ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    retake resurrection

    ลำดับตอนที่ #11 : ราตรี ตอนที่หนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 30 มิ.ย. 54


    ไตรภูมิ รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่มีคน(?)ยื่นจมูกเข้ามาใกล้หน้าเขาอย่างนี้

               

      เขานิ่งเฉยอยู่พักหนึ่งครุ่นคิดอย่างจริงจังกับเรื่องที่เธอ บอกเต็มๆถึง 5นาที ก่อนจะปฎิเสธไป

     

       ขออภัยครับ  ผมมีธุระต้องทำหลายอย่างในร่างมนุษย์นี้  คงช่วยคุณในเรื่องนั้นไม่ได้”

     

       ไตรภูมิบอกอย่างสงบราบเรียบในน้ำเสียง ไม่มีวี่แววการล้อเล่นในคำพูดของเขา

     ใครจะเอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่นบ้างล่ะ

     

       ท่าทางเธอจะผิดหวังเลยทำสีหน้าหม่นหมองลง

     

      ก็ .. ก็ นึกอยู่แล้ว เหมือน กะ กัน ฮึก ฮึก เธอเสียงสั่นเครือและเริ่มร้องไห้ ทำไม มีผู้หญิงมาร้องไห้ต่อหน้าเราบ่อยจังฟะ

     

      ฮื ฮือ .. ได้ฟังเสียงร้องไห้ นี้ก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ นี่เองหรือคือเสียงที่เราได้ยินเป็นบางทีตอนมาดูภาพยนตร์ในห้องโสตทัศนศึกษา

     

       ขอโทษด้วยจริงๆครับ ไตรภูมิ ขอโทษอย่างจริงใจแม้จะรู้สึกแปลกๆที่ต้องมาขอโทษที่ตนไม่อยากตายอยู่เหมือนกัน

     

       ฮื ฮือ เธอใจดีจริงๆ ... ปกติ พอ ฉันไปให้คนเห็นหน้าพร้อมกับพุดอย่างนี้ พวกเขามักหนีไปทุกทีเลย มีแต่เธอ นี่แหละที่คุยกับคนอัปลักษณ์อย่าง ฉันอยู่ เธอร้องไห้พร้อมกับพูดระบายความในใจไปเรื่อยๆ

     

       เอ ความอัปลักษณ์ หรือสวยงามเป็นเรื่องนามธรรมครับ เราตัดสิน จากมาตรฐานของตนเองนั้นลำบาก คุณสวยงามเสมอแหละครับในสายตาของคนที่รักคุณ ( แม้คนที่มีใจเป็นกลางและปราศจากอคติจะเห็นไปอีกอย่างก็ตาม) ไตรภูมิ เอ่ยอย่างปลอบประโลม เฮ้อ เขาทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าพยายามปลอบใจแต่ผลก็ออกมาเป็นทำให้ผู้หญิงร้องไห้หนักขึ้นเป็นอย่างนี้ทุกทีเลย

     

       จนเขาคิดขึ้นมาได้ว่าจะลองเอาเรื่องในวันนี้ไปจดบันทึกและเปรียบเทียบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดกว่าทุกทีดีกว่า

     

       ความเศร้าไม่มีทางจางหายแม้ตายไปแล้ว เขารู้ดีอยู่ แต่บางทีก็รู้สึกเจ็บในอกขึ้นมาลึกๆที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ แต่ เขาจะมีชีวิตต่อไปจนกว่าจะสุดทางของตนเอง

     

        ถ้าถามผมล่ะก็คุณเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งทีเดียวครับ

      “จริงหรือ”

          เธอ เอ่ยถามเผยให้ได้เห็นดวงหน้ารูปไข่ได้รูป ดวงตาสีแดงเป็นประกายราวกับทับทิมนกพิราบ

