ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรักของบุญพรำ

    ลำดับตอนที่ #1 : แว่วเสียงซอผิวแผ่ว

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.พ. 60


     
      นิราลโญภิกขุ หรือหลวงพี่โยของพวกเด็กๆอายุเกือบ40ปีแต่หน้าตาเหมือน20กว่าๆพูดจาสุภาพ วัตรปฏิบัตืสง่างามน่านับถือ เป็นหลวงพี่ที่ชอบแนะนำให้เด็กในวัดและเด็กในหมู่บ้านตั้งใจเรียนหนังสือบางตรั้งก็ช่วยเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่ไม่มีเวลาเลี้ยงดูในวัด ให้อ่านออกเขียนได้ บางครั้งก็จะช่วยกันซ่อมแซมสิ่งของที่ชาวบ้านไม่ใช้แล้วและนำมาบริจาคให้วัด ให้สามรถใช้งานได้อีกครั้งเป็นการช่วยฝึกอาชัพให้กับเด็กในวัด และในมชนนั้น นัลบป็นหลวงพี่ที่ฉลาดมากจบปริญญาบุคลิกดีน่านับถือ ไม่มีใครแน่ใจว่าทำไมถึงมาอยู่วัด
      เรื่องของหลวงพี่โยผมจะแต่งให้อ่านในภายหลังนะครับ ไปดูกันว่า ชีวิตของจากเด็กชายวินัย ไปเป็นนายวินัย จนถึงเป็น นิราลโญภิกขุป็นอย่าไรบ้าง
      แต่มีคำลือว่าหลวงพี่เคยเป็นลูกครอบครัวผู้ดีแห่งหนึ่ง พ่อแม่ได้หมั้นหมายหญิงสาวคนหนึ่งไว้ หลวงพี่เองก้ได้รักใคร่และผูกพันกับเธอมากต่อมา ต่อมาบริษัทนั้นได้ล้มละลาย เพราะเพื่อนสนืทของหลวงพี่ทรยศ และคู่หมั้นก็ไปแต่งงานกับเพื่อนที่ทรยศนั้น ชีวิตผกผันดดนเพื่อนปรักปรำจนต้องเข้าคุก แต่หลวงพี่ก็รอดพ้นมาได้เพราะเชื่อในคุณงามความดี หลังจากนั้นก็เห็นสัจธรรมในความไม่แน่นอนของชีวิต จึงตัดสินใจเดินตามรอยขององค์พระศาสดา และคอยช่วยเหลือสังคมจากนั้นเป็นต้นมา 

      บุญพรำ ทำดี พระเอกของเรามองใบหน้าของหลวงพี่ที่คมสันหล่อเหลากับตนเองที่อ้วยเตี้ยดำ แก้มกลมเป็นซาลาเปา ก็อดถอนใจลึกๆไม่ได้

     บุญพรำมักมาให้หลวงพี่สอนสีซอให้ฟังเสมอ

     ทำนองซอ เป็นเสียงละห้อยโหยหา ราวกับความรักที่จากลาไปไกลไม่หวนคืนต้องเป็นคนที่รักลึกซึ้งเท่านั้นถึงจะบรรเลงเพลงนี้ได้

       บางครั้งหลวงพี่โยก็จะบรรเลงเพลงซิมโฟนีโดยใช้ซอเหมือนกันซึ่งบุญพรำก็ชื่นชมหลวงพี่มากและอยากปฏิบัติตามให้ได้อย่างท่าน ถ้าเขามีใบหน้าได้ครึ่งหนึ่งของหลวงพี่ละก็เขาคงไปทักปุยฝ้ายได้สินะ


      "มีเรื่องทุกข์ใจหรือบุญพรำ "หลวงพี่โยบอกกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยนแววตาของท่านสงบนิ่งและเปี่ยมด้วยความเมตตา บุญพรำรู้สึกใจเต้นที่หลวงพี่รู้ว่าตนไม่มีสมาธิขณะสอนดนตรี

