คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เด็กหอ -1
แน่นอนครับสำหรับนักเรียนที่มาจากทางเหนืออย่างผมแล้ว หรือนักเรียนคนอื่นๆที่มาจากต่างจังหวัดทุกคนก็ต้องอยู่ในสิ่งที่เรียกว่าหอพักนักเรียน แน่นอนถ้าเป็นเรื่องราววัยเรียนแล้วก็ต้องมีคู่อริแน่นอนครับ และคู่อริที่ได้พบเจอตั้งแต่วันแรก ก็จะเป็นตัวร้ายไปจนจบเรื่อง ผมคิมจองอิลก็ได้พบเจอสิ่งที่เรียกว่าคู่ปรับแห่งชะตาเช่นกัน
"เอาละพวกนายทุกคนแยกย้ายกันไปได้ ไม่มีใครแบ่งแยกพวกนาย คุณสมบัติของพวกนายจะเป็นการแบ่งแยกตนเอง "รุ่นพี่กวาก กล่าวกับรุ่นน้องก่อนแยกย้ายกันไป
ขณะที่รุ่นพี่กวากได้สั่งให้แยกย้ายกันไปหาที่พักแล้ว ผมกับคิมแจกิวได้เดินไปที่หอพักนักศึกษาด้วยกัน และได้และกันเดินไปดูสถานที่รอบๆด้วยกันก่อน เนื่องจากคิมแจกิวเป็นเด็กรอบคอบ เขาถนัดเรื่องการเก็บข้อมูล จึงบอกผมว่า ที่พักนักศึกษา นั้นพักกันห้องละสามคน แน่นอนครับมีพวกรหัสสีทองที่ได้อยู่ห้องเดี่ยว โดยห้องพักนั้นจะหรูหรากว่านักเรียนทั่วไป เหมือนบังเอิญจริงๆ เนื่องจากผม คิมแจกิว และพรรคจองได้อยู่ห้องเดียวกัน ผมเลยชวนพรรคจอง มาด้วยกัน ในการเดินไปหอพักนักเรียนชายปีหนึ่งเพื่อเก็บข้าวของ
ระหว่างทางผมก็พบเหตุการณ์บางอย่าง ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผมในช่วงเรียนที่เชกัลแห่งนี้
"ทำไม ใครถึงบอกว่าเราทำผิดตลอดเลยนะ ทั้งที่เราก็ทำถูกตามคู่มือนักเรียนแท้ๆ" คิมแจกิวยังบ่นอยู่ พรรคจองตบไหล่คิมแจกิว "ไม่ต้องคิดมากน่า พวกเราก็ยังขาดประสบการณ์กันทุกคนนั่นแหละ การทำอะไรผิดก็เป็นเรื่องธรรมดา "พรรคจองพยายามปลอบใจ
"นายเก่งมากเลยนะพรรคจอง ไม่ใช่เรื่องที่นายบอกรุ่นพี่ไปอย่างนั้นหรอกนะ แต่นายเก่งที่ควบคุมสติ และพูดในสิ่งที่อยากพูดได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเยอะๆนี่แหละ " คิมจองอิลพูดกับพรรคจอง
ใต้ท้องฟ้าสีครามเมฆชาวเป็นวันที่อากาศแจ่มใส เป็นวันที่เหมาะแก่การเดินทอดน่องปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับฟ้า สายตามองดูนกที่บินอยู่เหนือนภา เป็นวันที่สงบและสันติ แต่ดูเหมือนว่า มีคนบางคนไม่คิดเช่นนั้น
ได้มีผู้ชายกลุ่มหนึ่ง บางคนถือมีด บางคนถือกระบองสองท่อนบางคนถือโซ่บางคนถือดาบไม้ และหลายคนแต่งชุดยูโด เทควันโด ยิวยิตสู ปัญจัคสีรัต บางคนก็ใส่ชุดนักมวย เหล่าผู้ชายที่หน้าตาโหดเหี้ยมเหล่านั้นได้ห้อมล้อมหญิงสาวคนหนึ่งไว้ ราวกับหมาป่าที่ล้อมวงกันเพื่อตะครุบเหยื่อ
(น่าจะใส่ชุดต่อสู้เพื่อเสริมสร้างจิตใจต่อสู้ของตนเอง นี่คือข้อสังเกตของคิมแจกิว หลังจากเขาหายตกใจกับภาพที่เห็นแล้ว)
เป็นภาพที่ตัดกันอย่างยิ่ง ระหว่าง กลุ่มผู้ชายที่น่าตาท่าทางโหดเหี้ยม กับผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยคนหนึ่ง ต้นคองามระหงส์ และขาวนวลเนียน ผมสีเงินยาวสลวย ตาสีฟ้าเหมือนน้ำทะเล ผิวขาวราวกับหิมะ (อย่างที่ผมพูดเสมอนี่มันคนเกาหลีแน่เรอะ) ริมฝีปากเรียวบางของเธอ สีแดงอมชมพูสวยงาม รูปร่างเพรียว แต่ก็แลดูแข็งแรง เธอใส่ชุดเครื่องแบบมีเครื่องหมายหัวหน้านักเรียน อยู่ที่เสื้อมีเขียวอ่อนของเธอแบบเดียวกับรุ่นพี่กวาก
