ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บันทึกยุทธจักร

    ลำดับตอนที่ #1 : แนะนำเรื่อง (จะปรับปรุงเรื่อยๆครับ)

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 50


        ขอแสดงความคารวะแด่ กิมย้ง โกวเล้ง อุนสุยอัน หวงอี้ และปรมาจารย์ท่านอื่นๆที่ผม คงไม่รู้จักโลกของกำลังภายในหากไม่รู้จักท่านเหล่านี้ครับ

      (ขอยืนพื้นฐานวิชาจากพวกท่านนะครับ ในเรื่องค่ายสำนักมาตรฐาน)

    ถ้าผมพลาดภาษาจีนตรงไหนไป ผิดไวยากรณ์ผิดสถานที่ รบกวนสหายทุกท่านช่วยแนะนำด้วยนะครับ ผมขาดความรู้อยู่อีกมาก

     ยอดยุทธแห่งวังหลวง

       ป กติ ทางราชสำนักจะไม่สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องราวในยุทธจักร แต่พยัคฆ์ที่ไม่คำรามไม่ได้หมายความว่ามันไร้เขี้ยวเล็บ กล่าวคือทางหนึ่งราชสำนักจะไม่ค่อยพิพาทกับชาวยุทธเสมือนหนึ่งน้ำบ่อน้ำคลอง ไม่ก้าวก่ายกัน แต่อีกทางหนึ่งก็ซุ่มซ่อนยอดฝีมือไว้มากมายสุดคณานับ หากใครคิดจะมาลอบสังหารฮ่องเต้ โอรสสวรรค์ละก็ ราชสำนักจะทำให้ค่ายสำนักหรือตระกูลของคนผู้นั้นหายไปจากยุทธจักร
      ศาสตราวุธแห่งวังหลวง
    1. กระบี่ หลี่ซวง ฝึกฝนกระบี่จากเช้าจรดเย็นไม่เคยว่างเว้น ทำหน้าที่หนักแน่นเข้มแข็ง กระบี่เดินในแนวทางสง่าผ่าเผยสมเป็นมือกระบี่หน้าบัลลังค์
     
    2.ดาบ แพ้เทียนเกา รวดเร็วเฉียบคม อามรมณ์รุนแรง ระบายอยู่ในเพลงดาบ

    3.กระบอง ลู่เต็ก  หัวหน้าองครักษ์แห่งวังหลวง

    4. เกาทัณฑ์ ฉวนเซี่ยวอิง แทบน้อยคนนักที่เห็นหน้าตาของเขา มีบางคนตั้งข้อสงสัยว่าเกาทัณฑ์อาจไม่ใช่ชื่อของคนคนเดียวแต่เป็นหน่วยซุ่มส ังหารหน่วยหนึ่ง

    5.ทวน  อุ้ยโฮว้ กล้าหาญชาญชัยปราบพวกชนต่างเผ่าอยู่แถบชายแดน ซุ่มฝึกเหล่าคนเดนตายอยู่ที่ชายแดน ฝึกโดยการให้เข่นฆ่าในสถานการณ์จริง หน่วยที่ซุ่มฝึกเรียกว่าพายุทราย อดข้าวอดน้ำ3วัน3คืน 7วันไม่หลับไม่นอนยังมีฝีมือที่เข้มแข็ง
    นอกเหนือจากฝีมือที่เข้มแข็งแล้วยังมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว

    6.แส้ ฟางอี้หลิน  รวดเร็วว่องไวกว่าเสียง แส้สามารถบิดกระดูกหักคอผู้คน โดยมากมักออกโรงในกรณีที่ต้องการจับเป็น

    7. เศียร   สติปัญญาดุจศาสตราวุธ เป็นชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนรถเข็น คุมหน่วยศาสตราวุธทั้งหน่วยยกเว้น ศาสตรา กล้ามเนื้อส่วนขาพิการจึงทุ่มไปกับการใช้สมองคิดหาวิธีเอาชัยโดยเคลื่อนไหวน ้อยที่สุด ดังนั้นจึงมีน้อยคนที่เห็นเขาลงมือ

