คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เด็กชายผู้ไม่หวังสิ่งใด
***นี่เป็นภาพจริงๆของหมู่บ้านเฮเจนดอร์ฟในเยอรมันนีนะครับ แต่ในเรื่องไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่จริงและเหตุการณ์จริงแต่อย่างใด**
หมอเอ็ดวาร์ดเข้าเฝือกให้วิลเลี่ยม เขาต้องนอนที่สถานีอนามัยอยู่ร่วมอาทิตย์ ทุกๆวันไมเคิลกับหนูน้อยเมรี่จะมาเยี่ยมเขาเสมอ มีขนมปังข้าวโพดอบใหม่ร้อนๆฝีมือของแม่ที่เขาทานได้ไม่เคยเบื่อ แล้วก็ไม่ลืมที่จะมาแบ่งปันให้กับหมดเอ็ดวาร์ดที่ช่วยดูแลลูกชายหล่อนมาตลอดด้วย หน้าต่างที่ตรงกับเตียงของเขาฉายภาพต้นไม้ใหญ่กลางทุ่ง เด็กเล็กๆยังคงไปเล่นที่นั่นอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าขึ้นปีนขึ้นไปบนเพิงแต่อย่างใด
"เหมี๊ยว..."
เสียงร้องแสบสะท้านที่เขาจำมันได้ดี เจ้าแมวตัวนั้นนั่นเอง นี่แกจะมาเยาะเย้ยงั้นหรอ
มันเดินเล่นอย่างสบายใจอยู่บนกิ่งไม้ของต้นโร้สวู้ดข้างสถานีอนามัย ก่อนที่จะกระโดดมันกระโดดมายังขอบหน้าต่างที่เด็กชายนอนอยู่
"ไปซะ!" วิลเลี่ยมลุกขึ้นมาตะเพิดเจ้าเหมียว แต่เหมือขาของเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆตอนขยับตัว
ชั่วครู่เดียวที่เขาไม่ได้คิดไปเอง เจ้าแมวบ้านั่นแสยะยิ้มอีกแล้ว
เขาปาขนมปังข้าวโพดที่อยู่ใกล้มือ มันกระโจนงับได้ทันที พลางส่งเสียงในลำคอเหมือนดูถูก แล้วมันก็หันหลังจากไป
การที่วิลเลี่ยมมาอยู่สถานีอนามัยนี่ก็ดีเหมือนกัน หมอเอ็ดวาร์ดนำหนังสือมาให้เค้าอ่านทุกวัน แล้วยังเป็นหนังสือที่คุณพ่อของหมอเอ็ดเวิร์ดเขียนไว้อีกด้วย คุณเน็นไฮม์เป็นนักชีววิทยาที่ได้รับความนับถือมากในประเทศ เอ็ดวาร์ดได้รู้ว่าในละแวกหมู่บ้านของเขานั้นมีต้นโมก ต้นโอ๊ค ต้นโรสวู๊ด สนเข็มต้นใหญ่ ซึ่งเป็นพืชของป่าเบญจพรรณทั้งนั้น
เขาคิดไว้ว่าถ้าได้ออกจากที่นี่เมื่อไหร่จะยืมหนังสือเล่มนี่แล้วไปศึกษาพืชพรรณต้นไม้ในป่าหลังบ้านกับไมเคิล เขาอ่านมันอยู่ได้ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
วิลเลี่ยมตื่นขึ้นมาด้วยอาการสลึมสลือเล็กน้อย น้องชายของเขายืนร้องไห้อยู่ที่ปลายเตียง แม่ของเขาและหมอเอ็ดวาร์ดกำลังยืนคุยกันอยู่ในระยะที่เขาพอได้ยิน
"เอ่อ ... คุณมิเชล ขาของวิลเลี่ยมน่ะ เส้นประสาทถูกกดทับและทำลาย ดีไม่ดี ต้องถูกนำตัวเข้าเมืองเพื่อ..."
หมอวัยกลางคนก้มหน้าลงพอประมาณ นางมิเชลเอามือปิดปาก ดวงตาเบิกโพลง
"อะไรคะคุณหมอ"
"ตัดขาทิ้งครับ" หมอนิ่งเงียบครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ "ถ้าไม่รีบตัด เส้นประสาทจะลามและตายไปเรื่อยๆ ดีไม่ดีเขาจะเป็นอัมพาตทั้งตัว"
น้ำตาใสๆไหลรินจากดวงตาของนางมิเชล แม้แต่วิลเลี่ยมก็เก็บอาการไว้ไม่อยู่ เหมือนกับชีวิตนี้เขาไม่เหลือสิ่งใดอีกแล้ว
รถเข็นผู้ป่วยเก่าๆในสถานีอนามัยถูกนำมาใช้ เด็กๆตามมาส่งวิลเลี่ยม เขาไปกับหมอเอ็ดวาร์ด แต่แม่ของเขาสะเทือนใจเสียจนไม่อยากจะตามไป ตลอดทางสายเล็กๆของเฮเจนดอร์ฟ วิลเลี่ยทไม่เสวนากับใคร ไม่สนใจกับเสียงของเด็กๆ ไม่มองหน้าใคร มองไปเจอเพียงแต่ความว่างเปล่าตรงหน้า น้องชายของเขาเดินตามมาส่งแต่เพียงนิดเดียวก็วิ่งหนีไป
เขารอรถประจำทางอยู่กับหมอเอ็ดวาร์ด รออยู่ได้ไม่นานรถประจำทางเก่าๆมาจอดเทียบ คนรถมาช่วยยกรถเข็นไปไว้ที่นั่งของคนพิการ ยิ่งวิลเลี่ยมเห็นแบบนั้น ก็ยิ่งกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เขาหันไปมองเด็กเล็กๆที่โบกมือลาเขา แต่ภาพนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย
เปรียบเสมือนทุกสิ่งว่างเปล่า ทิวทัศน์แปลกตาข้างทางที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนเขากำลังถูกส่งไปยังอีกโลกหนึ่ง โลกที่เรียกได้ว่าเขาเป็นคนพิการ หลังจากนั้น ไม่มีสิ่งใดในโลกที่เขาอยากจะรับรู้อีก
เหตุการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้นไปใหญ่พ่อตบตีแม่ เพราะคิดว่านางมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหมอเอ็ดวาร์ด มีคนไปเล่าว่าหมอเอ็ดวาร์ดมาที่บ้านทุกวัน มันใช่ซะที่ไหนเล่า หมอมีหน้าที่ต้องส่งยาให้คนไข้ที่เป็นโรคไอเรื้อรังอย่างนี้ไม่ผิดอยู่แล้วนี่นา คนที่ไม่เคยอยู่แม้แต่บ้านน่ะหรือ จะมารู้เรื่องของแม่ ไมเคิลคิดในใจ เมื่อพี่ชายตนเองไม่อยู่แล้ว เขานี่เองจะเป็นผู้ปกป้องแม่ของเขา แม่ที่รักเขา ส่วนพ่อของเขาน่ะหรือ ตายไปจากโลกนี้ได้ยิ่งดี
สองสามีภรรยาทะเลาะกันหนักขึ้นทุกวัน ไมเคิลไม่อยู่บ้าน เฝ้าแต่รอวันที่เขาจะเข้มแข็งพอ ที่จะช่วยพ่อแม่ จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ฝนฟ้าคะนองอย่างไม่เป็นใจ ฝนตกหนักสาดซ่าไปทั่ว เด็กๆรีบกระจายตัวหาที่หลบฝน ไมเคิลรีบวิ่งเข้าบ้านของตนแล้วก็พบภาพที่สะเทือนใจเด็กวัยแม่ของเขาโดนตบตีขั้นรุนแรง เด็กชายกลับไปบ้านเห็นร่างกายของผู้เป็นแม่บอบช้ำ ข้าวของในบ้านกระจัดกระจาย เขาไม่ร่ำไห้แต่อย่างใด พี่ชายของเขาไม่อยู่ เขาต้องเข้มแข็ง
ประตูบ้านเปิดโพล่ง พ่อของเขานั่นเอง กระเป๋าเสื้อผ้าของเขาจัดอย่างลวกๆ สังเกตได้จากชายเสื้อที่โผล่พ้นออกมา
"
ไมเคิล แกจะมากับชั้น หรือแกจะตาย!"
สิ้นเสียง ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงลงมา เด็กๆในละแวกนั้นต่างกรีดร้อง เหมือนรับรู้ถึงโศกนาถกรรมครั้งยิ่งใหญ่นี้
สิ่งที่ผู้เป็นพ่อน่ะหรือ จะทำเช่นนี้ พ่อเงื้อมือจะตบตีลูกชายที่เขาเคยให้กำเนิดมา ถ้าพ่อไม่ติดการพนัน ถ้าพ่อไม่ดื่มเหล้า อะไรๆก็คงจะดีกว่านี้
เขาถูกพ่อกระชากคอเสื้อ ลากไปตั้งแต่หน้าประตูบ้าน พื้นดินที่เปลื้อนโคลน ฝนยังตกกระหน่ำ เขาหันมามองแม้เค้าที่ร่ำไห้น้ำตาเป็นสายเลือดอยู่หน้าประตู
"แม่ฮะ ผมต้องกลับมา ... ผมต้องกลับมาหาแม่แน่"
รถแท็กซี่ที่คาดว่าพ่อของเขาน่าจะเช่ามาจากตัวเมืองจอดรออยู่ ฟ้าผ่าดังอีกครั้ง เวลาเดียวกับตอนที่รถเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้าน เสียงตะโกนไล่หลังของแม่ของเขา แต่เขาไม่กล้าแม้แต่หันกลับไปมอง
"ทำไม ... ต้องเอาลูกชั้นไป ทำไม..."
น้ำตานองอาบสองแก้มของเด็กชาย นี่เขาพลัดพรากจากพี่ชาย แล้วยังต้องมาพลัดพรากกับแม่ของเขาอีกหรือนี่ ชีวิตนี้ เขาคงไม่ต้องหวังสิ่งใดแล้ว
ฟ้าผ่าเมื่อตอนนั้น ทำให้ต้นไม้ใหญ่ที่ๆเป็นที่วิ่งเล่นของเหล่าเด็กๆนั้นตายลง มันผ่าครึ่งซีกและดำเป็นตอตะโก เด็กๆพยายามเอาน้ำมารดมันทุกวัน แต่ก็เหมือนกับเป็นความหวังลมๆแล้งๆ ไม่มีกิ่งใหม่งอกขึ้นมา ดูเหมือนมันจะนำพาความเงียบเหงามาสู่เด็กๆ ทุกคนคิดถึงสองพี่น้องวิลเลี่ยมและไมเคิล
นางมิเชลต้องอยู่แต่เพียงตัวคนเดียว หมอเอ็ดวาร์ดยังคงนำยามาให้เสมอ นางยังคงสะเทือนใจกับเหตุการณ์ทั้งสองอยู่ ชาวบ้านในเฮเจนดอร์ฟไม่ทิ้งกัน ผลัดกันมาให้กำลังใจและทำอาหารมาให้นางอยู่เสมอ นางเพียงได้แต่ขอบคุณ และรอวันที่ลูกชายทั้งสองจะกลับคืนสู่อ้อมอก
ความคิดเห็น