"เราจะทำอย่างไรดีนะตอนนี้" พรรคจองเปรยออกมา ขณะที่พวกเราเห็นเหตุการณ์ที่ผู้หญิงถูกรุมล้อมโดยผู้ชายหลายคนเช่นนี้ พวกเราอยู่บริเวณหอพัก นักเรียนชายที่แม้แต่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ ก็ยังมีพวกป่าเถื่อนอยู่นั่นเอง เหมือนกับพระเจ้าจงใจให้ตรงนี้เป็นสถานที่ลับตาคนเนื่องจากเป็นทางลัดตัดตรงระหว่างตึกซึ่งรุ่นพี่กวากเตือนแล้วว่าห้ามผ่าน แต่เราก็ยังมาจนได้ ซึ่งพรรคจองอยากมาเดินสำรวจดูทุกที่เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน คิมแจกิวอยากเก็บข้อมูลของโรงเรียนมากกว่านี้ ส่วนคิมจองอิลมีความสนใจและต้องการพิสูจน์จ้อเท็จจริงต่างๆอยู่เสมอจึงเห็นพ้องต้องกันเป็นเอกฉันท์ ก็ได้พบว่า ระหว่างตึกสองตึกนี้มีขวดเหล้าขี้บุหรี่และสังเกตเห็นถุงยางอยู่ที่พื้นบริเวณนี้ด้วย
"เฮ้ไปห้องพักครูแล้วให้อาจารย์มาช่วยกันเถอะ" คิมแจกิว แนะนำตามแบบคู่มือโรงเรียนเมื่อเห็นผู้หญิงถูกผู้ชายล้อมอยู่ แต่คิมจองอิลไม่คิดเช่นนั้น "ช่วยคนรอช้าไม่ได้นะ เวลาที่เราวิ่งไปห้องพักครูเธออาจจะถูกทำร้ายไปแล้ว" ส่วนพรรคจองยังไม่ค่อยเข้าใจวิธีแก้ปัญหาของเกาหลี เขานึกว่านี่เป็นความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมของไทยกับเกาหลีเลยไม่ได้พูดอะไร
พวกเราตัดสินใจว่าจะเฝ้าดูสถานการณ์ไปก่อนเพราะหากไปห้องพักครูตอนนี้ ถ้าหากหญิงสาวคนนี้เป็นอะไรขึ้นมา พวกเราคงตำหนิตนเองไปชั่วชีวิตแน่นอน คิมจองอิลสูดลมหายใจและพยายามจะเข้าไปพูดคุยเจรจาอย่างสันติกับพวกผู้ชายเหล่านั้น คิมจองอิลเชื่อมั่นว่ามนุษย์เราสามรถเจรจากันให้เข้าใจได้ และหากมนุษย์คุยกันมากกว่านี้สงครามคงไม่เกิดขึ้นย้าก คนถือดาบไม้ตะโกนชูดาบไม้อยู่เหนือศีรษ?แล้วพุ่งเข้าไปหาผู้หญิงคนนั้น ด้วยควรามรู้สึกที่อยากฟาดฟันคนตรงหน้าให้แหลกลาญ "ผมล่ะงงกับคนเกาหลีจริงๆ "พรรคจองพูดระหว่างที่ดูเหตุการณ์นั้นอยู่ทำไมต้อง "เวลาต่อสู้ทั้งที่ล้อมอยู่ตั้งเยอะทำไมต้องเข้าไปทีละคน มวยไทยของเรา แท้จริงใช้ในสงครามไม่ว่า1คนหรือ1กองทัพเราก็สามารถสู้ได้"
พรรคจองกล่าวอย่างงุนงงใบหน้าสี่เหลี่ยมคม ตัดกับใบหน้าที่ค่อนข้างกลมของคนเกาหลีนั้นมีแววสงสัย นี่คงเรียกว่าความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมสินะแต่ไม่เป็นไรไทยเรารักสงบอยู่แล้วเราต้องทนกับความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมให้ได้จึงจะถือว่าเป็นผู้เจริญแล้ว และการวิพากษ์โดยไม่ลงมือนี่อาจจะดูเป็นคนที่มือไม่พายเอาเทาราน้ำก็ได้พรรคจองละเอียดรอบคอบเสมอ
หญิงสาวรายนั้นหลบดาบไม้ที่ฟาดมาได้อย่างง่ายดาย อย่างไม่ยี่หระราวกับว่าเธอกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านตนเองอันที่จริงเธอดูจะสนุกอยู่บ้างด้วยซ้ำ พรรคจองไม่ชอบความรู้สึกอย่างนั้นของเธอการต่อสู้ควรเป็นเรื่องจริงจัง คิมแจกิวกลัวการต่อสู้โดยไม่กล้ามองตรงๆมือทั้งสองข้างของเขากำเป้ไว้แน่น คิมจองอิลขยับแว่นของเขาให้เข้าที่เขาจะทำเมื่อเขาตื่นเต้นเสมอ คิมจองอิลไม่ชอบการวิวาทหรือความขัดแย้งแต่เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นเขาก็คิดที่จะให้มีคนเดือดร้อนน้อยที่สุดในการต่อสู้หรือความขัดแย้งนั้น