      มีลูกศิษย์สองคนคือ หมัด และเท้า  ที่ถนัดเพลงหมัดกับเพลงเตะ

    8.ศาตรา ทุกส่วนในร่างกายดุจอาวุธไม่รับคำสั่งจากเศียร ฝีมือสูงสุดใน8ศาสตราแห่งวังหลวง


        4 ยอดยุทธแห่งวังหลวง

    ย มฑูตนอกรีต  มารชมพูทวีป  เซียนหมื่นพิษ อสุราเริงไฟ 4คนนี้จะแตกต่างกับพวกศาสตราวุธ โดยพวกศาสตราวุธจะมีตำแหน่งมารองรับ แต่4คนนี้ไม่มี กล่าวคือทั้งที่รู้เป็นนัยว่าพวกนี้เกี่ยวข้องกับวังหลวง แต่พอพวกนี้ก่อเรื่องวังหลวงก็ยังบอกได้ว่าไม่มีส่วนรู้เห็น ใช้ในกรณีกำจัดพวกชาวยุทธโดยวังหลวงไม่จำเป็นต้องออกหน้า
      นักโทษในคุกหลวง

    1. เจ้าศาสตราวุธ ฉั่วซัง ถนัดการใช้ศาสตราวุธทุกชนิด ถูกร้อยเอ็นร้อยหวายไหปลาร้า อยู่ในตระแกรงห้อยลงในน้ำในคุกใต้ดินผู้ที่ทำหน้าที่ยกประกอบด้วยยอดฝีมือกำ ลังภายในลึกล้ำ36คน แบ่งเป็น3กะไม่กินไม่นอนขณะเฝ้า นับเป็นนักโทษที่สำคัญที่สุด แต่ในเมื่อร้ายกาจเช่นนี้ทำไมราชสำนักนั้นกลับไม่เข่นฆ่าให้สิ้นซาก สร้างความสงสัยแก่คนยิ่งนัก แต่บ่าวไพร่ที่ดีรู้จักสงบคำ จึงไม่มีการแสดงความเห็นในเรื่องนี้


      ยอดฝีมือ

      เซียนเท้าเปล่ามีลูกศิษย์3คน วิชาแนวทางค่อนข้างเป็นเอกเทศ ใช้เพลงกระบี่ไม้ ดาบแขนเสื้อ วิชามือเปล่าเท้าเปลือย ลมปราณปุยนุ่นค้มครองกาย
     
     วิชาฝีมือที่ถ่ายทอดแก่ศิษย์มี หมัดอสนีบาต ฝ่ามือวายุ ดรรชนีย์เมฆา และค่ายกลปลานึ่ง ส่วนวิชากระบี่ไม้ดาบแขนเสื้อ ให้ท่องจำเคล็ดพื้นฐานไว้ก่อนที่จะฝึกเคล็ดขั้นสูง

     เซียนเท้าเ ปล่ามีความสามารถในการจักสาน สิ่งทอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ้าลายปักหรือแม้แต่ชะลอมใส่ของก็ตาม ก็สามารถขายและหาเลี้ยงชีพได้ ชิงชังการเรียกเก็บค่าคุ้มครองของอันธพาลร้านถิ่น และการค้าที่ไม่ต้องลงทุน(ปล้นที่สุด) ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเขามีฝีมือสูงเยี่ยม เพราะเขาไม่ค่อยประมือกับผู้คน

