ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic KongStamp] คือเธอเท่านั้น

    ลำดับตอนที่ #13 : ความคิด

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 58


    แสตมป์ยังคงนอนร้องไห้อยู่อย่างนั้น ไม่มีท่าว่าจะหยุดร้อง แต่ก็เพราะว่าความเหนื่อยจากการร้องไห้และความเหนื่อยจากการเดินทางด้วยจึงทำให้เขาเผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น และเช้าวันต่อมาแสตมป์ตาบวมจนตาแทบปิดเมื่อเขาเดินลงมาข้างล่าง ก็เห็นโจกับโจ้นั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวกันอยู่ ทั้งสองเห็นตาของแสตมป์ก็ตกใจขึ้นมาทันที


    “เฮ้ย ! ไอแตมแกไปทำอะไรกับตาของแกวะ” โจ้เป็นคนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าตาของแสตมป์ปิดจนแทบจะมองไม่เห็น จากที่มองไม่เห็นอยู่แล้วยิ่งมองไม่เห็นเข้าไปใหญ่ แต่โจไม่พูดอะไรออกมาเขาเข้าใจดีว่าแสตมป์คงร้องไห้หนักมากเลยทำให้อีกคนเป็นอย่างนี้ หลังจากที่ทั้งหมดทานอาหารเสร็จ โจ้ก็ขอแยกตัวไปทำงาน และเหมือนเคยว่าเขาจะแวะมาใหม่ในตอนเย็น


    “ไม่ต้องมา ฉันไม่ให้มา” โจเถียงกับอีกคนอยู่นานแต่ก็เถียงไม่เคยชนะอยู่ดี


    “ยิ่งห้ามผมยิ่งอยากมาครับ” โจ้ทิ้งท้ายด้วยประโยคที่กวนประสาทก่อนจะเดินออกไป



    แสตมป์ที่นั่งอยู่ที่โซฟาเช่นเคยเหมือนทุกๆ วัน เขากดรีโมตเปลี่ยนช่องไปมา โดยที่ไม่ได้สนใจที่จะดูมันด้วยซ้ำ สติของเขาก็กลับมาได้เพราะเมื่ออีกคนแย่งรีโมตไปจากมือของเขาแล้วกดปิดมัน


    “ถ้ามันอึดอัดระบายกับพี่ได้นะครับ” โจพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนั่งลงข้างๆ แสตมป์


    “ฮึกๆ ในที่สุดวันนี้มันก็มาถึงจริงๆ วันที่ผมกลัว และแล้วพี่ก้องก็ต้องเดินจากผมไป ผะ ….. ผมไม่อยากเสียใจไม่อยากเสียพี่ก้องไปเลยครับพี่โจ ฮึกๆ สูดดดดด ~” เสียงสูดน้ำมูกดังขึ้นจากการร้องไห้ของอีกคน โจได้แค่รับฟังและปลอบอีกคนเท่านั้น เขาช่วยอะไรอีกคนไปมากกว่านี้ไม่ได้ โจลูบหัวอีกคนเบาๆ เพื่อเป็นการปลอบใจ เขารู้เรื่องทั้งหมดนี้ดี เขาหวังว่าสักวันมันจะต้องดีขึ้น


    “ไม่เป็นไรนะแสตมป์ เดี๋ยวทุกอย่างมันก็ดีขึ้นนะครับ แสตมป์ยังมีพี่นี่ไง” โจลูบหัวอีกคนอย่างอ่อนโยน






