คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ราตรี ตอนที่สอง
อย่างที่ทุกท่านที่เรียนเวทมนตร์พื้นฐานมาบ้างแล้ว นามมีผลมากต่อ อัตตาของเรา บางวัฒนธรรม มีการเก็บนามไว้เป็นความลับและใช้ นามที่สองเป็นชื่อเรียก
นามมีผลผูกพันอัตตาและจิตวิญญาณของเรา จึงมีตำราที่ห้ามเรื่องหากมีเสียงร้องทักในเวลากลางคืนเราห้ามส่งเสียงกลับไปนั่นเอง เพราะเราจะตกใต้อำนาจของผู้ร้องเรียก
และอย่างที่สอง มีคำกล่าวไว้ว่าเราไม่สู้กับผีเจ้าของที่ เรื่องที่หมอผีส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงจากการสู้กับผีเจ้าของที่ เพราะอัตตาของเจ้าของที่ ที่ผูกพันกับที่ดินมีความรุนแรงมาก หากเรียกเป็นภาษาเกมส์ ก็เรียกว่าได้ค่าสถานะบัฟจากพื้นที่
เป็นสิ่งที่หมอผีมือฉมังหรือมือสมัครเล่นก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่สู้กับผีเจ้าของที่ในที่ของเจ้าของที่
ซึ่งผมก็เป็นคนโง่เขลาสุดเปรียบปรานที่รู้เรื่องทั้งหมดที่ว่ามานี้ ก็ยังทำพลาดได้ ข้าเรียนตำรามามากเท่าไรความโง่เขลาแห่งข้าก็ยิ่งลึกล้ำขึ้นเพียงนั้น
“เอาล่ะจูบสาบานสิ”เทพารักษ์พูดอย่างยิ้มแย้ม ท่าทางท่านคงเอาเวลาไปดูหนุ่มสาวพลอดรักกันในโรงเรียนมากกว่าจะช่วยเรื่องแก้ปัญหาสินะ ทีอย่างนี้ล่ะตาลุกวาวเชียวนะ
“ผมไม่ฉวยโอกาสกับผู้หญิงครับ” เขาถอนหายใจ ใช้วิธีนี้ดีกว่าบ้าเอ๊ย
เขานึกอักขระในใจและเพ่งสมาธิ ทำวงกลมและรอยขีดเหนือท้องแขนของตน
ทันใดมีเลือดไหลซึมออกมาจากท้องแขนของเขาโดยไม่มีบาดแผล
เลือดเขา หยดและค่อยๆไหลจนยาวเป็นเมตรรัดพันร่างของราตรีเอาไว้ จนร่างที่เป็นตัวตนของเธอเปล่งแสงสีแดงจนแทบมองทะลุได้
ทันใดนั้น เธอก็ทรุดเข่าลงกับพื้น
ร่างกายของเธอสั่นสะท้านจนแทบยืนไม่อยู่ ตัวของเธอสั่นระริก
“เจ้านี่เป็นคนโหดจริงนะ เล่นทำพันธะสัญญาโลหิตเลยหรือนี่ แถมทำกับเจ้าของที่ดินต่อหน้าเทพารักษ์อย่างข้าซะอีก เล่นผูกพันกันสามชั้นเลยนะนี่”
“ ก็เป็นทางเดียวที่จะให้เธอหลุดพ้นได้นี่ครับ เราต้องบำเพ็ญเพียรในภพภูมิแห่งมนุษย์เท่านั้น ถึงจะสามารถ ฝ่าบ่วงกรรมไปได้” ไตรภูมิถอนหายใจ ถ้าเธอ ยอมไปเกิดดีดีได้ เขาคงไม่ใช้วิธีนี้เขารู้สึกว่า มีอะไรบางอย่างที่เขาทำได้มากกว่านี้
(มนุษย์คือหนึ่งในเหล่าสรรพสัตว์ที่เข้าถึงนิพพานได้ เปรตและสัตว์นรกทนทุกข์ทรมาณมากเกินกว่าที่จะพัฒนาตนเอง สัตว์ ถูกบดบังด้วยสัญชาตญาณ อสูรลุ่มหลงในอำนาจ เทวดาสุขสบายเกินไปจนขาดการบำเพ็ญเพียร ไม่ได้หมายความว่าภพอื่นจะบำเพ็ญเพียรไม่ได้ เช่นเทวดาก็สามารถบำเพ็ญเพียรได้แต่น้อยกว่ามนุษย์ เพราะขาดสัญญา ของมนุษย์ที่ผ่านการขัดเกลาทางจิตได้ดีกว่า หรือพญานาคที่เป็นกึ่งเทพกึ่งสัตว์ มีฤทธิ์มากแต่ก็ยังบดบังได้ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ป่าและชอบมาสมสู่กับมนุษย์ในเมืองมนุษย์เสมอ จากตำนานที่พญานาคพยายามจะบวชแต่สัญชาตญาณทำให้คืนร่างเป็นพญานาค)