      กาขาว ปึงเสียวยู้ วิชาตัวเบาล้ำเลิศนิสัยชอบผดุงคุณธรรมแต่รักสบายและค่อนข้างหมกมุ่นอยู่กับสตรจึงมีชื่อเสียงไม่ค่อยดีในเรื่องก่อสัมพันธ์กับอิสตรี แต่ไม่เคยบังคับขืนใจใคร นับเป็นสหายที่น่าคบหาคนหนึ่ง เนื่องจากวิชาตัวเบาดีเลิศโดยพื้นฐานแล้วคนที่ฝึกวิชาตัวเบาจะฝึกคู่กับการใช้อาวุธลับและสัมผัสทางโสตประสาทล้ำเลิศฟังเสียงลมจำแนกอาวุธได้  ใช้อาวุธที่เรียกว่าปากอีกาเป็นอาวุธนอกสารบบ มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมแหลมสีเหลืองทองใช้สวมเข้าด้วยนิ้วโป้งนิ้วชี้และนิ้วกลาง ใส่เสื้อคลุมขนนกสีขาวและค่อนข้างตกแต่งร่างกายอย่างสำรวย เรียกว่ากาขาวเพราะลักษณะอาวุธที่เขาใช้ประกอบกับเสื้อผ้าที่ชอบใส่มักมีสีขาว


    สกุลถัง

    ถนัดอาวุธลับและยาพิษ

    สกุลอุน

    เชี่ยวชาญการวางยาพิษและขจัดพิษ

    สกุลปึง

    เชี่ยวชาญด้านลมปราณและฝ่ามือ

    สกุลเบ๊

    ป้อมม้าขาวตะกูลเบ๊เชี่ยวชาญวิชาบนหลังม้า และเพลงดาบฟันขาม้า ส่วนใหญ่องครักษ์ในวังหลวงจะมาจากที่นี่

    วังบุปผา

    แหล่งรวมยอดฝีมืออิสตรี พฤติการณ์ค่อนข้างโหดเหี้ยม มักฆ่าไม่เว้น

    สกุลฉั่ว

    ถนัดการจัดสร้างอาวุธต่างๆในแผ่นดิน วังหลวงก็มักติดต่อที่นี่เพื่อจัดสรรอาวุธในวัง

    สกุล ปัน
    มือพิสดารตระกูลปัน กลไกกับดักต่างจัดสร้างที่นี่

    สกุลลุ้ย

    อาวุธเพลิงและวัตถุระเบิด หมัดอสนีบาตต้นแบบก็มาจากที่นี่


    สกุล ซุน

    ทวนตระกูลซุน และอาวุธเพลิง

     สกุลฮ่อ
    ฉายาชั้นต่ำที่สาม ถนัดการส่งรหัส สายข่าวและเล่ห์อุบาย

    สกุลเนี่ย

    ตัวเบาสำนักสันติ กล้าหาญเที่ยงธรรม มักไม่ค่อยต่อสู้ แต่บางทีก็ถูกตราหน้าว่าเอาแต่หลบหนี

    สกุลมู่หยง
    ยืมหอกสนองคืนผู้ใช้ รวบรวมตำรายุทธทั่วแผ่นดิน
      ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลใหญ่ในยุทธจักร ส่วนใหญ่จะชิงดีชิงเด่นกันแต่ก็ไม่ต่อสู้กันอย่างรุนแรงเนื่องจากแต่ละฝ่ายพยายามรักษาขุมกำลังของตนเอาไว้

      มีบางสกุลเช่นสกุลถังกับสกุลลุ้ยแลกเปลี่ยนตัวประกัน โดยให้ทายาทสายตรงของแต่ละฝ่าย เข้าไปอยู่อาศัยและฝึกวิชาตั้งแต่แรกเกิดจนอายุครบ20ปี  ถึงกลับไปอยู่สกุลของตนเองนับเป็นวิธีกระชับสัมพันธ์กันอีกวิธีหนึ่งนอกเหนือจากการแต่งงาน

     พรรคกระยาจก

    กั่งเล้งจับโป๊ยเจี้ย
    18
    ฝ่ามือพิชิตมังกร

    1
    ขั่งเล้งอู่อ้วย (มังกรผยองได้สำนึก)
    2
    ปวยเล้งต่อเทียน (มังกรเหินท่องเวหน)
    3
    เล้งเจี่ยงอี่เอี้ย (มังกรโรมรันกลางไพร)
    4
    เกี่ยงเล้งต่อฉั้ง (มังกรซ่อนกบดาน)
    5
    หลีเสียบไต้ชวง (ลุยข้ามแม่น้ำใหญ่)
    6
    ฮ้งเจี้ยมอีเล็ก (วิหคมุ่งสู่ฝั่ง)
    7
    ตุ๊กยู่คี้ไล้ (ประดังโดยฉับพลัน

