คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ประตู
*ภาพประกอบจาก http://www.vancourier.com *****
วันรุ่งขึ้นวิลเลี่ยมรีบตื่นแต่เช้ามืดเพื่อที่จะได้ไปดูอาการม้าตัวนั้น เพราะบ่ายวันนี้เขามีงานช่วยหมอเอ็ดวาร์ดตรวจสุขภาพที่สถานีอนามัย สัตว์ในป่าบางตัวก็เริ่มออกหากิน บางตัวส่งเสียงทักทายเขา เมื่อไปถึงที่น้ำตก ม้าขาวก็อยู่กับบุรุษในชุดขาวคนนั้น เมื่อเขาเดินเข้าไปถึงม้าตัวนั้นก็ลุกขึ้นลดขาหน้าขอบคุณเขา เด็กชายยิ้มให้และถามไถ่ "เป็นยังไงบ้างครับคุณม้า"
"ฮี้! เริ่มหายปวดแล้วหล่ะครับ ขอบคุณท่านมาก ฮี้!"
"ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องเป็นเด็กดี" เทพบุตรกล่าวอย่างภูมิใจ "ฉันเลือกที่จะถ่ายทอดความสามารถนี้ให้กับคนไม่ผิดจริงๆเลย"
"คุณเทพบุตรหายไปไหนมาครับ"
"ก็ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ ถึงเวลาแล้ว ฉันไปก่อนนะ มีธุระแค่มาดูเจ้าไวท์ชาโดว์เนี่ยน่ะแหละ" ว่าจบก็เดินหายเข้าไปในน้ำตก วิลเลี่ยมไม่แปลกใจอะไรเพราะว่าเหตุการอัศจรรย์ใจเช่นนี้เขาก็พบเจออยู่ทุกวัน เขากล่าวอำลาเจ้าม้าขาวเพิ่งทราบชื่อว่าไวท์ชาโดว์ และรีบกลับไปทำงานที่สถานีอนามัย แสงแดดแรกของเช้าวันนั้นสาดเข้ามาถึงบ่อน้ำตกแล้ว
เด็กชายช่วยงานคุณหมอเล็กๆน้อยๆเช่นการตรวจวัดความดันให้กับคนในหมู่บ้าน ซึ่งมีแค่ไม่กี่คนที่มีอาการไม่สบายเล็กๆน้อยๆ คนในหมู่บ้านเฮเจนดอร์ฟส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีสุขภาพดีมาก เนื่องจากทำงานที่ต้องใช้แรงงานในฟาร์มซะเป็นส่วนใหญ่ โรคภัยไข้เจ็บจึงไม่มาเยือน หลังจากตรวจคนไข้ในวันแรกจนครบ หมอเอ็ดวาร์ดก็เรียกวิลเลี่ยมเข้าไปพบในห้องตรวจ
"วิลเลี่ยม เธอช่วยหมอมามากแล้ว แม่ของเธอก็คอยทำอาหารมาให้หมออยู่เสมอ หมอไม่มีอะไรจะให้มากมายหรอกนะ แค่หมอให้กุญแจห้องค้นคว้าวิชาแพทย์ของหมอไว้ให้เธอ ขอให้เธอรับมันไว้ด้วย เพราะเธอคงจะเป็นกำลังของหมู่บ้านเราต่อไป หมอเชื่อว่าอย่างนั้น" หมอเอ็ดวาร์ดพูดออกมาด้วยความเต็มใจ รอยยิ้มเปิดเผย
"เอ่อ ผมรับไว้ได้จริงๆหรือครับ?" เด็กชายถามย้ำเผื่อสิ่งที่ได้ยินเขาฟังผิดไป หมอวิลเลี่ยมพยักหน้า ความปิติในอกมันแทบจะล้นออกมา งานค้นคว้าของหมอเอ็ดเวิร์ด เขาจะเป็นคนที่สืบสานมันต่อหรือนี่