ไตรภูมิ แทบเสียเวทมนตร์ไปหมดก็จริงแต่บางอย่างเขาก็ก้าวข้ามไปแล้ว เช่น ศาสตราวุธไม่อาจทำร้ายเขาได้ แต่แรงกระแทกทำให้บาดเจ็บได้ สิ่งที่ไม่ใช่อาวุธก็สามารถฆ่าเขาได้ ในอดีตมีผู้คงกระพัน หลายคนตายเพราะโดนครกตำและสากสวนทวารจนตาย
แค่คงกระพันฟันแทงไม่เข้าน่ะ ในโลกเวทมนตร์ เอาตัวรอดไม่ได้หรอกครับ
( พวกคนที่ฟันแทงไม่เข้าอย่างไตรภูมิ จะต้องใช้พิธีกรรมของตนเองในการตัดผมและตัดเล็บและต้องรักษาผมหรือเล็บของตนที่ตัดอย่างดีเพื่อไม่เปิดโอกาสให้ผู้อื่นไปทำอาคมใส่ตนเองได้-ผู้เขียน)
เขาถอดเสื้อนอกออก มาคลุมให้ราตรี ที่ใส่เสื้อผ้าบางเบานั้น ลมกลางคืนหนาวยะเยือกคนที่ได้ร่างกายคืนมาใหม่ๆไม่ค่อยชินหรอก เขายังต้องใช้เวลาสักพักเลยกว่าจะเดินได้ตามปกติ ไม่ใช่ เรื่องง่ายเลย
“ไม่ต้องรีบร้อนหรอกครับ ค่อยๆยืนนะ” ไตรภูมิค่อยๆลูบหลังเธอและถ่ายทอดพลังปราณที่เขามีน้อยนิดไปให้เธอค่อยๆรู้สึกอบอุ่นขึ้นบ้างก็ยังดี
“ อะ อ๊า อะ อ๊า”
“ใจเย็นๆครับ ทำใจให้สบายเดี๋ยวก็ชิน พยายามนึกถึงภาพกล้ามเนื้อและข้อต่อไว้ครับ ถ้าลมปราณ ไหลผ่านร่างกายสักสองสามรอบ เธอก็จะรู้สึกถึงร่างกายได้ดีขึ้น”
ไตรภูมิพูดขณะค่อยๆเดินลมปราณผ่านจุดชีพจรที่กลางหลังหากเป็นคนที่ฝึกยุทธทั่วไป การต่อสู้ปลดปล่อยพลังลมปราณเรื่องหนึ่ง แต่ถึงขั้นการเดินลมปราณกรุยชีพจรไปด้วยปากว่ากล่าวไปด้วยได้ มีแต่คนที่ฝึกปรือมาจนเชี่ยวชาญแล้วเท่านั้นถึงจะทำได้
การฝึกลมปราณคือการเรียนรู้ว่าร่างกายของตนประกอบด้วยอะไรทำให้เราสามารถควบคุมร่างกายตนเองได้
“ผิดแล้วไอ้หนูไม่ใช่ควบคุมแต่เป็นหนึ่งเดียวต่างหาก” เสียงแป๊ะ ดังขึ้นมาในหัวของเขา เขาเห็นไม่ตรงกับแป๊ะในข้อนี้
แต่เพราะเห็นต่างนั่นแหละทำให้มีการพัฒนาเขาจดข้อแตกต่างทางแนวคิดไว้เพื่อสามารถนำออกมาดูและศึกษาในอนาคตได้
นี่คือสาเหตุที่วิชาในอดีตสาบสูญเพราะขาดการคิดค้นให้ก้าวหน้าและการถ่ายทอดเป็นวงกว้าง แต่เราจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำสอง เราในฐานะผู้ฝึกยุทธทั้งหมดจะก้าวไปด้วยกัน
แป๊ะได้ตีหัวเขาและตอบว่า ถ้าทำอย่างนั้นเจ้านั่นแหละที่จะกลายเป็นศัตรูโดยรวมของยุทธภพในอนาคต
แต่ดูตอนนี้สิ จากการคิดค้นการเดินลมปราณรูปแบบพื้นฐานมานาน เขาสามารถถ่ายทอดลมปราณเพียงเล็กน้อยในการช่วยเหลือคนปกติไม่มีลมปราณให้เลือดลมเดินได้สะดวก ด้วยวิธีที่ ผู้ฝึกยุทธสมัยก่อนทำไม่ได้หากฝ่ายตรงข้ามที่ถ่ายทอดปราณให้มีร่างกายอ่อนแอ แต่เพราะการค่อยๆเรียนรู้ของผม ผมสามารถถ่ายทอดปราณบางส่วนได้โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อผู้ถ่ายทอดแล้ว
กฎความปลอดภัยและผลข้างเคียงคือกฎข้อที่ศูนย์ที่มาก่อนอย่างอื่นทั้งหมดเพราะถ้าฝึกยุทธที่มีเป้าประสงค์ให้ร่างกายแข็งแรงกับเป็นการทำร้ายคนซะเอง เขาจะฝึกยุทธไปทำไมถ้าช่วยเหลือคนไม่ได้