      "ครับหลวงพี่ผมใจลอย" บุญพรำไม่ได้กลบเกลือนว่าไม่ได้ใจลอยกับหลวงพี่เพราะมีคนบางคนที่เรากลบเกลื่อนไม่ได้

      "ผมไปหลงชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เธอน่ารักมาก  จนผมเขินไปเลยครับเมื่อยอยู่ต่อหน้าเธอ หูผมจะอื้อตาจะลาย แค่เธอยิ้มผมก็จะนอนฝันไปเป็นวันเลยครับ
    และผมก็ยิ่งเขินอายจนทำอะไรไม่ถูกเลย เวลาจะเรียกทักทายทำความรู้จักกับเธอผมก็มัวแต่เหม่อมองเธอจน เธอเดินจากไปผมถึงจะรู้สึกตัวครับหลวงพี่ ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ" บุญพรำระล่ำระลั่กเวลาพูด และรีบพูดให้จบ เพื่อบังคับตนเองไมให้หมดความกล้าก่อน

      หลวงพี่สีซอด้วยเพลที่ฟังแล้วรู้สึกสงบ "โยมต้องถามตนเองกอนว่าโยมต้องการอะไรกันแน่ อยากพบ อยากพูดคุย เป็นความรักหรือความใคร่"หลวงพี่หยุดสีแล้วจ้องตาบุญพรำ
       "โยมต้องการที่จะทำอะไรจากส่วนลึกของจิตใจ" หลวงพี่จ้องมอง ด้วยแววตาที่ดูสงบ แต่ก็ทำให้บุญพรำรู้สึกขนลุก แล้วถามตนเองว่าต้องการอะไรกันแน่

      "ผมต้องการอยู่ข้างๆเธอเวลาเธอยิ้มครับหลวงพี่"บุญพรำตอบหลวงพี่โยด้วยแววตาที่มุ่งมั่น หลวงพี่โยสีซอให้บุญพรำฟังอีกเพลงหนึ่ง คราวนี้เป็นเสียงเพลงที่สงบเงเหมือนกับฟังเสียงน้ำตกที่หลั่งไหลในหุบเขา

      จนสมควรแก่เวลาบุญพรำก็ลาหลวงพี่โยกลับบ้าน ก่อนจากกันหลวงพี่โย ทักว่า
    "โยมบุญพรำ โยมเป็นคนดี แต่ความรักนั้นไม่ได้หมายถึงความต้องการครอบครองแต่เพียงอย่างเดียว และไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ยั่งยืนเสมอไป ทางเดินที่โยมจะไปนั้นอาจมีหลุมบ่ออยู่เต็ม และโยมก็อาจจะล้มไปหลายครั้ง ไม่ว่าเรื่องราวความรักของโยมจะเป็นอย่างไรสมหวังหรือผิดหวัง อาตมาก็อยากให้โยมได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้างก็พอ" หลวงพี่กล่าวตักเตือนบุญพรำ

      บุญพรำหยุดคิด แก้มที่เต็มไปด้วยเนื้อของเขาขยับขึ้นและเขากำลังยิ้ม "ขอบคุณครับหลวงพี่ ทางเดินที่ผมเดินถึงแม้จะมีหนามหรือรกอย่างไรก้ตาม แต่ทุกเส้นทางในโลกใบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองแต่เกิดจากคนนั้นสร้างมันขึ้นมา มันจะพาผมไปไหนผมก็ไม่รู้ แต่ผมก็เดินไปแล้ว และวันนี้หละครับผมจะลองไปทักปุยฝ้ายสักที"

    คนหนุ่มสาวมักเชื่อเสมอว่าขอเพียงมีความรักแล้วทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี หลวงพี่ได้แต่คิดในใจ แต่หลวงพี่โยไม่สามารถกล่าวออกไปเพื่อทำลายจิตใจที่มุ่งมั่นของบุญพรำได้

       บุญพรำกล่าวอย่างมั่นใจ ทางข้างหน้าเป็นอย่างไรก้าวแรกก็ได้เดินไปแล้ว


      จบตอนที่1






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×