ปัญหาเกิดขึ้นเพราะไม่มีคนกล้าที่จะแก้ปัญหา คิมจองอิลเชื่อมั่นในการเจรจากันอย่างสันติวิธีและถ้าไม่มีใครทำเพราะหวาดกลัวละก็ผมขอเริ่มเป็นคนแรกเอง
"หยุดเถอะครับเลิกทะเลาะกันสักที" คิมจองอิลตะโกนแทรกขึ้นมาขณะที่นักเลงกลุ่มนั้นอารมณ์กำลังขึ้นราวกับว่าอยากฉีกคนเป็นชิ้นสายตาของพวกเขาเบนเป้าหมายมาทางที่ที่คิมจองอิลอยู่ เนื่องจากผู้ชายกลุ่มนั้นไม่สามรถแตะได้แม้แต่เพียงชายเสื้อของหญิงสาว ขณะที่คนที่ใช้ดาบไม้ไล่ฟันนั้นกลับเป็นฝ่ายเหงื่อออกเต็มตัวเสียเอง
พอได้ยินคำพูดของคิมจองอิลที่บอกให้หยุดพร้อมกับเดินแทรกเข้าไปกลางวงก่อนที่พรรคจอง กับคิมแจกิว จะห้ามทัน สายตาของพวกนักเลงบอกว่าเขาต้องชดใช้อย่างมหาศาลที่แทรกเข้ามาในเรื่องนี้ แม้แต่หญิงสาวผมสีเงินคนนั้น ก็เปลี่ยนสีหน้าคล้ายกับจะบอกกับคิมจองอิลว่าเขาทำผิดไปแล้วเหมือนกัน
คิมจองอิลก็รู้ดีว่าเขาอาจจะทำผิดแต่เขาก็ต้องทำเพราะเขาไม่อยากให้ใครคนไหนต้องบาดเจ็บเลยแม้แต่คนเดียว รู้ว่าไม่ดีต่อตนเองก็ยังทำเพราะคิมจองอิลก็ยังเป็นคิมจองอิลเขาไม่มีวันเปลี่ยนไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
คนถือดาบไม้ฟันด้วยความเร็วแต่ก็แฝงด้วยความหนักแน่นมั่นคง ส่งเสียง ย๊าก เมื่อฟาดฟันพลาด โดยหญิงสาวคนนั้นหลบอย่างง่ายดายผมยาวสีเงินของเธอเป็นประกายสีเงินล้อไปกับแสงแดดขณะที่ ถลันหลบนั้น
...........................................................................................................................................
ชั่ววินาทีนั้นพรรคจองเป็นคนวางแผนก่อนที่จะลงมือเขาไม่คิดจะแทรกเข้าไปกลางวงต่อสู้เพราะนั่นจะทำให้อะไรต่อมิอะไรแย่ลงได้ถ้าไม่วางแผนก่อน
คิมแจกิวอยากยุติเหตุการณ์ที่เห็นอยู่แต่เขากลัวจนขยับขาไม่ออก เขามาคิดในภายหลังจากเหตุการณ์นั้นว่าเขาอยากเป็นคนที่กล้าหาญกว่านี้
พรรคจองกับคิมแจกิวคิด แต่คิมจองอิลก้าวออกไปแล้ว ไวกว่าที่พรรคจองและคิมแจกิวจะห้ามไว้ทัน และไวกว่าที่จะห้ามตนเองไว้ด้วย
"ไอ้หนูเอ็งไม่รู้เรื่องอะไรถอยไปไกลๆดีกว่า"คนใส่ชุดยูโดสูงเกือบสองเมตรบอกกับคิมจองอิล พร้อมกับผลักคิมจองอิลให้ออกไปนอกวง
ตุ๊บ พลั๊ก คิมจองอิล และคนใส่ชุดยูโดหันไปตามเสียง คนถือดาบไม้ที่พยายามไล่ฟาดผู้หญิง กลับเป็นฝ่ายลอยไปติดผนัง ร่างของเขากระแทกกับผนังดาบไม้หลุดจากมือ เหมือนบังเอิญที่ศีรษะของเขาไปโดนถุงยางอนามัยที่ทิ้งไว้ที่พื้น
"นี่เป็นผลร้ายของการทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทางเรามาช่วยกันรักษาความสะอาดของโรงเรียนกันเถอะครับ" คิมแจกิวพูดขึ้นมา แต่ไม่มีใครสนใจเหมือนเดิม ทั้งที่ความจริงคิมแจกิวอยากให้มีคนมารับมุขว่า นายดูเวลาหน่อยได้ไหมตอนนี้คนเขากำลังตีกันไม่เห็นหรือ จะได้ใช้มุขที่เตรียมมาว่า การตีกันคอยได้ แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อมต้องเริ่มแก้ไขตั้งแต่วันนี้ ....แต่ดันไม่มีใครสนใจซะนี่ คิมแจกิวเลยรู้สึกเคว้งที่ไม่มีคนสนใจ...