            จมูกโด่ง นัยน์ตาที่รับกับโครงหน้าริมฝีปากบางผมเป็นลอนสวยงามสีบลอนด์ทอง แซมด้วยน้ำตาลประปราย ผิวขาวเนียน แต่มีลายสีน้ำเงินพาดผ่านช่วงหน้าอกเลยข้ามช่วงไหล่ไป เป็นรอยคล้ายคลื่น

     

         ถ้าว่ากันตามธรรมเนียมแล้วเธอไม่มีส่วนไหนที่บ่งบอกถึงความเป็นเบญจกัลยาณีเช่นผมงาม เพราะเธอผมหยิก(เป็นลอน มิอาจนับได้ว่าเป็นผมตรงสยายยาวถึงกลางหลังตามลักษณะของการเรียกว่าผมงามตามตำรา) ฟันของเธอสีขาวสะอาดราวกับไข่มุกเพราะเธอไม่ทานหมากและผิวกายต้องเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน

     

        (ฟันขาวเป็นเรื่องประหลาดในภูมิภาคที่กินหมากกันจนฟันดำอย่างเรา บันทึกเอกสารเก่าๆบอกว่า บรรพบุรุษของเราในอดีตหวาดกลัวฝรั่งที่แยกเขี้ยวฟันขาวเพราะเหมือนปีศาจ  พระยาพิชัยหรือนายทองดีฟันขาวน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีว่าทำไมแค่ฟันขาวถึงสามารถเอามาตั้งเป็นฉายาได้ครับ-ผู้เขียน)

     แต่เธอมีลายที่ตัว และวัยงามที่ดูงามทุกวัย แต่ลักษณะของเธอ มีความรู้สึกว่าไม่ว่าอายุเท่าใดวัยของเธอจะไม่เปลี่ยนแปลง

     

       แต่สวยงามหรือไม่ เราดูกันที่จิตใจนี่นา

     

       จริงๆนะ

     จริงสิครับ ผมไม่โกหกในเรื่องแบบนี้หรอกครับ ไตรภูมิเอ่ยอย่างจริงใจ เขาไม่ชอบการโกหก แต่ก็ไม่ชอบการทำร้ายจิตใจคนอื่นด้วยเช่นกัน

     

      ถ้าอย่างนั้นก็รับเธอเป็นวิญญาณติดตามสิ

     ลุงเทพารักษ์ แนะขึ้นมา

    เอ๋ จะดีหรือครับลำบากเธอหรือเปล่าครับ ผมไม่ใช่คนที่ดูแลดีนักนะครับ

     

          ไตรภูมิกล่าวอย่างครุ่นคิดเขาไม่ได้บอกสาเหตุอย่างหนึ่งไป แต่ มันติดในใจเขาแม้เพียงแวบเดียวเขาก็เห็นมันแม้ไม่ได้ตั้งใจละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัว แต่การฝึกฝนในวัยเด็ก ทำให้เขาเห็นเส้นใยบางๆของเวทมนต์ รูปแบบแห่งพิธีกรรม โดยส่วนตัวแล้ว เขาต้องการให้วิญญาณ พบกับความสงบมากกว่า

     

         แต่ คนเราต่างมีสิทธิเลือกทางของตนนี่นะ เขาไม่ใช่คนที่ยกตัวเก่งกาจที่จะไปสั่งสอนใครให้เปลี่ยนทางเดินชีวิตของตน ไม่ว่าวิญญาณตนนั้นจะไปล้างแค้นไปเกิดใหม่หรืออย่างใดก็ตาม ไม่ว่าเลือกสิ่งใดไป เรื่องหนึ่งที่ทุกคนรู้ดี

     

        แต่ทุกคนปฎิเสธที่จะยอมรับคือ

     

     

          เราต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เราเลือกไป ไม่ช้าก็เร็วมันจะมาหาเรา ไม่มีทางหนี พ้น เขาทำได้เพียงแค่เลือกทางเดินของเขา ช่วยเหลือคนที่ช่วยได้ และอยากให้ช่วยพร้อมทั้งส่งยิ้มให้กันก็เพียงพอแล้ว

     

      ว่าไง นังหนู จะไปพร้อมกับเจ้านี่ไหม เทพารักษ์เอ่น แทนเขา เฮ้ยมันแปลกๆนะ บรรยากาศมันเหมือน พิธีอะไรสักอย่าง แต่...

