คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ฟากฟ้ายามค่ำ
สงบ มีสติ อดทนและเตรียมพร้อม คือหลักการการแก้ปัญหาของไตรภูมิ แม้ข้าต้องเร่งรีบแต่ข้าไม่เคยร้อนรน ไตรภูมิย้อนกลับไปตามทางเดินที่โรงเรียนอีกครั้งเพื่อ หาเอกสารและกระเป๋าของเขาที่วางทิ้งไว้ที่โรงเรียน เหลืออีกเจ็ดชั่วโมงจะเช้า แต่เหลืออีกประมาณ สี่ชั่วโมงก่อนที่ภารโรงจะมาเปิดประตูโรงเรียน
ว่าแต่จะไม่มีใครแปลกใจเลยเรอะที่เขาอยู่ดีๆก็หายไปใครเป็นผู้พบศพของเขาแล้วเอาไปไว้โรงพยาบาล การแจ้งตาย และการชันสูตรถ้ามีการตายโดยไม่ปรากฏเหตุตามกฎหมายอีกล่ะ ถ้าว่าเขาที่ลุกขึ้นมาเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่าแปลกแล้ว การที่ไม่มีใครสนใจเขาขนาดนี้ ไม่แปลกยิ่งกว่าเรอะ
ก็ถึงว่าไง ต่อให้ตายไปก็ไม่ได้แก้ปัญหาเลยสักนิด ไตรภูมิบ่นพึมพัมให้กับอารมณ์อันขึ้นๆลงๆของตนเอง
หือเหมือนโอกาสดีแฮะบางที โรงเรียนตอนมืดๆก็เป็นสถานที่ที่มีคนลอบเข้ามาบ้างก็เสพยา บ้างก็ขโมยข้อสอบ บ้างก็อาศัยจอโปรเจคเตอร์ของห้องบรรยายใหญ่ ดูหนังเพื่อสร้างบรรยากาศแบบในโรงภาพยนตร์ และบางคนนั้นยังใช้ไฟในห้องคหกรรมเพื่อต้มอาหารด้วยเพราะบ้านไม่มีเตา
ว่าแล้วโรงเรียนตอนมืดๆก็ดีไปอย่างนะ คร๊อก ..เสียงท้องร้องดังขึ้นมา ว่าแล้ว กระเพาะที่ไม่มีอาหารมาหลายสิบชั่วโมงมันก็ต้องหิวสินะ ไปห้องคหกรรมเพื่อต้มอาหารดีมั้ยนะ ไม่สิตอนนี้ก็ใกล้เช้าแล้ว จัดการเรื่องข้าวของให้เรียบร้อยค่อยกินอาหารเช้าที่หลังละกัน
ปกติเขาจะรอดเข้ารั้วข้างโรงเรียนโดยทางที่แอบขุดไว้และปิดไว้ด้วยกิ่งไม้ แต่คราวนี้ท่าทางจะไม่ต้องแฮะ ประตูของโรงเรียนยังเปิดอยู่ หรือนี่แปลกจริงๆแฮะ
โรงเรียนรั้วน้ำใจ เป็นโรงเรียนที่คุณภาพค่อนข้างดี แม้จะค่าเทอมค่อนข้างแพง แต่ก็เปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีผลการเรียนดีได้รับทุนการศึกษาด้วยอันเป็นทุนที่ผู้ก่อตั้งโรงเรียนตั้งความฝันไว้ว่า เราไม่อาจช่วยนักเรียนทั้งหมด แต่เราสามารถช่วยคนที่ช่วยเหลือตนเองได้
รูปปั้นของผู้ก่อตั้งอยู่หน้าประตูโรงเรียนเป็นรูปปั้นของชายคนหนึ่งในท่ายืนแบบกังฟู
ขยันและอดทนคือคติประจำโรงเรียนนี้
ไฟในห้องเรียนการแสดงเปิดอยู่ กับ มีการซ้อมเชียร์อยู่เรอะ อืม ขยันแฮะ
เที่ยงคืนแล้วนี่นะ ยังไม่ยอมกลับบ้านกันท่าทางจะเอาจริงนะนี่พวกนี้
