คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เพียงสบตา
สนามบินสุวรรณภูมิ
ชายหนุ่มร่างสูงกำลังวิ่งขึ้นจากบันไดเลื่อนที่มันเลื่อนช้ากว่าคนที่กำลังรีบในตอนนี้ วันนี้เขามีนัดส่งเพื่อนสนิทไปทำธุระด่วนที่ต่างประเทศ และก็ต้องมารับเด็กที่เพื่อนสนิทของเขาได้มาพูดคุยกับเขาเมื่อ 2-3 วันก่อนเพื่อฝากให้ตนเองดูแลในช่วงที่ไม่อยู่ เขารีบวิ่งพร้อมกับกดโทรศัพท์เพื่อโทรหาอีกฝ่าย
“ฮัลโหล โจแกอยู่ไหนวะ”
“(ฉันกำลังจะไปเชคอินแกอ้ะ อยู่ไหน ถึงหรือยัง)”
“ถึงแล้ว แล้วตอนนี้แกอยู่ส่วนไหนของสนามบิน ตุ้บ! โอ้ยย ! เป็นอะไรไหมครับ”
“เจ็บดิ ถามมาได้ เดินยังไงไม่ดูทางเนี้ย”
“ขอโทษครับพอดีมองหาเพื่อนอยู่เลยไม่ทันมอง” ก้องพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือไปช่วยดึงมืออีกคนให้ลุกขึ้น
“(เกิดอะไรขึ้นวะก้อง)” โจถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้อยโอยดังลอดเข้ามาในโทรศัพท์ พร้อมกับมองหาเด็กที่ตัวเองพามาเพื่อส่งให้ก้องดูแลด้วย 'หายไปไหนของเขาเนี่ย บอกจะไปเข้าห้องน้ำไม่ใช่หลงไปแล้วละ' โจคิดในใจแต่ก็ไม่ทำให้เขาหยุดมองหาเลยสักนิด จนเผลอลืมไปว่ามีคนอยู่ในสายตอนนี้ เมื่อได้ยินเสียงอีกคนตอบกลับมา
“ไม่มีไรๆ แล้วตอนนี้แกอยู่ไหน” ก้องเงยหน้ามองไปรอบๆ ตัวแต่แล้วก็เจอเพื่อนของเขายืนอยู่แถวนั้นพอดี ถือว่าเป็นโชคดีของเขาเลยนะเนี่ย ก้องจึงกดตัดสายแล้วรีบเดินไปหาเพื่อนของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่จะเดินถึงตัวเพื่อนของเขาก็มีผู้ชายเดินเข้ามาหาโจเสียก่อน โดยที่ผู้ชายคนนั้นหันหลังก็เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร
“โจๆๆ” ก้องตะโกนเรียกเพื่อนสนิทก่อนที่จะเดินถึงตัว
“เออมาพอดีเลย ทำไมมาช้าจังวะ”
“พอดีที่ร้านมีปัญหานิดหน่อยวะ”
เมื่อก้องพูดจบผู้ชายที่เดินเข้ามาหาโจในตอนแรกก็หันมาหาเขาบ้าง เมื่อเห็นหน้าก้องก็ถึงกับชะงัก เพราะคนตรงหน้าเป็นคนที่เขาเดินชนเมื่อกี้นี้ โดยที่เขารีบเลยไม่ได้สนใจว่าเป็นใครแต่ก็จำหน้าได้เป็นอย่างดีเพราะเขาอุตส่าห์ขอโทษดีๆ แต่กลับโดนตอกกลับมาด้วยคำพูดแบบนั้น แต่ว่าทำไมเด็กผู้ชายคนนี้ถึงรู้จักโจละ หรือว่า … ?
“ไม่เป็นไร ฉันกำลังจะไปเชคอินพอดี นี่ไงเด็กที่ฉันพูดถึงที่จะฝากนายไว้อ้ะ” โจพูดพร้อมกับตบไหล่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวตอนนี้
“คนนี้หรอ อาตี๋คนนี้เนี่ยนะ”
“ใครอาตี๋ครับ พูดให้ดีๆ หน่อย ผมมีชื่อให้เรียกครับ”
“โอ้ยยย อย่าเพิ่งเถียงกันสิ แกก็เหมือนกัน ฉันฝากเด็กคนนี้ให้แกดูแลนะไม่ได้ให้มาเถียงกัน”
“ฉันเปลี่ยนใจตอนนี้ทันไหมวะ”
“ไม่ได้!!! แกรับปากแล้วก็ต้องทำ” โจรีบสวนขึ้นมาทันทีที่เห็นเพื่อนของเขาแสดงท่าทางออกมาอย่างนี้ เขารู้โดยทันทีว่าก้องต้องไม่พอใจแน่ๆ ที่เจอคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตอนที่พูดสวนกลับ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้แล้ว
“เราก็เหมือนกัน อย่าดื้อกับพี่ก้องเขาให้มากสิ”
“แต่พี่เขา ..”