    และตอนนี้ก็ล่วงเลยมาหลายอาทิตย์แล้วที่แสตมป์ดำเนินชีวิตโดยที่ไม่มีก้อง เขาดีขึ้นมานิดหน่อย แต่ก็ยังมีเวลาที่นั่งอยู่เฉยๆ น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง เขาพยายามทำใจยอมรับกับการตัดสินใจของอีกคน เพราะอีกคนแทบไม่โทรมาหาเขาเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่วันนั้นก็ไร้วี่แววของอีกคน ช่วงนี้ก็ยังดีหน่อยที่เขาต้องเข้าไปบริษัทไม่มีเวลาให้มานั่งคิดนั่งเสียใจเท่าไร แต่ถ้าเวลาอยู่คนเดียวละก็เขาก็ไม่เคยห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ได้เลยสักครั้งเดียว เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเหตุผลที่จำเป็นของก้องนั้นคืออะไร เขายังคาใจกับมันอยู่อย่างนี้ โดยที่ต้องการคำตอบ และทุกๆ ครั้งที่เขาเดินผ่านหรือขับรถผ่านที่ที่เขาเคยได้ไปเที่ยวกับอีกคน มันก็ทำให้น้ำตาไหลออกมา ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็แล้วแต่เวลาที่อยู่คนเดียวมักจะตอบสนองเขาด้วยน้ำตาเสมอ ตอนนี้เขามานั่งอยู่ที่ร้านอาหารที่ก้องเคยมอบแหวนนี้ให้กับเขา แสตมป์ก้มมองดูแหวนแต่ก็ไม่ยอมถอดมันออกให้มันอยู่ทิ่มแทงใจเขาเล่นๆ ดีเหมือนกันจะได้ย้ำเตือนเขาว่าเจ้าของแหวนวงนี้ เคยดูแลเขาอย่างไร ดีกับเขาอย่างไร เขาจะขอแค่จำสิ่งที่ดีๆ ของอีกคนและลืมสิ่งที่ร้ายๆ ออกไป เขายิ้มเมื่อมองแหวนวงนี้ และทุกอย่างก็ต้องหยุดลงแค่นั้นเมื่อมีเสียงพนักงานขัดขึ้นมา เขาสั่งทุกอย่างที่เขาเคยกินกับก้องเมื่อตอนที่มากันครั้งก่อน เขากินไม่หมดหรอก แต่อยากจะซึมซับความทรงจำดีๆ ให้มากที่สุด เขาถอนหายใจออกมาในตอนนี้พ่อของเขาจะให้เขาไปช่วยดูแลงานที่ต่างประเทศ ผมต้องไปตั้ง 4 ปีแน่ะ ใจจริงไม่อยากจะไปเลยด้วยซ้ำ แต่ยังดีที่พ่อของเขาให้เวลาเขาได้ตัดสินใจอยู่บ้าาง


    “ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษเลยนะคะ ใครอยากขึ้นมาร้องเพลงมาติดต่อที่หลังเวทีเลยนะ ขอสักสองสามคนก็พอค่ะ” มีเสียงประกาศออกมาจากเวที เมื่อแสตมป์ได้ยิน เขาก็อยากจะมีส่วนร่วมบ้างเหมือนกัน เขามองไปที่เวที


    'มองแบบนั้นอยากขึ้นไปร้องเพลงหรือไง' และเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากห้วงความคิดของเขา แสตมป์ลุกจากโต๊ะและมุ่งหน้าไปยังเวที เพื่อที่จะลองร้องเพลงดูบ้าง เมื่อเพลงที่เขาขอไป บรรเลงทำนองขึ้น เขายกไมค์ขึ้นมาจ่อที่ปาก


    “ยังเดินผ่านทุกวัน ที่ที่เราพบกันเมื่อก่อน ยังจำซ้ำๆ ได้ทุกตอน ราวกลับมีใครมาหมุนย้อนเวลา แต่ก็คงจะหมุนย้อนได้แค่ในความคิด ในชีวิตจริงคงไม่เจอกันอีกแล้ว ยืนอยู่ตรงที่เดิม แต่ไม่มีวี่แวว เธอจากไปแล้ว และคงไม่ย้อนคืนมาหา ได้แต่ฝากความคิดของฉันเอาไว้ เผื่อวันไหนเธอผ่านมา เห็นที่เดียวกันนี้เธอจะนึกขึ้นได้ว่า เคยมีคนนึงยืนข้างเธอ อยู่ตรงนี้เสมอตลอดมา ให้เธอสัมผัสความคิดที่ฉันทิ้งไว้ อาจไม่เห็นได้ด้วยตา ฉันจะฝากเอาไว้อยู่ในพื้นดินและท้องฟ้า มันเป็นความคิดที่กระซิบว่า ฉันยังรักเธอ …..” น้ำตาที่เอ่ออยู่ที่ตากำลังไหลลงมาอย่างช้าๆ มีเสียงปรบมือดังมาทั่วร้าน และเมื่อเสียงปรบมือเงียบลง แต่มีเสียงปรบมือที่ไม่เงียบลงอยู่คนเดียว กำลังเดินเข้ามาที่เวที คนๆ นั้นแสตมป์จำได้ดี เขาไม่เคยที่จะลืม


