โลกนี้มีแต่คนเก่ง - โลกนี้มีแต่คนเก่ง นิยาย โลกนี้มีแต่คนเก่ง : Dek-D.com - Writer

    โลกนี้มีแต่คนเก่ง

    โดย omen

    อ่านประกอบsuicide5ครับ ความรักเอยขอให้เจ้าบินไปกับสายลมเถอะ รักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ แม้ในขณะที่ตอนตี2ผมต้องดับมอเตอร์ไซค์และแอบตำรวจในพงหญ้าข้างทาง

    ผู้เข้าชมรวม

    454

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    454

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  สืบสวน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ต.ค. 49 / 21:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
      อ่านประกอบ suicide  ครับที่มาของข้อมูลของการแต่งเรื่อง บางอย่างก็ถูกต้องตามกฏหมาย บางอย่างก็ผิดกฏหมาย  เอาใจช่วยไม่ให้คนเขียนโดนจับก่อนเขียนเรื่องจบนะครับ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
         
        "เฮ้พวก.." บ.เอ่ยทักผมในเช้าวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ
      "ใจคอนายจะไม่เฉลยเรื่องคราวที่แล้วเหรอว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไรกันแน่ ในเรื่องงัดเข้าห้องผู้หญิงเขาคราวนั้น"


           ผมยิ้มแล้วตอบว่า"บอกกี่ทีแล้วว่าเรื่องนั้นไม่เกิดขึ้นจริง นายคงเข้าใจความหมายใช่ไหม"

           "ใช่แล้วเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงใดๆทั้งสิ้น" บ.ตอบอย่างเข้าใจความหมาย


      "ถูกต้องแล้วเพื่อนคอยอีกสัก15ปีให้คดีหมดอายุความก่อนเราค่อยมาคุยถึงเรื่องนี้กันใหม่ ที่เราเขียนตอนนี้ยังเสียวๆอยู่เลยนี่ว่าจะมีใครเอะใจบ้างหรือเปล่า ที่จะสาวมาถึงเราได้ ก็อย่างที่ตกลงกันไว้แต่ต้นนั่นแหละถ้าถูกจับได้จะไม่ซัดทอดกัน ถ้าคนหนึ่งถูกจับให้อีกคนเป็นอิสระอยู่ข้างนอกจะช่วยเหลือคนที่ถูกจับได้มากกว่าการโดนรวบทั้งคู่"
        
          "
      เอาหละเราพูดถึงขั้นตอนการลงมือจริงไปแล้วเรา พูดถึงการประเมินผลการทำงานว่าทำไมเราถึงทำสำเร็จ(ไม่ถูกจับ)และคนที่เลียนแบบเราถึงล้มเหลว(ถูกจับได้)"

         บ.ตอบว่า"มีคนกล่าวไว้ว่าโจรมือใหม่ไม่ควรใช้วิธีเดียวกันกับโจรมืออาชีพที่เขาทำไปก่อนแล้ว เพราะเจ้าทรัพย์จะจำรูปแบบการประกอบคดีได้"
         ผมเดินไปซื้อปาท่องโก๋ "ดังนั้นนิทานเรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่า คนเราควรมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะคิดหาวิธีใหม่ๆมาทำงานให้ประสบความสำเร็จ"


         บ.ตอบว่า"ใช่ที่พวกนั้นพลาดไม่ใช่เพราะไม่เก่งแต่เพราะขาดความคิดสร้างสรรค์
      โลกนี้มีแต่คนเก่งเท่านั้นแต่เก่งไปคนละอย่าง อย่างผู้พิพากษา ถ้าให้ท่านไปขับเครื่องบินก็คงทำได้ไม่ดี เพราะความเชี่ยวชาญของท่านอยู่ในด้านวิชาชีพกฏหมาย
      หรือจะให้นักมวยไปคุมเครื่องปฎิกรณ์นิวเคลียร์ก็คงทำได้ไม่ดีหรอก "

       ผมหัวเราะแล้วถามมว่า"นายคิดบ้างหรือเปล่าว่าตอนนั้นถ้าเราก้าวพลาดไปก้าวเดียวตอนนี้อาจจะไม่ได้หัวเราะอย่างตอนนี้ ถ้าพลาดอาจต้องไปตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อหน้าตำรวจ และไม่ต้องสงสัยเลยตำรวจมีจิตวิทยาดีพอที่จะทำให้ ว ส ช ซัดทอดมาถึงเราๆ โดยการตะล่อมว่า รับมาเถอะโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา แน่นอนพวกนั้นก็ต้องเชื่อ  game over จบกัน
         