หมอเอ็ดวาร์ดนำทางขึ้นไปที่ชั้นสองบนสถานีอนามัย มันเป็นห้องเล็กๆที่ติดกับห้องผู้ป่วย กุญแจถูกไขเข้าไป เมื่อประตูเปิดออก วิลเลี่ยมก็ต้องตกตะลึง เมื่อห้องแคบๆที่เห็นนั้นดูกว้างขวางเกินกว่าที่เห็นภายนอก พื้นพรมสีแดงสวยนั้นเหมือนเป็นวัตถุที่ไม่เคยมีในโลก ฝาผนังทั้งสี่ด้านเป็นชั้นหนังสือกว้างสูงกว่าห้าเมตร มีบันไดล้อเลื่อนความสูงไล่เลี่ยถูกวางไว้ที่มุมห้อง โคมแขวนคริสตัลบนเพดานห้อยระย้าสวยงามสะท้อนแสงวิบวับ โต๊ะทำงานกว้างตั้งติดอยู่กับหน้าต่าง ผ้าม่านสีเงินเลื่อมปิดแสงแดดจากภายนอกเอาไว้ เขาไม่เคยเห็นห้องอะไรที่สวยงามและดูหรูหราเท่านี้มาก่อน
"หมอ ... หมอจะให้ผมจริงๆหรือครับ?" ด้วยความประหลาดใจ ทำไมเขาถึงได้ห้องทำงานที่ดีขนาดนี้นะ
"จะคัดลอกงานเขียน หรือจะนั่งอ่านหนังสืออะไรก็ได้นะ ห้องนี้เป็นของเธอแล้ว ตอนเย็นก็กลับไปทานข้าวที่บ้านซะล่ะ หมอขอตัวปิดสถานีก่อนเดี๋ยวจะไปธุระในเมือง ลาก่อนนะ" หมอเอ็ดวาร์ดยิ้ม รีบตัดบทและปลีกตัวออกไป
เด็กชายเดินไปรอบห้องกว้าง ปีนบันไดล้อเลื่อนเพื่อสำรวจดูหนังสือแปลกใหม่และงานวิจัยของหมอเอ็ดวาร์ด เขาเดินเพื่อไปเปิดม่านดูทุ่งกว้างภายนอก แต่มันกลับไม่ใช่หน้าต่างอย่างที่เขาคิด - มันมีลูกบิดประตูอยู่ เอ็ดวาร์ดแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นประตูที่มีกระจกทั้งแรก เนื่องจากในสมัยนั้นประตูไม้ไม่มีการทำลายสวยงามเหมือนเช่นตอนนี้ เขาตัดสินใจที่จะเปิดออกไป
ทุ่งกว้างและชายป่า ทิวทัศน์ที่เขาไม่เคยได้พบเจอปรากฏขึ้น อะไรกันนี่ หมอเอ็ดวาร์ดน่ะสัมผัสกับสิ่งที่เหนือธรรมชาติ หรือเวทย์มนต์เช่นนี้ด้วยหรือ การที่เขาพูดกับสัตว์ได้นับว่าน่าแปลกใจแล้ว แต่การที่เขาพบว่าหมอเอ็ดวาร์ดซึ่งเขามาช่วยงานทุกวันนั้น มาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ด้วยมันน่าประหลาดใจกว่า เด็กชายเดินสังเกตุเห็นม้าสองตัวลูกกำลังนอนกระเซ้าเย้าแหย่กันอยู่(อย่างที่เขาคิด) ม้าตัวแรกตัวหใญ่กว่าสีดำขนขลับเงางาม ม้าสีขาวก็มีขนขาวสีมุก ซึ่งม้าทั้งสองตัวนี้ดูคุ้นตามาก โดยเฉพาะตัวที่เล็กกว่า เหมือนกับไวท์ชาโดว์ไม่มีผิดเพี้ยน
เขาเดินเข้าไปทักทายม้าทั้งสอง ซึ่งมีอาการแปลกใจแบบที่ม้าควรจะทำ เพราะจะมีม้าที่ไหนอีกนอกจากที่ป่าเฮนเจนดอร์ฟที่จะไม่ตกใจเมื่อมนุษย์เข้ามาพูดกับตน "สวัสดีครับคุณม้า"
"ไมเคิล ฮี้! ... เอ๊ะ ไม่ใช่สิ เธอพูดภาษาม้าได้ด้วยหรือจ๊ะ เด็กน้อย" ม้าสีดำตัวเมียถามด้วยความฉงน
"พูดได้สิครับจะเรียกว่าภาษาม้าหรือภาษามนุษย์ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ แต่ คุณพูดว่าไมเคิลใช่ไหมครับ"
"อื้ม ฮี้! นายนี่มันหน้าเหมือนเจ้าหนูไมเคิลชะมัด" ม้าตัวสีขาวขยับตัว "ชื่ออะไรล่ะเจ้าหนู ฮี้!"
