ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นหักมุม Omegalay

    ลำดับตอนที่ #4 : ตำนานอาถรรพ์

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 48


                    เสียงคลื่นทะเลกระทบฝั่งชายหาดทรายสีขาว พื้นทรายที่นุ่มๆบนเกาะนี้ เมื่อฉันก้าวเท้าไปเหยียบมัน มันทำให้ฉันรู้สึกสบายถึงแม้นอากาศที่นี่จะร้อนซักหน่อย แต่อีกเดี๋ยวฉันคงวิ่งแจ้นลงน้ำ และเล่นให้สบายใจเฉิบเลย

    “นุชมาช่วยยกของหน่อยซิ ของเธอหนักนะ” “ไม่เป็นไรหญิงเดี๋ยวผมยกให้นุชเอง” “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวนุชยกเอง ขอบใจนะ ป้อง” “แหม! เอาใจกันเหลือเกินนะคู่เนี้ย ดูไว้นะชิดหัดเอาใจฉันอย่างนี้มั่ง” “จ๊ะจะจะจะ ที่รักเอาเชียวนะ เอาเดี๋ยวยกเข้าไปให้” แล้วพวกเราก็ยกข้าวของที่แบกที่ขนกันมาลงรถ แล้วย้ายมันเข้าไปในบ้านพัก ที่ติดอยู่ริมทะเล



        พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ที่แรกฉันเองก็ไม่อยากมาหรอ แต่คู่นั้นตื้อฉันก็เลยมา ประกอบกับไม่ได้ออกมาเที่ยวกับป้องนานแล้ว ก็เลยมากับพวกเขา “ว้าววว... นี่เธอไปซื้อชุดว่ายน้ำนี่มากจากไหนเนี้ย” หญิงอุทานขึ้นเมื่อเห็นชุดว่ายน้ำวันพีชสีดำที่รัดรูป แต่น้ำเสียงออกอิจฉาเล็กๆ “ฉันอุตส่าห์ไปซื้อมาสดๆเพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยนะเนี้ย เป็นไงบ้างสวยไหม” “ใช้ได้เลย แต่น้อยกว่าชุดของฉันหน่อยนะ” หญิงพูดไม่ทันขาดคำก็ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวออก เผยให้เห็นชุดว่ายน้ำทูพีชสีแดงสด “อ้าวสาวๆ จะเดินแฟชั่นโชว์หรือจะเล่นน้ำ ไปกันได้แล้ว” ชิดเรียกทุกคนไปลงทะเล “อ้าวแล้วป้องหละ ชิดเธอเห็นเขาไหม” “อ๋อ... มันไปจองที่แล้วรีบเหอะ”

    พวกเราเล่นน้ำกันนานมาก รู้สึกตัวอีกทีก็เย็นแล้ว ฉันก็เลยกลับขึ้นไปอาบน้ำที่บ้านพักกับหญิง ปล่อยให้พวกผู้ชายเล่นน้ำกันไป “ฉันขึ้นก่อนนะ!!” ฉันบอกพวกผู้ชายก่อนจะเดินกลับขึ้นบ้านพักกับหญิง



        หญิงรีบวิ่งไปจองห้องน้ำก่อน แล้วบอกว่า “ฉันอาบก่อนนะ” ทำให้ฉันต้องรอตัวเปียกอยู่ที่ห้องนั่งเล่นพร้อมๆกับเช็ดตัวไปพลางๆ ประมาณชั่วโมงครึ่งพวกเราทั้ง 2 คนก็อาบน้ำกันเสร็จ ฉันรู้สึกเพลียมาก อาจจะเป็นเพราะว่าเล่นมากเกินไปรวมกับเวลาที่นั่งรถมาที่นี่ ฉันเลยขึ้นไปนอนข้างบนก่อน ปล่อยหญิงนั่งดูทีวีอยู่ข้างล่างคนเดียว ก่อนนอนก็เหมือนทุกครั้ง ฉันสวดมนต์ก่อนแล้วเอาหัววางบนหมอนพร้อมกับปิดตา