    “พี่ก้อง” แสตมป์อุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจที่เห็นอีกคนยืนอยู่ตรงนี้ เขาตาฝาดไปใช่ไหม ต้องไม่ใช่อีกคนสิ เมื่อเขาหลับตาสะบัดหัวไปมา ก็ยังเห็นว่าเป็นอีกคนอยู่ดี เมื่อแสตมป์แน่ใจแล้วว่าเป็นอีกคน เขารีบเดินจากลงเวทีทันทีและเดินหนีอีกคนที่กำลังเดินตามมา


    “เดี๋ยวก่อนสิครับแสตมป์” ก้องเดินตามอีกคนที่กำลังจะเดินหนีเขาไปอีกครั้ง





    ย้อนไปเมื่อก่อนหน้านี้


    ก้องเข้ามาในร้านนี้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้มากับอีกคนแต่เขามากับแม่ของเขาและแม่ของหญิงสาว และหญิงสาวก็มาด้วย แต่เพราะว่าพ่อเขามีธุระเลยไม่ได้ตามมาด้วย เขาเลือกที่จะนั่งโต๊ะใกล้ๆ กับเวที เมื่อมีเสียงประกาศ


    “ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษเลยนะคะ ใครอยากขึ้นมาร้องเพลงมาติดต่อที่หลังเวทีเลยนะ ขอสักสองสามคนก็พอค่ะ” ก้องก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเขาไม่ขึ้นไปร้องอยู่แล้ว แต่มันก็ทำให้นึกถึงอีกคน ถ้ามีอีกคนอยู่ด้วยเขาอาจจะขึ้นไปร้องเพลงกับอีกคนก็ได้ แต่ตอนนี้ผมคงเสียเขาไปแล้วครับ และเมื่อเขาสั่งอาหารเสร็จ เขาก็หันไปมองที่เวทีนั้นและเขาก็เห็นคนที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น ที่กำลังร้องเพลงอยู่


    “คนนี้ร้องเพราะจังเลยเนอะตาก้อง” ผู้เป็นแม่เอ่ยชมคนที่อยู่บนเวทีด้วยรอยยิ้ม ก้องหันไปยิ้มรับผู้เป็นแม่ และหันไปมองอีกคนที่อยู่บนเวที เมื่อเขาตั้งใจฟังเขารู้ทันทีว่าอีกคนร้องเพลงนี้ให้กับเขา เพราะเนื้อหามันช่างเข้ากับสถานการณ์เหลือเกิน แสตมป์ร้องไห้อย่างนั้นหรอ เขาเห็นน้ำตาที่ไหลลงมาของอีกคน ก็ทำให้เขาอยากจะเป็นคนเช็ดน้ำตาบนใบหน้านั้นเหมือนเช่นเคย เมื่อมีเสียงปรบมือดังขึ้น ทั้งโต๊ะของเขาก็ปรบมือร่วมไปด้วย แต่ก้องเริ่มปรบดังขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่รอบๆ ข้างเริ่มปรบเบาลง เขาปรบอยู่อย่างนั้นแล้วลุกขึ้นเดินออกไปหน้าเวที ทำให้คนแถวนั้นมองมาที่เขาเป็นตาเดียว และทำให้เกิดความงุนงงจากคนในโต๊ะของก้องอีกด้วย