          บ.ยิ้มแล้วกล่าวว่า"เชื่อเถอะพวกตำรวจมีความเชี่ยวชาญในวิชาชีพนี้ต่างจากเรา เขามีประสบการณ์ในการทำงาน  เห็นคนกระทำผิดมามากมายเป็นร้อยคน จากประสบการณ์ที่ยาวนานของตำรวจย่อมมีวิธีมากมาย     ในการทำให้ผู้ต้องสงสัยสารภาพเองอยู่แล้ว เช่นให้คนหนึ่งข่มขู่ผู้ต้องหา อาจถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายซึ่งนั่นต้องดูเป็นกรณีไป และให้เพื่อนตำรวจอีกคนหนึ่งใช้ไม้อ่อน    คือพูดชี้แจงและเกลี้ยกล่อมให้เห็นประโยชน์ของการรับสารภาพ เช่น รับมาเถอะโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ซึ่งคำพูดที่จะนำมาเกลี้ยกล่อมนี้ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของบุคคลผู้สอบสวน เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ ต้องยอมรับว่าสู้พวกมืออาชีพไม่ได้ และจากสภาพที่ตำรวจคนหนึ่งใช้ไม้แข็ง คนหนึ่งใช้ไม้อ่อน ทั้งขู่ทั้งปลอบแบบนี้ พูดกันตามตรงเป็นเราก็ต้องรับสารภาพ"
            


          ผมหิ้วถุงปาท่องโก่กับน้ำเต้าหู้แล"บ้านนายมีนมข้นหวานไหม" "มี" ดีเราจะได้ไม่ต้องซื้อสังขยา" "เข้าเรื่องต่อเลยละกัน นายว่าไหมจากเหตุการณืนี้ทำให้เราเชื่อว่าองค์กรที่ชั่วร้ายในหนัง ไม่ได้ยิ่งใหญ่และทำให้พระเอกต้องลำบาก เพราะคนชั่วคนเลวในองค์กร" บ.หันมาถามอย่างแปลกใจ"ไม่ใช่เพราะคนชั่วหรือที่ทำให้พระเอกเกือบตายในหนังหลายๆเรื่องนะ ที่เจมส์บอนด์เกือบตายเพราะจะโดนคนชั่วฆ่า"

        "นั่นแหละประเด็นเลยเพื่อน ในหนังเราเห็นตัวร้ายเด่นๆ และเก่งแค่ไม่กี่คน แต่ในความเป็นจริงต้องมีคนเก่งและคนมีความสามารถสูง อยู่เป็นจำนวนมากแน่ๆ
       ยกตัวอย่าง นายจำตอนที่เราจะไปงัดห้องผู้หญิงได้ไหม"
        
       "เรื่องมันไม่เคยเกิดขึ้นไม่ใช่เหรอพวกเราไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นอย่าเผลอลืมสิเพื่อน" บ. พูดเตือนความจำของผม นี่แหละข้อดีของเขารอบคอบเสมอ

        "โทษทีเพื่อนเผลอไปหน่อย เอาเป็นว่าเป็นเรื่องสมมุติละกัน ที่กลุ่มเราทำสำเร็จและเขาพลาดเป็นเพราะอะไร"
          "เพราะอีกกลุ่มไม่มีเราสองคนอยู่อย่างไรเล่า" บ.พูดอย่างมั่นใจต่อไปว่า
      "และทำให้กลุ่มขาดคนวางแผนก่อนลงมือว่ามีข้อผิดพลาดที่ไม่คาดหมายเกิดขึ้นจะทำอย่างไร อย่างเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นคือการลืมไขควง
       การเกิดเหตุไม่คาดฝันที่ทำให้เกือบแย่นั่นแหละกลุ่มถึงจำเป็นต้องมีพวกเราอยู่ พวกนั้นก็ถือว่าเก่งใช้ได้แต่ความสามรถในการรับมือเมื่อเกิดเหตุไม่คาดหมายเกิดขึ้นยังไม่ดีพอ" 
        

          "นายพูดก็จริงส่วนหนึ่ง แต่สำหรับเราแล้วทั้งสองกลุ่มก็มีคนเก่งพอๆกัน
      แต่ขาดคนที่จะเสียสละตนเองเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่ม คนเก่งมีมาก คนที่เสียสละมีน้อย"
       

           บ.หัวเราะ "นั่นก็เป็นเพราะเราไม่ใช่เหรอที่รู้ว่านายไม่ชอบแอบดูห้องผู้หญิงจึงให้นายเฝ้าข้างนอก และรู้ว่าพวกนั้นจะโอ้เอ้ อยู่ในห้องนานจึงเข้าไปเร่งอยู่ข้างใน
      เขาเรียกว่าการใช้คนให้ถูกงาน  ตามความคิดของเราอีกกลุ่มก็คงเห็นความสำคัญของคนเฝ้าต้นทางนั่นแหละเพราะทั้งกลุ่มจะถูกจับหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือคนเฝ้าต้นทางแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวคงบังตาไป เนื่องจากทุกคนอยากเข้าไปในห้องกันหมดไม่มีใครยอมเสียสละเพื่อกลุ่มอย่างที่นายบอกนั่นแหละ เรียกว่าเป็นเพราะการเสียสละของนาย และความสามารถในการตัดสินใจของเราอย่างละครึ่งก็ได้
         การตัดสินใจของเราทำให้ประสบความสำเร็จ
         การเสียสละของนายทำให้ไม่เกิดข้อผิดพลาด
        ความอยากของ ว ส ชเป็นตัวกำหนดวัตถุประสงค์ของกลุ่ม(และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเรื่องงัดแงะ)
        ต่างฝ่ายก็มีหน้าที่ของตนนี่แหละมั้งทำให้สำเร็จ"