        เสียงดังแกรก....แกรก....แกรก.... ทำให้ฉันสะดุ้งจากภวังค์ รอบๆห้องเงียบสนิท เสียงขูดกระจกดังมาจากหน้าต่าง ฉันรู้สึกกลัวและไม่กล้าไปเปิดผ้าม่านที่กระจก แต่มันเปิดกระจกเข้ามา มันเงาดำๆ แต่ฉันก็รู้ว่านั้นต้องเป็นเงาของผู้หญิงแน่ๆ มันค่อยๆเดินเข้าจนฉันเริ่มเห็นมันชัดขึ้น ผมของมันลงมาปิดหน้า แล้วยกมือขึ้นเหมือนจะเข้ามาบีบคอ ฉันร้องไปสุดว่า “ยายยยย.... หญิง! เล่นอะไรไม่รู้เรื่องดึกแล้วนะ” เธอสะดุ้งเฮือกแล้วเสยผมที่ปิดหน้าขึ้น “เธอรู้ได้ยังไงฮะนุช ฉันอุตส่าห์ปลอมซะเหมือนแล้วนะ” “ก็เธอเล่นใส่รองเท้าเตะซะอย่างงั้นใครก็ดูออก” หญิงมองลงที่เท้าของตัวเองพร้อมกับทำหน้ายอมรับข้อผิดพลาดของตนเอง “ที่หลังอย่าเล่นอีกนะ ที่นี่ยิ่งมีตำนานอยู่ด้วย” หญิงมาฉันด้วยความอยากรู้แล้วรี่ตรงเข้ามาใกล้ฉันพร้อมกับถามว่า “มีตำนานอะไรหรอเล่าให้ฟังทีดิ”



        “ก็ในสมัยก่อนที่เกาะเนี้ยมีหญิงสาวคนหนึ่งเป็นลูกเศรษฐีแล้วเศรษฐีก็หวงลูกสาวมาก จนเลี้ยงโดยให้อยู่แต่ในบ้านไม่ยอมให้ออกไปไหน ตอนเรียนก็ให้อาจารย์มาสอนที่บ้าน พอเธอคนนั้นโตขึ้นเธอก็มีความรักกับคนสวนบ้านเธอ ทั้งคู่แอบหนีตามกันไป พออยู่ไปได้ซัก 2 ปีกว่าผู้ชายคนนั้นก็ทิ้งเธอไปโดยอ้าวว่าจะไปหางานทำในเมือง เธอเสียใจมากจนเสียสติ และพอดีเธออุ้มท้องอยู่ด้วย เธอรอสามีอยู่ในกระท่อมไม่ยอมออกไปหาใครต่อใคร กลางคืนเธอจะร้องเพลงกล่อมเด็ก ทุกคืนๆ มีอยู่คืนหนึ่งและเป็นคืนสุดท้ายของเธอ เธอร้องเจ็บท้องใกล้คลอด ชาวบ้านแถวๆนั้นก็รีบไปที่บ้านเธอ แต่สายไปเสียแล้ว เธอคลอดลูกเองเธอตกเลือดตาย”



