ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พีกาซัส

    ลำดับตอนที่ #3 : เด็กชายในคอกม้า

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 49




    **ภาพประกอบจากHutdesignครับ**

    วิลเลี่ยมตื่นเช้าขึ้นมา นางพยาบาลที่เฝ้าไข้เขานั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ เขาเปล่งเสียงออกมา นางจึงเข้ามาประคองให้ลุกขึ้น เขาขยับขาซ้ายชันขึ้น แต่ก็พบความรู้สึกที่แตกต่าง มันไม่มีแล้ว เขาก้มมองลงดูเขาที่หายไปของเขา รื้นน้ำตานั้นกลับมาอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่เขารู้ว่าเขาจะสูญเสียขาข้างนี้ไป นางพยาบาลเช็ดน้ำตาให้เขา
     
    "น้องชายชื่ออะไรคะ?"
     
    เขาเพิ่งเห็นนางพยาบาลคนนี้ เธอเป็นคนสวยมากทีเดียว หน้าตาของเธอละม้ายคล้ายแม่ของเขามาก
     
    "วิล ... วิลเลี่ยมครับ เรียกว่า วิล ก็ได้" เขาตอบด้วยท่าทางเขินอายพร้อมทั้งปาดน้ำตา
     
    "จ้ะ พี่ชื่อริซ่า พี่จะเป็นคนดูแลวิลเองนะนับจากนี้ ไม่ต้องห่วงหรอก ที่นี่น่ะมีแต่เพื่อนๆเธอทั้งนั้นแหละ"
     
    เสียงเคาะประตูดังขึ้น มีพยาบาลอีกคนเข็นถาดอาหารมา เธอรีบเข้าไปรับถาดอาหารมา
     
    "จะให้ป้อนไหมจ๊ะ?" เธอเอ่ย วิลเลี่ยมส่ายหน้า
     
    เขาค่อยๆตักซุปเข้าปาก พลางมองไปที่นางพยาบาลริซ่า ซึ่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ แต่อยู่ดีๆเธอก็โพล่งขึ้นมา เขาสะดุ้งสุดตัว "เดี๋ยวถ้าอิ่มแล้วพี่จะพาไปข้างล่างนะ จะได้ฝึกใช้รถเข็นด้วย"
     
    เขาทานอะไรได้อีกนิดหน่อยจึงเรียกเธอ เธอลุกขึ้นยิ้มกว้าง เดินไปที่มุมห้อง กางรถเข็นออกแล้วจึงค่อยๆเข็นมารับเขาช้าๆ เธอสอนเขาพื้นฐานการใช้รถเข็นเล็กน้อยให้ จนวิลเลี่ยมทำได้คล่องมือ เขาสนุกมากเหมือนกับว่ามันเป็นของเล่นชิ้นใหม่ เขาดันตัวแล่นผ่านห้องคนไข้ต่างๆ จนกระทั่งมาเจอคนพิการ คนพิการเช่นเดียวแบบเขา ที่นี่ทำไมมีแต่คนพิการกันเล่า ชายผมบลอนด์คนนั้นนั้นไม่มีแขนทั้งสองข้าง หญิงคนนั้นก็สูญเสียขาข้างเดียวกับเขา นี่มันอะไรกัน
     
    "รอพี่อยู่ตรงนี้เดี๋ยวนะจ๊ะ" นางพยาบาลริซ่าเข้าไปคุยกับเพื่อนพยาบาลด้วยกันที่เค้าน์เตอร์
     
    ไม่สิ เราไม่ได้ต้องการแบบนี้ เจ้าแมวบ้านั่นทำให้เราพิการ ทำไม ทำไมเราต้องพิการล่ะ ทำไมเราต้องอยู่ในที่ๆมีแต่คนพิการ เด็กชายได้แต่ครุ่นคิดกลับไปกลับมา เขาหันไปเห็นกระจกใสที่มีระเบียงยื่นออกไปอยู่
     
    "ที่ฉันต้องการไม่ใช่แบบนี้"
     
    เขาดันตัวอย่างรวดเร็วไปตามทางเดิน หลับตาปี๋ เขาไม่อยากเห็นผู้คนที่มีสภาพเหมือนเขา เขาอยากตาย
     
    เพล้ง
     
    เศษกระจกหนาปลิวกระจายออก รถเข็นและตัวเขาล้มกลิ้งระเนระนาด ตามร่างกายมีแต่เศษกระจกบาดลึก พยาบาลริซ่าถลาเข้ามารับร่างของเด็กชายไว้ ชั่วแวบแรกที่เห็น เธอหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย มือันอ่อนนุ่มสัมผัสประทับบนใบหน้าของเขาอย่างเร็วและแรง เพราะความโกรธ ความรัก หรือความห่วง?
      




