสุดท้ายเท่านั้นเอง

     

    เออ ผมบอกว่า เธอเป็นคนสวยมากครับ  สวยประมาณว่า ผู้ชายในห้องของผมหลงคุณกว่าครึ่งทีเดียว และ... และ เอ่อ.. แต่.. ไตรภูมิตะกุกตะกัก พยายามคิดเหตุผลที่บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น

     

      แต่อะไรนะ ไตรภูมิถอยหลังไปเล็กน้อยเพราะหญิงสาวเข้ามาใกล้ ดวงตาทั้งคู่ของเธอจ้องมองที่เขา ใกล้จนเขารู้สึกได้ถึงลมหายใจของเธอ ...มินท์ หมากฝรั่ง อิจฉาจังคนที่มีเวลาแปรงฟันนี่

     

      แต่ผม ไม่ใช่คนที่ชอบฉวยโอกาสน่ะครับ แหมผมนี่ โชคร้ายจริงๆ ถ้าสถานการณ์ ที่เจอกันเป็นแบบอื่นก็ดีสิครับ   ไตรภูมิแก้ตัว ปกติเขาเป็นคนที่รังเกียจการโกหก และรังเกียจการบอกความจริงครึ่งเดียวมาก

     

        เพราะถือ คติว่า   half truth is liar  แต่พูดแบบแปลได้สองอย่าง อย่างนี้น่าจะเป็นการประนีประนอมที่ดีสำหรับสถานการณ์นี้

     ประโยคที่ได้ฟังกับประโยคก่อนหน้าสามารถทำให้คนฟังเข้าใจว่าถ้าเจอในสถานการณ์อื่น เขาอาจจะจีบเธอ

     แต่สำหรับเขาแปลว่า ถ้าเจอในสถานการณ์อื่นเขาจะได้รีบเดินผ่านไปโดยเร็ว การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนคือนิสัยของเขา แต่ การหลีกเลี่ยงปัญหาก็คือนิสัยของเขาเหมือนกัน นี่แหละ ไตรภูมิล่ะไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ตนทำเป็นเรื่องดีหรือร้ายเขาแค่ทำในสิ่งที่ต้องทำ

     

        อืม ถ้านายทำตัวดี ก็อาจรับไว้พิจารณานะ เธอ เอ่ย อย่างยิ้มแย้ม รอยยิ้มของเธอช่างสวยงามจริงๆ

     จริงหรือ ครับ ดีใจจังเลย ไตรภูมิยิ้มอย่างดี ใจเรื่องแรก เธอ ปล่อยมือจากคอเขาแล้วเรื่องที่สอง แปลว่า ถ้าเขาทำตัวแย่ ก็จะได้บอกลากันซะที

     

        ดีใจที่ได้คุยนะครับ ไปล่ะครับ ไตรภูมิค้อมศีรษะอย่างสุภาพก่อนจะหันหลังหิ้วกระเป๋าไป จาก ดาด ฟ้า

      

     

     เฮ้ เดี๋ยวสิคอยก่อน

     

    .............................


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×