        “โฮ... น่ากลัวจังแล้วเป็นยังไงต่อ” หญิงทำตาเปิดโพรงด้วยความอยากรู้ “พอเธอตายวิญญาณนั้นก็ไม่สงบยังคงวนเวียนหลอกหลอนชาวบ้าน ใครที่ผ่านมาแถวๆนั้นตอนดึก ก็จะได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กบ้าง เห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวนั่งอยู่แคร่หน้ากระท่อมร้องเพลงกล่อมเด็ก แต่ใครที่เห็นเธอหรือได้ยินเสียงเพลงของเธอคนนั้นจะอยู่ได้ไม่ถึง 3 วันหรือ 7 วันก็ตายอยากไร้สาเหตุ จนชาวบ้านต้องให้หมดผีมาจัดการปิดผนึกดวงวิญญาณเอาไว้ เขาว่ากันว่าหมอผีจับวิญญาณของเธอใส่ในหม้อแล้วฝังลงในดินพร้อมเขียนผ้ายันสีแดงมา 8 ผืนปิดเอาไว้รอบที่ฝังทั้ง 8 ทิศ เพื่อผนึกวิญญาณไว้” “น่ากลัวอะ ดูดิขนลุกหมดแล้ว” “แล้วมีอีกนะเขาบอกว่าถ้าจะปล่อยวิญญาณนี้ออกมาจะต้องเอาหัวใจ 6 ดวงไปเซ่นถึงจะถอนผนึกนั้นได้” “อี๊ยย... เออจะว่าไปทำไมเธอรู้ตำนานนี้ดีจัง” “ก็ฉันคือลูกสาวของเธอไง ฮาๆๆๆ” “โห แต่งเรื่องซะยาวเลยนะ ยายนุช” “555 ก็เธอมาหลอกฉันก่อนทำไมหละ เอาหละไปนอนได้แล้ว เออแล้วพวกผู้ชายกลับมากันยัง” “แหม เป็นห่วงกันใหญ่เลยนะ พวกเขาบอกว่าจะไปเที่ยวกันในเมืองอะ เขาชวนฉันแต่ฉันไม่เพราะไม่อาจปล่อยเพื่อนคนที่นอนอยู่นี้ให้อยู่คนเดียวได้” “แล้วเธอก็เลยหลอกเพื่อนที่รักคนนี้ซะเลย” “ตอนแรกกะจะทำให้ตกใจแต่เธอดันไม่กลัวแถวยังเล่าเรื่องให้ฉันนอนไม่หลับอีก” “เพื่อเป็นการไถ่โทษฉันให้เธอมานอนกับฉันก็ได้” “ไม่ชวนฉันก็จะนอนอยู่แล้วหละ ถึงมันไม่ได้เป็นเรื่องจริงก็เหอะ แต่น่ากลัวจนฉันไม่อยากนอนคนเดียวเลย” “อืม งั้นนอนกันเหอะ ฉันง่วงแล้ว” พอฉันพูดเสร็จฉันก็ทิ้งตัวลงนอน ซักพักก็หลับไป



        คืนแรกผ่านไปฉันตื่นขึ้นด้วยความสดชื่นต้อนรับวันใหม่ ฉันลงไปอาบน้ำแล้วก็พบกับพวกผู้ชายนอนกันอยู่ข้างล่างด้วยสภาพที่ดูไม่ได้เลย “เมามาหละซิเนี้ย” ฉันถามหญิงที่พึงเดินออกมาจากห้องน้ำ “แน่นอนพอไม่มีแฟนไปคุมก็ทำตัวเลอะเทอะแบบเนี้ย” “ปล่อยเขาไปเหอะ เรามาเที่ยวอย่าคิดมาเดี๋ยวฉันไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเธอก็ไปทำกับข้าวเดี๋ยวซักพักฉันไปช่วย” “จ๊ะ แต่เดี๋ยวจะไปเป่าผมให้แห้งก่อนนะ รู้สึกมันยุ่งๆยังไงไม่รู้” “อืมๆ”