    8 จิ้งเกี่ยแป๊ะลี้ (สะท้านขวัญร้อยลี้)
    9
    ฮกเตียกต่อเอียง (ทะยานกลางมหรรณพ)
    10
    ซิ้งเล้งไป้ป่วย (มังกรสะบัดหาง)
    11
    เกี่ยงเล้งต่อฉั้ง (มังกรผงาดกลางพนา)
    12
    ซ้งเล้งฉู่จุ้ย (มังกรคู่ดูดน้ำ)
    13
    จิ้นเกียแป๊ะลี้ (กระแทกสะท้านร้อยลี้)
    14
    ซี่เซ้งลักเล้ง (ขับขี่มังกรทั้งหก)
    15
    มิกฮุ้นปุกโหว (เมฆหนาทึบไร้พิรุณ)
    16
    ซุ่งเจ่กอู่ฮู (ลดสูญเสียเกิดผลลัพธ์)
    17
    ลี่ซึงเปียจี่ (สัมผัสน้ำแข็งเหน็บหนาวกาย)
    18
    เชี่ยเค้าแอแอ้ (แย้มปากยิ้มอ้อแอ้)

      ลองไปค้นๆมาครับอ่านจาก 8เทพของบูรพัฒน์มันมีท่ามังกรพิโรธ กับมังกรคายแก้วด้วย มังกรชิงมุก ข้อมูลไม่ค่อยคตรงกันรบกวนผู้รู้ช่วย แนะนำด้วยนะครับ
     
      ค่ายพรรค/สมาคม
     สมาคมทรายร่วน
        อุดมการณ์ของสมาคมนี่คือรับศิษย์ที่ทำผิดกฏของสำนักเดิมและถูกขับออกจากสำนั กมาเข้าสมาคม สมาคมมีกฏข้อเดียวคือ ทำสิ่งใดต้องไม่ละอายต่อมโนธรรม ในสมาคมไม่มีการกราบเป็นอาจารย์ คนในสำนักเรียกพี่เรียกน้องกันตามปกติทั่วไปและคนสอนวิชาจะเรียกว่า ตั่วกอ
         แนววิชาของสมาคมนี้จะมีหลากหลายเนื่องจาก วิชาของคนในสำนักมาจากร้อยทิศทางแต่ส่วนใหญ่เป็นวิชาพื้นฐานซึ่งเป็นจุดอ่อน ของสมาคมทรายร่วนนี้ที่มักถูกชาวยุทธภายนอกกล่าวว่าเป็นพวกจับฉ่ายใช้การไม ่ได้ดี แต่ก็มีจุดแข็งคือคนในสมาคมจะไม่ปิดบังวิชาของตนเองกับเพื่อนร่วมสมาคมทำให้ การคิดและค้นคว้าวรยุทธเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากโดยพื้นฐานนิสัยของคนในสมาคมส่วนใหญ่จะไม่ค่อยยึดติดกับกฏหรือรูปแ บบที่ตายตัว คนที่ฝึกวิชาฝีมือพร้อมกันในสมาคม จึงมีแนวคิดและวิชาเป็นแนวเอกเทศของตนเองแต่เนื่องจากกระทำการไม่สนกฏยุทธภพ จึงถูกมองเป็นพวกกึ่งธรรมะกึ่งอธรรม

      พรรคฉลามขาว
    หัวหน้าคนปัจุบันชื่อ เฉินเมิ่นเอี๋ยน มีพฤติกรรมค่อนข้างเหี้ยมโหดลงมือคราใดแทบไม่มีศัตรูรอดชีวิต ศัตรูที่ตายในมือเขาแทบไม่มีใครซากศพสมบูรณ์ ลำตัวจะฉีกขาดจากกันเหมือนมีฉลามยักษ์มากัด