       เขามองเห็น รังสีจากตัวของเอ แวบขึ้นมาแวบหนึ่งเป็นสีชมพุ แฝงด้วยสีดำและสีเขียวเล็กน้อย 

     

       ค่.. ค่ะ แต่ จะสร้างความลำบาก...หรือเปล่าคะ ใบหน้าของเธอราวกับร้องไห้ ทำให้เขายากที่จะปฎิเสธ เอาละ ช่วยวิญญาณให้กลับบ้านเราก็เคยทำมาครั้งหนึ่งแล้วถึงจะลงเอยที่เราไปนอนโรงพยาบาลร่วมสามเดือนกว่าจะหายดีก็อีกหนึ่งปีหลังจากนั้นก็เถอะ

     

      ไม่ลำบากหรอกครับ ผมเต็มใจครับที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น แต่ คุณล่ะครับ ต้องการให้ผมช่วยหรือเปล่า ไตรภูมิถามเพื่อความแน่ใจ

      ให้ความช่วยเหลือเมื่อถูกขอ แต่ไม่เข้าไปก้าวก่าย

     

            (ยกเว้นเมื่อมีเหตุด่วนเหตุร้ายหรือเหตุการณ์อุบัติเหตุที่ผู้นั้นไม่สามารถขอความช่วยเหลือด้วยตนเอง หรืออยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถกระทำการอื่นใดเพื่อช่วยเหลือตนเองได้...จากบันทึกส่วนตัวของไตรภูมิ)

     

       เธอสีหน้าหมองลงและก้มหน้าอีกครั้ง เธอขอความช่วยเหลือจากคนอื่นมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างไปมีคนมาถามเธอว่า ต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า ทำให้เธอ รู้สึกลำบากที่จะพูดออกไป แต่ตอนนี้ แม้จะโดนเกลียด แม้จะโดนสาปแช่ง  แต่เธอ ก็อยากจะอยู่ติดตามคนคนนี้ คนที่มีกลิ่นของ พวกเธอ จนกว่าความสูญสลายจะมาเยือน

     

       เจ้าจะคอยอยู่ตามติดชายผู้นี้ร่วมทุกข์ร่วมสุข จนกว่า อัตตาจะสูญสลาย

     "รับค่ะ" 
    จะเป็นโล่ที่คอยปกป้อง จะเป็นดาบที่คอยฟาดฟันเพื่อสร้างหนทาง

     เดี๋ยวสิ บทพูดประโยคนี้มันแปลกๆนะ เหมือนกับอะไรสักอย่างสังหรณ์ไม่ดีเลย

    "เจ้าหนุ่ม ล่ะ จะรับเธอผู้นี้เป็น คู่สัญญาหรือไม่"

     

      เอ ว่า แต่เนื้อหาของคู่สัญญาที่ว่ามันอะไรนะ แต่ทำหน้าจริงจังกันซะขนาดนี้ถ้าถามออกคงงานกร่อยแน่ๆ

       ทันใดนั้น ในหัวเขาก็สว่างวาบ เขาถามเพื่อความแน่ใจก่อนว่า

     “เดี๋ยวครับท่าน เทพารักษ์ “

    “ หือ อะไร เหรอ ข้าจะทำพิธีต่อนะ”

    เทพารักษ์ ชราหันมามอง การสอดแทรกของชายหนุ่มอย่างสงสัย

     

     