อา สีหน้าของราตรีเริ่มมีสีเลือดของร่างกายมนุษย์ดูจากภายนอกเธอจำแลงกายได้คล้ายมนุษย์โดยส่วนใหญ่แล้ว แม้จะไม่อาจหลบสายตาของจอมขมังเวทย์และผมไปได้ แต่ น่าจะพอหลบสายตาคนธรรมดาที่ไม่ช่างสังเกตไปได้
เธอเรียนรู้ร่างกายอีกครั้งอย่างรวดเร็วกว่าที่ผมคิด การที่เคยผ่านขั้นตอนนี้มาทำให้ผมรู้ว่ายากแค่ไหน ขาของเราจะเหมือนไม่ใช่ขาของเรา รู้สึกว่าร่างกายของเราเป็นสารบวมหนักมีน้ำอยู่มากในตัว เจ็บปวดทรมาณที่ถูกผูกพันด้วยกายเนื้อ ความรู้สึกรำคาญ และคันยิบๆตามกายเนื้อ
กล่าวโดยสรุป คือร่างที่เป็นทิพย์จะไม่มีความรู้สึกเหล่านี้ อย่างร่างมนุษย์ หากคนที่ร่างเป็นทิพย์อยากกลับเข้ามาสู่ร่างกายมนุษย์อีกครั้ง ต้องผ่านขั้นตอนการปรับสภาพที่รู้สึกอึดอัดนี้ไป
นี่คือเหตุผลที่คนตายแล้วไม่อยากกลับเข้าร่างอีกต่อไป(อาจเป็นเพราะร่างไม่อยู่ในสภาพที่น่าพิสมัยเช่นแขนขาหลุดไปคนละทางเป็นต้น)
เจ้าก็รับเธอ เป็นคู่ชีวิตเสมอด้วยภรรยา โดยผูกพันกันตามสายเลือดแล้วนะ
ไตรภูมิกล่าวว่า ไม่ครับ การให้ชีวิตและสายโลหิต ตามรูปแบบความสัมพันธ์ เทียบได้กับบิดากับบุตร ไม่ใช่สามีภริยา
“ แต่เจ้าลืมไปหน่อยมั้ง เจ้าให้เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายเธอนั่นคือรูปแบบความสัมพันธ์สามีภริยา” เทพารักษ์กล่าวอย่างผู้รู้ ถึงจะภายนอกเป็นตาแก่ แต่ภายในเขาคือเทพารักษ์ที่คุ้มครองสถานที่นี้เรื่องวิทยาอาคม เชี่ยวชาญปรุโปร่ง
ชิบ ลืมไป
“ผมให้ชีวิตและโลหิตก่อนครับ ความสัมพันธ์นี้ไม่หายไปไหน คือคุณลักษณะของบุพการี”
“แปลว่าเจ้าจะถือครองทั้งสองสถานะเลยสินะไม่เลวเป็นการทำสัญญาไว้สองชั้นก็สะดวกไปอีกแบบ หมายความว่าเจ้าทั้งสามารถสั่งได้ในฐานะเหนือกว่าและในฐานะเท่าเทียมด้วย เจ้ายอมรับใช่ไหมราตรี”
ราตรีค่อยพยุงร่างกายขึ้นร่างแบบางสั่นเล็กน้อยจากการไม่ค่อยชินกับกายเนื้อ จะว่าไปแล้วผมก็พูดตลก ใครชินกับกายเนื้อบ้างล่ะ มันไม่สะดวกเท่ากับกายทิพย์เอาซะเลย
“ขอบคุณมากครับ ท่านเทพารักษ์ “ ไตรภูมิก้มศรีษะขอบคุณอย่างนอบน้อม คุณควรสุภาพต่อผู้ที่มีอำนาจขนาดสามารถชกคุณตายได้ในหมัดเดียว
“ไม่เป็นไร” เทพารักษ์ยิ้มอย่างยินดี
“เพียงแต่คราวหน้าเจ้าอย่าฆ่าตัวตายอีกก็พอ” แน่ะยังไม่เลิกพูดเรื่องนี้อีก
ผมแค่ซึมเศร้าไม่ได้ฆ่าตัวตายโว๊ย ทำไมไม่มีใครฟังบ้างแต่ช่างเถอะพูดเรื่องที่ตรงประเด็นเลยละกัน
“ท่านเทพารักษ์ครับขออนุญาตเรียนถามบางเรื่องได้ไหมครับ”
ไตรภูมิเอ่ยอย่างสุภาพพยายามใช้จังหวะนี้พูดในสิ่งที่คิดว่าสมควรที่สุด เขาหาโอกาสบางสถานการณ์มาที่จะพบกับเทพเจ้าของที่ดินแต่พวกนี้มักติดนิสัยชอบปลีกวิเวกหรือ ต้องทำพิธีขนานใหญ่เพื่อพบและพูดคุย แต่บางทีก็ปรากฎให้คนพบง่ายๆตามแต่อารมณ์เช่นตอนนี้นั่นเอง
ความคิดเห็น