“ไม่มีแต่ครับ”
“ครับ” เด็กข้างกายสลดลงนิดหน่อยเมื่อเห็นสายตาดุๆ ของโจที่ส่งมาปราม
“ผมแสตมป์ครับ” แสตมป์หันหน้าไปแนะนำตัวอย่างจำใจ เพราะถึงยังไงเขาก็ต้องอยู่กับคนตรงหน้าอยู่แล้ว
“งั้นพี่ไปแล้วนะครับ ฉันฝากด้วยนะ ดูแลดีๆ ละ”
“เออๆๆๆๆ” ก้องตอบรับไปโดยไม่สนใจอะไรมาก ก็ในเมื่อรับปากเพื่อนไปแล้ว ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดี และโจก็เดินไปเชคอินปล่อยให้สองคนนี้ได้คุยกัน แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาเลยสักนิด เมื่อโจเห็นก็ทำให้เขาหนักใจนิดหน่อย
“พี่ไปนะ เป็นเด็กดีนะครับแสตมป์” โจหันไปพูดพร้อมกับลูบหัวแสตมป์อย่างเอ็นดู แสตมป์ส่งยิ้มจนตาหยีกลับมาให้โจเหมือนเคย และเมื่อสองคนนี้พูดกันจบโจจึงหันไปให้ความสนใจก้องบ้าง
“แกก็ด้วย ดูแลน้องดีๆ ละ”
“เออๆ ฉันจะดูแลให้เป็นอย่างดีเลย” ก้องพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งไปให้โจและก็หันไปหาแสตมป์ เมื่อโจเห็นก็รู้ทันทีว่าน้องเขาต้องโดนอะไรแน่ๆ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก นอกจาก ….
“ถ้าน้องฟ้องว่าแกดูแลไม่ดีละก็ ฉันจะฆ่าแก”
“เออๆๆ รู้แล้วน่า ไปเหอะๆ เดินทางปลอดภัยเว้ยเพื่อน”
ก้องดันหลังให้โจรีบเดินไปทางเข้าของขาออกระหว่างประเทศอย่างเร็ว เมื่อโจพ้นสายตาไปเขาก็หันมาหาแสตมป์ และไม่พูดอะไรก็ออกตัวเดินนำไปโดยที่ไม่บอกแสตมป์สักคำ จนทำให้แสตมป์ต้องรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว แต่คนตัวสูงข้างหน้าก็เดินเร็วเหลือเกินบวกกับเขามีทั้งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 1 ใบ และเป้อีก 1 ใบ จึงทำให้เขาเดินไม่ทัน แต่โชคยังพอเข้าข้างเขาบ้างที่คนตัวสูงข้างหน้าหันมาหาเขา แล้วเดินย้อนกลับมาหา
“เต่าจะกัดขานายอยู่แล้วเนี่ย เดินช้าจริงๆ”
“กระเป๋าตั้งสองใบ ไม่คิดจะช่วยถือก็ไม่ต้องมาบ่น”
“เอามานี่มา” คนตัวสูงพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงกระเป๋าลากใบใหญ่มาไว้ในมือของตนเองพร้อมกับลากเดินไปแล้วหันมาพูดกับคนข้างหลัง
“เดินให้มันเร็วๆ ด้วย”
และเมื่อทั้งคู่มาถึงรถสปอร์ตสีขาวคันงามที่จอดอยู่ และทั้งคู่ก็นั่งในรถที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นแสตมป์ที่เปิดปากพูดออกมา
“ว่าแต่พี่ชื่ออะไรนะ”
“ชื่อก้อง” ก้องพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปเลื่อนเกียร์ให้เขาตัว r เพื่อถอยหลังออกจากที่จอด แล้วก็เลื่อนเกียร์เพื่อมุ่งหน้าออกจากสนามบินสักที แต่ในรถก็เงียบกริบไม่มีเสียงคุยกันออกมานอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศ และเสียงลมหายใจของแต่ละคน แต่ครั้งนี้เป็นก้องที่เป็นคนเปิดปากพูดออกมาบ้าง
“เดี๋ยวพี่ขอแวะไปเคลียร์งานที่ร้านหน่อยนะ นายง่วงหรือเปล่า”
“ไม่ครับ ตามสบายเลยครับ” แสตมป์ตอบก้องด้วยน้ำเสียงปกติ
