ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    DEAD CASTLE

    ลำดับตอนที่ #7 : อีกด้านของความงาม

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ค. 48


    “ขออนุญาตนะคะ” ลิซ่าลุกขึ้นหลังจากดื่มแชมเปนเข้าไป เธอเดินเข้าไปถามทางไปห้องน้ำบริกรที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องโถง



    “เดินตรงไปสุดทางเดินแล้วเลี้ยวซ้ายครับ”



    “ขอบคุณคะ” แล้วเธอก็มองไปยังทางเดิน มันไกลพอสมควร เธอค่อยๆเดินตรงไปตามทาง จนถึงสุดทางเดิน ก็มีทางแยก 2 ทาง ทางซ้ายเป็น

    ทางไปห้องน้ำ ทางขวาเป็นประตูสีฟ้าที่มีกระจกติดอยู่บานหนึ่ง ด้วยความอยากรู้เธอจึงมองลอดผ่านเข้าไป



    “ห้องน้ำอยู่ทางด้านนี้ครับคุณผู้หญิง” เสียงไพกอนทำให้เธอตกใจและหันหลังไปมองเขา



    “หรอคะ ขอบคุณคะ” เธอแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป พร้อมกับคิดว่าเดี๋ยวจะแวะดูมันในระหว่างกลับไปซักหน่อย



    เสียงดนตรีที่บรรเลงในห้องโถงเงียบลง ลิซ่านึกว่างานกำลังจะเลิกจึงเดินออกมา แต่พอเดินมาถึงทางแยกเธอสังเกตเห็นว่าประตูสีฟ้านั้นถูก

    เปิดออก เธอจึงมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่าไม่ใครเดินมาแถวนี้ แล้วเธอจึงเดินเข้าไปในห้อง มันเป็นอีก 1 ห้องทั้งห้องถูกทาด้วยสีฟ้าเข้ม มีเครื่องจักรเครื่องใหญ่เครื่องหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องกำลังทำงานอยู่ แต่ไม่มีคนคุมอยู่เลย  เธอจึงเดินสำรวจไปรอบ ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเธอเห็นศพมากมายถูกกองรวมกันอยู่หลังเครื่องจักร สภาพแต่ละศพไม่สมประกอบ แขนขาดบาง ขาขาดบาง หัวไม่มีบาง แต่ทุกศพมีสิ่งที่เหมือนกันคือเป็นศพของผู้ชาย



    “กรี๊ด!!!...” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ น้ำตาแห่งความกลัวไหลออกมาแล้วเธอก็พูดในใจว่า



    “มันเป็นเรื่องจริงหรอ ไม่ได้ฉันต้องไปบอกให้คนในห้องรู้ตัว” เธอรีบวิ่งไปในห้องโถงที่จัดงาน แต่ไม่พบคนเลยซักคนเดียว “พวกเขาหายไปไหน” เธอคิดอยู่ในใจ



    แพล้ง!!! เสียงกระจกที่ระเบียงที่เธอวิ่งมาเกิดแตก ค้างคาวตัวใหญ่พอๆกับทีวี 26 นิ้วกำลังบินเข้ามาหาเธอ พอดีเธอหมอบลงไปกับพื้นอย่าง

    หวุดหวิด แต่มันก็ยังไม่เลิกตาม เธอลุกขึ้นวิ่งไปบนชั้นลอยเธอคิดว่าที่นั้นอาจจะมีทางออก แล้วเธอก็หนีออกไปทางประตูได้สำเร็จ มัน

    พยายามพังประตูเข้าไป แต่เธอทุ่มพลังทั้งหมดยันประตูบานนั้นไว้ ไม่นานนักพวกมันก็เลิก



    ในห้องมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่กลางห้อง เธอนั่งลงด้วยความเหนื่อยบนเก้าอี้ทำงาน มันเป็นห้องไม้ที่มีเฟอนิเจอร์ที่ทำมาจากไม้จำนวนมาก ไม่ว่า

