ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องสั้นหักมุม Omegalay

    ลำดับตอนที่ #2 : พิษรัก

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 48


                แสงแดดจ้าในตอนบ่ายๆประกอบกับอุณหภูมิที่สูงถึง 39 องศาทำให้กรรมกรอย่างผมและเพื่อนๆที่ทำงานรื้ออาคารหลังนี้เหนื่อยล้าไปตามๆกันไป ในอดีตมันเป็นห้างสรรพสินค้าแต่ด้วยพิษเศรษฐกิจทำให้ผมต้องมาตรากตรำทุบมันอยู่อย่างเหน็ดเหนื่อย แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะผมยังต้องรับภาระชีวิตอีกหนึ่งชีวิตที่รออยู่ที่บ้าน และก่อนที่อาคารแห่งนี้จะถึงจุดจบได้มีเรื่องเล่ากันต่อๆมาว่า



               ยงยศ ผู้จัดการของที่นี้มีเมียเก็บเยอะมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานก็ของบริษัท แล้ววันหนึ่งด้วยตัณหาของเขา ก็ทำให้เขาตายอยู่ในโรงแรมใกล้ๆ กับอาคารหลังนี้ ทรัพย์สินในตัวไม่ว่าจะเป็นสร้อยทอง นาฬิกา รวมไปถึงกระเป๋าสตางค์ก็หายไป และรู้สึกว่าสภาพศพของเขาจะมีมีดทำครัวปักอยู่กลางหลัง ตำรวจสันนิฐานว่าถูกฆ่าชิงทรัพย์ แล้วครอบครัวของเขาต่างออกมาปิดข่าวเรื่องที่เขามีบ้านเล็กบ้านน้อย และให้การว่าอาจเป็นเพราะศัตรูทางธุรกิจทำร้าย ก็นั้นแหละรู้ถึงไหนอายถึงนั้นที่หัวหน้าครอบครัวตายด้วยน้ำมือผู้หญิง



              แล้วข่าวนี้ก็เงียบไปพร้อมกับคดี และ ยิ่งศักดิ์ ลูกชายคนเดียวของเขาก็รับตำแหน่งแทน อีก 2 ปีต่อมาตำรวจก็ได้รับแจ้งทีนี้เป็นลูกชายของเขา และในทำนองเดียวกัน เขามีนิสัยไม่ต่างจากพ่อเลยมีจุดจบแบบพ่อของเขา แต่ก็นั้นแหละคนมันซวยยังไงก็ต้องซวย แต่คราวนี้หมดผู้สืบทอดทางธุรกิจแล้วทำให้ต้องรื้อตึกหลังนี้เพราะแบกรับภาระหนี้สินไม่ไหว และทำให้ผมต้องเหนื่อยรื้อตึกหลังนี้แทนที่ผมจะได้นอนอยู่บ้านสบายๆ แต่จะทำไงได้ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้ซะด้วยซิ



              เสียงนาฬิกาข้อมือดัง ตี๊ดๆๆ ตี๊ดๆๆ ผมตั้งมันไว้เองจะได้รู้ตอนเวลาเลิกงาน วันนี้ได้เงินไปยาไส้ 200 บาท แล้วผมก็ต้องรีบกลับบ้าน เพราะเมื่อยเต็มทีและผมก็นั่งรถเมล์กลับ ระหว่างทางได้ผ่านโรงแรมที่ผมเล่าให้ฟัง มันดูเงียบๆ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์นั้นก็ได้ จะมีคนมาพักก็มาจากต่างถิ่นเท่านั้น ส่วนคนในพื้นที่ คนที่ติดตามหรือแม้กระทั่งพวกชอบลองของก็ไม่กล้าที่พักที่นี่ รวมถึงผมด้วย



             บ้านผมอยู่ห่างจากที่ทำงานไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ผมนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้ามาจากปากซอยอีก ระหว่างทางผมได้ยินพวกวินมอเตอร์ไซด์เล่ากันว่าตำรวจไม่สนใจกับเรื่องนี้เลย เหมือนมีใครที่ยัดเงินใต้โต๊ะก้อนใหญ่หรือมันอาจซื้อทั้งโรงพักเลยก็ได้ จะใครซะอีกหละก็แม่ของเขาอะซิ เพราะที่นี่ไม่ใช่ธุรกิจที่เดียวของครอบครัวนี้ซะหน่อย ชื่อเสียงที่กระจายออกไปอาจจะส่งผลกระทบกับที่ทำกินที่อื่นอีกทีนี้มีหวังล้มละลายแน่



            ผมมองนาฬิกาข้อมือมันประมาณ 4 โมงเย็น แล้วผมก็ไขกุญแจเข้าไปในบ้าน เมียผมยังไม่กลับมาผมเห็นลูกผมนอนหลับอยู่ เธอน่ารักเหมือนแม่ของเธอเลย ความเหนื่อยหายไปเป็นปริบทิ้ง ผมเข้าไปอาบน้ำซักพักมีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน เมียผมอาจกลับมาแล้วผมรีบแต่งตัวออกจากห้องน้ำโดยเร็ว “เดี๋ยวที่รัก” ผมตะโกนให้เธอรอก่อน แล้วผมก็ออกมาจากห้องน้ำเดินมาเปิดประตู สีหน้าเมียที่ผมเห็นเธอซีดๆไป



    “เป็นอะไรหรอไม่สบายหรือเปล่า” ผมถามเธอว่า



    “ไม่คะ เพียงฉันอยากให้คุณย้ายออกไปจากที่นี้เร็วๆ” เธอพูดด้วยสีหน้าตื่นกลัว



    “ได้ๆ แต่ต้องรออีก 2-3 วันนะ” ผมปลอบใจเธอ “ไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่นก่อนดีกว่า”