        ผมคิดสักพักแล้วบอกว่า"ถ้าเราเอาเรื่องนี้มาเทียบกับองค์กรก่อการร้ายในหนัง
      คนที่พระเอกควรจะกำจัดที่สุด ไม่ใช่คนชั่วที่อยู่ในองค์กรนั้นแต่เป็นคนดีที่อยู่ในองค์กรนั้นต่างหาก"
         
        "คนดีน่าจะเป็นคนชั่วที่เลวๆไม่ใช่เหรอ"

        "นายว่าคนที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย เมตตาต่อลูกน้อง มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนร่วมงาน ยอมตายซะดีกว่าที่จะทรยศต่อเพื่อน กล้าหาญฉลาด รอบคอบ มีไหวพริบในการแก้ปัญหาที่ดี รู้จักอดทนอดกลั้น รู้ว่าตอนไหนควรบุกตอนไหนควรถอย ทำให้ลูกน้องรักใคร่เพื่อนร่วมงานชอบ คิดว่าการประจบประแจงที่ดีที่สุดคือการทำงานตามที่ได้รับมอบหมายมาให้ประสบความสำเร็จ เป็นคนประเภททำงานเพื่อให้งานสำเร็จเท่านั้น ไม่สนใจลาภยศชื่อเสียงไม่กินสินบน คนประเภทนี้เป็นคนดีไหม"
       

      "ดีมากเลย ถ้าบริษัทไหนมีคนประเภทนี้ก็คงดี"

        "แต่ถ้าคนประเภทนี้อยู่ในองค์การก่อการร้ายล่ะ สมมุติตอนโดนพระเอกเอาปืนจ่อหัวให้บอกความลับก็ไม่ปริปากพูดจ้องสวนพระเอกผ่านกระบอกปืนด้วยตาที่ไม่กระพริบและยังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่ายอมสละชีวิตเราคนเดียวเพื่อให้ทั้งองค์การรอดก็ถือว่าคุ้มค่า โดนพระเอกทำลายแผนการก็ไม่ท้อแท้ ลูกน้องก็ซื่อสัตย์ต่อคนคนนี้โดนข่มขู่ก็ควบคุมสติได้ดีสมมุติพระเอกวางระเบิดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจก็สั่งการแก้ไขวิกฤติได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเจอคนประเภทนี้สมควรฆ่าไหมล่ะคนดี ที่ทำให้องค์กรที่เลวประสบความสำเร็จ"
        
        บ.ทานปาท่องโก่ไป2-3ชิ้น" คนประเภทนี้สมควรฆ่าให้ตายไปเลยนะตอนที่จับได้เพราะถ้าปล่อยออกมา ด้วยเป็นคนที่ไม่เคยท้อแท้ก็คงวางแผนการใหม่มาแก้มือ
      แต่เนื่องจากเป็นคนที่รู้จักเป็นคนอดทนอดกลั้นอารมณ์ได้ดีไม่เหมือนตัวร้ายในหนัง
      ที่ชอบพลาดเพราะใช้อารมณ์มากเกินไป ก็คงจะวางแผนได้แนบเนียนกว่าเดิม
      และเนื่องจากเป็นคนซื่อสัตย์เงินซื้อไม่ได้ และทรมาณก็ไม่ปริปากบ่นคิดว่ายอมสละชีวิตตนเองเพื่อเพื่อนพ้องได้แบบนี้ก็คงไม่ได้ข้อมูลอะไรแน่ๆ แต่เราว่าบุคลิกแบบนี้มันแปลกนะเพื่อน" 

           ผมทานปาท่องโก๋บางแล้ว "แปลกอย่างไรเรอะ"
       
        "บุคลิกแบบนี้มันพระเอกชัดๆเลยนะเอามาให้เป็นตัวร้ายจะดีเหรอ"
        "ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเพื่อน มีคนกล่าวไว้ว่าอยากรู้ว่าคนคนหนึ่งเป็นคนเช่นไรให้ดูจากศัตรูของเขา เพราะศัตรูก็จะเป็นคนประเภทเดียวกับคนคนนั้น"