    เป็นตู้หนังสือ โต๊ะ  โคมไฟ ตู้เสื้อผ้าแต่มีอยู่อย่างหนึ่งคือตู้เซฟที่ตั้งอยู่ข้างๆตู้หนังสือ เธอลงเปิดมันดู เป็นความโชคดีของเธอมันไม่ได้ถูกล็อกด้วยรหัส ข้างในมีบันทึกส่วนตัว และปืนสั้นพร้อมแมกกาซีนอีก 2 ชุด เธอหยิบบันทึกเล่มนั้นมาอ่าน



    15 มกราคม 1986

        ขอให้พ่อนอนอยู่ที่นี่ให้สบายนะ ผมรู้ว่าพ่อต้องการให้ปราสาทหลังนี้อยู่ต่อเพราะมันเป็นเหมือนอนุสาวรีย์ของตระกูลเรา ผมสัญญาครับว่าที่นี่ต้องเป็นปราสาทที่สวยงามเหมือนเดิม



    19 กุมภาพันธ์ 1986

        ไอ้พวกสัตว์ที่พ่อเลี้ยงไว้มันเล่นลูกน้องผมไปอีก 6 คนแล้ว เราต้องจ้างพนักงานใหม่ ผมเบื่อมากกับการที่ต้องมานั่งจ่ายค่าชดเชยให้ครอบครัวของพวกมันและเงินยัดปากตำรวจอีก



    21 มีนาคม 1986

        เราทำงานกันอย่างขยันขันแข็งเพื่อที่จะทำให้มันกลับสู่สภาพที่ใกล้เคียงของเดิมมากที่สุด เหลืออีกแค่ 40% ภายในก็สวยเหมือเดิมแล้ว แต่ข้างนอกผมจะทำให้มันเป็นเหมือนเดิม ส่วนไอ้พวกสัตว์เลี้ยงพวกนั้นผมจัดการไล่ให้พวกมันไปอยู่บริเวณสุสานแล้ว ให้มันไปอยู่กับพ่อ พ่อจะได้ไม่เหงา



    6 เมษายน 1986

        สุดยอดเลยครับพ่อ มันสวยมากนี่แค่ 80% เองนะประมาณเดือนหน้ามันคงเสร็จสมบูรณ์และคงเป็นหน้าเป็นตาให้แก่วงศ์ตระกูลเราได้ แต่มันคงจะน่าอยู่กว่านี้ถ้าไม่มีเสียงโหยหวนที่ดังออกมาจากสุสานของพ่อ จริงซิพรุ่งนี้ผมไปเดินดู




    กระดาษหน้าถัดไปถูกฉีกออกหนึ่งหน้า แล้วหน้าถัดไปก็ไม่มีข้อความแล้ว เธอจึงเก็บบันทึกเล่มนี้ไว้ ก่อนที่จะคิดว่าตัวเองอาจจะต้องเจอกับอะไรบ้างระหว่างที่เธอหนีออกจากปราสาทแห่งนี้ เธอมองชุดราตรีที่เธอใส่อยู่ และรู้สึกว่ามันน่ารำคาญและอาจจะหนีจากไอ้พวกสัตว์เหล่านั้นไม่ได้แน่ เธอจึงเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และเลือกเสื้อยืดแขนสั้น มันรัดรูปหน่อยแต่ก็คล่องตัว และเธอก็สวมกางกางขายาวพร้อมกับรองเท้าบู๊ต ทำให้เธอดู ทมัดทแมงมากขึ้น ความอ่อนหวานหายไปเหลือแต่ความเซ็กซี่และเปรี้ยวเหมือนกับตัวเธอก่อนจะแต่งงาน แล้วก็เหน็บปืนสั้นไว้ที่เข็มขัดแล้วใส่แมกกาซีนในกระเป๋ากางเกง เธอพร้อมที่จะลุยกับไอ้พวกนั้นแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×