    “เดี๋ยวก่อนสิครับแสตมป์” และเหมือนแสตมป์ไม่ได้สนใจรีบเดินกลับโต๊ะไปในทันที และก้องก็เดินไปคว้ามืออีกคนไว้ได้ แล้วดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมาจากรอบๆ ร้าน


    “อย่าหนีหน้าพี่อย่างนี้สิครับ พี่รู้นะว่าเพลงเมื่อกี้เราร้องให้พี่น่ะ” ก้องพูดพร้อมเอาคางเกยไหล่อีกคนและตอนนี้จมูกของเขาก็อยู่ใกล้กับแก้มของแสตมป์เป็นอย่างมาก แสตมป์ไม่ตอบอะไรออกมาเขาพยายามที่จะแกะมือของอีกคนออกจากเอวของเขา แต่ก้องก็ยิ่งรัดขึ้นมากกว่าเดิม และตอนนี้ทั้งสองเป็นเป้าสายตาของคนในร้านเป็นอย่างมาก จนทำให้แสตมป์เกิดอาการเขินขึ้นมา


    “คนมองกันใหญ่แล้ว ปล่อยผม” แสตมป์พยายามแกะมือของอีกคนออก แต่ก็ไม่เป็นผล


    “ไม่ครับ จนกว่าแสตมป์จะหันมาคุยกับพี่ดีๆ”


    “พี่ต้องการอะไรจากผมอีกครับ ผมว่าเราน่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ”


    “ยังครับ ยังไม่รู้เรื่อง” ก้องคลายอ้อมกอดเมื่อเห็นว่าอีกคนนิ่งเป็นปกติแล้วจับอีกคนหันหน้ามาสบตากับเขา


    “ยังไม่รู้เรื่องอะระ …..” แสตมป์ยังไม่ทันที่จะพูดจบก็โดนอีกคนประกบปากเข้ามาสะก่อน เขาทุบอกอีกคนและพยายามดันให้อีกคนผละออกไป แต่ก้องก็ขืนไว้ แต่ก็ต้องยอมแต่โดยดีเมื่อมีเสียงต่อต้านจากอีกคน


    “นายยังไม่รู้ว่าพี่รักนายมากแค่ไหน” แสตมป์หอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่ และเขาก็พูดออกมาบ้าง


    “ถ้ารักผมจริงๆ พี่คงไม่ทิ้งผมไปหรอกครับ”


    “ทนอีกนิดนะครับ ทุกอย่างมันจะต้องกลับมาเป็นเหมือนเดิม” ก้องพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบแก้มของคนตรงหน้าเบาๆ ก้องตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าจะยังไง เขาจะไม่มีทางทิ้งอีกคนอย่างแน่นอน ไม่ว่าพ่อเขาจะขู่อะไรก็ตามแต่ เขาจะไม่กลัว เขาจะดูแลคนตรงหน้าเอง และยิ่งทำให้แสตมป์งงกับคำพูดของก้องและน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว


    “นายนั่งอยู่ตรงนี้หรอ” ก้องชี้ไปยังโต๊ะที่แสตมป์นั่งในตอนแรกก่อนขึ้นไปร้องเพลง แสตมป์พยักหน้าช้าๆ ก้องเลยถือวิสาสะเรียกพนักงานให้ยกเลิกที่อีกคนสั่งไปทั้งหมด แล้วเขาก็ดึงมืออีกคนให้เดินตามเขาไป เมื่อมาถึงที่โต๊ะของก้องเขาก็เห็นผู้หญิงสูงวัยสองคน และหญิงสาว ที่แสตมป์มองยังไงก็คุ้นๆ เอ้ออ เขาจำได้แล้วเป็นผู้หญิงที่ก้องเดินด้วยวันนั้น


    “มันเกิดอะไรขึ้นตาก้อง เด็กคนนี้คือใคร” ผู้เป็นแม่ถามลูกชายของเขาทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ


    “เขาคือแฟนของผมครับ” ก้องตอบออกไปเสียงเรียบเฉยและบีบมือแสตมป์ไว้แน่น


    “แกว่าอะไรนะ !” ผู้เป็นแม่อุทานออกมาอย่างเสียงดัง


    “ตามที่ผมบอกแม่ไปในตอนแรกนั่นแหละครับ” ก้องพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว


    “ทำไมแกมีแฟนอยู่แล้วถึงไม่บอกแม่ พ่อแกรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”


    “รู้ครับ แต่ท่านบังคับให้ผมเลิกกับแสตมป์ แต่ผมไม่เลิก ไม่มีทางแน่นอน เพราะผมรักเขามาก”


    คนทั้งโต๊ะถึงกับแสดงสีหน้าที่ตกใจเป็นอย่างมากรวมไปถึงแสตมป์ด้วย เมื่อได้ยินประโยคเมื่อกี้ และก้องก็หันไปหาหญิงสาวและแม่ของหญิงสาว


    “ผมขอโทษนะครับคุณพรเพชร พี่ขอโทษนะเมย์” หญิงสาวยิ้มรับ เธอเข้าใจดีว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร


    “แต่ยังไงแกก็ต้องเลิกกับเด็กนั่นสะ แกกล้าขัดคำสั่งฉันหรอ” และผู้ที่มาใหม่ก็พูดขึ้นมาเมื่อเขาได้มาสมทบกับคนทั้งหมด


    “ไม่มีทาง ผมไม่เลิก” ก้องเถียงอย่างเด็ดเดี่ยว แต่มันทำให้แสตมป์รู้สึกผิดเขาบีบมือก้องเพื่อให้ก้องหยุดเถียงพ่อของเขา แสตมป์หันไปมองหน้าก้อง ด้วยหน้าตาที่ขอร้องอีกคน


    “อย่าขัดคำสั่งท่านเลยครับพี่ก้อง ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วละครับ” แสตมป์พูดพร้อมกับแกะมือออกจากมือของอีกคนและยกมือไหว้ผู้อาวุโสทุกคนและเดินออกจากตรงนั้นไป สีหน้าของแม่ก้องตอนนี้เธอรู้สึกผิดมากที่บังคับให้ลูกชายแต่งงานโดยที่ไม่ถามความคิดเห็นและความสมัครใจของลูกเธอเลย ถ้าเธอรู้ก่อนหน้านี้เธอจะไม่มีทางทำอย่างนี้แน่ๆ และเธอก็ต้องเคลียร์กับสามีของเธอ ทำอย่างนี้มันถูกต้องสะที่ไหนกัน และดูเหมือนคุณพรเพชรก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย เธอมีสีหน้าที่สงสารเด็กคนนั่นเป็นอย่างมาก


    “ฉันบอกให้แกเลิกยุ่งกับเด็กนั่น ทำไมแกถึงกล้าขัดคำสั่งฉัน” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นทันทีที่แสตมป์เดินจากไปจากตรังนั้นแล้ว


    “แต่เขาคือคนที่ผมรัก”


    “ต่อจากนี้แกก็ต้อง …..”


    “นี่คุณหยุดพูดสักทีเถอะ ทำไมคุณเป็นคนใจร้ายอย่างนี้นะ ลูกกับเด็กคนที่ชื่อแสตมป์ทั้งสองเขารักกัน แล้วคุณจะห้ามไปเพื่ออะไรกัน” ผู้เป็นแม่ที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้นขัดขึ้นมาบ้าง


    “ผมกำลังหาสิ่งที่ดีให้กับลูกนะ”


    “แล้วคุณเคยถามลูกบ้างไหมว่าต้องการอะไร”


    “ผมไม่สน ผมว่าสิ่งไหนดี ก็คือดี ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับหนูเมย์”


    “แต่ ….. คุณอาคะ”


    “หนูเมย์ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ตาก้องมันต้องแต่งงานกับหนูอยู่แล้ว”






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×