         หลังจากปาท่องโก๋หมดไปครึ่งถุงก็เริ่มสนทนากันต่อ
        ผมเริ่มดื่มน้ำให้หายคอแห้งแล้วพูดต่อไปว่า
      "ตามความคิดของเรานะความเก่งของตัวร้ายเป็นเรื่องสำคัญเอามากๆ เลย
      เพราะยิ่งศัตรู ของเราเก่งมากเท่าไรก็แปลว่าตัวเราเก่งมากขึ้นเท่ากับศัตรู
      ลองคิดดูนะถ้าศัตรูอ่อนแอหรือเข้มแข็งมากเกินไป  ถ้าเข้มแข็งและเก่งกว่าพระเอกก็โดนกำจัดในพริบตา เรื่องก็จบเขียนต่อไม่ได้แน่ และถ้าศัตรูอ่อนแอเกินไป
      พระเอกก็จะชนะอย่างง่ายดายไร้แรงกดดัน ซึ่งจะทำให้เรื่องขาดความตื่นเต้น
      เนื่องจากการตกที่นั่งลำบากของพวกพระเอกคือจุดที่สนุกที่สุดของเรื่อง
        เพราะเราคิดอย่างนี้เราถึงวางเรื่องให้กระทั่งตัวประกอบที่จะโผล่ตอนเดียวตายยังคิดได้ดูฉลาดมุมานะ และมีเหตุมีผลของการลงมือกระทำเรื่องเลวร้าย และให้ตายไม่ใช่เพราะไม่เก่งแต่เพราะใช้แค่ความเก่งก็ยังไม่พอที่จะทำให้รอดชีวิตในเรื่องจริงได้หรอ ก "
         
         "กลับมาถึงเรื่องที่รุ่นน้องที่เจริญ(ลง) ตามรอยพวกเราดีกว่าถ้าถามความรู้สึกของเรา เรารู้สึกสงสารพวกเขาเหมิอนกันะ" บ.ส่ายศรีษะอย่างไม่เห็นด้วยกับคำพูดของผม

         "นายผิดแล้ว" "เอ๋" ผมมอง บ.อย่างสงสัย
       "นายสงสารพวกนั้นได้เพราะพวกเรารอดมาได้ต่างหาก ถ้าถูกจับด้วยกันตอนนี้นายต้องนั่งสงสารตัวเองในห้องสอบสวนแน่ๆ คิดว่าเราไม่เห็นใจพวกนั้นหรือแต่เราเห็นใจตัวเราเองมากกว่าหวะเพื่อน"

         ผมคิดตามคำพูดของ บ. "ที่นายพุดก้ถูกถ้าตอนนั้นเราพลาด คนที่ควรสงสารที่สุดคือตนเองคนทั่วไปมักคาดหวังกับผลสำเร็จ จึงลืมคิดถึงค่าชดเชยของความผิดพลาด ไม่ว่าใครถ้าผิดพลาดก็ต้องชดใช้ แต่ทำไมคนถึงมองคนที่กลัวความผิดพลาดเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายนักนะ คนมองโลกในแง่ร้ายจะคิดมากแล้วกังวลต่างๆนานาโดยไม่เกิดประโยชน์ต่อสถานการณ์นั้นๆ แต่คนที่รอบคอบและกลัวพลาดนั้น จะจำลองรูปแบบของปัญหาและอุปสรรคในขั้นตอนการทำงานทุกอย่างขึ้นมาในความคิดและพิจารณาแก้ไขถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น"

      แต่ต่อให้เก่งและรอบคอบแค่ไหนก็พลาดได้" บ.กล่าวแทรกขึ้นมา

      "ใช่เลยถ้าถามเรา เราคิดว่าตัวเรารอบคอบจนถึงขั้นที่ ว ส ช สงสัยว่าเราบ้าหรือเปล่า แต่จากเหตุการ์ที่เกิดขึ้นก็รู้แล้วว่าความคิดมากของเราไม่เกินไปกว่าเหตุ แต่ยังคิดน้อยไปด้วยซ้ำเกี่ยวกับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นมาได้"
      (ลองดูอ่านประกอบ suicide ทีผ่านมาจะเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับการงัดแงะและการชิงไหวชิงพริบระหว่างผมกับเจ่าของบ้านและพวกเดียวกันเอง และการต่อสู้กับมโนธรรมในตัวของผมครับ)
           