        “กับข้าวน่ากินจัง อ้าวข้าวอยู่ไหน จัดมา” พูดไม่ทันขาดคำชิดก็หยิบน่องไก่ไปชิ้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว “โอ๊ย ๆๆ  ดูซิแฟนฉันตื่นมาก็กินเลย” หญิงหงุดหงิดนิดหน่อยจากการกระทำของชิด “โทษจ๊ะที่รัก ก็ฝีมือสุดยอดในการทำกับข้าวของเธอ ใครมาเห็นก็ทนไม่ได้” “ดูซิ...ขนาดไก่คาปากยังจะหวานอีกนะ” หญิงหันมาคุยกับฉันพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก “ก็ไม่ใช่แบบนี้หรอที่เธอชอบ” ฉันบอกกับหญิง หญิงหน้าแดงนิดๆ แล้วทั้งหมดก็นั่งกันข้าวกันที่ม้านั่งยาว “เออเมื่อคืนตอนเดินกลับมาฉันได้ยินใครไม่รู้ร้องเพลงกล่อมเด็กด้วย” ผู้หญิงทั้ง 2 คนตกใจเมื่อป้องพูดขึ้นมา “เออฉันก็ได้ยินเหมือนกัน” ชิดพูดเสริม ทั้งหญิงทั้งฉันหน้าถอดสีเลย แล้วฉันก็ถามว่า “พวกเธอได้ยินที่ไหนอะ” “ก็แถวหน้าปากซอยที่บ้านพักเราเนี้ยแหละ แม่เด็กร้องกล่อมลูก สงสัยเด็กคงไม่นอนอะทำไมหรอ” ป้องพูดต่อ  ฉันถอดใจเฮือกใหญ่ “ไม่มีๆ ไม่มีอะไรหรอก นึกว่าพวกเธอโดนผีหลอก” “555 ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นเลย อยากเห็นเหมือนกัน” ชิดพูด “เดี๋ยวก็ได้เจอจริงๆหรอ นายชิด คืนนี้เป็นไง” หญิงตอบ “ผีผ้าห่มหรอเดี๋ยวจะหลอกให้เข็ดเลย” “บ้า!!... ทุเรศ” หญิงหน้าแดงแล้วเดินยกจานข้าวไปเก็บ “อ้าวถ้าไม่ตามไปนายอดเล่นผีผ้าห่มนะคืนเนี้ย” ป้องแหย่ “ไม่บอกฉันก็รู้แหมระดับนี้แล้ว” แล้วชิดก็ได้ตามหญิงไป



        “ที่นี่มาคุยกันเรื่องเราได้ซักทีนะ ไปกันหมดแล้ว” ป้องหันมาพูดกับฉัน “เรื่องอะไรหรอป้อง” “ก็เรื่องแต่งงานไง นุชพร้อมหรือยัง” “ใจเย็นซิป้อง ดูใจกันไปอีกหน่อยนะ” “ทำไมหรอยังกันไม่พออีกหรอ” ป้องทำหน้าเครียด “ขอเวลานุชอีกนิดนะ นุชสัญญา” “อืม!! ได้ๆ” แล้วป้องก็เดินออกด้วยหน้าตาเครียดๆ ฉันก็ได้แต่ดูเขาเดินไปจนลับมุมตึก และฉันก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่านี้



        เรื่องนี้ผ่านไปและถูกล้างด้วยน้ำทะเล เราสนุกกันจนลืมเรื่องที่คุยกันตอนเช้า จนถึงเย็นเราก็กลับขึ้นมาที่บ้านกัน “นุชๆๆ เสียงอะไรอะ” หญิงทักฉันแล้วเอียงหูฟัง “เสียงเหมือนกับเพลงกล่อมเด็กเลย” ฉันขนลุกซู่เพราะฉันก็ได้ยินเหมือนกัน “กลัวอะไรกันเด็กๆ แค่เพลงกล่อมเด็ก” ชิดพูด “รีบไปเหอะเดี๋ยวเล่าให้ฟัง”



        พอถึงบ้านพัก หญิงก็เล่าตำนานที่ฉันแต่งขึ้นเมื่อคืนให้ทุกคนฟัง “อ๋อ... นึกว่าอะไร” ชิดพูด “มันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นคงไม่จริงมั้ง” ป้องพูด “แต่ว่ามัน...” หญิงอ้ำอึง “เอาเหอะๆนอนกันได้แล้ว เดี๋ยวถ้าตามกำหนดอีก 2 วันเราก็กลับแล้ว หรือถ้ากลัวเราก็กลับพรุ่งนี้เลยก็ได้” ชิดพูด “อืมๆ หญิงกลัวกลับพรุ่งนี้นะ” ทุกคนพยักหน้าแล้วต่างคู่ต่างก็แยกกันไปนอน