ไตรภูมิมองพวกที่ไม่ยอมกลับบ้านอย่างชื่นชม ก่อนที่จะแอบเดินเข้าไปในตัวอาคารเรียน โดยไม่ให้คนเห็น ลำบากแน่เรา ถึงอาจารย์จะอนุญาตให้พวกที่มีกิจกรรมอยู่ดึกแต่ถ้าเราโดนเจอคงโดนถามแน่ว่ามาทำอะไรที่โรงเรียนในตอนนี้ มากหนึ่งเรื่องไม่สู้น้อยลงหนึ่งเรื่อง หลีกเลี่ยงการพบคนไว้ก่อนดีกว่า
ไตรภุมิเดินไปตามทางมืดๆในระเบียงของห้องเรียนถึงจะบอกว่ามืด แต่ ก็ไม่ใช่มืดสนิทเพราะยังมีแสงไฟ พอที่จะเดินได้เชียวล่ะ และยิ่งคนสายตาไวอย่างไตรภูมิและหูที่ฟังเสียงดีขึ้นจากการฝึกมาหมาดๆแล้วละก็เรื่องที่ไปเจอกับใครเข้าโดยบังเอิญก็เป็นเรื่องยากเอาการล่ะ
ไตรภูมิคิดไปเรื่อยเปื่อยขณะที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าที่เขาทิ้งกระเป๋าไว้ ก่อนขึ้นไป “รับลม” อืมอืม ท่าทางจะไม่มีใครขึ้นมาแฮะ
อ๊ะ .. ฮึก ฮือ ฮือ
เสียงสะอื้นดังแว่วมา แม้จะร้องอย่างแผ่วเบา แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ฝึกมาอย่างดีของไตรภูมิทำให้เขาได้ยินอย่างชัดเจน
ใช่ซะที่ไหนล่ะ เวลากลางคืนมันเงียบ บางที แมลงสาบเดินยังได้ยินเลยไม่ต้องพูดถึงคนสะอื้นหรือร้องไห้หรอก
.....................
บ้าจริงไม่มีใครขึ้นมาแต่เราดันลืมนึกไปถึงกรณีที่มีคนขึ้นมาอยู่แล้วไป
หัวสมองของไตรภูมิ คิดด้วยความรวดเร็ว และมันต้องมีเหตุการณ์อะไรแน่ๆที่ทำให้เราซวยกว่าเดิม เช่น ชายหญิงมีอะไรกันบนดาดฟ้า และพอเจอเรา ฝ่ายหญิงก็อ้างว่าโดนเราขืนใจและฝ่ายชายเป็นผู้มาช่วย เราโดนไล่ออก ฝ่ายชายรอดตัว ฝ่ายหญิงรอดตัว แฮปปี้เอ็นดิ้ง บ้าเอ๊ย เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นหลังจากที่ได้ยินเสียงฮึก ฮึก เหมือนกับเสียงคนร้องไห้ ไตรภูมิก็คิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่จะเกิดจากเขาได้เป็นสิบแบ
ตอนแรก ไตรภูมิคิดว่า หันหลังกลับดีกว่า และทำเป็นว่าเราไม่เคยมาจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราอยู่แล้วนี่จริงไหม
แต่ ไตรภูมิชะงัก เท้า รู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง
ถ้าเรากลับไป แต่ดันมีคนฆ่าตัวตายที่เดียวกับเรา และดันพบกระเป๋าเราในที่เกิดเหตุล่ะไม่ซวยเลยหรือฟะนี่ เพราะขนาดเรา ขึ้นมาตอนเย็นยังไม่มีใคร แต่พอมีคนอื่นขึ้นมาดาดฟ้าบ้างตอนดึกขนาดนี้โรงเรียนดันมีคนอยู่กันร่วมร้อยกว่าคน
ไอ้หนู จะมาฆ่าตัวตายอีกแล้วเรอะ
มีมือสีดำแห้งมือหนึ่ง จับไหล่ของไตรภูมิ
..............................
