ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พีกาซัส

    ลำดับตอนที่ #5 : ม้าแข่งที่หมดประโยชน์

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 49



    **ภาพประกอบจาก http://www.scottishfield.co.uk/ ครับ***




    หลังจากวันนั้นที่ไมเคิลได้เข้าไปที่ทุ่งหญ้าหลังประตู และได้พบกับม้าสีดำ เด็กชายก็เฝ้ารอให้งานในวันนั้นหมดๆไปไวๆ เพื่อที่จะได้กลับไปพบเจ้าม้าตัวนั้นอีก แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง เนื่องจากช่วงเช้า คุณโรเจอร์ให้เขาเป็นคนติดตามไปด้วยในงานแข่งม้าดาร์บี้ประจำเมืองซึ่งจะจัดในตอนต้นปีกับปลายปีเมื่อมีงานเทศกาลเท่านั้น และไม่ต้องไปพยายามหาที่ไหน เขาก็พบคนที่เขาไม่อยากเจอในสภาพนี้ที่สุด นิโคลัส บิดาของเขานั่นเอง

    "อรุณสวัสดิ์ครับคุณโรเจอร์ ไงล่ะแก" นิโคลัสทักทายคุณโรเจอร์อย่างเป็นมิตร แต่กลับทำหน้าถมึงทึงใส่บุตรชายของตน "ไวท์พีกาซัส กำลังมาแรงใช่ไหมครับ"

    "เพลาๆเรื่องพนันไว้หน่อยก็ดีนะ นิค" คุณโรเจอร์พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย วางมือตบเบาๆบนบ่าของไมเคิลอย่างเห็นใจ นิโคลัสทำหน้าเชิงต่อว่าลูกชาย ไมเคิลรู้ดีว่าวันนี้ถ้าเขากลับไปบ้านเขาคงต้องโดนซ้อมอีกเป็นแน่

    พวกผู้ใหญ่ยืนสนทนากันอยู่ได้ไม่นาน ท่านเทศมนตรีและผู้ติดตามก็ปรากฎตัวบนอัฒจันทร์ หัวเราะชอบใจเมื่อเห็นนิโคลัสยืนคุยกับคุณโรเจอร์อยู่ "ไวท์พีกาซัสน่ะเป็นม้าแข็งพันธุ์ดีที่สุดเท่าที่คอกคุณโรเจอร์เคยมีมา พนันได้เลยครับ"

    ม้าแข็งทั้งหมดเริ่มที่จะเข้าคอกม้าแล้ว ทุกตัวมีกล้ามเนื้อหนั่นสมกับเป็นม้าแข่ง จ๊อกกี้ต่างพากันกระชับบังเหียนม้าในมือ ถือแส้มาเตรียมพร้อมควบออกตัว เท่าที่ไมเคิลเคยดูแลคอกม้ามาเขารู้เพียงไม่กี่สายพันธุ์ อย่างเบอร์หนึ่ง ม้าตัวสีน้ำตาลแดงนั่นเป็นพันธุ์อาหรับลูกผสม เบอร์ห้า ม้าตัวสีดำด้านเป็นสายพันธุ์มัสแตงค์ แต่ม้าตัวสีขาวไข่มุกสะดุดตาที่เขาไม่เคยเห็นในคอกมาก่อนนั่น เขาไม่ทราบแน่ว่ามันเป็นสายพันธุ์อะไร แต่เขารู้สึกคุ้นตามาก และคุณโรเจอร์ก็คลายข้อสงสัย "ตัวขาวนั่นไง ไวท์พีกาซัส"

    ปัง! กรงครอบม้าถูกปลดลงทันที ม้าแข่งทั้งแปดตัวกระโจนออกจากจุดสตาร์ท จ๊อกกี้กระหน่ำฟาดแส้เข้าที่สะบักท้ายม้าแข่ง ไวท์ปีกาซัสเป็นตัวเต็งอย่างที่ผู้ใหญ่ได้บอกไว้เลย ฝีเท้ามันดีเอามากๆ เข้าโค้งที่หนึ่งไปแล้วแต่ความเร็วยังไม่ตก ในขณะที่ม้าเบอร์ห้าสายพันธุ์มัสแตงที่ว่าอึดแล้วก็กำลังตกไปเหมือนกันเมื่อเข้าสู่ทางตรงที่สอง ไวท์ปีกาซัสควบเท้าทั้งสี่ทิ้งห่างม้าอันดับที่สองไปกว่าห้าช่วงตัวแล้ว เสียงเชียร์จากนักพนันทั้งหลายดังกระหึ่มไปทั่วสนาม เจ้าม้าแข่งกำลังจะทะยานผ่านหน้าอัฒจันทร์ที่ไมเคิลกำลังจ้องมองลงมาแล้ว แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น สัญชาตญาณม้าแข่งตอนนั้นมันหายไปไหนก็ไม่รู้ มันค่อยๆชะลอความเร็วลงและหยุดนิ่งสนิทหน้าอัฒจันทร์ แว่บแรกที่เด็กชายเห็น แววตาของไวท์ปีกาซัสกำลังจ้องมองเขาอยู่ ทั้งๆที่กำลังถูกแส้ม้ากระหน่ำใส่ แต่มันก็ยังไม่วิ่งต่อ

    เสียงนักพนันกว่าครึ่งสนามโห่ร้องด้วยความผิดหวัง บางคนตะโกนด่าทอม้าแข่งสีขาว หลายคนคงหมดตัวเพราะมันเป็นแน่ ไมเคิลรู้สึกถึงของหนักวูบหนึ่งเข้ามากระทบที่หลัง เขาถูกบิดาถีบลงอัฒจันทร์แถมด่าทอ "แกมันตัวซวย มีแกที่ไหนข้าต้องหมดตัวที่นั่น"