ก้องขับรถมุ่งหน้าไปร้านอาหารที่เขาเป็นเจ้าของอยู่เพื่อไปเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าคอนโด ตอนนี้งานยังไม่เสร็จเป็นที่เรียบร้อบเพราะต้องมารับเด็กข้างๆ ก้องหันไปมองหน้าแสตมป์เล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดอะไรและเหมือนแสตมป์ก็ไม่รู้ด้วยว่าอีกคนได้มองมาเมื่อกี้ 'จะว่าไปเด็กคนนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ' ก้องคิดในใจไปเพลินๆ กำลังสงสัยอยู่ละสิว่าเด็กคนนี้มาอยู่กับผมได้ยังไง ก็เพราะไอเพื่อนตัวดีนั่นแหละครับต้องไปทำธุระด่วนกะทันหันเลยต้องพาเด็กคนนี้มาฝาก ทั้งทีมันก็รับฝากมาอีกทีเพราะทางบ้านของเด็กคนนี้ก็ติดไปทำงานที่ต่างประเทศเช่นกัน และมันก็งานเข้ามาพอดิบพอดี ผมเลยต้องรับเลี้ยงดูเป็นระยะเวลา 2 ปีเต็มๆ หรือจะมากกว่านั้นก็ไม่รู้ และในเวลาไม่นานรถก็แล่นเข้ามาที่จอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ร้านพี่หรอครับ” เมื่อแสตมป์ก้าวลงจากรถก็มองเข้าไปในร้านที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า พร้อมกับตาที่ลุกวาว จนทำให้คนมองอยู่อมยิ้มนิดๆ กับท่าทางของอีกคน
“ใช่” ก้องพูดจบก็เดินนำเข้าร้านไป แสตมป์ก็ไม่รอช้าพร้อมกับเดินตามคนตัวสูงข้างหน้าเข้าไปบ้าง เมื่อเข้ามาข้างในก็ทำให้แสตมป์ตาลุกวาวอีกครั้ง เพราะในร้านจัดเป็นสัดส่วนที่สวยน่ามอง แสตมป์มัวแต่มองไปที่รอบๆ ร้านจนทำให้ไม่รู้ว่าคนข้างหน้าได้หยุดเดินจึงทำให้เขาเดินชนเต็มๆ
“โอ้ยยย เจ็บ” เแสตมป์ยกมือขึ้นมาลูบหน้าผาก
“เดินดูทางบ้างสิครับแสตมป์” ก้องติเด็กหนุ่มข้างหลังเบาๆ
“ขอโทษครับ”
ก้องไม่พูดอะไรมากเมื่อพูดคุยกับเด็กในร้านเสร็จก็มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานส่วนตัวหลังร้านพร้อมกับมีเด็กหนุ่มเดินตามไปด้วย และเมื่อแสตมป์เดินเข้ามาในห้องก็ทิ้งตัวลงกับโซฟาที่วางอยู่พร้อมกับอาการที่เหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่ทุกอย่างก็อยู่ในสายตาของอีกคน ก้องนั่งลงทำงานเพื่อรีบเคลียร์งานให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเมื่อเห็นสีหน้าของคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาตอนนี้
23:30 น.
“เสร็จสักที” ก้องพูดพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้และเงยหน้าไปมองคนที่ตอนนี้นอนหลับบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเขาก็เดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มที่นอนหลับตาพริ้มน่ารักไม่รู้ประสีประสาอยู่ตอนนี้ และก็ตัดสินใจปลุก
“ตื่นได้แล้วครับบบบบบบบบ!”
เมื่อคนที่นอนอยู่ตรงโซฟาได้ยินเสียงตะโกนข้างๆ หูก็สะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที แต่โดยการที่เขาลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและก้องก็ยังไม่ถอยหน้าหนีจากตรงนั้นจึงทำให้แก้มของเขาเฉียดจมูกของก้องผ่านๆ ตอนแรกก้องก็แค่คิดจะแกล้งเฉยๆ และเมื่อเหตุการณ์เมื่อกี้เกิดขึ้นจึงให้ทั้งคู่พูดอะไรไม่ออก แต่ก้องก็ดึงสติกลับมาได้ก่อน
“กลับกันเถอะ พี่ง่วงมากเลย” ก้องพูดพร้อมกับอ้าปากหาว แล้วเดินออกจากห้องไป และเมื่อแสตมป์เพิ่งได้สติก็รีบลุกเดินตามออกไป บนรถก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยสักนิด ต่างๆคน ต่างเงียบ และคอนโดของก้องก็อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารเท่าไรจึงถึงเร็ว ทั้งคู่ช่วยกันถือกระเป๋าขึ้นมาบนห้องอย่างทุลักทุเล
“นั่น ห้องนอนนาย มีอะไรก็เรียกพี่ละกันนะ ส่วนของกินในตู้เย็นมีเต็ม ว่าแต่นายทำอาหารเป็นไหม”