“สาบานในนาม เทพารักษ์ของที่แห่งนี้ ข้าไม่ยอมให้ความผิดพลาดเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งแน่นอน”ชายชรา ร่างกายขาวแต่มือสีดำคิ้วสีขาว เอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น
ตามปกติ น่าจะเจอคนที่นิสัยแปลกๆและเท่ๆตามหลักนิยายทั่วไป ทำไมตูเจอแต่ชายชราฟะ ไตรภูมิถอนหายใจให้กับความซวยของตนเอง
.....................
“สบายใจได้ครับผมไม่คิดฆ่าตัวตายหรอกครับ ชีวิตยังมีค่าอีกเยอะ แม้เราจะโดนคนที่ไว้ใจหักหลังทิ้งเราไว้กลางทะเลกับเรือยนต์ที่กำลังพังและไฟลุกท่วมอยู่ก็ตาม หรือ คนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนพยายาม ฆ่าเรา บนเรือที่เสบียงหมดแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังมีข้อดีอยู่ครับ” ไตรภูมิเอ่ยอย่างสงบ ไม่ใช่จากความหวังหรือความเชื่อ แต่จากประสบการณ์
ชายชราเคราขาวที่อ้างตนเป็นเทพารักษ์ อึ้งเล็กน้อยก่อน จะกล่าวว่า
“ข้าเคยผิดพลาดมาแล้วรอบหนึ่ง ข้าไม่ยอม ให้เจ้าผิดพลาดอีกรอบหนึ่งแน่นอน ฆ่าตัวตายคือบาปกรรม เจ้าไม่ต้องอ้างเหตุผลใดๆมาเสียดสีหรอก การฆ่า สิ่งมีชีวิตเป็นบาป แม้ เป็นชีวิตตนเองก็นับว่าเป็นบาป เฉกเช่นกรรม ความทรมาณทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ จะสิ้นสุดแค่การฆ่าตัวตายของเจ้าหรือ ข้าจะบอกให้ มันยังเป็นแค่ส่วนเสี้ยวเล็กน้อยของความทรมาณในมหานรกอเวจี”
“ เอ ผม ก็บอกว่าผมไม่ได้ฆ่าตัวตายไงครับ” ไตร ภูมิรู้สึกคุ้น เหมือนเคยพูดประโยคอย่างนี้มาหนึ่งรอบแล้ว
แต่เป็นเพราะมีไอ้บ้าหน้าไหนมาชกผมจนตกไปที่พื้นต่างหาก ประโยคหลังไตรภูมิไม่ได้พูดออกไป เพื่อ ไม่ให้ก่อความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น อันที่จริง ไตรภูมิคิดว่า เขามีสัมผัส รับรู้อันตรายที่รวดเร็ว และ สามารถสังหรณ์ ประสงค์ร้ายที่มีต่อตัวเขาได้อย่างรวดเร็ว เพราะความโชคร้ายที่มีอยู่คู่กับตัวเขามาตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนว่า จะไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไรเพราะโชคร้าย ดูเหมือนก็เก่งกล้าขึ้นมากกว่า ความสามารถของเขาเป็นทวีคูณ
เมื่อ การชกหมัดของชายชราไม่มีประสงค์ร้าย แถมมาด้วยความรวดเร็วเหนือมนุษย์ จนไตรภูมิ แม้พยายามจะทรงตัวในช่วงนั้น แต่ ผลจากหมัด ก็ทำให้เขาสิ้นสติไปแทบจะในทันที
เทพารักษ์ คนนี้ก็ เช่นกัน
ความคิดเห็น