"ชื่อวิลเลี่ยมครับ เมื่อกี๊ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม ผมมีฝาแฝดที่ชื่อไมเคิลอยู่ครับ!" ในอกเด็กชายมีแต่ความเด็กชายมีปิติ
"ฮี้! ฉันเคยได้ยินเจ้าหนูบ่นให้ฟังเหมือนกันว่าอยากเจอวิลเลี่ยม เธอคือพี่ชายของเจ้าหนูนี่เอง ฉันน่ะชื่อแบล๊คชาโดว์ ส่วนเจ้าลูกของฉันมันชื่อไวท์พีกาซัสน่ะ ฮี้!" ยิ่งได้ฟังม้าสองแม่ลูกพูด ความอึดอัดใจก็กลับคลายออกไปหมด
"นี่หมายความว่าพวกคุณได้พบกับไมเคิลหรือครับ?"
"ฮี้ ใช่สิ เป็นเด็กที่สุภาพและจิตใจดีมากเลย" ไวท์พีกาซัสเล่าเรื่องความเป็นมาทั้งหมดและการที่มันได้มาอยู่ในโลกหลังประตูนี้กับแม่ของมัน และเรื่องของไมเคิลให้เด็กชายฟัง
"นั่นไง เขามาแล้วหล่ะ"
นี่มันอะไรกัน ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งกว่าการที่แม่เขาหายจากอาการป่วย มากกว่าการที่เขาได้รับพรและความสามารถพิเศษ การได้อยู่ในโลกหลังประตูนี่เป็นอะไรที่เขารอคอยมาแสนนาน เด็กชายฝาแฝดเมื่อต่างพบกันก็ถลาเข้ากอดซึ่งกันและกันอย่างแนบแน่น มิตรภาพและความรักของเด็กทั้งสองถูกแสดงออก น้ำตาแห่งความปลื้มปิติของทั้งสองไหลริน ม้าสองแม่ลูกส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตื้นตัน ใช่แล้ว มีแต่วิลเลี่ยมเท่านั้นที่รู้ว่าพวกมันสองตัวรู้สึกยินดีกับเขาเช่นไร หลังจากคลายกอดเด็กชายทั้งสองก็ถามถึงทุกข์สุข
ไมเคิลต้องทนอยู่กับพ่อของตน เขาถูกซ้อม ตามตัวมีบาดแผล เขาก็เพิ่งมารู้ได้ไม่นานว่าไวท์พีกาซัสมีพลังรักษา ส่วนขาเทียมของพี่ชายก็ต้องทำให้ไมเคิลแปลกใจเช่นกัน ทั้งสองต่างก็ได้พบสิ่งที่ดีที่สุดและสิ่งที่แย่ที่สุดมาแล้ว มันจะมีอะไรที่แย่ไปกว่านี้เข้ามาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งก็จริง โชคชะตานั้นไม่มีใครล่วงรู้ได้หรอกแม้แต่ผู้วิเศษ ผู้เป็นพี่ชายก็ไม่ผิดที่จะโกรธพ่อซึ่งทำร้ายน้องของเขา แต่ถึงตอนนี้ทั้งสองคนควรรีบกลับไปเพราะได้เวลาอาหารแล้ว ด้วยความเป็นห่วงน้องชายจะถูกทำร้าย
"พี่จะปกป้องนายตลอดไป พี่ให้สัญญา แล้วถ้ามีเวลาเมื่อไหร่เราก็มาเจอกันที่นี่นะ" พี่ชายกล่าว น้องชายรับคำสัญญาณด้วยน้ำตา
สองพี่น้องกล่าวลาม้าสองแม่ลูก และเดินกลับไปที่ประตูแต่ละด้านของตน พรหมลิขิตเป็นเรื่องของคนสองคน โลกคู่ขนานในประตูนี้เลยไม่สามารถที่จะส่งใครเข้าไปในประตูได้พร้อมกันถึงสองคน
ตอนนี้ด้วยความตื้นตันใจ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาอยากจะทำคือ กล่าวขอบคุณเทพบุตรผู้นั้น และกล่าวขอบคุณหมอเอ็ดวาร์ดซึ่งทำให้เขาทั้งสองได้พบกันอีก สองพี่น้องที่ผูกพันกันด้วยประตูแห่งโลกคู่ขนานสองด้าน ที่มันไม่มีทางได้มาบรรจบกัน แต่ก็ยังคงเคียงคู่กันไปแสนนาน...
ความคิดเห็น