“เอ่อ …. คือ คือ ไม่เป็นอ่ะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ แล้วหิวไหม”
“หิวครับ” แสตมป์รีบตอบทันทีเพราะข้าวยังไม่ตกถึงท้องเขาตั้งแต่เย็นแล้ว และก็เป็นก้องที่เป็นคนทำอาหารมื้อนี้ให้กิน โดยที่เขาไล่ให้แสตมป์ไปจัดของให้เข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อย มื้อนี้เป็นอาหารง่ายๆ คือเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแต่ที่พิเศษก็คือมีไข่ ผัก เนื้อ ครบครัน
“หอมจังเลยครับ” แสตมป์ที่จัดของเรียบร้อยแล้วเมื่อเดินออกมาจากห้องนอนก็ได้กลิ่นอาหารที่ชวนหิวหนักกว่าเดิม
“หอมก็กินให้หมดนะ พี่ไปอาบน้ำละ กินเสร็จก็แช่ไว้นะ เดี๋ยวพี่มาล้าง”
แสตมป์ไม่สนใจที่คนตัวสูงพูดเลยสักนิดก้มหน้าก้มตากินอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว และเมื่อทานเสร็จเขาก็นำชามไปล้าง แต่ด้วยที่เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ก็ทำให้ครัวเกือบเละอยู่เหมือนกัน แต่ดีที่คนตัวสูงออกมาทันพอดี
“นายกำลังทำอะไรน่ะแสตมป์”
และเมื่อคนตัวสูงเห็นหน้าของคนตรงหน้าก็ทำให้ดุไม่ออกจริงๆ เพราะหน้าของแสตมป์ตอนนี้เลอะไปด้วยฟองของน้ำยาล้างจานเป็นบางจุด และเสื้อที่ตอนนี้เปียก
“พี่บอกให้เราแช่ไว้ เดี๋ยวพี่ล้างเอง เราไม่ได้ฟังพี่หรอ” ก้องพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เพราะกลัวว่าถ้าพูดด้วยเสียงที่น่ากลัวกว่านี้คนตรงหน้าอาจจะน้ำตาซึมได้ ก็ดูตอนนี้สิหน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้ว
“ก็ผมไม่อยากทำให้พี่ลำบากนิ” แสตมป์พูดเสียงเบาๆ ด้วยความสำนึกผิด แต่ก็ต้องชะงักเมื่อก้องหยิบทิชชู่มาเช็ดฟองที่หน้าของเขาออกให้อย่างเบามือ เมื่อคนตัวสูงเช็ดให้เรียบร้อยก็ไล่คนตรงหน้าไปอาบน้ำ และหันไปสนใจกับชามตรงหน้าเพื่อล้างมัน
ก๊อกๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากที่ก้องเพิ่งเอนตัวลงบนที่นอน เขาจึงต้องลุกเพื่อไปเปิดประตูห้องนอน
“มีอะไรครับคุณแสตมป์ ~~” ก้องพูดด้วยน้ำเสียงที่ยียวนเล็กน้อย และก็ต้องสงสัยว่าคนตรงหน้าหอบหมอน หอบผ้าห่มมาทำไม
“คือ …. ผมขอนอนด้วยได้ไหมครับพี่ คือ คือ มันต่างที่อ้ะ ผมนอนไม่หลับ”
“กลัวผีก็บอก” ก้องกวนประสาทขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าคนตรงหน้า
“ประมาณนั้นครับ” แสตมป์ยกมือลูบท้ายทอยแก้เก้อ
“อ่ะๆ เข้ามาๆ “ ก้องหลีกทางให้อีกคนพร้อมเอื้อมมือไปเปิดไฟให้สว่างขึ้น แสตมป์มุ่งหน้าเข้าไปนอนชิดติดกับกำแพงทันที เมื่อก้องเห็นการกระทำของคนตรงหน้าก็ทำให้อมยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหัวเบาๆ เขาก็ปิดไฟแล้วเดินไปนั่งลงที่เตียงแล้วเอนตัวนอนลงอีกครั้ง แต่คนข้างๆ ก็ทำให้เขานอนไม่หลับเพราะยังพลิกตัวไปมาอยู่
“นี่ นอนไม่หลับหรือไง”
“เอ่ออ ครับ คงจะเพราะผิดที่น่ะครับ เดี๋ยวก็คงหลับแหละพี่ ผมทำให้พี่รำคาญหรือเปล่าครับ”
ก้องไม่ตอบอะไรแต่ก้องเขยิบตัวเข้าไปใกล้อีกคนมากขึ้นเพื่อให้คนข้างๆ รู้สึกผ่อนคลายว่ายังมีเขานอนอยู่ข้างๆ ไม่ให้รู้สึกกลัวอะไรไปมาก แต่มันกลับให้คนข้างๆ ยิ่งนอนไม่หลับไปกันใหญ่เพราะใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นปกติในตอนนี้
“นอนได้แล้วครับ ฝันดีนะครับแสตมป์”
“ครับ ฝันดีครับพี่ก้อง”
ความคิดเห็น