        "เราลองเปลี่ยนมุมมองในการคิดดีไหมว่าต่อให้เราสองคนอยู่ในกลุ่มรุ่นน้อง
      เราก็อาจจะโดนเจ้าของบ้านจับได้ว่าเราแอบดูลูกสาวเขาก็ได้ 
      เพราะเราคิดแต่ในแง่ปัจจัยของฝ่ายเรามากเกินไป เจ้าของบ้านอาจจะสงสัยมาหลายทีและเปลี่ยนวิธีในการจับให้มั่นคั้นให้ตาย กับพวกที่มาแอบดู
      คือเจ้าของบ้านพัฒนาตนเองมากขึ้นในการตามจับ ส่วนรุ่นน้องที่แอบดูตามวิธีของพวกเรานั้นก็ยังตามรอยพวกเราอยู่ ไม่มีการพัฒนาวิธีจากพวกเราเลยสักนิด
      ถึงเราเวลาเห็นรุ่นน้องเก่งกว่าเรา แล้วเราจะเสียใจก็เถอะ แต่จะดีใจมากกว่าถ้า
      รุ่นน้องนำหน้าพวกเราไปได้ คลื่นลูกหลังต้องแรงกว่าคลื่นลูกก่อนหน้าสิโลกถึงจะพัฒนา มีคนเก่ง ก็มีคนเก่งกว่า และเก่งกว่า และเก่งกว่าไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด
      ย้ำอีกนิดที่เราคุยกันน่เป็นเรื่องสมมุตินะ เราไม่เคยแอบดูหรืองัดแงะเข้าห้องผู้หญิงเลย ต้องรอ15ปีให้คดีหมดอายุความก่อน กันลืมตัวเผลอพูดไปอีก"
       
          "นายว่าไหมบางครั้งคนดีอย่างเดียวก็อยู่ในโลกนี้ได้ยาก"บ.มองผมด้วยสีหน้าเหม่อลอย

        "ไม่หรอกคนดี คือคนดี    การที่อยู่ในโลกนี้ได้ยากหรือง่ายไม่เกี่ยวกับความดีหรือความชั่วแต่อยู่ที่การประพฤติปฎิบัติตนที่มีต่อผู้อื่น สมมตินายเป็นคนดี ที่ขัดขวางคนร้ายที่จะข่มขืนผู้หญิงได้ คนร้ายถูกจับ ผู้หญิงก็ขอบคุณนาย คนร้าย และญาติพี่น้องของคนร้ายจะไม่มองนายเป็นคนดี ในหมู่พี่น้องครอบครัวของคนร้าย เขาอาจจะเป็นพี่ที่ดีของน้อง ลูกที่ดีของแม่ หลานที่ดีของยาย ทั้่งที่นายเห็นข้อเท็จจริงตำตา ญาติพี่น้องของคนร้ายก็จะให้เหตุผลว่าเพราะผู้หญิงแต่งตัวยั่ว ร่าน ต่างๆที่เต็มไปด้วยคำหยาบคายปัดทุกอย่างให้เป็นความผิดของผู้หญิงและจะมองนายเป็นคนไม่ดี
       ในทางกลับกันถ้านายสมรู้ร่วมคิดทำสิ่งที่ชั่ว คนร่วมทำชั่วจะร่วมหัวจมท้ายกับนาย และอาจจะทรยศกันเองถ้าจวนตัว และญาติครอบครัวของผู้เสียหายจะแค้นนายไปชั่วชีวิต ยิ่งเป็นคนดีก็ยิ่งก่อความแค้น ยิ่งทำชั่วก็ยิ่งสร้างศัตรู ดังน นั้นายพูดผิดที่ว่าเป็นคนดีแล้วอยู่ยาก เพราะคนชั่วก็อยู่ยากเช่นกัน คนทั่วไปมักบ่นว่า
      ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วไ้ดดีมีถมไป นั่นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะสิ่งที่ทำให้ได้ดีหรือไม่ได้ดีขึ้นอยู่กับความสามารถ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าดีหรือชั่ว ยิ่งทำดีแล้วไม่ได้ดี ก็จะเป็นบทพิสูจน์ว่า นายทำความดีเนื่องจากเป็นความดีที่พึงกระทำหรือ ทำเพราะอยากได้ผลตอบแทนจากการทำความดี 
         คนดีที่จริงต้องทำความดีเพราะเป็นความดีไม่ใช่ทำเพราะอยากได้ดี"
       

        "คำพูดนายเป็นอุดมคติเกินไป ในหัวสมองของมนุษย์จะกระทำสิ่งไหนลงไปจะต้อง
      มีการคำนวณเรื่องความคุ้มค่าของผลประโยชน์ก่อนเสมอ ถ้าหากมนุษย์ไม่มีความเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวไว้บ้าง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเสียผลประโยชน์ที่ตนเองพึงจะได้ไป ความดีที่ทำแล้วได้ดีก็เรื่องหนึ่ง ผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆก็เรื่องหนึ่งนาย
      อย่านำมาปะปนกัน" บ.แทรกผมขึ้นมา

       "นายกำลังบอกเราอ้อมๆใช่ไหมว่าคติทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วไม่เป็นความจริง" ผมถามอย่างสงสัย