"เฮอะไม่พอมือเลย" เธอบ่นหลังจากที่ซัดคนถือดาบไม้ไปกองกับพื้นลมหายใจของเธอไม่มีวี่แววเหนื่อยหอบหน้าอกของเธอยังเคลื่อนไหว ขึ้นลงเป็นปกติ
พรรคจองสังเกต
และเขารู้สึกว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อนของเขาคิมจองอิลมากนักเพราะดูจากท่าทางการยืนของคนใส่ชุดยูโดแสดงว่าต้องเป็นคนที่ฝึกจิตและสมาธิมาจากการฝึกยูโดมามากเป็นแน่ แม้ตัวของเขาจะดูใหญ่โตแต่การวางเท้าทั้งสองข้างของเขาดูสมดุลอย่างประหลาดไม่ไหวเอนไปมาง่ายๆ แสดงว่าฝึกการยืนขั้นพื้นฐานมาอย่างหนัก แม้คำพูดจะกระโชกแต่เจตนาของเขาเป็นการป้องกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่ง เพราะคนที่ฝึกฝีมือยิ่งต้องมีจิตใจเยือกเย็นเห็นภายนอกดูเลือดร้อน แต่จากการที่พรรคจองเห็นสีหน้าของเขาเมื่อสักครู่ตอนที่พวกของเขากระแทกผนังแบบไม่ทันตั้งตัวและเพื่อนเขาหลายคนหน้าถอดสี แต่เขายังทำหน้าแบบปกติ และคำพูดดูโกรธ แต่การหายใจของเขายังคงเรียบและสงบ ผู้หญิงผมสีเงินคนนั้นก็เหมือนกัน แม้คำพูดจะท้าทายไม่ใส่ใจ แต่ลมหายใจและการเคลื่อนไหวของเธอเป็นธรรมชาติไม่ขัดเขิน ราวกับศิลปะชนิดหนึ่งที่สวยงามแต่...พรรคจองรู้สึกโกรธขึ้นมา "คิมแจกิว ตามคิมจองอิลกลับมาเถอะ นี่ท่าทางจะเป็นเรื่องที่เรารับมือยากกันแล้วล่ะ"
คิมแจกิวส่ายศีรษะ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง ถอนหายใจ "ช้าไปหน่อยแล้วล่ะ เหตุการณ์นี้ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ เราก็ต้องถูกดึงเข้าไปยุ่งแน่นอน" พรรคจองเงียบไป
"นายว่าใครน่ากลัวที่สุด ใช่คนสวมชุดยูโดหรือเปล่า " พรรคจองรู้ว่าไม่ใช่แต่ลองถามคิมแจกิวดู
"ไม่ใช่หรอก ถึงผมจะไม่ใช่คนที่เรียนวิชาต่อสู้เลยก็รู้ว่า คนใส่ชุดยูโดยังคุมคนไม่ได้ เขาเป็นคนซื่อตรงในการต่อสู้เกินไป โดยไม่คิดจะสั่งให้เพื่อนเข้าไปรุม แต่ก็ยังไม่สามารถสั่งให้เพื่อนไปสู้ตัวต่อตัวได้ เห็นได้ว่ามีบางคนไม่ฟังเขา ดูนั่นสิ"
เป็นอย่างที่คิมแจกิวพูด ชายหนุ่มสองคนเห็นว่าเพื่อนถูกทำร้ายได้พุ่งเข้าไปพร้อมกัน คนหนึ่งชกซ้ายบน คนหนึ่งเตะกวาดขวาล่าง ของผู้หญิงผมสีเงินคนนั้น
ความคิดเห็น