    ก็เงินที่เขาใช้เล่นพนันนั่นเป็นเงินที่เขาหามาให้ไม่ใช่หรือ เหตุใดต้องด่าทอกันด้วย คุณโรเจอร์และเทศมนตรีต้องช่วยกันล๊อกตัวพ่อเขาไว้ เขาตกอัฒจันทร์ไปร่วมสามขั้น ซึ่งสูงอยู่พอควร แต่ก็ไม่มีบาดแผลหรือกระดูกท่อนไหนแตกหัก ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นปกติแล้วที่จะเจ็บร่างกายอยู่ชั่วครู แต่ครั้งนี้มันกลับแปลกไป เหมือนมีเบาะนุ่มๆมารองรับเขาอยู่ เด็กชายพยุงตัวลุกขึ้นและมองไปที่ไวท์ปีกาซัสซึ่งจ๊อกกี้กำลังบังคับให้มันเดินกลับเข้าคอก

    เด็กชายเห็นไวท์ปีกาซัสครั้งสุดท้ายในตอนนั้นและสลบไป

    เขาตื่นขึ้นมาอีกทีในห้องพักของจ๊อกกี้ที่คอกคุณโรเจอร์ ตอนนั้นเป็นเวลาค่ำแล้ว ท้องฟ้าภายนอกเริ่มมืดมิด ไฟที่ถนนด้านนอกก็เริ่มถูกไล่จุดไปเรื่อยๆ เขาเพลียและไม่มีแรงจะลุกขึ้น แต่หูกลับได้ยินเสียงชายคนหนึ่งกับคุณโรเจอร์คุยกันหน้าห้องด้วยน้ำเสียงเครียด

    "นิโคลัสทำเกินไปจริงๆ"

    "เค้าทำได้ยังไงน่ะ ถีบลูกชายลงมาจากอัฒจันทร์สูงเกือบสิบเมตร ดีนะไมเคิลไม่เป็นอะไร" น้ำเสียงของชายอีกคนขุ่นมัวมาก

    "เด็กคนนั้นเค้าอดทนจริงๆนะ ถึงเค้าจะเกลียดพ่อแค่ไหนก็ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น"

    "ครับ น่าสงสารที่วิลเลี่ยมกับไมเคิลต้องมาพรากกันแบบนี้" ชายคนนั้นเป็นใครกัน?ไมเคิลครุ่นคิด เขารู้จักกับพี่ชายของตนด้วย เสียงสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งคู่หายไปชั่วครู่หนึ่ง

    "แล้วไวท์พีกาซัสละครับจะทำยังไง"

    "ม้าดื้อแบบนั้นสงสัยมันคงต้องโดนฆ่าละมั้ง" เสียงของคุณโรเจอร์แผ่วลง

    "หา ถึงกับขั้นฆ่าเลยหรอครับเนี่ย"

    "ใช่สิ ไม่งั้นทางคอกของเราคงจะโดนต่อว่าแน่ ม้าสายพันธุ์....."

    สิ้นเสียงสนทนาไม่นานนักไมเคิลเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง แต่มีสิ่งสุดท้ายที่เด็กชายคิดคือเขาต้องช่วยเจ้าไวท์พีกาซัสให้ได้

    เด็กชายตื่นมาอีกทีกลางดึกรู้สึกว่าร่างกายมีแรงพอแล้ว เขาค่อยๆย่องออกมาจากตัวตึกที่ทำการ ด้วยความที่เคยทำงานอยู่ในคอกม้าทุกวัน การเดินในที่ๆคุ้นเคยแต่ไม่มีแสงไฟก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าใดนัก ม้าในคอกไม่มีท่าทีแตกตื่นแต่อย่างใดเพราะอาจจะจำเด็กชายได้ ในคืนเดือนหงาย มีเพียงแสงไฟเพียงน้อยนิดจากตัวตึกสาดเข้ามา ณ ที่นั้นเอง เขาเห็นไวท์ปีกาซัส ขนสีมุกของมันเรืองแสงในยามค่ำคืน สีมุกนั้นกลายเป็นสีมุกฟ้าแบบที่เขาไม่เคยได้เห็นมาก่อน เป็นสีที่สดใสเสียยิ่งกว่าท้องฟ้ายามเช้า ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเปรียบเปรยกับความสวยงามนี้ได้ เขาค่อยๆยกไม้กั้นคอกออก ทำความเคารพม้าแข่งอย่างที่คุ้นเคยและพาเจ้าม้าขาวออกมาจากคอก ซึ่งมันก็ตามเขามาอย่างว่าง่าย

    เขาพามันเข้าไปที่โรงไม้เก่าคร่ำครึ วันนี้แกจะไม่โดนฆ่าแล้วนะเจ้าไวท์พีกาซัส ฉันจะพาแกไปอยู่กับเพื่อนของแกอีกตัว แต่เขาเป็นม้าพิการ หวังว่าแกคงจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ เด็กชายเปิดประตูไม้อีกด้านนึงออกไป --ที่นั่นเป็นเวลากลางวันอย่างที่เขาคาดคิดไว้ เจ้าม้าสีดำย่างเก้าเข้ามาหาเจ้าไวท์พีกาซัส มันเอาแก้มถูกไถซึ่งกันและกันอย่างเป็นมิตรและสนิทสนม ไม่เหมือนอย่างที่ม้าแข่งควรทำให้กันและกันเลยแม้แต่น้อย

    เด็กชายหายสงสัยแล้ว เจ้าไวท์พีกาซัสมีลักษณะและโครงหน้าเดียวกันกับเจ้าม้าสีดำ ซึ่งก็คือมันต้องเป็นแม่ลูกกันนั่นเอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×