           แล้วเธอก็ไปในห้องน้ำ ผมรู้สึกเมื่อยเหลือเกิน ตั้งแต่ผมถูกหวยเมื่อ 2 ปีก่อน ผมได้เงินมาผลาญเล่นตั้ง 6 ล้านงานที่เคยทำก็ไม่ค่อยทำ เอาเวลาไปหาความสุขเที่ยวตามที่ต่างๆ จนมาเจอกับผู้หญิงที่ชื่อ อนงค์ เธอยืนเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางของห้างนี้เธอน่ารักมากแล้วผมก็จีบเธอ แล้วเราก็อยู่กินกันอย่างลับ เธออ้างว่าเธอถูกผู้จัดการห้างข่มขืน จึงยอมเป็นเมียเก็บของเขา



           แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจตัวของเธอเท่าไรแล้วเพราะเขามีคนใหม่เรื่อยๆ ผมไม่รังเกียจหรอเพราะผมรักเธอมาก ถ้าจะเกลียดก็เกียจไอ้ผู้จัดการบ้านั้น แล้ววันหนึ่งเมียผมก็ถูกผู้จัดการทำร้ายมา เธอมาหาผมด้วยหน้าตาทีเสียใจและเจ็บใจ และในคืนนั้นผมก็วางแผนกับเธอจัดการมัน อีก 5 วันต่อมาผมให้เธอล่อไอ้ตัณหากลับนั้นไปที่โรงแรม และจัดการกับมันพร้อมกับการอำพรางคดีว่ามันถูกฆ่าชิงทรัพย์และให้เงินเด็กที่โรงแรมไปคนละหมื่น และก็ไม่ผิดหวังมันปิดปากเงียบ



           แล้วผมก็อยู่กินกับเธอจนมีลูกไปหนึ่งคนเมื่อต้นปีที่แล้ว ผมดีใจมากแต่เงินแหละกลับไม่เลือกผมเป็นเจ้านายมัน ฐานะผมตกต่ำจนต้องมาเช่าห้องนี้อยู่ และมันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเหนื่อยง่ายเพราะไม่ทำงานมา 2 ปีโดยอ้างว่ามีญาติมารับไปทำงานที่ต่างประเทศ



          วันแรกที่ผมกลับมาทำงานผมคิดว่าเขาจะไล่ผมออกไปแล้ว แต่เถ้าแก่กับใจดีแล้วบอกให้ผมเข้าทำงานเพราะขาดคนงานรื้ออาคารอยู่พอดี โดยรับงานนี้เป็นงานแรกและพึ่งมารู้ว่าที่หลังว่าลูกชายของนาย ยงยศ ถูกฆ่าตาย ผมรู้สึกว่ามันอาจเป็นกรรมของตระกูลนี้ก็ได้

    หลังจากเมียผมได้งานประชาสัมพันธ์ที่ห้างนั้นอีกครั้งเพราะอย่างน้อยมันก็ใกล้บ้าน และเธอก็บอกว่านาย ยิ่งศักดิ์ คอยตามจีบเธอตลอดและเธอก็รอดมาได้ทุกครั้งจนมีข่าวว่า นายยิ่งศักดิ์ตาย เมียผมกลัวว่าตำรวจสืบสวนย้อนหลังพวกเราจึงคิดที่จะย้ายที่อยู่ และไปให้พ้นจากที่นี้ซักที แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ผมตกใจจึงรีบเดินไปเปิดประตู ตะ...ตำรวจ ผมยืนขาสั่นและขวัญหนีดีฝ่อหมดแล้ว



    “คุณรู้จักคนที่ชื่อ อนงค์ไหมครับ”



    “รู...รู้ครับเธอเป็นเมียผมเอง” ผมตอบด้วยปากที่สั่นสะท้าน



    “งั้นเราขอจับกุมคุณและคุณ อนงค์ ในฐานะผู้ต้องหาฆ่าคนตาย”



    “ไม่นะ! ผมไม่ได้ทำ” แล้วซักพักหนึ่งก็มีอะไรแข็งฟาดลงที่ต้นคอผม แล้วผมก็หลับไป

    แล้วผมก็สะดุ้งตื่นแต่ผมไม่มีลมหายใจแล้ว ผมเห็นศพตัวเองนอนจมกองเลือดอยู่และข้างๆก็มีอนงค์ยืนคุยกับตำรวจที่มาจับผมอย่างสนิทสนม ว่า



    “ฉันขอโทษทีฉันฟาดแรงไปหน่อย”



    “ไม่เป็นไรหรอกที่รักเดี๋ยวผมให้ลูกน้องผมที่เป็นตำรวจจัดการเอง”



    “ดีคะศักดิ์ แล้วเราจะไปหลบกันที่ไหนดีคะ”



    “เราก็ไปที่ๆไม่มีใครรู้จักแล้วใช้เงินโดยไม่มีใครขัดขวงความรักระหว่างเราอีกแล้ว”



    “คุณเป็นคนดีจริงๆนะคะ ขนาดฉัน...”



    “ไม่เป็นไรหรอผมไม่ถือที่คุณต้องทำแบบนี้เพื่อผมไม่ใช่หรอ แต่ไอ้เด็กเนี้ยจะเก็บมันไว้ไหม”



    “อย่านะ นี้เป็นลูกของเธอนะ”



    “หา! จริงหรอ ขอบใจมากนะอนงค์ที่ยังซื่อสัตย์กับผมมาตลอด”



    “คะ”



    มันเป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่ผมจะไปรอไอ้อีพวกนี้



        “ที่นรก”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×