          “ท่านคือ เจ้าของที่นี้ใช่ไหมครับ “ไตรภูมิเอ่ยถาม

     “ใช่สิ ทำไมเหรอ ที่เจ้าเอาของมาไหว้บ่อยๆ ก็ข้านี่แหละที่รับไป แต่เจ้าไม่ค่อยมาพูดกันตรงๆอย่างนี้แบบคนอื่น ไม่สิ เจ้าไม่เคยภาวนาขออะไรด้วยซ้ำขณะที่ไหว้ข้า”  เทพารักษ์ตอบคำถามของไตรภูมิ ด้วยความร่าเริง

     “จะเริ่มขออะไรจากข้าบ้างหรือเปล่าล่ะ”

      “ไม่ล่ะครับ ผมพยายามเก็บคำขอไว้ยามจำเป็นที่ต้องใช้จริงเท่านั้นครับ การที่ท่านให้เกียรติมาคุยกับมนุษย์ที่ต่ำต้อยอย่างผมก็นับเป็นเกียรติสำหรับผมมากแล้ว” ไตรภูมิกล่าวอย่างนอบน้อม

     “ อะไรพูดซะ สุภาพไม่สมกับเป็นเจ้าคนที่ระเบิดโรงยิมเพื่อทำลาย พวกจากต่างภพเลยนี่” เทพารักษ์ ใช้ข้อศอก สะกิดไตรภูมิ อย่างรู้ทัน

      ( แปลว่าท่านรู้แต่ไม่ช่วยผมเลยเรอะปัดโธ่เว้ย)

      “อะ เอ่  “ หญิงสาว ลังเลไม่รู้ว่าจะไปสอดแทรกการคุยกันอย่างนอกเรื่องของสงคนนนี้ ได้อย่างไร

      “ โอเค ครับ ขอโทษที่ให้คอยนะราตรี ผม มี เรื่องต้องคุยกับท่านเทพารักษ์นิดหนึ่งน่ะครับ”

      ไตรภูมิหันไปแล้วพูดอย่างจริงจัง

      “ท่านเป็นเทพครองที่ดินที่มีหน้าที่ปกปักรักษาที่ดินใช่ไหมครับ”

     

    “ใช่ แล้วไงเหรอ” เทพารักษ์ถามอย่างสงสัยวิญญาณของท่านส่งแสงเรืองเล็กน้อยจากการใช้พลัง พวกที่ไม่ช่างสังเกตอาจไม่เห็น แต่ท่านเปลืองพลังเพราะเหตุนี้ไปมากทีเดียว

     

      “แล้วท่านก็ได้ พยายามให้ผมกับเธอเอ่ยคำสาบานคู่ชีวิต”ไตรภูมิถามเพื่อความแน่ใจมีบางอย่างวิ่งในหัวของเขาที่ทำให้เขารู้สึกขนลุก

     “ใช่แล้วไง”

     “เท่าที่ผมจำได้คร่าวๆ เหลือ แค่ผมตั้งชื่อให้เธอ ก็จะครบพิธี พันผูกดวงชะตาที่จะผูก สองวิญญาณไว้คู่กันะ นะครับ แต่เราใช้วิธีแบบธรรมดาไม่ได้เหรอ ที่แค่ให้เธอยอมรับแบบที่ทำสัญญาติดตามกับ คนทำสัญญา”

     

     “ใช่ เจ้าควรจะดีใจนะมีไม่กี่คนหรอกที่จะได้ทำสัญญาติดตามกับเจ้าของที่ ต่อหน้าเทพรักษ์อย่างข้าถือเป็นบริการพิเศษละกัน”

     

     “และเจ้าเพิ่งทำพิธีเสร็จไปเมื่อกี้นี้เอง”

     

    “ยอมรับค่ะ ตราบแต่นี้ นามอื่นไม่อาจผูกพัน นามที่ท่านมอบให้ข้า คือตัวข้านับแต่กาลนี้ ตราบจนจะสิ้นกาล”

       เฮ้ย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×