      นิกายแพไม้-เกิดบนแพไม้ ตายในลำน้ำ คือคำขวัญของนิกายนี้เชี่ยวชาญทางน้ำมาก
       เคล็ดวิชาต่างๆ

    เ พลงกระบี่ฟ้าบกพร่อง-หากฟ้ามีรักฟ้าคงไม่ทารุณเช่นนี้ในอดีตมีอัจฉริยะผู้หน ึ่งได้ตะโกนก้องฟ้าหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด กระอักโลหิตออกมาจนแทบหมดตัวและใช้โลหิตของตนเองเขียนเคล็ดวิชาเหล่านี้ขึ้น มาเรียกว่าเพลงกระบี่ฟ้าบกพร่องแต่ผู้คิดขึ้นมาหรือผู้เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิ ชานี้มักไม่มีจุดจบที่ดี  แม้เรียกว่าเป็นกระบวนท่า แต่ท่าที่ออกมาของวิชานี้แต่ละคนกลับไม่เหมือนกันเนื่องจากสำนึก ของแต่ละคนนั้นต่างกัน เป็นเพลงกระบี่ที่ใช้ความรู้สึกและสำนึกกระบี่เปล่งอานุภาพมากกว่าเน้นกระบว นท่าที่พลิกแพลง เน้นทำร้ายความรู้สึกมากกว่าทำร้ายตัวคน ที่สำคัญทำร้ายตนเองยิ่งกว่าทำร้ายผู้อื่น
    ก ระบวนท่าที่หนึ่ง-ฝันยากสมดั่งหมาย-กระบวนท่านี้มีลักษณะหลอนตาคู่ต่อสู้ให้ ไม่สามรถเล็งถูกผู้ใช้เพลงกระบี่นี้เปรียบเปรยได้กับการโจมตีให้ถูกเป้าเป็น ความฝัน เราท่านล้วนอยู่ในความฝัน ฝันที่ยากสมปรารถนา ทุกข์ระทมพลันสะท้านตื่น

    กระบวนท่าที่สอง-ดื่มยาพิษดับกระหาย-เป็นลักษณะกระบวนท่าของคนที่อับจนและสิ้นทางแม้รู้ว่าดื่มยาพิษนั้นต้องตาย แต่ก็ยังดื่มเพราะทนทุกข์ทรมาณจากความกระหายไม่ได้ เป็นหนทางระหว่างสิ่งที่ทำให้เราตายช้าๆ หาวิธีแก้ไขกลับทำให้เราตายเร็วขึ้น ไยต้องเป็นเช่นนี้

    กระบวนท่าที่สาม-ฉู่ปาอ๋องเชือดคอตาย-กระบวนท่านี้มีความรู้สึกว่ามีกำลังยากใช้ออก แม้มีกำลังพอยกขุนเขาแต่เพลาหาสมอารมณ์หมายชาติบุรุษสุดฝืนกล้ำกลืนกลายเมื่อไหร่หมายชะตานิ่งมิขึ้นลง เป็นคำตัดพ้อของฉฮู่ปาอ๋องหลังจากนั้นก็เห็นคนที่ตนเองรักฆ่าตัวตายต่อหน้าเพื่อให้ไม่เป็นภาระของตนเองไม่มีอะไรที่สร้างความคับแค้นให้กับบุรุษผู้หนึ่งที่ไม่อาจปกป้องสตรีที่ตนเองรักได้ สุดท้ายก็จนมุมที่ริมฝั่งแม่น้ำและขวางกระบี่เชื่อดคอตาย กระบวนท่านี้คิดขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ว่าแม้มีกำลังก็ยากสมปรารถนาได้ทุกสิ่ง

       กระบวนท่าที่สี่-ระทมทุกข์ใจสลาย ไม่มีใครทราบอานุภาพของกระบวนท่านี้ ยังเป็นแค่คำร่ำลือเท่านั้นเอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×