    "เอ้าๆขยันหน่อยสิ ทางนั้นยังกวาดไม่ถึงไหนเลย" เสียงแนะเชิงต่อว่าของหัวหน้าคนดูแลม้าประจำคอกม้าแข่งโรเจอร์ดังมาที่ไมเคิล ซึ่งขะมักเขม้นอยู่กับการกวาดเศษหญ้าและมูลม้าแข่งลงรางน้ำทิ้งที่สุดปลายคอก คอกม้าโรเจอร์เป็นที่ๆเขาจะต้องมาทำงานทุกวัน คุณโรเจอร์เป็นคนใจดีมาก มากเกินกว่าที่เขาจะพัวพันอยู่กับวงการม้าแข่งในประเทศ ซึ่งใครๆก็รู้ว่ามันเป็นการพนันมากกว่าการกีฬา แต่ถึงกระนั้น เขาก็เป็นคน'ในวงการ'ที่มีอัธยาศัยดีหาตัวจับยากเพราะว่าเจ้าของคอกม้า ถ้าไม่มีมาดเข้มขรึม วางก้ามใหญ่โตแล้วล่ะก็ ใครเล่าจะมากล้าลงพนันกับม้าแข่งจากคอกของตน
      
    คอกม้าโรเจอร์เป็นคอกม้าที่ติดอยู่กับชายป่า แต่จะมีเพียงลูกม้าที่อายุไม่กี่เดือนเท่านั้นที่จะถูกปล่อยออกไปหาหญ้ากินเองในทุ่ง ม้าแข่งหรือม้าที่อายุถึงเกณฑ์ทั้งหมดจะถูกนำมาเลี้ยงในคอก ซึ่งให้กินหญ้าอย่างดี ซึ่งเมื่อไมเคิลถามคนคุมคอกว่ามันดีกว่ายังไง เขาก็บอกไมเคิลเพียงแต่ว่า 'มันหวานกว่าหญ้าปกติ'เท่านั้น
      
    เหตุใดเด็กชายตัวน้อยถึงต้องมาทำงานที่คอกม้าเหม็นๆ ที่ไม่ใช่ที่ๆเด็กอย่างเขาควรอยู่ เขาควรจะอยู่เล่นกับเพื่อนๆมากกว่าไม่ใช่หรือ เพราะบิดาบังเกิดเกล้าของเขานั่นแหละที่เป็นคนบีบบังคับให้เขามาทำงานที่เกินตัวเช่นนี้ นิโคลัสเป็นคนที่ติดเหล้าและการพนันม้าเป็นอย่างมาก วันๆไม่เคยอยู่ติดบ้านเลย เขาตระเวนดื่มเหล้าไปทั่วเมือง และหาบ่อนเข้าได้ทุกวี่ทุกวัน และใครน่ะหรือที่ต้องเป็นปากท้องให้กับเขา ก็ลูกชายของเขานั่นเอง ไมเคิลต้องทนแบกรับความอัปยศนี้ได้เนื่องจากเขาทิ้งบิดาของเขาไม่ลง ทั้งๆที่อยากจะกลับไปหาพี่ชายและมารดาของตน ถ้าเกิดว่าเขาจะทิ้งบิดาของตนไปแล้วใครกันเล่าจะมาคอยดูแลเขา จะไปนอนเมามายนอนแผ่ตายที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ ทุกเย็นย่ำค่ำคืนจะต้องมีผู้ชายตัวใหญ่ๆสองคนหาบพ่อขี้เมาของเขามากองไว้ที่หน้าบ้านทุกวัน
      
    ไม่มีวันไหนที่เด็กชายไม่ต้องข่มตาหลับเลย แผลที่ร่างกายของเขา อันเนื่องมาจากการโดนข่มเหงจากบิดาของตนเองแทบทุกวัน เพราะชายคนนั้นเห็นค่าของเงินมากกว่าความรักที่ควรจะมีให้กับลูกชายของตน แต่แผลไหนเล่าจะเทียบกับแผลในจิตใจได้
      
    บ่ายวันนั้นไมเคิลว่างจากการทำงานทำความสะอาดคอกเนื่องจากม้าเกือบครึ่งคอกถูกส่งไปแข่งตามเขตต่างๆ เขาจึงหาเวลาเข้าไปเดินเล่นในทุ่งหญ้าเลี้ยงมาที่ชายป่าหลักคอกม้า มันเป็นป่าโปร่งธรรมดาแต่ดูรกๆซึ่งไม่ค่อยมีสัตว์อะไรมากนักนอกจากนกและกระรอก เขาเดินเข้าไปลึกอยู่พอควรเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็น และเขาก็ได้เห็น โรงไม้หลังหนึ่งเล็กๆ มีประตูเก่าๆและไม้ผุๆถูกตีปิดเป็นหลังคา เถาวัลย์เลื้อยอยู่รอบ แต่น่าแปลกใจที่หญ้าคาใบคมซึ่งขึ้นสูงแซมอยู่ตามทิวต้นไม้กลับไม่ขึ้นอยู่เลยในบริเวรรอบๆโรงไม้หลังนี้ ด้วยความเป็นเด็กที่มีความกล้าเสี่ยงกล้าลองสูง อาจเพราะเขาติดนิสัยนี้มาจากพ่อของเขา ไมเคิลจึงไม่รีรอที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
     
    ภายในเป็นเพียงห้องเก็บของเก่าธรรมดา มีหยากไย่และและฝุ่นจับหนาครึ่ก ไม้แปรงถูกพื้นที่ไม่ใช่การมานานถูกพิงอยู่ริมโต๊ะตัวเล็ก ตะเกียงน้ำมันโบราณถูกวางไว้ไม่ได้ใช้อย่างที่มันควรจะเป็นตามสภาพที่เห็น แต่สิ่งที่ทำให้เด็กชายแปลกใจก็คือ ในโรงเก็บของเล็กๆที่มีความกว้างไม่ถึงสองตารางวานั้น กลับมีประตูไม้ผุๆที่ไม่ควรจะมีอยู่บนฝาอีกฟากหนึ่งในโรงไม้


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×