        เสียงร้องดังขึ้นกลางดึก มันเป็นเสียงร้องของหญิงที่ตกใจอย่างสุดเมื่อได้เห็นร่างของชิดแฟนของเธอนอนจมกองเลือดอยู่ข้างๆเธอ ที่หน้าอกเป็นรูโหว่และไม่มีหัวใจ เสียงฝีเท้าของฉันกับแฟนวิ่งไปที่ห้องเธอ และก็เห็นภาพนั้น จนฉันถึงกับเป็นลมไป หลังจากนั้นฉันมารู้สึกตัวอีกที ฉันก็นอนอยู่กลางผ้ายันทั้ง 8 ผืน และบนผ้ายันมีหัวใจวางอยู่  8 ดวง “มันครบแล้วหรือเนี้ย” “จ๊ะลูกรักแม่รอเวลานี้มานานแล้ว ทำตามพิธีเลยซิ” ฉันก็ไม่รู้เพราะอะไร แต่ถ้าแม่คุณถูกขังให้ทรมานคุณจะทนได้ไหม ส่วนฉันทนไม่ได้หรอ ฉันขุดหม้อดินที่มันฝังแม่ไว้ แต่อาคมของมันยังคงกักวิญญาณไว้อีกส่วนหนึ่ง ฉันต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปีเพื่อที่จะหาวิธีปล่อยแม่ฉันออกมาเป็นอิสระ หัวใจที่วางอยู่ที่ยันทิศหรดี ปัจจิม พายัพ อุดร และอีสานเป็นของอดีตเพื่อนของฉันเอง ส่วนอีก 3 นั้นคงจะเป็นฝีมือแม่ที่สิงร่างของฉันตอนฉันไม่ได้สติ ทีนี้ก็เหลือขั้นสุดท้ายแล้วคือจุดไฟเผายันทั้ง 8 อันนี้ซะ “รอหน่อยนะคะแม่เดี๋ยวแม่ก็จะเป็นอิสระโดยสมบูรณ์แล้ว” ไฟเริ่มติดและไหม้ยันผืนที่ 1 พร้อมกับหัวใจที่อยู่บนนั้น “ดีมากๆ แม่รู้สึกสบายตัวขึ้นมาหน่อยแล้ว” เสียงเย็นๆที่ดังมาตามลม พร้อมกับกองไฟที่ติดผ้ายันอีกผืน และอีกผืนๆจนผืนสุดท้ายเริ่มติดไฟ ก็มีร่างของผู้หญิงปรากฏขึ้นมา ผมยาวใส่ชุดคลุมท้องสีขาว “แม่คะ” “ลูกจ๋า แม่เหงาเหลือเกินมาอยู่กับแม่นะ” “คะแม่” และฉันก็หยิบไม้แหลมที่อยู่พื้น แล้วแทงเข้าที่ท้องของฉันอย่างแรงจนเลือดสาดมารดพื้นแถวๆนั้น ฉันยิ้มอย่างผู้ชนะ “เดี๋ยวเจอกันนะคะแม่” สิ้นเสียงของฉันไม่นาน ก็มีเสียงที่ดังมาจากต้นไม้ใหญ่ข้างๆ “คัดๆๆๆ นุชเล่นได้เยี่ยมมากเลย” “เอาหละกินข้าวได้แล้ว เออทางบริษัทจะจัดงานเลี้ยงปิดกล้องขอให้ทุกคนไปด้วยนะ” เรื่องนี้ฉันไม่พลาดอยู่แล้ว อิอิ...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×