        "เปล่า เรากำลังบอกว่าทำดีก็ได้ความดีตอบแทน แต่ไม่แน่ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดี
      ทำชั่วก็ได้รับความชั่วตอบแทนแต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ชั่ว
        เราไม่ใช่คนที่ถือคติว่าทำดีได้ดีมีที่ไหนทำชั่วได้ดีมีถมไปหรอกนะ เข้าใจซะใหม่ด้วย เช่นทุกคนก็คิดว่าการงัดห้องผู้หญิงเข้าไปแอบดูเป็นการกระทำที่ชั่ว
      และเด็กที่ทำตามพวกเราก็ได้รับความชั่วตอบแทนโดยการจับส่งตำรวจไปแล้ว
      นี่แหละเพื่อนที่แสดงว่า ฟ้ามีตานรกมีจริงคนทำผิดต้องได้รับความชั่วตอบแทน
      เห็นผลลัพธ์อย่างนี้แล้วทำให้เราเชื่อว่าความยุติธรรมในโลกยังมีอยู่
      คนที่ทำชั่วต้องนอนอย่างหวาดผวา ไม่มีวันหลับเป็นสุข
      นายนอนหลับสบายใช่ไหมเมื่อคืนนี้" (ผมผงกศีรษะรับคำ)
      "นี่แหละเราก็หลับเป็นสุข เพราะเราไม่ได้ทำความชั่วอย่างงัดห้องผู้หญิงอย่างนั้น"

        "สรุปก็คือนายไม่เชื่อเรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วแต่เชื่อว่าความยุติธรรมมีจริง โดยคนทำผิดจะไม่มีวันหลับเป็นสุขชั่วชีวิต" ผมเริ่มคอแห้งหลังจากทานปาท่องโก๋ไปเยอะ

        "นายเข้าใจผิดแล้ว เราไม่ได้ปฏิเสธประโยคที่ว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วเพราะเรารับฟังความคิดเห็นทีี่แตกต่างเสมอ" นี่แหละข้ดีของบ.เขายอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอแต่ เรื่องของความประพฤติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญานในการ วิเคราะห์ครับ
       
         "นายลืมอะไรไปหรือเปล่าคนทำชั่วจะไม่มีวันนอนหลับสบายนายเชื่ออย่างนั้นแล้วทำไม คนอื่นที่ทำถึงยังหลับสบายไม่ถูกความชั่วในใจตามหลอกหลอนล่ะ"

       "นายต่างหากที่ลืมอะไรไป อย่าลืมสิว่าเราทั้งสองคนไม่ได้งัดห้องผู้หญิงเข้าไปเราถึงไม่รู้สึกผิด และมีชีวิตสงบสุขอย่างนี้ เพราะถ้าเราทำเราก็คงไมม่มีความสุขที่ทำความชั่วหรอก"

        "นายทำให้เรานึกถึงคำกล่าวที่ว่า จะหลอกคนอื่นก็ต้องรู้จักหลอกตนเองก่อน
      เรื่องนี้นายสุดยอดจริงๆ "
       
       "เราก็ได้เรียนรู้มาจากนายนั่นแหละ" บ.ยิ้มแย้มเสมอ แม้ว่ากำลังโกหกอยู่
       "เพื่อเป็นข้อพิสูจน์คำพูดของเรา เราจะบอกเรื่องที่เราเจอมาให้นายฟัง"

        ต่อไปนี้ เห็นคำว่าผมก็หมายถึงบ.นะครับเป็นเรื่องจากมุมมองของบ.
      จึงมีการเสริมเติมแต่งเพื่อเข้าข้างตนเอง หลายอย่างถูกปกปิด หลายอย่างถูกบิดเบือน
      ขอให้ผู้อ่านทุกท่านแยกแยะโดยใช้วิจารณญาณนะครับ

        ทุกท่านครับผู้ชายที่โง่เง่าในโลกนี้มีอยู่มากมาย ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
      จะมีคนโง่สักกี่คนที่รู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงเขาหลอก ก็ยังเต็มใจให้หลอก
      ต้องเสแสร้งเสมอว่าตนไม่รู้อะไรเลย เืพื่อรักษาความรู้สึกดี ที่ยังคงมีให้ต่อกัน
        โอเพื่อนผมมันชอบ ทำตนเองให้ปลอดภัยเกินไป เห็นได้จาการที่จะแอบดูห้องของผู้หญิงก็ยังไม่ยอมไปดูด้วย ทั้งที่มีหนังสือโป๊อยู่เต็มห้องแท้ๆ ไม่มีวันเข้าใจความรักซะหรอก

         ผมคบกับผู้หญิงหลายคนในเวลาเดียวกัน อย่าเข้าใจผิดว่าผมเป็นเสือผู้หญิงเพราะผมไม่เคยเกินเลยกับพวกเธอถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพวกเธอ

          ก็มีแค่กินข้าว ดูภาพยนตร์ บางทีผมก็ขับรถ ไปรับ ไปส่งพวกเธอ โทรศัพท์คุยกันถึงตีหนึ่งตีสอง ก้เท่านั้น ขอย้ำว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันก่อนวัยอันควร ระหว่างผมกับพวกเธอ  จากบุคลิกลักษณะของผมที่ค่อนข้างดูเป็นคนซื่อจึงมักมีผู้หญิงมาระบายปรับทุกข์ต่างๆกับผมเสมอ ข้อดีที่สุดของผมคือนอกจากผมตัดสินใจได้ดีแล้ว อีกอย่างที่ผมเก่งคือการ ฟังคนอื่น บางครั้งการนิ่งเงียบและนั่งฟัง รวมถึงใช้ภาษากายเล็กน้อย เช่นผงกศรีษะ ตบไหล่ หรือทำสีหน้าและแววตาสงสัยใคร่รู้หรือแสดงความเห็นใจ
        

         หลายคนก็จะพูดเรื่องที่ ไม่ควรจะบอกต่่อบุคคลอื่นออกมา และข้อดีอีกข้อของผมคือรู้จักเก็บเรื่องที่ได้ยินมาจากคนอื่นเป็นความลับได้ และถ้าเกิดความลับรั่วไหลไปผมก็พยายามทำให้เจ้าของความลับที่เล่าเรื่องให้ผมฟังนั้น เข้าใจว่าความลับเหล่านั้นรั่วไหลมาจากคนอื่นที่ไม่ใช่ผม การวางตัวในสังคมของผมคือเข้ากันได้กับทุกคน คนไหนชนะเราชนะด้วย คนไหนแพ้เราก็ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม เพราะเขาอาจจะกลับมาเป็นผู้ชนะ และถ้าเราเลือกข้างไปตั้งแต่ตอนนั้น เราก็อาจจะเดือดร้อนได้
        
         มีเพื่อนสุภาพสตรีของผมบางคนบนปรับทุกข์ให้ฟังเกี่ยวกับแฟนหนุ่มที่แสนเป็นสุภาพบุรุษของเธอ ขณะเดียวกันแฟนหนุ่มคนนั้นก็มาปรับทุกข์ให้ผมฟัง โดยที่เขาทั้งสองไม่รู้ว่า ผมรู้จักพวกเขาทั้งคู่ ทั้งเขา/เธอต่างก็มาระบายเกี่ยวกับแฟนของเขา/เธอให้ผมฟัง ผู้อ่านที่รักของผมคิดดูสิว่าถ้าผมทำอะไรพลาดไปตอนนั้น เช่นการแอบบอกให้ใครฟังหรือให้คำแนะนำอะไรผิดพลาด ผมอาจจะเสียเพื่อนไปทีเดียวทั้งสองคน
        
        การเข้ากับทุกฝ่ายได้ดีคือหลักการวางตนในสังคมของผม ผู้อ่านที่รักด้วยนิสัยที่ปฏิเสธใครไม่เป็นก็ได้ก่อความยุ่งยากหลายประการให้แก่ผม

        กลางคืนที่เงียบและมืดในขณะที่ผมนอนไม่หลับ หลังจากอ่าน วิธีพิจารณาความอาญา และค่อนข้างงง กับหลักคำพิพากษาฏีกาบางหลัก ขณะนั้นก็ได้มีโทรศัพท์ดังขึ้น ผมรีบรับเพื่อไม่ให้เสียงไปถึงพ่อ แม่ที่นอนหลับอยู่ในบ้าน และได้มีผู้หญิงคนหนึ่งโทรมาหา ตอนแรกผมจำเสียงไม่ได้ เลยเรียกเสียงจากปลายสายด้วยคำที่เป็นกลางๆว่า เธอ โดยยังไม่เรียกชื่อ เพราะถ้าเรียกชื่อผิดอาจก่อความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันขึ้นมาได้ ผมไม่ชอบความรู้สึกที่คนรอบข้างเกลียดชังผม
        
        เรื่องที่โทรมาหาผมกลางดึกก็คือ "ขอให้ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปรับเธอที่อยู่ข้างนอก เหงาและไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน เราไม่เหลือใครแล้วจริงๆ เธอเป็นคนที่ดีที่สุดที่เรารู้จัก .."ตอนนั้นผมคิดในใจว่าถ้าเราเป็นคนที่ดีที่สุดที่เธอรู้จักจริง เธอก็น่าจะคิดถึงเราเป็นคนแรกสิ ไม่ใช่คิดถึงเป็นคนสุดท้ายเวลาไม่เหลือใครคอยช่วย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็รับฟังอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่าผมตั้งใจฟัง และทำให้เธอคิดว่าผมพร้อมจะช่วยเสมอ เธอขอให้ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปรับเธอ ตอนตี1ครับ (ในวันนั้นผมนอนดึกเพราะอ่านหนังสือเตรียมสอบ) คนนิสัยอย่างไรกันที่ขับรถออกไปนอกบ้านตอนกลางคืนโดยหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ของพ่อออกไป ตอนกลางดึก ถ้าพ่อแม่ พี่ชาย พี่สาวของผม ตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วรถไม่อยู่ ไปแจ้งความ ผมก็จะโดนข้อหาลักทรัพย์


        (ทุกท่านอาจไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโดนข้อหาลักทรัพย์ เพราะรถนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อผมถึงแม้จะให้ผมใช้อยู่บ่อยๆแต่กรรมสิทธิ์ก็ยังเป็นของพ่อ อยู่หากพ่อผมมีการแจ้งความว่ารถหายก็จะเป็นคดีอาญาฐานลักทรัพย์ทันที และในคดีอาญาแม้นำทรัพย์มาคืนก็ไม่ทำให้คดีอาญานั้นสิ้นสุด แต่สามารถใช้เป็นกรณีให้ศาลเห็นใจขอลดโทษแต่โดยมาก ถ้าจำนนต่อหลักฐานศาลก็ไม่ลดโทษให้หรอกครับ ซึ่งกรณีนี้คนทั่วไปมักจะเข้าใจผิดว่าคดีลักทรัพย์จะสิ้นสุดซึ่งไม่ใช่เลย และถ้ามีคดีอาญาติดตัวคงไม่ดีแน่ๆถ้าจะสมัครเข้ารับราชการ หรือพูดอีกอย่าง ทางราชการจะไม่รับพวกติดคุกมาก่อนยกเว้นความผิดโดยประมาท ลหุโทษ ซึ่งถ้ามีประวัติเกี่ยวกับคดีอาญาคงไม่ดีต่ออนาคตภายหน้าของผมแน่ๆ และมันคงเป็นเรื่องที่ขำไม่ออกถ้ามาบอกที่หลังว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะตำรวจจะลงบันทึกคดีไว้แล้วก็จะดำเนินไปตามนั้น การจะอ้างว่าเข้าใจผิดก็คงต้องเสียเวลาและยุ่งยากพอสมควร ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นว่านี้ขึ้น ผมก็ไม่ว่าตำรวจเพราะเขาปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมาย แต่ผมคงด่าตัวเองแน่ ...เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่คิดภายใน2วินาทีก่อนผมจะตกปากรับคำว่า   ได้สิแล้วเราจะเอารถออกไปรับเธอนะ .."

         ..ผู้อ่านครับอ่านมาถึงตรงนี้ท่านคงคิดว่า รู้ดีอยู่แล้วทำไมถึงออกไป หรือไม่ก็อาจคิดว่าเรื่องไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้นหรอก ผู้อ่านที่รักยิ่งของผม เรื่องเลวร้ายในโลกนี้นะครับ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองหรอกทุกคนอาจ คิดว่าตนเองเท่านั้นที่โชคดีไม่เป็นอะไรหรอก แต่ กฏหมายไม่เคยให้ความหวังกับใครครับ ตอนหลังผมถกเถียงกับ บ.ว่าทำไมตอนนั้นนายถึงออกไป เขาให้เหตุผลดังต่อไปนี้

        "...ที่เราทำทั้งหมดนี่เราทำเพื่อเธอคนเดียวนะ..." (จากข้อเท็จจริงที่ผู้เขียนomenได้รวบรวมมา บ.เคยทำอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว เรื่องประเภทนี้)
        "เรารู้สึกว่าเพื่อเธอให้เราลำบากกว่านี้เราก็ทำได้ ถ้าเธอไม่สบายใจอะไรก็บอกเราได้เลยนะ" ความจริงผมค่อนข้างลำบากใจกับการไปรับผู้หญิงนอกบ้านเวลากลางคืน ทุกท่านลองจินตนาการดูนะครับ สมมติท่านเป็นผู้พิพากษาในคดีเรื่องหนึ่ง และมีคนโอนเงิน10ล้านบาทเข้ามาในบัญชีของท่าน แล้วหมายเลขบัญชีที่โอนมาให้ท่านคือหมายเลขบัญชีของคู่ความในคดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโจทก์หรือจำเลย ทุกท่า่นคงปฏิเสธไม่ได้สินะครับ ว่าผู้พิพากษาท่านนั้นไม่ได้รู้เห็นด้วย  

        มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมอยากเล่าใหกท่านฟังเป็นอุทธาหรณ์ผู้พิพากษาท่านหนึ่งได้จดทะเบียนสมรสซ้อนกับผู้หญิง5คน ได้ถูกยื่นัตรสนเทศ์ ทำให้ต้องออกจาการเป็นผู้พิพากษาโดนตั้งกรรมการตรวจสอบ การปฏิบัติหน้าที่ทางกฏหมายแค่ประวัติไม่สะอาดพอก็เหลือเฟือที่จะหมดอนาคตแล้ว และยิ่งเรื่องชู้สาวด้วยนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย เป็นที่เสื่อมเสียไปอีกนาน

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×